ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1977+1978

บทที่ 1977+1978

บทที่ 1977 ค้นหาต่อไป 3

เจ้านายลูกน้องสนทนาปราศรัยกันสองสามประโยค หลงซือเย่ตกลงเป็นผู้คุ้มกันให้ในระหว่างที่กู้ซีจิ่วรักษาอวิ๋นเยียนหลี ควบตำแหน่งลูกมือด้วย

หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพัก กู้ซีจิ่วก็ให้อวิ๋นเยียนหลีไปนั่งสมาธิฟื้นฟูก่อน เธอจะไปจัดเตรียมตัวยาเหล่านั้น หลงซือเย่ติดตามออกมาด้วย ช่วยเหลืออยู่ข้างกายเธอ

“ซีจิ่ว…” หลงซือเย่คล้ายว่ามีวาจาที่ยากจะเอื้อยเอ่ยอยู่บ้าง

กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง “หือ? ท่านมีอะไรก็พูดมาตามตรงเถอะ กับข้าไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม”

ด้วยเหตุนี้หลงซือเย่จึงเอ่ยขึ้นตรงๆ “เจ้าคิดว่าเรื่องราวเหล่านั้นที่องค์ชายอวิ๋นเล่ามีความน่าเชื่อถือกี่ส่วน?”

กู้ซีจิ่วชะงักไปนิด เงยหน้ามองเขา “ท่านสงสัยอะไร?”

หลงซือเย่กล่าวไปว่า “ข้ารู้สึกอยู่ตลอดว่าเรื่องนี้บังเอิญเกินไป ไม่ค่อยถูกต้อง เจ้าไม่สงสัยสักนิดเลยจริงหรือ?”

กู้ซีจิ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ใช่ว่าข้าไม่สงสัยเลย ถึงขั้นที่สงสัยว่าผู้บงการเบื้องหลังเจ้าวังน้อยก็คือเขาด้วยซ้ำ…เพียงแต่ ข้าตรวจสอบบาดแผลเขาดูแล้ว เป็นแผลเก่ามีอายุจริงๆ และที่สองขาของเขาใช้การไม่ได้ก็เป็นเหตุมาจากการถูกพิษ พิษในร่างเขามีมากมายหลายชนิด น่าจะเกี่ยวข้องกับการกินโอสถพิษสารพัดอย่าง พิษแทรกซึมลึกเข้าในเส้นเลือด ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ภายในสามปีห้าปี หากนี่เป็นการใช้แผนเคี่ยวกรำตัวเองเพื่อตบตาข้า ก็ไม่อาจเป็นเช่นนี้ได้”

หลงซือเย่ถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก สายตาที่มองกู้ซีจิ่วเจือแววเลื่อมใสไว้ “ซีจิ่ว ยังคงเป็นเจ้าที่ละเอียดรอบคอบ”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้านิดๆ หากว่าเธอไม่รอบคอบ ก็คงไม่มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้

เธอไม่ระแวงในตัวสหาย กับเพื่อนฝูงต้องมีน้ำใสใจจริงต่อกัน แต่หากว่าเป็นสหายที่แยกจากกันไปนานหลายปี ในใจเธอยังคงมีความระแวดระวังอยู่ ถึงอย่างไรระยะเวลาหลายปีก็เพียงพอที่จะทำให้นิสัยคนเปลี่ยนแปลงไปได้…

กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง สั่งการหลงซือเย่ “ครูฝึกหลง เรื่องที่อวิ๋นเยียนหลียังมีชีวิตอยู่พยายามเก็บงำไว้ก่อนเถิด ไม่จำเป็นต้องให้ฝ่าบาททราบ”

หลงซือเย่ก็เข้าใจเช่นกัน พยักหน้ารับ “เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่…องค์ชายอวิ๋นจะยอมอยู่อย่างปิดบังฐานะไปตลอดหรือ?”

แผ่นดินนี้ผลัดผู้ถือครองแล้ว ธิดาของจักรพรรดิองค์เก่าที่ยังอยู่ได้รับการปฏิบัติด้วยอย่างมีเมตตา เพราะไม่มีสิ่งใดเลย จึงไม่ทำให้จักรพรรดิองค์ใหม่คลางแคลง แต่หากว่าองค์ชายของจักรพรรดิองค์เก่ายังมีชีวิตอยู่ ก็ยากจะเลี่ยงไม่ให้จักรพรรดิองค์ใหม่คลางแคลงได้

ตามกลยุทธ์ทางการเมืองโดยทั่วไปแล้ว จักรพรรดิองค์ใหม่จะใช้สารพัดแผนการเพื่อถอนรากถอนโคนองค์ชายในราชวงศ์ก่อนให้สิ้นซากไป โดยเฉพาะองค์ชายที่เคยสง่างามปราดเปรื่องเช่นอวิ๋นเยียนหลี

ถึงแม้ในอดีตจักรพรรดิองค์ใหม่จะเคยเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของอวิ๋นเยียนหลี ทว่าไม่ได้แปลว่าจักรพรรดิองค์ใหม่จะจุดธูปนมัสการอวิ๋นเยียนหลี…

ดังนั้นถ้าอวิ๋นเยียนหลีต้องการใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป ก็ทำได้เพียงปกปิดซื่อแซ่ฐานะเท่านั้น

กู้ซีจิ่วค่อนข้างปวดหัวจริงๆ อวิ๋นเยียนหลีเป็นสหายของเธอ ปีนั้นเคยช่วยเหลือเธอไว้มากมายนัก เธอไม่อยากให้เขาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ทำได้เพียงบอกกล่าวกันไปทีละขั้นเท่านั้น

เธอจะพยายามกล่อมให้เขาออกห่างจากเกมการเมือง แน่นอน ถ้าหากว่าอวิ๋นเยียนหลีไม่เห็นด้วย เธอก็จนปัญญาเช่นกัน เธอพยายามเต็มที่แล้ว…

กู้ซีจิ่วรักษาให้อวิ๋นเยียนหลีอยู่สองวัน ขั้นตอนการรักษานี้ค่อนข้างซับซ้อน ไม่อาจบรรยายรายละเอียดได้ หลงซือเย่คอยติดตามให้ความช่วยเหลือตลอดกระบวนการรักษา

ผ่านไปสองวัน พิษบนร่างอวิ๋นเยียนหลีถูกกู้ซีจิ่วขจัดออกไปอย่างหมดจดสมบูรณ์ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ถูกพิษมาเนิ่นนานปานนี้ ชีพจรยากจะฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ในชั่วขณะได้ พลังยุทธ์ก็เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวจากในอดีต

โชคดีที่หลังจากการรักษานี้สิ้นสุดลง ในที่สุดเขาก็สละรถเข็นทิ้ง ลุกขึ้นยืนได้แล้ว! สามารถเดินเหินได้ตามปกติ ถึงขั้นที่สามารถโคจรพลังวิญญาณใช้วิชาตัวเบาได้

หลังจากความสามารถในการเคลื่อนไหวของเขากลับมา ก็ปลอมตัวไปเยี่ยมพี่สาวเขาที่พำนักอยู่ในตำหนักอย่างสันโดษ สองพี่น้องพบหน้ากัน ย่อมมีทั้งสุขทั้งโศก

อย่างไรเสียอวิ๋นเยียนหลีเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นท่ามกลางวังวนการเมือง รู้จักได้และเสีย

————————————————————————————-

บทที่ 1978 ค้นหาต่อไป 4

ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่นาน พูดคุยกับพี่สาวเกือบหนึ่งชั่วยาม ก็ขอตัวอำลาไป

ยามที่พวกเขาพี่น้องสนทนากันอยู่ในห้อง กู้ซีจิ่วรออยู่ด้านนอกตลอด

ถึงอย่างไรองค์หญิงอวิ๋นก็พำนักอยู่ในชั้นฟ้าที่แปดที่มีการคุ้มกันอย่างเข้มงวดกวดขัน ด้วยวรยุทธ์ของอวิ๋นเยียนหลีในยามนี้ เขาไม่มีทางลอบเข้าไปหาพี่หญิงของตนอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอยได้

ยามที่อวิ๋นเยียนหลีออกมา ดวงตาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มา

กู้ซีจิ่วไม่ได้พูดอะไร พาเขาจากไปทันที

กู้ซีจิ่วพาเขาออกมาจากชั้นฟ้าที่แปด ไปยังชั้นฟ้าที่หกซึ่งมีเซียนและมารอาศัยอยู่ปะปนกัน ถามว่าเขาวางแผนอย่างไรต่อ

อวิ๋นเยียนหลีถอนหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง ยิ้มขื่นๆ แล้วเอ่ย “เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว ข้าจะมีแผนอะไรได้เล่า? ข้าคิดจะตามหาเสด็จพ่อของข้าก่อน ถึงอย่างไรเขาก็แค่หายตัวไป…”

กู้ซีจิ่วลอบส่ายหน้า จักรพรรดิอวิ๋นหายตัวไปเนิ่นนานปานนี้ มีความเป็นได้ว่าจะเคราะห์ร้ายมากกว่าดี ความเป็นไปได้ที่ยังมีชีวิตอยู่น้อยนิดยิ่งนัก เขาคงตามหาได้เพียงความว่างเปล่า

เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ซ้ำยังกล่าวเสริมไปอีกสองสามประโยค “องค์ชาย ในแดนมนุษย์การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนราชวงศ์นั้นเป็นเรื่องตายตัว ในทวีปเสินโม่แห่งนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน ยุคสมัยของราชสกุลหนึ่งไม่อาจยืนยาวค้ำฟ้าได้ ในปีนั้นเสด็จพ่อของท่านกระทำเรื่องที่บั่นทอนจิตศรัทธาของปวงชนจริงๆ และทำให้ขุนนางแม่ทัพมากมายตรอมตรมสิ้นหวัง ยามนี้เมื่อเย่เทียนหลีขึ้นครองแผ่นดิน ท่านก็เห็นแล้วนี่ ใต้หล้านี้สงบสุขยิ่งนัก ประชาชนก็อยู่เย็นเป็นสุข องค์ชายคิดให้กว้างหน่อยเถิด อย่าได้หมกมุ่นยึดติดเกินไปเลย เลี่ยงไม่ให้สุดท้ายแล้วเป็นการชักภัยมาใส่ตัว กลับกลายเป็นเลวร้ายไป”

นัยน์ตาดำขลับของอวิ๋นเยียนหลีร่อนลงบนร่างเธอ “ซีจิ่ว ข้ารู้ว่าเจ้าพูดเช่นนี้เพราะหวังดีต่อข้า เพียงแต่…”

เพียงแต่ในใจของเขายังคงไม่ยินยอม! แผ่นดินสกุลอวิ๋นของเขาผลัดผู้ถือครองแล้ว และในอดีตเขาก็เป็นถึงองค์ชายผู้สง่างามสูงศักดิ์คนหนึ่ง ยามนี้กลับทำได้เพียงอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ปานหนูเฒ่าข้างถนน ถึงขั้นที่ไม่กล้าเผยฐานะด้วยซ้ำ ยามที่ออกไปข้างนอกก็ต้องแปลงโฉม

กู้ซีจิ่วย่อมเข้าใจสภาพจิตใจของเขาในตอนนี้ แต่หากว่าเขาคิดไม่ตก ก็มีแต่ทำให้ตนเป็นทุกข์…

เธอก็สามารถช่วยเหลือเขาได้เพียงเท่านี้ ดังนั้นจึงตบไหล่อวิ๋นเยียนหลีเบาๆ “องค์ชาย เป็นคนต้องรู้จักปล่อยวาง โดยเฉพาะยามที่สถานการณ์โดยรวมถูกตัดสินไปแล้ว มิเช่นนั้นก็มีแต่จะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น ไม่มีส่วนช่วยอะไรเลย ด้วยความสามารถของท่าน ต่อให้ไม่ได้เป็นองค์ชายแล้ว ภายหน้าก็ยังสามารถปรับตัวดั่งมัจฉาต้องวารีได้…เอาล่ะ ข้าก็พูดได้เท่านี้ ท่านคิดเองให้มากๆ เถิด ข้าต้องขอตัวลาแล้ว”

เธอโอ้เอ้อยู่เกือบสามวันแล้ว ต้องไปตามหาเสินเนี่ยนโม่แล้ว ถือโอกาสไปดูด้วยว่าพิษของศิษย์น้องเขาได้รับการแก้ไขหรือยัง

อวิ๋นเยียนหลีค่อนข้างหักใจไม่ลงอยู่บ้าง แต่เขาก็ทราบว่าหากกู้ซีจิ่วตัดสินใจอะไรไปแล้ว เช่นนั้นจะเป็นคนใดหรือเรื่องใดก็ไม่อาจเหนี่ยวรั้งกลับมาได้

ดังนั้นเขาจึงยิ้มให้กู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง “ซีจิ่ว บุญคุณยิ่งใหญ่จนเกินจะเอื้อนเอ่ยได้ ไม่ว่าวันหน้าข้าจะเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายก็ยังได้รับอิสระ ข้าจะใคร่ครวญถ้อยคำของเจ้าดู พวกเราจะยังมีโอกาสได้พบกันอีกหรือไม่?”

“มีวาสนาย่อมได้พบพานกันอีก เอาล่ะ ถ้ามีโอกาสพวกเราค่อยพบกันใหม่” ซีจิ่วก็ไม่ได้หันกลับ เพียงโบกมือไปทางด้านหลัง แล้วใช้วิชาเคลื่อนย้ายจากไป

อวิ๋นเยียนหลีนั่งอยู่ในห้อง มองจุดที่กู้ซีจิ่วหายลับไปเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจแผ่วๆ “ซีจิ่ว ข้าเชื่อว่าจะมีวันนั้นที่พวกเราได้พบกันอีก และไม่ได้นานจนเกินไปด้วย…”

….

กู้ซีจิ่วยืนอยู่บนหลังคาของอาคารหลังหนึ่ง หยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมา หลุบตามองอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเปิดใช้ เริ่มติดต่อหาเสินเนี่ยนโม่ และเป็นเช่นที่ผ่านมา อีกฝ่ายไม่มีท่าว่าจะรับสายเลย

———————————–

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท