ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1580+1581

บทที่ 1580+1581

บทที่ 1580 ความพิโรธของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 2

นัยน์ตาตี้ฝูอีมืดมนเล็กน้อย ตอนที่นางเพิ่งข้ามภพมา ก็มีอาการเช่นนี้เหมือนกัน ชีวิตที่ไม่มีความปลอดภัยเลยสักนิดเนิ่นนานปีทำให้นางรักษาสติเอาไว้ตลอด

หลังจากแต่งงานกับเขา อาจเป็นเพราะหาที่พึ่งได้แล้ว ยามที่นางหลับใหลจึงผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากนางทราบว่าขอเพียงมีเขาอยู่ข้างกาย อุปสรรคอันตรายใดๆ ไม่มีทางร่วงหล่นใส่ร่างนางได้ นางจึงหลับอยู่ข้างกายเขาอย่างไร้การป้องกันเยี่ยงเด็กน้อย

ไม่นึกเลยว่าผ่านไปไม่กี่วันเท่านั้น นางจะกลับมาอยู่ในสภาวะรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยจึงตื่นตัวตลอดเวลาอีกแล้ว

อันที่จริงนี่ก็เป็นความเคยชินที่ดีอย่างหนึ่ง เช่นนี้นางจะได้ไม่ถูกผู้อื่นลอบทำร้ายง่ายๆ

แต่ว่าผู้ใดจะนึกถึงเล่าว่าการที่นางกลับสู่สภาวะเช่นนี้อีกครั้งเบื้องหลังต้องจ่ายค่าตอบแทนอันใดออกไป?

ความทุกข์สามารถทำให้คนเติบใหญ่ได้ภายในชั่วข้ามคืน…

ตรงหัวใจเสมือนถูกคนขยุ้มอย่างรุนแรง แววตาตี้ฝูอีมืดสลัว อ้อมแขนที่กอดนางพลันรัดแน่น แขนเสื้อโบกผ่านใบหน้านางเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนเล็กน้อย “อย่ากลัวเลย หลับเถิด”

เห็นได้ชัดว่าเขาใช้อาคมอีกแล้ว กู้ซีจิ่วต่อต้านอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ต้านทานความง่วงงุนที่ถาโถมเข้ามาไม่ไหว ในที่สุดก็หลับสนิทไป ครั้งนี้ต่อให้ฟ้าผ่าก็ไม่ตื่นแล้ว!

บางทีอาจเป็นเพราะในอ้อมแขนเขาอุ้มคนเอาไว้ แรงกดดันบนร่างท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จึงอ่อนโยนลงไม่น้อยเลย

เขาปรายตามองหลานเฝ่ยแวบหนี่ง เอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “ภายหน้าถ้าเจ้าเข้าใกล้นางในระยะสามฉื่ออีก เปิ่นจุนจะทำให้เจ้ากลายเป็นฟองอากาศทันที!”

หลานเฝ่ยนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็สามารถเอ่ยออกมาได้แล้ว “เจ้า…นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? ข้ากับนางก็มิได้ละเมิดกฎเกณฑ์อันใดกระมัง?”

ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “หรือว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คือสวามีเอกของนาง? ผู้น้อยมิได้มีความคิดจะช่วงชิงตำแหน่งสวามีเอกกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เลยจริงๆ ผู้น้อยยินยอมเป็นสวามีข้าง…”

วาจาท่อนหลังเขากล่าวต่อไปไม่ได้แล้ว เนื่องจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ตวัดแขนเสื้อเข้าใส่ ลำคอเขาพลันปวดแปลบ ราวกับถูกเพลิงแผดเผา สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนทันที “ท่าน…”

เพิ่งจะเปล่งเสียงออกมาก็ต้องตกใจยิ่งนัก!

เสียงที่สร้างความภาคภูมิใจให้เขาเสมอมาแหบแห้งจนใช้การไม่ได้เลย ราวกับกลืนผงเหล็กคั่วร้อนๆ เข้าไปหนึ่งจิน (ครึ่งกิโล)

“นี่เป็นบทลงโทษเล็กๆ น้อยๆ ที่เปิ่นจุนมอบให้เจ้า เจ้าจะเสียงแหบไปหนึ่งปี ถ้าพูดเหลวไหลอีกสักประโยคล่ะก็ เปิ่นจุนจะทำให้เจ้าเสียงแหบไปชั่วชีวิต!” น้ำเสียงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เย็นยะเยือก ทำให้หลานเฝ่ยสั่นสะท้าน ใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด ทว่าไม่กล้าพูดสักประโยคแล้วเช่นกัน

เขาเป็นนักร้อง อาศัยกล่องเสียงสร้างชื่อให้ตน หากว่าต้องเสียงแหบไปชั่วชีวิต เช่นนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าสังหารเขาเสียอีก!

ตี้ฝูอีไม่มองเขาอีก เรือนกายส่องแสงวาบ อุ้มคนหายตัวไปทันที

หลานเฝ่ยอ่อนยวบไปทั้งร่าง นั่งตรงนั้นลุกไม่ขึ้นอยู่เนิ่นนาน

ผ่านไปสักพัก เขาก็ยิ้มขื่นๆ แวบหนึ่ง มีสวามีเอกเช่นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ เกรงว่าหนทางการเป็นสวามีข้างตั่งของประมุขหญิงคงสมปรารถนาได้ยากยิ่งนักเสียแล้ว…

….

กู้ซีจิ่วไม่ได้ลิ้มรสการเมามายอย่างแท้จริงมากว่าหนึ่งปีแล้ว

ในความฝันเธอรู้สึกว่าในท้องอึดอัดยิ่งนัก อยากร้องไห้อยากอาเจียน…

ในฝันเธอย่ำตะลุยอยู่ท่ามกลางโคลนเลน ใช้วิชาเคลื่อนย้ายไม่ได้ ใช้วิชาตัวเบาไม่ได้ เส้นทางใต้ฝ่าเท้าล้วนเป็นหนทางโคลนสายเล็กๆ เป็นประเภทย่างหนึ่งก้าวจมลงไปหนึ่งก้าวเช่นนั้น เดินยากยิ่งนัก เมื่อมองไปเบื้องหน้า เป็นม่านหมอกสีเทา เมื่อมองไปเบื้องหลัง เป็นฉากเลือนรางลายตา

เธอมองไม่เห็นหนทางที่จะไปถึง มองทิศทางในอนาคตไม่กระจ่าง ในท้องยังคงปั่นป่วนพลิกตลบรุนแรง ในใจก็รู้สึกคับข้องหมองใจอย่างน่าพิศวง คับข้องหมองใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา

เธออยากนั่งยองๆ ลงข้างทางเพื่ออาเจียนออกมา ร้องไห้ออกมายิ่งนัก แต่ก็รู้สึกอยู่เสมอว่าท่ามกลางหมอกสีเทาที่รายล้อมอยู่ซุกซ่อนฆาตกรสังหารเอาไว้ ขอเพียงเธอเผอเรอไปสักนิด ก็จะมีบางอย่างกระโจนออกมาเอาชีวิตเธอ

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงฝืนอดทนไว้ จะลำบากมากเพียงใดก็ต้องอดทน

เพื่อทำให้ศัตรูท่ามกลางหมอกสีเทาสับสน เธอถึงขั้นหยักมุมปากยิ้ม ร้องเพลงด้วยรอยยิ้ม ร้องด้วยเสียงดังยิ่งนัก

————————————————————————————-

บทที่ 1581 แค่เป็นผู้ชายฉันก็โยนทิ้งได้ทั้งหมด

ความรักเป็นแค่ของเล่นทั่วไปไม่ได้แปลกใหม่เลยสักนิด

ผู้ชายเป็นแค่ของแก้เหงาไม่ได้ดีเด่อะไรเลย

ความรักเป็นแค่ของเล่นทั่วไปไม่ได้แปลกใหม่เลยสักนิด

ผู้ชายเป็นแค่ของแก้เหงาไม่ได้ดีเด่อะไรเลย

สิ่งที่เรียกว่าสิ่งที่เรียกว่าใคร่มิใช่ตัวตนของทุกคนหลอกตัวเองอยู่หรือ

สิ่งที่เรียกว่าหลงสิ่งที่เรียกว่าใหลเป็นแค่การเล่นละครของชายหญิง

แค่เป็นผู้ชายไม่ว่าจะยากดีมีจนสูงส่งหรือต่ำต้อยฉันก็ชอบทั้งนั้น

แค่เป็นผู้ชายฉันก็โยนทิ้งได้ทั้งหมดโดยไม่เกรงกลัวว่าคุณจะมีอำนาจวิเศษสักแค่ไหน…

เพลงที่เธอร้องคือเพลง ‘บัตรผ่านประตู’ น้ำเสียงพรั่งพรู เสียงแหบเสียดหู ราวกับแรปเปอร์…

….

หลานเหยากวงค่อนข้างหดหู่ใจ ไม่กี่วันก่อนกู้ซีจิ่วให้เขาเร่งรัดให้ตี้ฝูอีกลับมาเพิกถอนสัญญาวิวาห์อยู่ทุกสามวันห้าวัน จนปัญญาที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่ยอมกลับมาเลย ถึงขั้นที่คร้านจะคุยกับกู้ซีจิ่วตรงๆ โดยซ้ำ

จากนั้นพี่หญิงของเขาก็ออกอุบายใหม่ เริ่มจัดหาเรื่องสวามีข้างตั่ง ถึงขั้นที่ว่านางคัดสรรมาแล้วสองคนอย่างรวดเร็วยิ่งนัก

คนหนึ่งคือหลานเฝ่ย อีกคนเป็นประชาชนธรรมดาที่รูปโฉมหล่อเหลา ถึงขั้นที่เริ่มนัดพบกับสองคนนี้แล้วด้วย เห็นได้ว่ามิใช่การล้อเล่น!

ดังนั้นเขาใคร่ครวญอยู่หลายตลบ ยังคงติดต่อไปท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี…

หนนี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มาอย่างรวดเร็ว เขาตัดสัญญาณป้ายหยกสื่อสารไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึงแล้ว…

จากนั้นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไปตามหาคนทันที

เนื่องจากหลานเหยากวงเกรงว่ากู้ซีจิ่วจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น จึงส่งคนไปตามอารักขานางตลอด คอยรายงานเบาะแสของนางตลอดเวลา ดังนั้นหลานเหยากวงจึงทราบว่ากู้ซีจิ่วนัดพบกับหลานเฝ่ยในสถานที่ใด อยู่ไม่ไกลจากวังเงือกนัก เป็นระยะทางห้าสิบกว่าลี้เท่านั้น

ด้วยฝีเท้าของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถติดตามไปจนพบตัวคนได้ไม่ช้า

กลับนึกไม่ถึงว่าเที่ยวนี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะไปค่อนข้างนานเป็นเวลาสองชั่วยามเต็ม! ทำให้หัวใจหลานเหยากวงกระสับกระส่าย เขาเกิบนึกว่าสายสืบที่เขาส่งไปรายงานตำแหน่งผิดเสียแล้ว!

ขณะที่เขากำลังร้อนใจเดินวนไปวนมาอยู่ ในที่สุดท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็อุ้มคนกลับมาแล้ว

ด้วยเหตุนี้หลานเหยากวงจึงได้ยินเสียงเพลงก้องกังวานของกู้ซีจิ่ว

เพลงนั้นไม่อาจกล่าวได้ว่าไพเราะนัก ทว่าเนื้อเพลงกลับทำให้คนยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

เมื่อหลานเหยากวงได้ยินสีหน้าก็มืดทะมึน ขณะที่กำลังจะเข้าไปดู ตี้ฝูอีก็อุ้มนางเข้าตำหนักบรรทมไปเสมือนลมหอบหนึ่งแล้ว

ประตูห้องบรรทมพลันปิดฉับทันทีหวิดจะซัดถูกจมูกของหลานเหยากวงแล้ว!

หลานเหยากวงถอยหลังไปสองก้าว มองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าเหล่าองครักษ์ของตนมีสีหน้าปานถูกสายฟ้าฟาด เห็นได้ชัดว่าได้ยินเสียงเพลงสั่นประสาทนั้นของกู้ซีจิ่วกันถ้วนหน้าแล้ว

เพียงแต่ทุกคนล้วนสงสัยเช่นเดียวกันกับหลานเหยากวง เนื้อเพลงเช่นนี้สำหรับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วนับว่าเป็นการลบหลู่ชัดๆ เหตุใดท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จึงไม่ลงมือยับยั้งเล่า? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเขาใช้อาคมเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้คนในอ้อมแขนเงียบปากได้แล้ว…

….

กู้ซีจิ่วที่อยู่ในห้วงฝันฮึกเหิมลำพอง ร้องเพลงจนคอแทบแตกแล้ว ราวกับการทำเช่นนี้สามารถระบายความอึดอัดที่สะสมอยู่ในใจมาหลายวันออกมาได้ ทำให้ตัวเองสบายขึ้นเล็กน้อย

ว่าไปแล้วก็แปลก ในความฝันเดิมทีเธอย่ำอยู่ท่ามกลางโคลนเลนหมอกหนา แต่หลังจากร้องเพลงไปสักพัก กองโคลนใต้ฝ่าเท้าก็ดูเหมือนจะไม่หนืดติดเท้าถึงเพียงนั้นอีกแล้ว เธอไม่ต้องก้าวไปลื่นไปอีก…

ระหว่างที่สะลึมสะลืออยู่เธอรู้สึกคอแห้งอยู่บ้าง ขณะที่กระแอมคราหนึ่งแล้วหมายจะร้องต่อ น้ำถ้วยหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเธออย่างกะทันหัน มีเสียงแผ่วเบาคล้ายแว่วมากจากขุนเขาลำเนาไพรดังขึ้น “ดื่มน้ำสักอึกแล้วค่อยร้องต่อ…”

รสชาติหอมหวานแผ่ซ่านอยู่ที่ริมฝีปากเธอ เธอกลับหุบปากฉับทันที มองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง

เธอได้ยินเสียงของคนคนนั้น!

คนคนนั้นคงไม่มอบน้ำให้เธอด้วยความปรารถนาดีถึงเพียงนี้หรอก คนคนนั้นไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่ รังเกียจที่เธอยึดครองฐานะของนางในดวงใจเขา…

น้ำนี่เป็นการวางยาพิษสังหารเธอใช่ไหม?

————————————————————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท