ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1672+1673

บทที่ 1672+1673

บทที่ 1672 เหตุใดไม่บอกให้เร็วกว่านี้?

แต่ละเกล็ดเบาหวิวดุจปุยนุ่น ล่องลอยอยู่กลางอากาศ ตกลงบนกิ่งดอกเหมย ที่แดงก็ยิ่งแดง ที่ขาวก็ยิ่งขาว เกาะกลุ่มเป็นหย่อมๆ ในยามราตรีดูน่ามองเป็นพิเศษ

ช่วงเวลานี้กู้ซีจิ่วไม่สนใจจะชื่นชมหิมะกลางดงเหมยแดงอะไรทั้งนั้น เธอปวดจนเบื้องหน้ามืดมัวแล้ว

“ระดูมาหรือ?” มือตี้ฝูอียังคงจับชีพจรเธอไว้เช่นเดิม

“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง!” ฝ่ามือเขาอบอุ่นยิ่ง แต่ยามที่กุมข้อมือเธอเธอรู้สึกเพียงว่าหงุดหงิด!

โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ปวดท้องอยู่ก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก

เธอพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ในที่สุดก็ดิ้นหลุดจากมือเขาได้ เซถอยหลังไปสองก้าว มองเห็นว่าด้านข้างมีศิลาเขียวก้อนหนึ่งอยู่ ไม่สนใจมองเลยว่าบนนั้นมีหิมะอยู่หรือไม่ เธอรีบนั่งลงไปทันที

ยังไม่ได้ทันได้นั่งอย่างมั่นคง ก็ถูกตี้ฝูอีฉุดขึ้นมาอีก “บนนั้นเย็น! สภาพเจ้าในยามนี้ได้รับความเย็นไม่ได้!”

เขาโบกมือสร้างเขตแดนอันหนึ่งขึ้น ซ้ำในเขตแดนยังปูพรมที่อ่อนนุ่มผืนหนึ่งไว้ด้วย ให้เธอนั่งลงบนพรม

ไม่รู้ว่าหยิบลูกกลอนสีแดงเพลิงเม็ดหนึ่งออกมาจากไหน จ่อเข้าที่ริมฝีปากเธอ “กินเข้าไป!”

กู้ซีจิ่วในยามนี้มีสัญชาตญาณหวาดกลัวโอสถที่เขามอบให้ พลันสะบัดหน้า หลีกหนีมือของเขา “ข้า…ข้ามียาของตัวเอง”

ฝืนหยิบขวดยาใบหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ เทลูกกลอนสีชมพูออกมาหนึ่งเม็ดแล้วกลืนลงไป

ลูกกลอนนี้มีสรรพคุณสร้างความอบอุ่น ส่วนเธอเป็นเพราะได้รับความหนาวเย็นในช่วงที่ประจำเดือนมา ตอนอยู่ในธารน้ำใต้ดินถูกไอเย็นที่มีฤทธิ์เป็นหยินแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ถึงได้ปวดเช่นนี้

เธออยากนั่งสมาธิ แต่เป็นเพราะอาการปวดรุนแรงเกินไป แทบจะนั่งไม่ติดแล้ว

ยามที่จรดนิ้วทำมุทรามือก็สั่นระริก

ทันใดนั้นฝ่ามือสองข้างก็ถูกตี้ฝูอีกุมไว้ “เจ้านั่งดีๆ ข้าจะรักษาให้เจ้า”

กู้ซีจิ่วยังคิดจะดิ้นรนขัดขืน ตี้ฝูอีก็เอ่ยต่อว่า “ข้าบอกไปแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เจ้าป่วยไข้ข้าไม่สนใจไม่ได้ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด เจ้าเชื่อฟังเถอะ ข้าสามารถรักษาเจ้าให้หายอย่างรวดเร็วยิ่งได้”

หน้าผากกู้ซีจิ่วมีหยาดเหงื่อเย็นเฉียบผุดซึม ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับแจ่มชัดขาวดำตัดกันชัดเจน เธอฝืนสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง สงบสติอารมณ์เล็กน้อย “ขอบคุณมาก ท่านไปตามหาเองก็ได้นี่ ไม่จำเป็นต้องสนใจข้า”

เขาสามารถค้นหาต่อไปในธารน้ำได้ ทำไมจะต้องลากเธอไปให้ได้ด้วย?

ตอนนี้เธอไม่อยากร่วมงานกับเขาเลยจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อยากสัมผัสเนื้อตัวของเขา

ตี้ฝูอีไม่พูดจาไร้สาระกับนางอีก ยื่นมือไปสกัดจุดนาง ให้นางสงบเสงี่ยมลงบ้าง

จากนั้นดึงสองมือของนางเข้ามา นั่งประจันหน้ากับนาง สองมือแนบชิดกัน พลังวิญญาณถ่ายเทออกจากฝ่ามือเขา ไหลเข้าสู่ฝ่ามือนาง ไหลเวียนไปตามชีพจร ค่อยๆ เข้าสู่ท้องน้อยของนาง…

ท้องน้อยของเธอเยียบเย็นปานน้ำแข็ง ภายในปวดจนแทบจะเป็นตะคริวแล้ว พลังวิญญาณของเขาอบอุ่นยิ่ง หลังจากเข้าสู่หน้าท้องเธอก็เริ่มกระตุ้นฤทธิ์ยาอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา ในที่สุดอาการปวดคล้ายจะเป็นตะคริวตรงท้องเธอก็เบาบางลงแล้ว ค่อยๆ จางหายไป…

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีก็ปล่อยมือเธอ คลายจุดให้เธอ พลางเอ่ยถาม “ตอนนี้รู้สึกอย่างไร?”

“ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณมาก”

กู้ซีจิ่วพรูลมหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ลุกขึ้นยืน เนื่องจากข่มกลั้นความปวดเอาไว้นานเกินไป ยามนี้ถึงแม้จะไม่ปวดแล้ว แต่ร่างกายก็ยังค่อนข้างอ่อนแรงอยู่ เธอเคลื่อนไหวเล็กน้อย ให้เส้นเอ็นผ่อนคลายยิ่งขึ้น

ตี้ฝูอีมองสีหน้าที่ซีดเซียวของนาง “ปวดนานมากแล้วใช่ไหม? เหตุใดไม่บอกให้เร็วกว่านี้?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่จำเป็น”

ตี้ฝูอีนิ่งไปเล็กน้อย “…ไม่จำเป็น? หรือเจ้าจะรอให้ปวดจนสลบไปก่อนถึงจะจำเป็น?!”

กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองเขา ยิ้มมิเชิงยิ้ม “นี่ท่านเป็นห่วงข้างั้นหรือ?”

ตี้ฝูอีไม่มองเธอ ทว่าน้ำเสียงกลับเฉยเมยยิ่ง “เจ้าอย่าคิดมากไป ข้าบอกแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ร่วมมือในเรื่องเดียวกัน…”

———————————————————————

บทที่ 1673 พวกนางล้วนยังมีชีวิตอยู่

ตี้ฝูอีไม่มองเธอ ทว่าน้ำเสียงกลับเฉยเมยยิ่ง “เจ้าอย่าคิดมากไป ข้าบอกแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ร่วมมือในเรื่องเดียวกัน รักษาสภาพสมบูรณ์พร้อมเอาไว้ได้จะดีที่สุด เช่นนี้ยามประสบอันตรายจะได้ไม่เป็นตัวถ่วงของอีกฝ่าย เจ้าปวดท้องจนเป็นเช่นนี้ กลับฝืนทนไว้ไม่ยอมบอก ยามหน้าสิ่วหน้าขวานเจ้าสลบไปจะมิใช่ภาระหรอกหรือ?”

กู้ซีจิ่วหัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง “ข้าไม่ได้คิดมากจริงๆ เสียหน่อย ท่านไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขีดเส้นแบ่งแยกก็ได้ และข้าก็ไม่เอาแต่พึ่งพาท่านหรอก วางใจได้ ข้าก็เห็นท่านเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานเช่นกัน พอถึงเวลาท่านช่วยคนของท่าน ข้าช่วยคนของข้า ข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงท่าน และจะไม่กลายเป็นภาระให้ท่านแน่นอน”

สมองเธอมีน้ำเข้าหรือไงถึงได้เอ่ยถามด้วยประโยคบ้าบอเช่นนั้นออกไป!

เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเธอก็จะไม่คิดมากทั้งสิ้น กันไม่ให้ตัวเองหาความไม่เป็นสุขใส่ตัว

เธอมองดูรอบข้าง รู้สึกรางๆ ว่าทิวทัศน์ของที่นี่ค่อนข้างคุ้นตา แต่ก็ไม่ได้คิดมาก ขยับตัวอีกเล็กน้อย คิดจะดำน้ำลงไปใต้ดินอีก

ตี้ฝูอียื่นมือขวางเธอไว้ “ไม่ต้องดำน้ำแล้ว! ธารน้ำใต้ดินหนาวเย็น ไม่เหมาะกับสุขภาพของเจ้าในตอนนี้”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “เช่นนั้นพวกเราแยกกันทำงานไหม? ท่านสืบหาร่องรอยใต้น้ำ เมื่อพบแล้วค่อยส่งข่าวให้ข้าดีไหม?”

วิธีที่นางเสนอออกมาเป็นความคิดที่ดีมากจริงๆ ตี้ฝูอีมองดูรอบข้าง ใจเต้นแรงเล็กน้อย!

ดอกเหมยของดงเหมยนี้มีสีแดงสดเป็นพิเศษ ในยามราตรีแฝงไอหยินชั่วร้ายเอาไว้รางๆ

เขาเด็ดดอกเหมยมากลีบหนึ่ง จ่อเข้าที่ปลายจมูกแล้วสูดดม ในกลิ่นหอมกระจ่างของดอกเหมยเคล้ากลิ่นคาวโลหิตอยู่จางๆ

แน่นอนว่ากลิ่นคาวโลหิตนั้นอ่อนจางยิ่งนัก หากไม่ดมดูอย่างละเอียดจะไม่ได้กลิ่นเด็ดขาด

“บางทีรังของศัตรูอาจอยู่แถวนี้” ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นช้าๆ “ระวังหน่อย!”

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง ดงเหมยนี้ก็คือดงเหมยที่เธอเคยมาก่อนหน้านั้น อยู่ห่างจากเมืองหลวงของอาณาจักรเฟยซิงเพียงหนึ่งร้อยสิบลี้

ตอนนั้นเธอก็รู้สึกเช่นกันว่าเหมยแดงของที่นี่ค่อนข้างพิกล เพียงแต่ยังไม่ทันได้ตรวจให้ละเอียด ก็ได้รับข่าวจากหลงซือเย่..ดงเหมยผืนนี้กว้างใหญ่ยิ่งนัก มีพื้นที่หลายร้อยหมู่[1] เส้นทางด้านในตัดสลับคดเคี้ยว ทางยิบย่อยวกวน

เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงดอกเหมยผลิบาน ทุกวันจึงมีคนเดินทางมาชมดอกเหมยไม่ขาดสาย ดังนั้นรอยเท้าในดงเหมยจึงสับสนวุ่นวายยิ่งนัก ถ้าคิดจะสืบหาจากรอยเท้า เป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะลงไปดูสักหน่อย” ตี้ฝูอีหมุนกายดำดิ่งลงสู่ธารน้ำใต้ดิน…

ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ขึ้นมา “ที่นี่เป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางของพวกนาง ในธารน้ำด้านล่างไม่มีกลิ่นอายของพวกนางแล้ว”

กู้ซีจิ่วกระโจนลงมาจากต้นเหมยต้นหนึ่ง “ต้นเหมยของที่นี่มีไอหยินชั่วร้าย ที่นี่ประหลาด! บางทีพวกนางอาจอยู่แถวนี้”

ตอนกลางวันที่นี่มองไม่เห็นความผิดปกติอันใด เพียงแต่ดอกเหมยแดงสดกว่าที่อื่นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยามนี้เป็นตอนกลางคืน ประสาทสัมผัสที่เฉียบไวของกู้ซีจิ่วสัมผัสได้ว่าบนต้นเหมยมีไอหยินพิสดารกำจายอยู่

เธอหักดอกเหมยออกมากิ่งหนึ่ง จุดที่ถูกหักมียางสีแดงไหลซึมออกมา กลิ่นคาวโลหิตอบอวลขึ้นกว่าเดิม

กู้ซีจิ่วใจหายวาบ!

ป่าเหมยผืนนี้คงไม่ได้ใช้โลหิตสดๆ มาฉีดรดกระมัง?!

โม่เจ้าก็ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?

หลานจิ้งอี๋ลักพาตัวจิ้งจอกน้อยมาที่นี่ เพราะถูกบังคับหรือเปล่า? หรือว่าสมัครใจร่วมมือกับอีกฝ่ายเอง?

แล้วตอนนี้จิ้งจอกน้อยยังมีชีวิตอยู่ไหม?

ข้อสุดท้ายนี้ทำให้กู้ซีจิ่วกังวลใจที่สุด

“พวกนางล้วนยังมีชีวิตอยู่” คล้ายตี้ฝูอีจะทราบว่าเธอกังวลอะไรอยู่ จึงกล่าวคลี่คลายความสงสัยของเธอ

กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก “หลานจิ้งอี๋สมรู้ร่วมคิดกับอีกฝ่าย นางย่อมไม่เกิดเรื่องอยู่แล้ว ข้าเป็นห่วงเพียงจิ้งจอกน้อย หากว่าช่วยนางออกมาได้อย่างปลอดภัยเช่นนั้นก็แล้วไป หากว่าจิ้งจอกน้อยเกิดเหตุอะไรขึ้น ข้าจะไม่ละเว้นหลานจิ้งอี๋!” ยามที่กล่าวประโยคสุดท้ายนี้ออกมา ประกายเยียบเย็นวาบผ่านดวงตาเธอ

——————————————————————-

[1] หมู่ เป็นหน่วยวัดพื้นที่ของจีน 1 หมู่ = 666.67 ตารางเมตร

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท