บทที่ 1714 โศกาอาลัย
นัยน์ตาของเขาลึกล้ำเสมอมา ยามนั้นที่มองตาเธอมักจะเจือแววหยอกเอินอยู่เสมอ ทุกครั้งที่สบตากับเขา หัวใจเธอจะเต้นถี่รัวไม่ลดละ
ตอนนี้เธอได้นอนอยู่อ้อมแขนเขาในท่วงท่าเช่นนี้อีกครั้ง มองดวงตาของเขา ในที่สุดหัวใจก็ไม่เต้นรัวอย่างโง่งมอีกแล้ว
เบื้องหน้าเธอมืดมัวเป็นพักๆ สายตามองเห็นไม่ใคร่แจ่มชัดนัก เพียงรู้สึกได้รางๆ ว่าดวงตาที่เจือรอยยิ้มไว้เสมอมามีละอองน้ำอยู่เลือนราง…
เขาเสียใจเพื่อเธอใช่ไหม?
เขาร้องไห้หรือ?
คล้ายว่าเขากำลังพูดบางอย่าง หน้ากากบนใบหน้าสั่นไหวเล็กน้อย
เขาสงสารเธออยู่กระมัง? เสียใจให้เธอเล็กน้อยด้วยใช่ไหม?
แต่เธอไม่ต้องการความเวทนาสงสารจากเขา สิ่งที่เธอต้องการเขามอบให้เธอไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่เขามอบให้เธอล้วนเป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการทั้งสิ้น…
ในหูเธอมีเสียงอื้ออึง ไม่อาจได้ยินว่าเขาพูดอะไร
ตี้ฝูอีหวาดผวาเมื่อพบว่าแววตาของนางค่อยๆ สลัวลง ซ้ำนางยังไม่ได้ยินเสียงด้วย! ถึงขั้นที่ร่างกายของนางเริ่มมีประกายแสงเจิดจ้าแผ่ออกมาแล้ว…
นี่เป็นสัญญาณว่าดวงวิญญาณกำลังจะสลายหายไป!
เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง นั่นคือความดหวาดกลัวที่จะต้องสูญเสียไปแต่กลับไร้หนทางยื้อกลับมาได้…
“ซีจิ่ว! กู้ซีจิ่ว! เจ้าอย่ายอมแพ้นะ! ซีจิ่ว อย่าตายนะ เจ้าฟังข้าสิ ข้าไม่ได้หักหลังเจ้า คนที่ข้าชอบพอเสมอมาก็คือเจ้า…”
“ซีจิ่ว เจ้าฟังสิ คนดี ฟังนะ เจ้าใช้เคล็ดหทัยวิญญาณรวมรวมสติเอาไว้สิ ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้! รอให้เจ้าหายแล้ว ข้าจะอธิบายกับเจ้าดีๆ…”
“ซีจิ่ว…”
เขาพูดไปด้วย พยายามถ่ายทอดพลังวิญญาณเข้าสู่ร่างนางอย่างสุดชีวิตไปด้วย คิดจะทำให้เส้นเลือกที่แทบจะแข็งทื่อไปแล้วของนางไหลเวียนอีกครั้ง
แน่นอนว่าในช่วงเวลาเช่นนี้เขาก็ใช้วิชอาคมแล้วเช่นกัน พยายามรวบรวมดวงวิญญาณที่กำลังจะแตกสลายของนางไว้สุดชีวิต
เขาหลอดหน้ากากทิ้ง เพื่อให้นางได้เห็นรูปปากของตนชัดๆ เขาทราบว่านางอ่านปากเป็น ต้องรู้แน่นอนว่าเขาพูดอะไร
นางยิ้มแล้ว มุมปากหยักโค้ง
จากนั้นตี้ฝูอีก็พบว่าสายตาของนางร่อนลงบนเรือนผมเขา
สายตาของเธอพร่ามัวแล้ว แต่สามารถมองเห็นสีขาวที่เสียดแทงสายตาได้รางๆ…
เธอพยายามยกแขนที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวขึ้นมา ปลายนิ้วแตะเส้นผมสีเงินของเขาเบาๆ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย เอ่ยพึมพำไม่กี่ประโยค เสียงแผ่วเบายิ่ง แต่ตี้ฝูอีกลับได้ยินชัดเจน “ข้า…ไม่ชอบที่ท่านผมขาวเลย…เห็นท่านผมขาวแล้ว…ข้าเสียใจมาก…”
เขากอดนางแน่น “ข้าจะทำให้มันดำ! ซีจิ่ว ข้าจะทำให้ผมขาวกลายเป็นผมดำ เจ้ายืดหยัดไว้นะได้ไหม?”
น้ำเสียงเขาสั่นพร่า ฝืนข่มความหวาดกลัวมหาศาลในจิตใจไว้ถือโอกาสยื่นเงื่อนไขกับนาง
นิ้วของนางยังคงลูบไล้เส้นผมของเขา เบื้องหน้ามืดมัวไปหมดแล้ว สัมผัสได้ว่ามีหยดน้ำร่วงลงบนหน้าเธอ อุ่นเล็กน้อย ทว่ากลับทำให้ผิวที่เย็นเฉียบไปนานแล้วของเธออุ่นขึ้นไม่ได้
“ตี้ฝูอี…” เสียงเธอแผ่วเบา “ท่านร้องไห้เพื่อข้าหรือ? ข้าตายแล้ว…ท่านน่าจะดีใจสิ…สังขารนี้…ข้าทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อรักษามันไว้…ครบถ้วนสมบูรณ์…ท่านอย่ากลัวเลย ยังใช้การได้…หลังจากวิญญาณข้าแตกสลายไปแล้ว…จิตสำนึกนั้น…ท่านสามารถเรียกกลับมาได้… เพียงแต่…หากว่ามันยังแฝง…ยังแฝงความทรงจำ…ความทรงจำของกู้ซีจิ่วไว้ จงลบมันทิ้ง…ให้หมดจดเสีย…แล้วค่อยใช้ กู้ซีจิ่ว…ไม่อยาก…ไม่อยากมายังโลกใบนี้อีกแล้ว…และไม่อยาก…เป็นตัวแทนของผู้ใดแล้ว ข้าขอ…ขอคืนหลานจิ้งเคอ…ให้ท่าน…”
นางมองไม่เห็นสิ่งใดแล้ว และไม่ได้ยินเสียงใดๆ แล้วเช่นกัน เธอมองห้องฟ้าด้วยสายตาหม่นประกาย ทว่าเบื้องหน้ากลับค่อยๆ มืดมิดไป
เธอเกลือกลิ้งอยู่ในความมืดมาเนิ่นนานปี ทว่าไม่ชอบความมืดเป็นที่สุด ทว่ายามนี้กลับยิมยอมให้ความมืดมิดอันหนักอึ้งค่อยๆ กลืนกินเธอไปทีละนิด…
ชีวิตอันเป็นนิรันดร์นี้ ในที่สุดเดินทางมาถึงจุดจบเสียที
————————————————————————————-
บทที่ 1715 โศกาอาลัย 3
เธอเคยพยายามฝึกฝนอย่างสุดกำลังเพื่อชีวิตอันเป็นนิรันดร์ นึกไม่ถึงว่าเมื่อประสบความสำเร็จแล้วกลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า
เธอเลือกที่จะตายตกไปตามโม่เจ้า แก้แค้นให้เพื่อน ขจัดสิ่งชั่วร้ายเพื่อโลกใบนี้ และแน่นอนว่าเพื่อพิสูจน์ความสามารถของเธอ
อันที่จริงในจิตใต้สำนึก เธออยากพิสูจน์ต่อหน้าเขายิ่งนัก ว่าจริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลานจิ้งเคอ เหตุใดเขาจึงไม่ลองชมชอบกู้ซีจิ่วแค่คนเดียวเล่า?
เพียงแต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเธอไม่ได้พูดถ้อยคำนี้ออกไป ความรักที่วิงวอนมาย่อมมิใช่ความรัก
ในเมื่อตั้งแต่ต้นจนจบผู้ที่เขาชมชอบก็คือหลานจิ้งเคอ เช่นนั้น เธอก็จะคืนหลานจิ้งเคอให้กับเขา เธอทำให้เขาสมหวัง และทำให้ตัวเองสมหวัง…
ตี้ฝูอี ขอให้ไม่ต้องได้พบเจอกันอีกในชาติหน้า
ไม่สิ ไม่มีชาติหน้าแล้ว ดวงวิญญาณของเธอจะแหลกสลาย ค่าตอบแทนของการสร้างเขตแดนนี้ก็คือดวงวิญญาณแหลกสลาย
ตอนนั้นหมอผีเพื่อนรักของเธอเพียงพูดถึงค่ายกลประเภทนี้กับเธอเป็นครั้งคราว ตอนนั้นเธอต้องตามตื๊อเสมือนภูตผีดลใจเพื่อให้เพื่อนรักสอนเธอให้ได้ หมอผีท่านนั้นถูกเธอตามตื๊อเสียจนไม่มีทางเลือก และรู้สึกว่าเธอไม่มีแม้แต่พลังวิญญาณ ต่อให้เรียนรู้จนเป็นก็ไม่มีทางใช้ออกมาได้ ดังนั้นจึงสอนให้เธอทั้งหมดทั้งเคล็ด คาถา และจุดสำคัญ ตอนนั้นเธอเรียนสิ่งนี้ก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็นชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าจะได้ใช้มันจริงๆ…
บางทีสิ่งเหล่านี้ถูกลิขิตไว้แล้วในโลกอันลึกลับซับซ้อน…
ทว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่สำคัญ ทั้งหมดทั้งมวลจะจบสิ้นไปพร้อมกับการจากไปของเธอ
ตี้ฝูอี ข้าไม่เคยเสียใจเลยที่รักท่าน แต่หากมีชีวิตได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ข้าหวังเพียงว่าในชีวิตข้าจะไม่เคยมีท่าน…
มือของเธอร่วงหล่นลงจากเส้นผมเขา ค่อยๆ ปิดตาลง หยาดน้ำตาหนึ่งค่อยๆ ร่วงหล่นที่หางตา
ตี้ฝูอีคุกเข่าอยู่ตรงนั้น คำอธิบายทั้งหมดนางล้วนไม่ได้ยิน วิชาทั้งหมดที่ใช้บนร่างกายนางล้วนสูญเปล่า ทำได้แค่เพียงจ้องมองลมหายใจของนางหยุดลง ดวงตาปิดสนิท ดวงวิญญาณที่แหลกสลายสีรุ้งลอยล่องขึ้นมาจากร่างกายนาง ปลิวไปในอากาศ…
สีหน้าเขาซีดขาว ใช้วิชาทั้งหมดออกมาเพื่อเก็บดวงวิญญาณที่แหลกสลายเหล่านั้น…
กู้ซีจิ่ว เจ้าตายไม่ได้! นี่ไม่ใช่จุดจบของเจ้า! นี่ไม่ควรเป็นจุดจบของเจ้า!
เจ้ายังไม่ได้ฟังคำอธิบายของข้าเลย เจ้ายังไม่รู้เลยว่าข้ารักเจ้ามาตลอด ไม่เคยมีผู้ใดอื่น!
ซีจิ่ว ให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง!
ซีจิ่ว เจ้าไม่อาจโหดร้ายเช่นนี้…
หากเขาต้องการ ตี้ฝูอีจะเก็บรวบรวมดวงวิญญาณผู้ใดก็ตามที่ล่วงลับไปต่อหน้าเขา เขาจะเก็บรวบรวมดวงวิญญาณทั้งหมดกลับมา! แม้ว่าดวงวิญญาณนั้นจะแหลกสลายตรงหน้าเขา
ทว่าเขาเก็บวิญญาณที่แหลกสลายของกู้ซีจิ่วไม่ได้ เศษวิญญาณสีรุ้งที่ลอยล่องเหล่านั้นดังเม็ดทรายที่จับต้องไม่ได้ อากาศธาตุที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ลอยล่องจากริมฝ่ามือเขา แทรกซึมท่ามกลางหิมะที่ปลิวไสว พลิ้วไหวตามสายลม กระจัดกระจายไปในอากาศ…
หิมะโปรยปราย สายลมโหยหวน บนทุ่งน้ำแข็งที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตนี้ก็หนาวเหน็บดังเช่นเคย
เนื่องจากการต่อสู้ครั้งนั้น ยอดเขาน้ำแข็ง ธารน้ำแข็ง เสาน้ำแข็งทั้งหมดที่นี่ล้วนเปลี่ยนไปจากรูปลักษณ์เดิม
ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแปรเปลี่ยนไป
ทว่าจะมีกี่คนที่ล่วงรู้เล่า?
เมื่อยอดเขาน้ำแข็งหายไปก็จะมียอดเขาน้ำแข็งใหม่ปรากฏขึ้น ธารน้ำแข็งแข็งตัวแล้วก็จะละลายจากที่อื่นลงมา เสาน้ำแข็งนี้หายไป เสาน้ำแข็งอีกต้นก็จะปรากฏขึ้นมา
กาลเวลาล่วงเลยบุปผายังคงเคย กาลเวลาล่วงลับชนกลับมิดังเดิม
ยอดเขาน้ำแข็ง ธารน้ำแข็ง เสาน้ำแข็งยังปรากฏขึ้นใหม่ได้ แล้วมนุษย์เล่า? มนุษย์ที่ล่วงลับจะยังจะกลับมาได้ไหม?
ตี้ฝูอีกอดร่างที่ไร้วิญญาณของนางไว้นั่งอยู่ท่ามกลางพายุหิมะโหมกระหน่ำสามวันสามคืน จนกระทั่งหลงซือเย่ตามหาภายใต้การนำทางของสี่ทูต…
หลงซือเย่ที่สุขุมนุ่มนวลมาโดยตลอดคิดอยากจะมีใจโพล่งคำหยาบก่นด่ามารดาออกมาแล้ว!
หลังจากที่เขาก่นด่าตี้ฝูอี ผลลัพธ์คือไม่ได้ยินตี้ฝูอีตอบเขากลับมาสักคำ
————————————————————————————-