บทที่ 2017 เจ้าคิดจะทำการค้าอันใด?
เฟิงชิงซ่างเหรินมองเขาด้วยสายตาที่ราวกับมองผู้ต้องหา “เนี่ยนโม่ มิใช่ว่าเจ้าตัดขาดเหล่าอาจารย์ไปแล้วหรือ? กลับมาอีกทำไม?” ในใจยังคงคาดหวังให้เขากลับใจยอมรับความผิด…
บนหน้าของตี้ฝูอีสวมหน้ากากไว้ ริมฝีปากชมพูระเรื่อยกขึ้นแวบหนึ่ง “ซ่างเหริน ผู้เยาว์มิได้มาหาท่าน”
เฟิงชิงซ่างเหรินเงียบไปทันที วาจานี้ที่ตี้ฝูอีเอ่ยออกมา เห็นได้ยังว่ายังคงไม่เอาอาจารย์อยู่ดี
เฟิงชิงซ่างเหรินรู้สึกเพียงว่ามีโลหิตเก่าๆ ติดค้างอยู่ในลำคอ “เช่นนั้นเจ้ามาทำอะไร?!”
ตี้ฝูอีก็ตรงไปตรงมายิ่งนัก “ทำการค้า”
เฟิงชิงซ่างเหรินทั้งโกรธเคืองทั้งสิ้นหวัง “การค้าอะไร?”
“เจ้าจะทำการค้ากับเหล่าอาจารย์หรือ?!”
“เนี่ยนโม่ บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดที่ต่อรองทำการค้ากับอาจารย์ได้!” คนอื่นๆ ก็พากันเปิดปากเอ่ยเช่นกัน โกรธเคืองยิ่งนัก
แววตาของตี้ฝูอีเยียบเย็นลงเล็กน้อย ยิ้มแวบหนึ่ง “ในบรรดาทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ดูเหมือนจะมีเพียงอวี่หังเจินเหรินเท่านั้นที่เคยถ่ายทอดวรยุทธ์ให้ข้ามิใช่หรือ?”
ทุกคนเงียบงันไป นี่ก็ถูก!
อวี่หังเจินเหรินพลันยืดอก ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ตี้ฝูอีก็ตัดบททันที “ข้าร่ำเรียนเวทวิชาจากอวี่หังเจินเหรินทั้งหมดสี่บท และข้าก็เคยปรับแก้เคล็ดหลักของสี่วิชานี้ให้สมบูรณ์แบบขึ้นแล้ว เติมเต็มช่องโหว่ทั้งหมดให้ ทำให้สี่วิชานี้ลำเลิศขึ้นไปอีกขั้น อวี่หังเจินเหริน ข้าพูดถูกหรือไม่?”
อวี่หังเจินเหรินไม่อาจปฏิเสธได้เลย
สี่เคล็ดวิชานั้นหลังจากได้รับการปรับปรุงจากเสินเนี่ยนโม่ อานุภาพก็พุ่งทะยานขึ้นหนึ่งส่วน! ซ้ำยังถ่ายทอดเคล็ดวิชาฉบับที่ปรับปรุงแล้วทั้งสี่วิชาให้แก่อาจารย์อย่างไม่หวงแหน ทำให้บรรดาศิษย์น้องชายหญิงของเขาฝึกฝนได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เดิมทีเป็นวิชาที่ต้องใช้เวลาหนึ่งปีถึงจะเชี่ยวชาญ หลังจากผ่านการปรับปรุงของเขา เพียงสองเดือนก็เชี่ยวชาญแล้ว
“เนี่ยนโม่ เจ้าสร้างความชอบให้สำนักแล้ว” อวี่หังเจินเหรินทอดถอนใจ
“เช่นนั้นความชอบของข้าสามารถหักล้างกับบุญคุณที่เคยได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาทั้งสี่นั้นจากอาจารย์ได้หรือไม่?”
อวี่หังเจินเหรินผงะไปเล็กน้อย “แน่นอน…” อันที่จริงพอคิดๆ ดู การที่เขารับศิษย์อย่างเสินเนี่ยนโม่ก็นับว่าได้กำไรแล้ว! เนื่องจากเขาก็ทำให้หุบเขาไร้พันธะของเขาเรืองอำนาจขึ้นมา
“นี่ก็ใช่ ข้าไม่ได้ติดค้างอะไรพวกท่านเลย และได้ประกาศไว้ชัดเจนแล้วว่าจะไม่กราบผู้ใดเป็นอาจารย์อีก เช่นนั้นเหตุใดจะทำการค้ากับพวกท่านไม่ได้เล่า?”
วาจาของตี้ฝูอีสกัดกั้นให้ทุกคนพูดไม่ออกเลย
“เจ้าคิดจะทำการค้าอันใด?” อวี่หังเจินเหรินสอบถามอย่างอดใจไว้ไม่อยู่
ตี้ฝูอียื่นมือออกมา กลางฝ่ามือมีขวดเล็กๆ ใบหนึ่งส่องประกายอยู่ใต้แสงตะวัน “นี่คือพิษงูดอกท้อ ข้าคิดจะใช้มันแลกเปลี่ยนกับยารักษาวิชาแยกสิงคีของซานจิ่งเจินเหริน”
ทุกคนเงียบไปอีกครั้ง
ซานจิ่งเจินเหรินโพล่งออกมา “หญิงแพศยานางนั้นยังไม่ตายรึ?!” ในใจก็ไม่ทราบเช่นกันว่าโล่งอก หรือว่าโกรธเคืองยิ่งกว่าเดิม เมื่อเอ่ยถึงหญิงแพศยาผู้นั้น กล่องดวงใจของเขาก็เริ่มเจ็บขึ้นมาตามสัญชาตญาณ…
สายตาของตี้ฝูอีหันเหไปที่ใบหน้าเขา “นางคือคนสำคัญที่สุดของข้า ซานจิ่งเจินเหรินโปรดพูดจาให้เกียรติกันบ้าง!”
ซานจิ่งเจินเหรินหน้าม้านแล้ว
ถูกผู้เยาว์คนหนึ่งติเตียน โดยเฉพาะถูกผู้เยาว์คนหนึ่งติเตียนต่อหน้าเหล่าศิษย์ทำให้เขาจมไม่ลงอยู่บ้าง เอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “หญิงแพศยาผู้นี้เล่นสกปรก…”
ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว กู้ซีจิ่วยังไม่ได้บอกเรื่องที่เตะผ่าหมากซานจิ่งเจินเหรินกับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจประโยคนี้ของซานจิ่งเจินเหรินอยู่บ้าง มองไปที่ซานจิ่งเจินเหรินอีกแวบหนึ่ง…
เขาเป็นหมอ ดูสีหน้าท่าทางก็บอกอาการได้แล้ว ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดเขาก็มองออกว่าท่ายืนของซานจิ่งเจินเหรินไม่ใคร่ถูกต้องนัก คล้ายกับถูกเตะผ่าหมากมา…
ตี้ฝูอีทอดถอนใจอยู่ภายในใจ มิน่าเล่ากู้ซีจิ่วถึงไม่คาดหวังว่าจะได้ยารักษาจากเขา…
นางช่างห้าวหาญโดยแท้! ลูกเตะเช่นนี้นางเตะออกไปได้อย่างไร?!
ตี้ฝูอีนิ่งไปครู่หนึ่ง หยิบขวดยาใบหนึ่งออกมาจากร่าง โยนให้ซานจิ่งเจินเหริน “ใช้ยานี้ละลายน้ำแล้วนั่งแช่ จะทำให้อาการบาดเจ็บของท่านหายดีภายในสามวัน”
ซานจิ่งเจินเหรินหน้าแดงเถือกแล้ว เพียงแต่ยังคงรับไว้ในมือ โอสถที่ตี้ฝูอีพกติดตัวส่วนมากล้วนเป็นตำรับลับของมหาเทพ มีฤทธิ์มหัศจรรย์
————————————————————————–
บทที่ 2018 ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ต้องการนางแล้ว…
ท้ายที่สุด ซานจิ่งเจินเหรินก็ยังคงมอบยารักษาสูตรเฉพาะสำหรับวิชาแยกสิงคีให้แก่ตี้ฝูอี เหตุผลแรกเนื่องจากโอสรถวิญญาณที่มอบให้เขามาได้ผลมากจริงๆ เมื่อเขาแช่ไปหนึ่งครั้งความเจ็บปวดนั้นก็บรรเทาลงไปมากนัก
ประการที่สองคือหลังจากบรรเทาพิษให้ชิงหลัวไปกึ่งหนึ่ง ถึงแม้จะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ทั้งร่างยังคงเจ็บปวดทุกข์ทรมานเช่นเดิม กรีดร้องโหยหวนอยู่ทุกวัน รบกวนจนคนทั้งหุบเขาอยู่ไม่เป็นสุข ซานจิ่งเจินเหรินก็ถูกนางรบกวนจนนอนไม่หลับทั้งคืน ซ้ำยังไม่อาจซัดฝ่ามือใส่เพื่อให้นางหุบปากได้
ยามนี้เมื่อตี้ฝูอีนำพิษงูดอกท้อมาแลกเปลี่ยน ก็สมน้ำสมเนื้อกับยารักษาจริงๆ ดีร้ายอย่างไรก็ทำให้เขาสบายหูขึ้นบ้าง
ยามที่ตี้ฝูอีรับยารักษาแล้วกำลังจะจากไป อวี่หังเจินเหรินก็อดไม่ได้ที่จะรั้งเขาไว้ เอ่ยถามเขาประโยคหนึ่ง “เนี่ยนโม่ เจ้ากับชิงหลัวนับว่าเติบโตมาด้วยกัน นางก็เป็นศิษย์ของเจ้านะ เคารพเลื่อมใสเจ้ายิ่งนักเสมอมา เจ้าเองก็เคยห่วงใยนางยิ่งนัก…ครั้งนี้หากว่าซานจิ่งเจินเหรินไม่ทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้า เจ้าจะหักใจมองศิษย์น้องของตนทรมานเหมือนตายทั้งเป็นได้จริงๆ น่ะหรือ?”
ฝีเท้าของตี้ฝูอีชะงักไปเล็กน้อย สายตาร่อนลงบนร่างของอวี่หังเจินเหริน กล่าวอย่างเฉยชาว่า “คราก่อนที่ชิงหลัวถูกพิษ ชีวิตตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ผู้ที่ช่วยเหลือนางไว้ได้ทันกาลก็คือหญิงแพศยาที่พวกท่านเรียกกัน ชิงหลัวพูดจาไร้มารยาทกับนางเสมอมา นางกลับไม่ถือสาหาความด้วยเลย ตามหางูดอกท้อแทบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว…ชีวิตของชิงหลัวกับซือชิงเดิมทีก็เป็นนางที่ช่วยเอาไว้ บุญคุณช่วยชีวิตเทียมฟ้า ต้องแทนคุณเท่าสายธาร แต่ชิงหลัวทำอะไรเล่า? ไม่เพียงแต่ไม่สำนึกบุญคุณเท่านั้น ยังว่ากล่าวผู้อื่นด้วยเจตนาร้ายต่อหน้าผู้คน หมิ่นแคลนผู้มีพระคุณ…คนเช่นนี้ช่างทำให้ผู้อื่นหมดคำพูดจริงๆ ข้าไม่มีศิษย์น้องแบบนี้! เมื่อก่อนข้าห่วงใยนางจริงๆ ตอนนี้ข้าถึงได้เข้าใจว่าข้าหน้ามืดตามัวไป! ศิษย์น้องเช่นนี้ไม่ช่วยก็ไม่เห็นเป็นไร หากว่าซานจิ่งเจินเหรินไม่นำยารักษามาแลกเปลี่ยน ข้ายินดีทำลายขวดพิษงูนี้เสีย ไม่มอบให้นำไปทำยาถอนพิษแก่ชิงหลัว เพราะว่า…นางไม่คู่ควร!”
ยากนักที่ตี้ฝูอีจะพูดจายาวเหยียดถึงเพียงนี้ อวี่หังเจินเหรินตะลึงงันไปแล้ว เบิกตามองตี้ฝูอีสาวเท้าจากไป
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าตี้ฝูอีตำหนิชิงหลัว แต่อวี่หังเจินเหรินกลับรู้สึกว่าใบหน้าชราของตนค่อนข้างร้อนผ่าวเช่นกัน…
เขายืนอยู่ตรงนั้นเหม่อลอยอยู่บ้าง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลัง จึงหันหลังไป มองเห็นชิงหลัวที่หน้าขาวซีดยืนอยู่ด้านหลังประตู
พิษงูบนร่างนางได้รับการแก้ไขแล้ว ความเจ็บปวดที่รุมเร้าให้นางอยู่มิสู้ตายก็หายไปแล้วเช่นกัน แต่เนื่องจากถึงอย่างไรก็ถอนพิษช้าเกินไป วรยุทธ์ของนางจึงสูญสิ้นไปด้วย
นางย่อมได้ยินว่าศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้นำยาถอนพิษกลับมาให้ ดังนั้นหลังถอนพิษในร่างได้แล้ว ก็ไม่คำนึงถึงสังขารที่อ่อนแอ แล่นมาพบเขา กลับได้ยินเพียงวาจาในตอนสุดท้ายเหล่านั้นของตี้ฝูอี
นางประหนึ่งได้รับการโจมตีอย่างหนักหนา ยืนอยู่ตรงนั้นดวงหน้าพริ้มเพราเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด เท้าอ่อนแรง แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว
ที่แท้ศิษย์พี่ใหญ่ก็มาเพื่อแลกยารักษาให้นังแพศยาคนนั้น
ที่แท้ศิษย์พี่ใหญ่ก็ยินดีทำลายยาทิ้งดีกว่ามอบให้นางใช้…
ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ต้องการนางแล้ว…
อวี่หังเจินเหรินหันหลังไป ชิงหลัวก็เบะปาก ร้องไห้โฮออกมา! เสียอกเสียใจอย่างยิ่ง…
อวี่หังเจินเหรินโมโหจนเก็บไม่อยู่แล้ว “เจ้ายังมีหน้ามาร้องอีกหรือ?! หากมิใช่เพราะเจ้าเสี้ยมเสริมยุยง ไหนเลยจะเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา?! อายุยังน้อยไม่รู้จักใฝ่เรียน กลับเรียนรู้อุบายของสตรีปากเปราะเสียได้…”
ปกติแล้วอวี่หังเจินเหรินเอ็นดูชิงหลัวยิ่ง ถึงอย่างไรลูกศิษย์หญิงก็มีอยู่น้อย ประกอบกับยามปกติชิงหลัวเฉลียวฉลาดปราดเปรียว ปรนนิบัติเอาใจอวี่หังเจินเหรินยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้จึงได้รับความเอ็นดูอย่างยิ่ง
แต่ระยะนี้กิริยาศิษย์หญิงคนนี้กลับทำให้เขาขัดเคืองจริงๆ ถึงขั้นที่ค่อนข้างรังเกียจด้วยซ้ำ
เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาพูดจารุนแรงใส่ชิงหลัวเช่นนี้ ชิงหลัวตกตะลึงจนน้ำตาหดหายกลับไป แต่ยังคงไม่ยินยอมอยู่
————————————————————————————-