ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1796+1797

บทที่ 1796+1797

บทที่ 1796 วิวาห์ 3

ตี้ฝูอีก็ควบอาชาเวหาร่อนลงสู่พื้นแล้วเช่นกัน เรือนกายเขาไหววูบ เหินพลิ้วลงไป

ผู้คนมากมายต่างคุกเข่าลง คนนับไม่ถ้วนแซ่ซ้องยินดี

กู้เซี่ยเทียนเข้ามาต้อนรับอย่างด้วยสีหน้าปลาบปลื้มปรีดา อันที่จริงแล้วสองวันมานี้เขาค่อนข้างขัดแย้งในตัวเองอยู่เล็กน้อย ในทวีปนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนเมื่อพบท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ล้วนต้องทำความเคารพอย่างเต็มพิธี ตัวเขาในอดีตย่อมไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

แต่ตอนนี้ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะกลายเป็นลูกเขยเขาแล้ว เขาต้องคุกเข่ากราบอยู่หรือไม่?

ปัญหาข้อนี้เขาเคยถามไถ่หลัวซิงหลานดูแล้ว หลัวซิงหลานเพียงถามเขากลับประโยคหนึ่ง “หากว่าบุตรสาวของพวกเราถวายตัวแก่องค์จักรพรรดิ เมื่อฝ่าบาทมารับตัวท่านจะคุกเข่าหรือไม่?”

เพียงประโยคเดียวก็ทำให้กู้เซี่ยเทียนดุจตื่นจากฝัน ย่อมต้องคุกเข่าอยู่แล้ว!

พระสัสสุระขององค์จักรพรรดิเมื่อพบจักรพรรดิก็ยังต้องกราบสามคำนับเก้า แล้วนับประสาอะไรกับการพบท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เล่า?!

ด้วยเหตุนี้ ครั้งนี้หลังจากกู้เซี่ยเทียนออกมาต้อนรับก็นำคนหนุ่มคนแก่ในบ้านให้คุกเข่าลงไป

ตี้ฝูอีชะงักฝีเท้าเล็กน้อย “เห็นแก่หน้าซีจิ่ว วันหน้าเมื่อเจ้าพบเปิ่นจุนไม่ต้องกราบคารวะอีก” ดวงตาของกู้เซี่ยเทียนส่องประกาบวาบ รีบตอบรับแล้วนำทุกคนลุกขึ้น ต้อนรับตี้ฝูอีเข้าประตูไป…

สี่ทูตรวมถึงนักดนตรีเหล่านั้นย่อมติดตามเข้าไปด้วย

“มาแล้ว!”

“มาแล้ว!”

“มาแล้ว!”

เสียงแว่วต่อๆ กันเข้าไปถึงภายในเรือนนอนของกู้ซีจิ่ว

เหล่าสี่เหนียง[1]ต่างเร่งรีบสาละวนขึ้นมาทันที พยุงกู้ซีจิ่วขึ้นมา แล้วคลุมผ้าคลุมหน้าสีแดงปักลวดลายเมฆาให้เธอ…

ตามธรรมเนียมการส่งตัวเจ้าสาวของอาณาจักรเฟยซิง เมื่อฝ่ายชายมารับ บรรดาสี่เหนียงต้องพยุงเจ้าสาวไปอยู่หน้าประตู จากนั้นก็เปลี่ยนรองเท้าให้นางที่ประตู มอบแพรแดงผืนหนึ่งให้นาง เจ้าบ่าวจะถือปลายผ้าแพรไว้ ตลอดเส้นทางการเดินออกประตูไปขึ้นเกี้ยว สี่เหนียงจะคอยช่วยพยุงเจ้าสาว

สี่เหนียงเหล่านี้ย่อมปฏิบัติไปตามธรรมเนียมข้อนี้ เมื่อเห็นตี้ฝูอีเข้ามา บรรดาสี่เหนียงพอได้เห็นก็ตาลาย แทบจะก้าวขาไม่ออกเลย และยังคงปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างเคร่งครัด รีบยื่นแพรแดงส่งให้ตี้ฝูอีทันที ปากยังขับขานบทเพลงมงคลจำพวก ‘ครองรักชั่วนิรันดร์’ ไปด้วย

ตี้ฝูอียื่นมือหนึ่งมารับอย่างส่งๆ ทว่าไม่ได้หันหลังจูงเจ้าสาวของเขาออกไป แต่สาวเท้าก้าวเข้าไปหากู้ซีจิ่ว

บนร่างเขามีอำนาจชนิดหนึ่งที่ทำให้คนยำเกรง เมื่อสี่เหนียงสองคนที่คอยพยุงกู้ซีจิ่วอยู่ถูกเขาเข้ามาใกล้ สองขาพลันอ่อนยวบด้วยความตระหนก แทบจะคุกเข่าลงไป!

ตี้ฝูอีโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง สี่เหนียงทั้งสองปล่อยตัวกู้ซีจิ่วแล้วถอยห่างไปหนึ่งจั้งอย่างไม่อาจควบคุมตัวได้

ไม่รอให้ปฏิกิริยาตอบสนองของพวกนางกลับมา ตี้ฝูอีก็ก้มตัวอุ้มกู้ซีจิ่วที่ยืนอยู่ตรงนั้นขึ้นมาแล้ว เสียงหัวเราะเบาๆ ของเขาลอดผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดง “ซีจิ่ว ข้าจะอุ้มเจ้าไปนะ”

ร่างของกู้ซีจิ่วเข้าสู่อ้อมแขนของเขา อ้อมแขนนั้นอบอุ่นเช่นที่ผ่านมา หัวใจที่กระสับกระส่ายของเธอในที่สุดก็สงบลงแล้ว อบอุ่น ตื้นตัน เป็นสุข…สารพัดอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่ในทรวงอกเธอ

เธอรู้ว่าเขาทำแบบนี้ก็เพื่อเธอ เป็นเพราะเมื่อก่อนเธอเคยเอ่ยกับเขาโดยไม่ตั้งใจ ว่าการแต่งงานของยุคปัจจุบัน ตอนที่เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวจะใช้การอุ้มเพื่อพาไปขึ้นรถ…

ตอนนั้นตี้ฝูอีไม่ได้พูดอะไร กลับไม่นึกเลยว่าเขาจะจดจำใส่ใจไว้ แล้วนำมาปฏิบัติในยามนี้จริงๆ!

ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างตกตะลึงทึ่มทื่อกันทั่วหน้า!

สี่เหนียงบางคนคิดจะตะโกนว่าทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่กล้า ทั้งหมดต่างเจ้ามองข้าข้ามองเจ้า

ยังคงเป็นกู้เซี่ยเทียนที่ตามเข้ามาด้วยเอ่ยขึ้นอย่างอดไว้ไม่ได้ว่า “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านสมควรถือแพรแดงจูงนางไปนะขอรับ ท่านทำเช่นนี้ขัดต่อธรรมเนียม…”

ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเฉยชา “เปิ่นจุนก็คือธรรมเนียม”

กู้เซี่ยเทียนเงียบไป เข้าไม่กล้าพูดอีกสักประโยคแล้ว!

สิ่งที่เขาไม่ทราบคือ เนื่องจากประโยคนี้ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ นับจากนี้ไปธรรมเนียมการวิวาห์ของหนุ่มสาวในแผ่นดินนี้ล้วนเป็นฝ่ายชายอุ้มฝ่ายหญิงก้าวออกประตูไป

————————————————————————-

บทที่ 1797 วิวาห์ 4

กู้ซีจิ่วไม่สนใจสายตาของคนเหล่านั้น เธอยื่นแขนไปคล้องคอเขา ซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกเขา “ได้!”

ตี้ฝูอีอุ้มเธอเดินออกไปช้าๆ ระหว่างทางไม่ทราบว่าทำให้ผู้คนเบิกตาด้วยความตกตะลึงไปมากน้อยเพียงใดแล้ว

ยามที่เขาอุ้มกู้ซีจิ่วออกมาจากประตูใหญ่สกุลกู้ ฝูงชนที่มุงดูอยู่ด้านนอกเหล่านั้นกลายเป็นหนักพันหลักหมื่นแล้วเมื่อเห็นฉากนี้แต่ละคนก็ยิ่งพากันสูดหายใจ…

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้หล่อเหลายิ่งใหญ่อุ้มเจ้าสาวตัวน้อยก้าวข้ามประตู ฉากนี้สร้างความสั่นสะเทือนอย่างยิ่งใหญ่เหนือธรรมดา!

สตรีเหล่านั้นต่างริษยากันจนตาแดงก่ำไปหมดแล้ว!

ตี้ฝูอีอุ้มเจ้าสาวของเขาออกประตูมาเช่นนี้ แล้วอุ้มนางไปขึ้นเกี้ยวของตน…

ในภายภาคหน้างานวิวาห์นี้จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจที่สุดของแผ่นดินนี้ ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่มีวาสนาได้ชมงานวิวาห์นี้ ได้เปิดโลกทัศน์แล้ว

หลานไว่หูแนบชิดอยู่ข้างกายเยี่ยนเฉิน ในสายตาคู่นั้นมีความอิจฉาอยู่

เยี่ยนเฉินโอบเอวนางไว้ กระซิบริมหูนาง “ไว่หู ข้าไม่สามารถจัดงานวิวาห์ที่ยิ่งใหญ่ปานนี้ให้เจ้าได้ แต่ว่า…เมื่อถึงวันนั้นข้าก็จะอุ้มเจ้าไปขึ้นเกี้ยวเหมือนกัน!”

หัวใจหลานไว่หูอุ่นวาบ พยักหน้าหนักๆ “อื้ม!”

ขบวนรับตัวเจ้าสาววนเหนือเมืองหลวงอยู่สองรอบ แฝงความนัยที่เป็นมงคลต่อทั้งคู่ สองสองเข้าคู่กัน

ด้วยเหตุนี้ ประชาชนทั้งเมืองจึงได้เห็นฉากที่อลังการนี้กันทั้งสิ้น

สถานที่ที่เกี้ยวมงคลเคลื่อนผ่านจะมีกลีบบุปผาโปรยปราย ราวกับหยาดพิรุณกลีบบุปผา…

ในเกี้ยวมงคลตี้ฝูอีก็ไม่ได้วางนางลง ให้นางนั่งอยู่ในอ้อมแขนของตนต่อไป ทั้งสองอิงแอบแนบซบกัน ถึงแม้จะคลุมหน้าไว้ ก็ไม่อาจขวางกั้นอันใดอย่างแท้จริงได้

“ซีจิ่ว เจ้าดีใจไหม?” ตี้ฝูอีถาม

“ดีใจสิ!”

ตี้ฝูอียิ้มนิดๆ จุมพิตหน้าผากนางผ่านผ้าคลุมหน้า “ข้าก็เหมือนกัน” อันที่จริงฉากนี้เป็นสิ่งที่เขาตั้งตารอตั้งแต่เมื่อเก้าปีก่อนแล้ว ถึงขั้นที่เคยจัดการไว้แล้ว เพียงน่าเสียดายที่ครั้งนั้นนางหนีไปก่อนถึงวันเข้าพิธี…

นางนั่งอยู่ในอ้อมแขนเขา มือของทั้งสองคนเกาะกุม สิบนิ้วสอดประสาน แหวนสองวงส่องประกายอยู่บนนิ้วมือของกันและกัน เฉกเช่นยวนยางเคียงคู่

คล้ายว่ากู้ซีจิ่วจะนึกอะไรขึ้นมาได้เช่นกัน “ขอโทษนะ…” เธอขอโทษที่ครั้งก่อนหนีงานแต่งไป

ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ครั้งนั้นข้าผิดเอง…ซีจิ่ว ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ได้แต่งกับเจ้าแล้ว ข้าดีใจยิ่งนัก”

เธอซุกเข้าหาอ้อมอกเขาอีกครา “ข้าก็เหมือนกัน ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันอยู่…” ซ้ำยังเป็นความฝันที่สุขสันต์อย่างยิ่งอีกด้วย!

ตี้ฝูอีเกลี่ยแก้มนาง “ตอนกลางคืนข้าจะทำให้เจ้าสัมผัสเองว่าอะไรคือความจริง!”

กู้ซีจิ่วตอบอ้อมแอ้ม “…บ้ากาม!”

ตี้ฝูอียิ้ม กระซิบริมหูนาง “ข้าบ้ากามแค่กับเจ้า!”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว…

เธอไม่ยอมแพ้ เอ่ยกระซิบข้างหูเขาเช่นกัน “ข้าก็อนุญาตให้ท่านบ้ากามได้แค่กับข้าเหมือนกัน”

ตี้ฝูอีหัวเราะฮ่าๆ อย่างอดไว้ไม่อยู่ “เช่นนั้นข้าก็ยินดีรับ!”

เสียงหัวเราะของเขากังวาน แว่วออกไปนอกรถ ทำให้ใบหน้าของสี่ทูตที่ติดตามอยู่ข้างๆ เกี้ยวมงคลเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้

มีแค่ช่วงเวลาที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่กับแม่นางกู้ ถึงจะหัวเราะออกมาได้เต็มเสียงเช่นนี้!

สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาไม่เคยหัวเราะเช่นนี้มานานมากแล้ว!

โดยเฉพาะในช่วงที่แม่นางกู้ ‘สิ้นชีพ’ ไป ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งเทพเหมันต์ ไม่สนทนาพาทีเลยสักประโยค ตัวคนก็หมดอาลัยตายอยาก…

เมื่อแม่นางกู้ฟื้นคืนชีพก็ทำให้อารมณ์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ฟื้นฟูกลับมาด้วย ชอบยิ้ม ชอบหยอกเย้าคน เจ้าเล่ห์จนเอาชีวิตคนได้ บางครั้งก็หยอกล้อพวกเขาทั้งสี่ด้วย…ทั้งหมดเป็นความดีความชอบของแม่นางกู้!

พวกเขาทั้งสี่ซาบซึ้งในตัวแม่นางกู้อย่างยิ่ง ซาบซึ้งที่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต นางทำให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มีความสุขได้เช่นนี้

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ขณะที่พวกมู่เฟิงยิ้มอยู่ ขอบตาก็แดงเรื่องไปด้วย…

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับกู้ซีจิ่วแล้วราวกับภาพฝันมายา งดงามจนไม่คล้ายว่าใช่ความจริง

———————————————————————–

[1] สี่เหนียง คือ สตรีที่ออกเรือนแล้ว ทำหน้าที่คอยเป็นพี่เลี้ยงให้เจ้าสาวในวันวิวาห์ คอยช่วยเหลือและแนะนำเจ้าสาวในตอนเข้าพิธี

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท