ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1660+1661

บทที่ 1660+1661

บทที่ 1660 ข้าชอบเขา…

ผู้ที่ติดต่อเธอมาคือเยี่ยนเฉิน เยี่ยนเฉินที่สุขุมเยือกเย็นมาตลอดกล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งรีบยิ่งนัก “ซีจิ่ว จิ้งจอกน้อยอยู่กับเจ้าหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วตกตะลึงเล็กน้อย “นางไม่ได้ไปเผ่าจิ้งจอกครามแล้วหรอกหรือ? กำลังตระเตรียมงานแต่งงานอยู่…”

“นางหนีการแต่งงานแล้ว!”

กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ จิ้งจอกน้อยติดต่อหาเธอ บอกว่าตัวเองกำลังเตรียมงานแต่งงานกับหลานเยวี่ย

น้ำเสียงของจิ้งจอกน้อยที่ร่าเริงมาโดยตลอดในตอนนั้นดูไม่เหมือนมาบอกข่าวดี กลับเหมือนมาบอกข่าวร้ายเสียมากกว่า สั่นเครือเล็กน้อย

กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่านางกับหลานเยวี่ยจะพัฒนาไปรวดเร็วปานนี้ จึงถามนางหนึ่งประโยค “เจ้ารักเขาไหม?”

จิ้งจอกน้อยนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะตอบกลับมาหนึ่งประโยค “ข้าชอบเขา…”

ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น กู้ซีจิ่วก็ไม่อาจพูดอะไรได้มาก เพียงให้นางจัดการงานแต่งงานอย่างละเอียดรอบคอบ อย่าทำเรื่องที่จะเสียใจไปชั่วชีวิต แน่นอนว่าสุดท้ายก็ยังอวยพรให้นางมีความสุข

ตอนนั้นวันมงคลที่จิ้งจอกน้อยบอกเธอไว้คือวันที่ยี่สิบหกเดือนนี้ กู้ซีจิ่วยังวางแผนจะเดินทางไปร่วมงานแต่งของนางในอีกไม่กี่วัน นึกไม่ถึงว่านางกลับหนีงานแต่งงานไปแล้ว!

จิ้งจอกน้อยที่ว่านอนสอนง่ายมาตลอดกลับทำเรื่องที่สั่นสะเทือนแผ่นดินเช่นนี้ได้ กู้ซีจิ่วก็ประหลาดใจมากเช่นกัน พูดคุยกับเยี่ยนเฉินไม่กี่ประโยค ในที่สุดก็รู้เรื่องราวคร่าวๆ ทั้งหมดแล้ว

จิ้งจอกน้อยหนีไปเมื่อสามวันก่อน ไม่ได้บอกกล่าวผู้ใดก่อนที่จะหนีไป เพียงทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ให้หลานเยวี่ย เนื้อความในจดหมายเยี่ยนเฉินไม่ทราบ หลานเยวี่ยก็ไม่ได้เอ่ยถึง

หลานเยวี่ยเป็นประมุขเผ่าจิ้งจอกคราม เจ้าสาวกลับหนีไปก่อนหน้าวันแต่งงานไม่กี่วัน นี่ทำให้หลานเยวี่ยโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ในตอนแรกยังคงปิดข่าว เพียงส่งสายลับของเผ่าจิ้งจอกครามจำนวนมากออกตามหาเบาะแสของหลานไว่หู่ ต้องการนำคนกลับมาอย่างเงียบๆ แล้วค่อยว่ากัน

ในมุมมองของหลานเยวี่ย หลานไว่หู่เป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายเท่าใดนัก ต่อให้หนีไปก็อาจทิ้งร่องรอยไว้ไม่น้อย สายลับของเผ่าจิ้งจอกครามก็ไม่ใช่อ่อนด้อย ต้องจับคนกลับมาได้ภายในสองวันอย่างแน่นอน

นึกไม่ถึงว่าพวกเขาตามหาทั่วทุกสารทิศ ก็หาไม่พบแม้แต่ชายผ้าของหลานไว่หู่ หลานไว่หู่ออกจากเผ่าจิ้งจอกครามไปแล้วจริงๆ ทว่าร่องรอยของนางจู่ๆ ก็หายไปอย่างไร้เงาบนถนนสายหนึ่ง เหมือนมีผู้มีพลังยุทธ์สูงส่งช่วยเหลือหลบหนี…

หลานเยวี่ยตามหาอยู่สองวันก็หาไม่พบ ย่อมต้องนึกถึงเยี่ยนเฉิน รู้สึกว่าเยี่ยนเฉินเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง จึงติดต่อเยี่ยนเฉินทันทีด้วยความโกรธเคือง และไล่บี้ถามหาเบาะแสของหลานไว่หู่จากเขา

ความจริงวันคืนเหล่านั้นเยี่ยนเฉินก็รู้สึกขัดแย้งในใจ เขารู้สึกผิดต่อหลานไว่หู่ ไม่กล้าทวงนางคืนกลับมาอีก ทว่ากลับปล่อยวางนางไม่ลง

หลังจากได้ยินข่าวการแต่งงานของนาง จิตใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในขณะที่กำลังลังเลใจว่าจะลักพาตัวเจ้าสาวดีหรือไม่ นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้ตัดสินใจก็ได้รับข่าวหนีการแต่งงานของหลานไว่หู่แล้ว…

เมื่อได้รับข่าวนี้ เขาทั้งรู้สึกดีใจและกังวลใจ จึงเริ่มออกตามหานางในทันที

อย่างไรเสีย เขาก็รู้จักจิ้งจอกน้อยเป็นอย่างดี นางไม่มีครอบครัวที่อื่น อีกทั้งยังใจเสาะ ว่านอนสอนง่าย หากหนีไปคนที่นางจะติดต่อเป็นคนแรกก็ควรจะเป็นกู้ซีจิ่วหรือสหายคนอื่นๆ หรือไม่ก็เป็นเขา…ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือหนีกลับสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์

ทว่าเขาติดต่อสหายที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้ว คนที่นั่นไม่มีผู้ใดรู้เลย

ติดต่อคนอื่นที่จิ้งจอกน้อยรู้จักก็ไม่มีใครเห็นนาง

ดังนั้นเขาจึงติดต่อกู้ซีจิ่ว ผลลัพธ์คือกู้ซีจิ่วก็ไม่รู้เรื่องอะไรเช่นกัน…

น้ำเสียงเยี่ยนเฉินแปรเปลี่ยนแล้ว!

นิสัยใจคอของจิ้งจอกน้อยไม่เหมือนกันกับกู้ซีจิ่ว

หากเป็นกู้ซีจิ่วหนีการแต่งงาน นางไม่มีทางพึ่งพาผู้ใด นางจะหาสถานที่ที่ไม่มีใครและไม่มีผู้ใดตามหาพบใช้ชีวิตต่อไปอย่างดี ต่อให้ตามหานางไม่พบหนึ่งปีก็ถือเป็นเรื่องปกติ

ทว่าจิ้งจอกน้อยไม่เหมือนกัน นางใสซื่อไร้เดียงสา อีกทั้งยังขี้ขลาดไม่มั่นใจในตัวเอง ด้วยนิสัยของนาง นางไม่อาจหาสถานที่หลบซ่อนได้เพียงลำพัง และยิ่งไม่มีความสามารถจะทำให้สายลับเหล่านั้นตามหาไม่เจอ

——————————————————————–

บทที่ 1661 มีความเป็นไปได้เก้าในสิบส่วนว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น…

จู่ๆ นางก็หายตัวไป มีความเป็นไปได้เก้าในสิบส่วนว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น…

สิ่งที่เยี่ยนเฉินพอนึกออกเหล่านี้ กู้ซีจิ่วย่อมคิดออกเช่นกัน ดังนั้นใบหน้าเธอจึงถอดสี

จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับจิ้งจอกน้อย? คนที่ช่วยเหลือนางหลบหนีไปเป็นใครกัน? มีจุดมุ่งหมายอะไร?!

ยามนี้ดูเหมือนหลานไว่หูถูกใครบางคนลักพาตัวไป ตกใจกลัวจนน้ำตารินไหล ท่าทางหดเกร็งอยู่ที่มุม กู้ซีจิ่วไม่สงบเยือกเย็นแล้ว!

จิ้งจอกน้อยตัวนั้นเป็นคนที่เธอต้องปกป้อง เธอจำเป็นต้องรีบหาตัวนางให้พบ!

เธอติดต่อหลีเมิ่งซย่าแห่งหอเงาราตรีก่อน ให้นางช่วยตามหาคน

หลีเมิ่งซย่าย่อมไม่มีทางปฏิเสธ ออกไปตรวจสอบด้วยตัวเอง

กู้ซีจิ่วหาทางติดต่อหลานเยวี่ย สอบถามเรื่องราวก่อนและหลังที่หลานไว่หูหายตัวไป เธอถามอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ปล่อยให้เบาะแสใดๆ ที่เป็นไปได้เล็ดรอดไปได้เลย…

ท้ายที่สุดเธอสรุปประเด็นได้ดังต่อไปนี้ ประการแรก หลังจากหลานไว่หูกลับเผ่าจิ้งจอกครามกับหลานเยวี่ยก็ค่อนข้างเศร้าหมอง หรือพูดได้ว่านางค่อนข้างฝืนยิ้มแย้ม นางเป็นธิดาของราชครูเผ่าจิ้งจอกคราม ควรสืบทอดตำแหน่งราชครู ความสามารถของนางก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นเมื่อกลับถึงเผ่าจิ้งจอกครามไม่นาน ก็ถูกหลานเยวี่ยผลักดันให้ดำรงตำแหน่งราชครู และได้รับการเคารพบูชาจากคนเผ่าจิ้งจอกครามแล้ว ทว่านางรู้สึกประหม่าตลอดเวลา ไม่อยากดำรงตำแหน่งนี้ นางจัดการราชกิจอันซับซ้อนเหล่านั้นของราชครูไม่ไหว ราชกิจเหล่านั้นทำให้ว้าวุ่นอึดอัดใจเป็นอย่างมาก ช่วงหลังนางจึงฝันร้ายอยู่บ่อยครั้ง ละเมออย่างไม่หยุดหย่อน

ประการที่สอง นางไม่ชอบพบปะผู้คน และนางก็มีสายเลือดคนธรรมดา ยังคงถูกต่อต้านจากเหล่าขุนนางเผ่าจิ้งจอกครามอยู่บ้าง

บวกกับการที่นางถูกบังคับให้ปีนขึ้นไปตำแหน่งสูงส่งนั้น เบื้องล่างไม่รู้ว่าสายตามากมายเท่าใดคอยจับจ้อง ต้องการทำให้นางเดือดร้อน อยากเห็นเรื่องน่าอับอายของนาง ทว่านางก็ไม่ถนัดจัดการเรื่องเหล่านี้ จึงทำเรื่องน่าอับอายหลายครั้ง จนกลายเป็นเรื่องขบขันให้ผู้อื่นพูดถึง

นางแทบจะไม่มีเพื่อนที่เผ่าจิ้งจอกครามเลย มีเพียงแค่สาวใช้สองคนที่สนิทสนมด้วยเล็กน้อย

หลังจากที่หลานเยวี่ยกลับเผ่าจิ้งจอกคราม ก็เริ่มยุ่งเรื่องของตัวเขาเอง มีหลายสิ่งหลายอย่างรอให้เขาไปจัดการ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นความยากลำบากที่แท้จริงของหลานไว่หู จนกระทั่งถึงแม้นางได้เป็นราชครูเผ่าจิ้งจอกคราม แต่กลับกลายเป็นราชครูที่โดดเดี่ยวที่สุด…

ประการที่สาม เผ่าจิ้งจอกครามคุ้มกันอย่างแน่นหนาตลอดเวลา ด้านนอกยังมีเขตแดน เมื่อถึงยามค่ำคืนไม่เพียงแต่คนนอกไม่มีทางเข้ามา ต่อให้เป็นคนเผ่าจิ้งจอกครามก็ไม่มีทางออกไปได้

และการเปิดปิดเขตแดนอยู่ภายใต้การควบคุมของคนจำนวนน้อยมาก มีเพียงหลานเยวี่ยกับขุนนางชั้นสูงผู้รักษาเมืองเท่านั้นที่รู้

หลานเยวี่ยไม่มีทางช่วยเหลือนาง หลานไว่หูก็ไม่รู้จักขุนนางชั้นสูงผู้นั้น

ทว่าหลานไว่หูกลับหนีออกไปโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้! จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยบนทางเล็กๆ ระหว่างภูเขา ไม่เหลือไว้แม้แต่กลิ่นอายเพียงเล็กน้อย

จากทั้งสามประเด็นที่กล่าวมาข้างต้น กู้ซีจิ่วอนุมานอย่างกล้าหาญขึ้นมาข้อหนึ่ง

จากนั้นให้หลานเยวี่ยมุ่งเน้นไปที่การสอบปากคำอย่างกะทันหันกับสาวใช้ทั้งสองที่เคยดูแลหลานไว่หู ส่วนเธอก็รีบขี่เพรียกวายุมุ่งหน้าไปยังเผ่าจิ้งจอกครามในทันที

ผ่านไปสองชั่วยาม หลานเยวี่ยส่งข่าวกลับมา หนึ่งในสาวใช้สองคนนั้นค่อนข้างผิดปกติอย่างที่คิดไว้จริงๆ!

เดิมทีทั้งสองคนเป็นสาวใช้ที่หลานเยวี่ยไว้ใจมากที่สุด ที่ส่งไปดูแลข้างกายหลานไว่หู หนึ่งก็เพื่อรับใช้นาง สองก็เพื่อเป็นหูเป็นตาให้

เขาไม่ได้สั่งการให้สาวใช้ทั้งสองตีสนิทหลานไว่หู เพียงแค่คอยเฝ้าดูนางไม่ให้นางหนีไปหรือไปก่อเรื่องขึ้นที่ใด

แรกเริ่มสาวใช้ทั้งสองยังคงทำตามคำสั่งของหลานเยวี่ย รักษาระยะห่างไม่ไกลไม่ใกล้กับหลานไว่หู

ทว่าต่อมาหนึ่งในสาวใช้กลับสนิทชิดเชื้อกับหลานไว่หูขึ้นมา หลานไว่หูกำลังโดดเดี่ยวเดียวดาย สาวใช้ก็แสดงความเป็นมิตรต่อนาง นางย่อมรู้สึกดีกับสาวใช้คนนั้นขึ้นมาบ้าง ต่อมาก็แทบจะคุยกันได้ทุกเรื่อง บางทียามค่ำคืนจิ้งจอกน้อยก็ให้สาวใช้คนนั้นอยู่เป็นเพื่อนนางบ่อยครั้ง…

——————————————————————–

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท