บทที่ 1995 ข้าจะทำให้ข้อครหานี้เป็นจริงแล้ว 4
ภายหลังสงครามใหญ่นี้ถูกบันทึกไว้ในบันทึกพงศาวดาร…บันทึกหมู่เซียน
ว่าตามบันทึกพงศาวดาร ศึกใหญ่ครั้งนี้ต่อสู้กันอยู่หนึ่งวันเต็มๆ ปรมาจารย์ทั้งสิบต่างสำแดงท่าไม้ตายทั้งหมดออกมา ต้องการจะจับกุมคนลึกลับหน้ากากผีให้ได้ ต่อสู้กันจนเมฆาวาโยเปลี่ยนสี สุริยันจันทราสิ้นแสง ทั้งหุบเขาล่องเมฆาล้วนเละเทะเป็นซากปรักหักพังกองหนึ่งเพราะศึกนี้
ในมหาศึกสะท้านโลกาครั้งนี้ กล่าวได้ว่าไม่ว่าจะผู้ใดล้วนไม่ได้รับผลดีทั้งสิ้น
หน้ากากของคนลึกลับหน้ากากผีถูกทำลายในระหว่างต่อสู้ เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง กล่าวกันว่านั่นคือโฉมงามล้ำเลิศโดยแท้ เป็นประเภทที่คนมองแวบเดียวก็ลืมไม่ลง
ทำให้คนที่กำลังต่อสู้อยู่เหล่านั้นล้วนทึ่มทื่อกันไปชั่วขณะ การเคลื่อนไหวก็นิ่งค้างไปแวบหนึ่ง
แน่นอน ในสงครามระยะประชิดเช่นนี้ กู้ซีจิ่วย่อมได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัส!
เธอกระอักโลหิต เส้นผมแผ่สยาย ยิ้มทรงเสน่ห์ “พวกเฒ่ากะโหลกกะลาเอ๋ย เด็กน้อยเสินเนี่ยนโม่ผู้นั้นข้าจับจองไว้แล้ว! ข้าจะตอแยเขาให้ถึงที่สุด!พวกเจ้ารอดูเถอะ!”
เธอพลันพ่นโลหิตลงบนกระบี่ ร่ายมนต์คาถา คมกระบี่สีครามพลันพวยพุ่งสูงหลายจั้ง เธอเหาะเหินขึ้นไป ตวัดกระบี่ฟันเขตแดนบนท้องนภา ก่อนหายตัวไปทันที…
กู้ซีจิ่วไม่ได้โง่ การต่อสู้กับปรมาจารย์สิบคนนี้รวมถึงเหล่าศิษย์ในสังกัดของพวกเขา เธอไม่ได้รับผลดีเลยจริงๆ ดังนั้นระหว่างต่อสู้เมื่อครู่นี้เธอจึงลองใช้วิชาเคลื่อนย้ายดู ทว่าถูกเขตแดนที่ครอบคลุมอยู่รอบทิศทางขวางกั้นไว้…
เธอรับมือกับพวกเขาไปพลาง เสาะหาวิธีทำลายไปพลาง ในท้ายที่สุดแล้วเธอก็หาวิธีทำลายเขตแดนนี้พบแล้ว ถึงได้ใช้วิชาเคลื่อนย้ายจากไป เงาร่างหายลับไปในพริบตา
เสียงหัวเราะปานกระดิ่งของเธอยังคงล่องลอยอยู่ในอากาศ “ข้าจะกลับมาอีก กลับมาคิดบัญชีกับพวกเจ้า!”
ฝูงชนตะลึงงัน
ศึกใหญ่ครานี้ คนลึกลับหน้ากากผีผู้นี้หลบหนีไปพร้อมอาการบาดเจ็บ ปรมาจารย์ทั้งสิบท่านก็มีสองท่านที่บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน มีสามท่านที่บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนที่เหลือก็เลือดตกยางออก
เฟิงชิงซ่างเหรินย่ำแย่ที่สุด เขาไม่เพียงแต่บาดเจ็บหนักที่สุดเท่านั้น บ้านของเขายังพังยับเยินไปหมดด้วย!
ศิษย์ในสังกัดก็ได้รับบาดเจ็บมากมายหลายคน…
เรื่องที่ทำให้พวกเขาแสนท้อยิ่งกว่านั้นคือ พวกเขาเสียค่าตอบแทนมหาศาลปานนี้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่ายังจับนางไม่ได้อีก!
คราวนี้นางหนีไปได้ เกรงว่าภายหน้าคงเกิดมรสุมใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!
มีคนมากมายที่ตกตะลึงกับรูปโฉมอันงดงามของคนลึกลับหน้ากากผี ระหว่างที่เก็บกวาดทำความสะอาดก็พูดคุยถกเถียงกันในหัวข้อนี้ ด้วยเหตุนี้ สายตาของคนทั้งหลายจึงหันเหไปมองอวิ๋นหลงเจินจวินผู้ที่ชำนาญการมองวิชาจำแลงลักษณ์ของผู้อื่น มีสายตาที่มองวิชาจำแลงลักษณ์ทั้งหมดได้ทะลุปรุโปร่ง
อวิ๋นหลงเจินจวินเอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “รูปโฉมของนางเป็นของแท้ มิได้จำแลงลักษณ์”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้คนที่มีข้อครหาในรูปโฉมของกู้ซีจิ่วหุบปากลงแล้ว…
ทุกคนมองหน้าเหลอหลา คนลึกลับหน้ากากผีผู้นี้งดงามถึงเพียงนี้ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว คงไม่ขาดแคลนคู่ครองกระมัง? ขอเพียงนางท่องไปในดินแดนนี้ด้วยรูปโฉมที่แท้จริง เกรงว่าคนที่ต้องการจะไล่ตามนางคงต่อแถวยาวเหยียดไปไกลแปดร้อยลี้จริงๆ!
ตัวนางที่เป็นเช่นนี้เหตุใดต้องตามพัวพันเสินเนี่ยนโม่อย่างไม่เลิกราด้วยเล่า?
เป็นรักแท้หรือ? หรือจะเป็นอย่างที่นางพูดจริงๆ เพียงต้องการทำภารกิจให้สำเร็จ?
และบางทีนางอาจจะรับคำสั่งมาจากผู้อื่น มีเป้าหมายที่ยากจะเอื้อนเอ่ยได้กระมัง?
แต่ผู้ที่วรยุทธ์เลิศล้ำเยี่ยงนาง ต่อให้เป็นพวกมหาเทพสองสามีภรรยานางก็ไม่แน่ว่านางจะไว้หน้า ผู้ใดกันที่สามารถสั่งการนางได้?
ในสมองของฝูงชนมีคำถามนับไม่ถ้วนวนเวียนอยู่
ชิงหลัวก็ถูกงูกัดอีกครั้ง เหล่าศิษย์ของอวี่หังเจินเหรินก็ทราบดีว่าพิษนี้ของชิงหลัวสามารถติดต่อกันได้ ดังนั้นจึงใช้ถุงกระสอบคลุมนางเอาไว้ตั้งแต่แรก ทว่าไม่มีผู้ใดสามารถรักษาให้นางได้ ทำได้เพียงเอานางลงไปแช่ไว้ในน้ำเย็นเช่นเดียวกับหนก่อน
หลังจากกู้ซีจิ่วหลบหนีไปแล้ว อวี่หังเจินเหรินก็ไปดูอาการเป็นครั้งแรก
—————————————————————————-
บทที่ 1996 ข้าจะทำให้ข้อครหานี้เป็นจริงแล้ว 5
หลังจากกู้ซีจิ่วหลบหนีไป อวี่หังเจินเหรินก็ไปดูอาการเป็นครั้งแรก ได้ยินนางร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดมาแต่ไกล ดั่งหมูถูกเชือด ทำให้เขารู้สึกขายหน้าอยู่บ้าง แต่เขาก็ทิ้งศิษย์ของตนไม่ได้ จึงขอให้เฟิงชิงซ่างเหรินผู้มีวิชาแพทย์เลิศล้ำช่วยเหลือ
เฟิงชิงซ่างเหรินหน้านิ่วคิ้วขมวด “พิษนี้เกรงว่าจะไร้ทางแก้ไขแล้ว”
อะไรนะ?! อวี่หังเจินเหรินตกตะลึงพรึงเพริด
ซือชิงที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “มีทางแก้ขอรับ เมื่อตอนที่พวกเราพี่น้องถูกพิษก็เป็นงูดอกท้อชนิดนี้ เป็นจ้งเซิงที่…และเป็นคนลึกลับหน้ากากผีที่หาทางช่วยเหลือ…”
เฟิงชิงซ่างเหรินขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เมื่อก่อนเขาเคยได้ยินเพียงว่าศิษย์สองคนของอวี่หังเจินเหรินต้องพิษ ภายหลังแก้ไขได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ นึกว่าเป็นแค่พิษงูทั่วไป นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นพิษงูดอกท้อ…
เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ประเด็นคือวัตุดิบในการแก้พิษหายากเกินไป จะต้องใช้พิษงูชนิดนี้มาหลอมกลั่น งูดอกท้อนั้นเป็นงูที่พบเห็นได้ยากยิ่งนัก ซ้ำยังจับได้ยาก การจับมันต้องเสี่ยงอันตรายเก้าตายหนึ่งรอด ยังไม่แน่ว่าจะจับได้สักตัวในระยะสามสี่ปีนี้ แล้วจะหลอมโอสถแก้พิษได้อย่างไร เมื่อถูกงูพิษชนิดนี้กัด นั่นก็คือตายสถานเดียว”
อวี่หังเจินเหรินหน้าเปลี่ยนสีแล้ว มองชิงหลัวที่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด สีหน้าซีดเผือดหายใจรวยริน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีไปชั่วขณะ
ซือชิงก็ผงะไปเช่นกัน ล้วงขวดเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ “สิ่งนี้…เป็นขวดบรรจุพิษงูดอกท้อที่ศิษย์พี่ใหญ่นำมาให้ครั้งก่อน ด้านในน่าจะยังเหลืออยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะพอใช้ได้หรือไม่? ”
เฟิงชิงซ่างเหรินรับขวดไปทันที มองอย่างละเอียด ให้ข้อสรุปว่า “ยังพอใช้ได้ เพียงแต่ปริมาณน้อยเกินไป หลอมเป็นโอสถถอนพิษได้เพียงครึ่งส่วน…”
ครึ่งส่วนก็ยังดีกว่าไม่มีเลย อวี่หังเจินเหรินรีบขอให้เฟิงชิงซ่างเหรินไปหลอมกลั่นให้ทันที
ช่วยชีวิตคนก็เหมือนการดับไฟ เฟิงชิงซ่างเหรินย่อมไม่คิดจะโอ้เอ้รั้งรอเลยสักครู่ หยิบขวดแล้วออกเดิน พลันมีเสียงรายงานแว่วมาจากด้านนอกว่า “ศิษย์พี่ใหญ่กลับมาแล้ว!”
สีหน้าของเฟิงชิงแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
ไม่กี่วันมานี้พวกเขาเตรียมการจะจับกุมคนลึกลับหน้ากากผี แต่ก็เกรงว่าเสินเนี่ยนโม่จะขัดขวาง ดังนั้นเฟิงชิงซ่างเหรินจึงออกอุบาย ให้ผู้อื่นโป้ปดว่าพบเบาะแสของเจ้าวังน้อยผู้นั้นแล้ว ให้เขาปลีกตัวจากไปไกลๆ…
ปลีกตัวไปยังชั้นฟ้าที่สาม!
ชั้นฟ้าที่สามอยู่ห่างจากที่นี่ไปนับหมื่นลี้ ต่อให้เป็นเสินเนี่ยนโม่ที่มีฝีเท้ารวดเร็วถึงเพียงนั้น ก็ยังต้องใช้เวลาหนึ่งวันถึงจะกลับมาได้
ช่วงรุ่งสางเฟิงชิงซ่างเหรินยังพูดคุยกับเสินเนี่ยนโม่อยู่สองสามประโยคด้วย ทราบว่าเขาเพิ่งจะไปถึงชั้นฟ้าที่สาม กำลังจะเสาะหาที่พำนักของเจ้าวังน้อยผู้นั้น
กลับคาดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งผ่านไปหนึ่งวัน เขาก็กลับมาแล้ว!
คงมิใช่ว่ามีแจ้งเขาให้ทราบกระมัง?!
มิเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับมาเร็วขนาดนี้…
อวี่หังเจินเหรินมองไปที่ซือชิง ซือชิงหดคอทันที เอ่ยอ้อมแอ้มว่า “เป็นศิษย์เองขอรับ…ศิษย์แจ้งให้ศิษย์พี่ใหญ่ทราบ บอกว่าคนลึกลับหน้ากากผีจะบุกมาหาศิษย์พี่ใหญ่…”
อวี่หังเจินเหรินพูดไม่ออกเลย เขาอยากจะซัดไอ้ศิษย์โง่คนนี้ให้กระเด็นไปไกลๆ ยิ่งนัก!
พอเสินเนี่ยนโม่ได้ยินข่าวนี้ก็รีบกลับมาโดยไม่หยุดพัก แต่เขากลับมาช้าเกินไป!
ศึกใหญ่ยุติลงแล้ว ทุกหนทุกแห่งล้วนพังเสียหายยับเยิน บนพื้นมีโลหิตอยู่ไม่น้อย มองออกว่าศึกใหญ่ครั้งนี้น่าสลดมากเพียงใด…
สีหน้าเขาซีดเซียว นิ้วมือสั่นสะท้านเล็กน้อย โชคดีที่เขาทราบมาจากเหล่าศิษย์พวกนั้นที่สอดปากแย่งกันเล่าเรื่องว่ากู้ซีจิ่วไม่ได้ประสบเหตุร้ายใดๆ เพียงบาดเจ็บสาหัสและหลบหนีไปแล้ว…
เขาตั้งสติเล็กน้อย หยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงแผ่นนั้นออกมาทันที เป็นฝ่ายติดต่อหานางก่อน…
ยันต์ถ่ายทอดเสียงเปล่งแสงกะพริบอยู่ในฝ่ามือเขา ทว่าไม่มีคนรับสาย
ในใจเขาค่อนข้างกระวานกระวาย ติดต่อต่อเนื่องกันกว่าสิบครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ ผลคือ…ยังคงไม่มีการตอบรับเช่นเดิม
นางบาดเจ็บจนสลบไปแล้วหรือ? หรือว่าทำยันต์ถ่ายทอดเสียงหายระหว่างที่ต่อสู้? หรือว่าพังไปแล้ว?
———————————-