บทที่ 2023 เขาเคยฝันแบบนี้!
กู้ซีจิ่วต้องการคลายความเบื่อหน่ายให้ตัวเอง จึงมองเขาตกอยู่ด้านข้าง
ต้นไม้ริมทะเลสาบเขียวชอุ่มให้ร่มเงา บุปผาเซียนโยกไหว ในอากาศอบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้ใบหญ้า
ระหว่างที่หลงซือเย่อยู่ก็มองดูนางไปด้วย นางกำลังเล่นก้อนหินอยู่ด้านข้าง โยนกรวดกว่าสิบก้อนขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในมือ ก้อนกรวดนั้นหลากสีสันปะปนกันไป ก่อตัวโค้งเป็นเส้นโค้งนับไม่ถ้วนในมือนาง ส่องสะท้อนแสงตะวัน น่ามองอย่างยิ่ง
มือของนางปราดเปรียวเหนือธรรมดา…
หลงซือเย่พลันใจเต้นแรง! ราวกับเขาเคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงโพล่งถามออกไปประโยคหนึ่ง “ซีจิ่ว พวกเราเคยทำแบบนี้มาก่อนใช่ไหม?”
ก้อนหินในมือของกู้ซีจิ่วร่วงลงมาด้านล่าง เธอยิ้มแวบหนึ่ง “คนเรามีช่วงเวลาที่รู้สึกคล้ายว่าว่าเคยประสบพบเจอเหตุการณ์อย่างหนึ่งมาก่อน แต่อันที่จริงแล้วเป็นความรู้สึกหลอนอย่างหนึ่งเท่านั้น” พลางยืดคอมองในถังของเขา “หวา ตกได้สามตัวแล้ว เอามาทำอาหารกินได้แล้ว ไม่ต้องตกเพิ่มแล้วล่ะ จะเป็นการฟุ่มเฟือยมากเกินไป”
ที่แท้ก็เป็นแค่ความรู้สึกหลอนอย่างหนึ่งงั้นหรือ?
ในใจหลงซือเย่ผิดหวังอยู่บ้าง ไม่ครุ่นคิดถึงปัญหานี้อีก ปล่อยปลาตัวนี้ไปจริงๆ
ทั้งสองก่อกองไฟขึ้นริมทะเลสาบแห่งนี้
กู้ซีจิ่วนั่งกอดเขาอยู่ตรงนั้น มองเขายุ่งง่วน ในใจสั่นไหวเล็กน้อย ในยุคปัจจุบันเธอเคยทำแบบนี้กับหลงซือเย่มาก่อนจริงๆ หลงซือเย่ไม่ได้จำผิดไป
ตอนนี้เขาสูญเสียความทรงจำในเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ช่วงเวลาที่เขาประสบเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ยังคงมีความรู้สึกคุ้นเคยอยู่…
แล้วตัวเธอล่ะ?
ตอนที่เธอกับเสินเนี่ยนโม่อยู่ด้วยกัน ก็มักจะมีความรู้สึกคุ้นเคยคล้ายเคยประสบมาก่อนเสมอ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ทำการรักษาอยู่ในอ่างไม้ เธอมีความรู้สึกคุ้ยเคยที่แรงกล้านัก
เช่นนั้นเธอกับเสินเนี่ยนโม่ก็เคยประสบเรื่องเหล่านี้ด้วยกันมาก่อนหรือ?
หรือว่าเสินเนี่ยนโม่จะเป็นหวงถูกลับชาติมาเกิด?!
เธอถูกความคิดของตนทำเอาตกใจ ก้อนหินในมือร่วงลงในแอ่งที่อยู่ไม่ไกลเสียงดังจ๋อม กระเพื่อมไหวเป็นวง เสมือนระลอกคลื่นในใจเธอ…
เป็นไปไม่ได้กระมัง?!
หวงถูจากโลกไปหลายร้อยปีแล้ว แต่เสินเนี่ยนโม่เพิ่งอายุเท่านี้…
อีกอย่างตามที่เสียงลึกลับนั้นกล่าวไว้ เสินเนี่ยนโม่คือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์กลับชาติมาเกิด เป็นไปได้หรือไม่ว่าหวงถูก็เป็นร่างอวตารของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ด้วย?
หวงถูในความทรงจำของเธอก็เป็นผู้พิทักษ์ลิขิตสวรรค์เช่นกัน การล่วงลับของเขาก็น่าจะเป็นสวรรค์ที่ลิขิตชะตาเช่นนี้
หากว่าเขาเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ หวงถูในอดีตก็น่าจะเปลี่ยนแปลงชะตาของตนได้ง่ายดายยิ่งนักมิใช่หรือ? หากว่าเขาไม่อยากตายดังว่า ด้วยความสามารถของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์คงเปลี่ยนแปลงได้สบายๆ ยิ่งนัก
ตัวเขาที่เห็นในภาพหลอนของเธอรักตัวเองยิ่งนัก เขารักเธอมากมายขนาดนั้น จะหักใจทิ้งเธอไว้คนเดียวได้อย่างไร?
ดังนั้น…หวงถูน่าจะไม่ใช่เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์…
กู้ซีจิ่วค่อนข้างใจลอยไปชั่วขณะ หลงซือเย่มองนางแวบหนึ่ง พลางยื่นปลาตัวหนึ่งให้เธอ “เจ้ามาจัดการตัวนี้ ฝีมือการย่างของเจ้าไม่เลวเลย ย่างสักตัวไหม?”
กู้ซีจิ่วก็ใจลอย รับมาจัดการตามสัญชาตญาณ ท่ามือของเธอคล่องแคล่วว่องไว มองแวบเดียวก็จัดการได้เสมอมา
หลงซือเย่หลุบตามองนาง ในใจปั่นป่วนรวนเร
เขาเคยฝันแบบนี้!
ฝันว่านางย่างปลาให้เขากิน ท่ามือเหมือนในตอนนี้ทุกกระเบียดนิ้ว!
ซีจิ่ว…
ก่อนที่เขาจะโบยบินขึ้นมา สรุปแล้วมีความเกี่ยวพันกับนางอย่างไรกันแน่? ตนนิสัยเย็นชา ไม่ใช่คนที่จะหวั่นไหวง่ายๆ ทว่าตัดใจจากนางไม่ลง ทุกครั้งที่คิดถึงนาง หัวใจก็สั่นไหว…
และท่าทางที่นางปฏิบัติต่อเขาก็ไม่คล้ายเจ้านายกับลูกน้อง แต่เหมือนสหายที่คุยกันได้ทุกเรื่อง
เขาสูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง คล้ายว่าจะตัดสินอะไรอยู่ เอ่ยหยอกล้อนางเล็กน้อย มุมปากมักจะหยักเป็นรอยยิ้มเสมอ
เมื่อนางยิ้มช่างน่ามองโดยแท้! ดวงตาหยีโค้ง ทำให้หัวใจคนสั่นไหว
เขายกมือขึ้น เกล็ดปลาเล็กๆ แผ่นหนึ่งกระเด็นไปติดหน้าผากนาง นางคล้ายจะใจลอย ไม่ได้สนใจ
———————————————————————–
บทที่ 2024 เห็นเธอเป็นว่าที่ภรรยาจริงๆ…
หลงซือเย่เขยิบเข้าไป ยื่นมือไปปัดเกล็ดปลาออกจากหน้าผากเธออย่างกะทันหัน รอจนปฏิกิริยาตอบสนองของกู้ซีจิ่วกลับมา ท้องนิ้วของเขาก็สัมผัสถูกหว่างคิ้วเธอแล้ว…
เธอหลบเลี่ยงตามสัญชาตญาณ เอนตัวไปด้านหลัง ไม่ทันนึกว่าเท้าชาหนึบแล้ว ซ้ำร่างกายก็อ่อนแอ การเอนนี้ไม่ทันระวัง ร่างกายจึงเอียงล้มไปด้านข้าง!
หลงซือเย่ยื่นแขนเสื้อไปรั้งเธอไว้ตามสัญชาตญาณ กึ่งๆ โอบไว้ในอ้อมแขน
โอบร่างอรชรหอมกรุ่นไว้ในอ้อมแขน จิตใจหลงซือเย่พลันไหวสะท้าน กู้ซีจิ่วกลับผงะไปเล็กน้อย เพียงแต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ “อะไรหรือ?”
หลงซือเย่ติดอ่างเล็กน้อย “เจ้า…มีเกล็ดปลาชิ้นหนึ่งติดบนหน้าผากเจ้า…ขะ…ข้าคิดจะปัดออกให้เจ้า”
กู้ซีจิ่วหมดคำพูด “บนมือท่านก็มีเกล็ดปลาอยู่เหมือนกันกระมัง? มิใช่จะยิ่งมากขึ้นกว่าเดิมหรือ?”
ขณะที่กำลังจะดิ้นออกจากอ้อมแขนเขา มีเสียงดัง ‘แกรก’ แว่วขึ้นไม่ไกล คล้ายว่ามีคนเหยียบกิ่งไม้เข้า
กู้ซีจิ่วกับหลงซือเย่หันไปมองตามเสียง มองเห็นคนผู้หนึ่งยืนท้าลมอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล อาภรณ์ม่วงโบกสะบัด เรือนกายสูงโปร่งดั่งต้นอวี้ หน้ากากทรงผีเสื้อบนใบหน้าส่องแสงวิบวับ
…ตี้ฝูอี! ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกลับมาเร็วขนาดนี้!
ข้างกายเขายังมีสัตว์ร้ายที่มีปีกขาวพิสุทธิ์ตัวหนึ่งอยู่ด้วย คล้ายม้าแต่มิใช่ม้า คล้ายสิงโตทว่ามิใช่สิงโต มีแผงคอสีขาวพิสุทธิ์ พวงหางก็มีลักษณะคล้ายเปลวเพลิง บนศีรษะมีเขาสองอัน ยืนตระหง่านกลางอากาศอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาสีครามเข้มมองลงมายังเบื้องล่าง ราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งได้ เข้าใจทุกอย่าง
ตี้ฝูอีมองคนทั้งสองที่ยังคงโอบกันอยู่ “นี่ท่านทั้งสองทำอะไรกันอยู่?” น้ำเสียงเยียบเย็นรางเลือน
เขาเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งชัดๆ ทว่าอำนาจกลับกล้าแกร่งยิ่ง หัวใจของหลงซือเย่ตึงเครียดทันที กระสับกระส่ายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ประคองกู้ซีจิ่วให้อยู่ตรงๆ และกล่าวอธิบายไปตามสัญชาตญาณ “วันนี้ซีจิ่วรับเนื้อได้บ้างแล้ว ดังนั้นข้าผู้เป็นแม่ทัพจึงตกปลาจะมาย่างให้นาง ให้นางได้เปลี่ยนรสชาติบ้าง”
เมื่ออธิบายจบ ตนก็รู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง อีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรกับกู้ซีจิ่วเสียหน่อย เขาจะอธิบายให้เขาฟังทำบ้าอะไร!
เรือนกายของตี้ฝูอีไหววูบ ร่อนลงสู่พื้น มองดูหม้อ เครื่องปรุงรส รวมถึงกองไฟที่ลุกโชนอยู่บนพื้น จากนั้นก็มองกู้ซีจิ่ว ยิ้มมิเชิงยิ้ม “เห็นทีว่าอาการเจ้าจะไม่เลวเลยนะ สามารถมาตั้งค่ายรอบกองไฟกับผู้อื่นอยู่ที่นี่ได้”
เขาดูเหมือนจะยิ้มอยู่ แต่นัยน์ตากลับไม่มีแววยิ้มหัวอันใดเลย ชัดเจนยิ่งนักว่าฉากที่อยู่เบื้องหน้าทำให้เขาไม่สบอารมณ์นัก…
คราแรกที่กู้ซีจิ่วมองเห็นเขา หัวใจพลันเต้นแรงอย่างน่าประหลาด และโล่งใจด้วยเช่นกัน ในใจยินดีปรีดา
แต่เมื่อเห็นท่าทางของเขาในยามนี้แล้ว…
เหตุใดถึงรู้สึกว่าเขาเป็นสามีที่กำลังจับได้ว่าภรรยามีชู้กันนะ?
กู้ซีจิ่วนึกถึงถ้อยคำเหล่านั้นที่เขาพูดตอนรักษาอาการบาดเจ็บให้ตน…
คล้ายว่าจะคิดจริงจัง เห็นเธอเป็นว่าที่ภรรยาจริงๆ…
เธอมุ่นคิ้วเล็กน้อย ต้องการจะพูดอะไร แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างซีดเซียวของตี้ฝูอีชัดๆ หัวใจพลันสั่นไหวขึ้นมา!
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าอีกห้าหกวันเขาถึงจะกลับมาได้ ทว่ากลับมาได้เร็วกว่ากำหนดถึงกึ่งหนึ่ง ชัดเจนยิ่งนักว่าเขาใช้ความเร็วสุดขีด แถมยังไม่ได้หยุดพักเลยสักนิด…
ในใจเธออุ่นวาบ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใส่ใจวาจาพิกลมีนอกมีในของเขา ลุกขึ้นยืน กวักมือเรียกเขา “ฝูอี ลงมาสิ เจ้าอยากกินปลาไหม?”
เธอดูเป็นสุภาพชนที่ใจกว้างยิ่งนัก
แววตาตี้ฝูอีลุ่มลึกเล็กน้อย เรือนกายไหววูบ กระโดดลงมา เอ่ยอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “อยาก ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว!”
และไม่ทราบว่ามีเจตนาหรือไม่ เขานั่งลงตรงกลางระหว่างกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีพอดี บีบให้หลงซือเย่ต้องถอยไปก้าวใหญ่
หลงซือเย่ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไร สายตาของตี้ฝูอีก็ร่อนลงบนร่างเขา “แม่ทัพหลง ในเมื่อวันนี้มีใจจะลงครัวแล้ว เช่นนั้นก็ทำให้มากหน่อยเถิด”
——————————————————————