บทที่ 2031 ความฝันฤดูใบไม้ผลิที่ไร้สาเหตุ
หัวใจของกู้ซีจิ่วเต้นกระหน่ำกว่าเดิม มีความรู้สึกเลือนรางว่าเธอกับเขาเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ซ้ำเธอยังไม่เคยปฏิเสธความปรารถนาของเขาอย่างจริงจังเลยด้วย และเธอก็โหยหาเขาเหมือนกัน!
เพียงแต่ “แต่ว่าที่นี่…เป็นถิ่นรกร้างกันดาร…”
“เด็กโง่ ใช่แดนรกร้างกันดารที่ไหนกัน? ที่นี่ก็คือห้องนอนของพวกเรามิใช่หรือ?” เขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้ว
ชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนของกู้ซีจิ่วยุ่งเหยิง ยุ่งเหยิงเสมือนหัวใจของเธอ
เครื่องเรือนที่คุ้นเคย ทิวทัศน์ที่คุ้นเคย ม่านเตียงที่คุ้นเคย เตียงนอนที่คุ้นเคย…
การตกแต่งห้องนอนของเธอในหลายปีมานี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย
พวกมู่เฟิงรู้สึกว่าการตกแต่งห้องนอนของเธอเรียบง่ายเกินไป อย่างเช่นฉากกั้นลมไม่วาดลวดลาย ม่านเตียงเป็นสีอ่อน แม้แต่ภาพแขวนผนักสักภาพก็ไม่มี ห้องที่เรียบง่ายขนาดนี้ไม่เหมือนห้องของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เลยจริงๆ
พวกเขาอยากตกแต่งห้องนอนให้เธอใหม่ แต่เธอปฏิเสธไป
ถึงแม้เธอจะไม่ชอบรูปแบบภายในห้องนอน แต่ในจิตใต้สำนึกกลับไม่อยากให้ผู้อื่นมาเคลื่อนย้ายทุกสิ่งในห้องเลย ราวกับอยากหลงเหลืออะไรไว้
หลายปีมานี้เมื่อเธอกลับสู่โลกเบื้องล่างก็จะอยู่ที่ห้องนอนนั้น เห็นการตกแต่งจนคุ้นชินนานแล้ว
ดังนั้นตอนนี้เธอมองแวบเดียวก็จำได้
ถึงแม้จะจำได้แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าการตกแต่งของที่นี่แตกต่างจากเมื่อก่อน
ฉากกั้นลมหลากสีสัน ลายหมอกฝน ณ เจียงหนาน สะพานน้อยข้ามสายธาร ราวกับว่ากะพริบตาแวบเดียว ก็สามารถทำให้คนเข้าสู่ทิวทัศน์ในภาพ กางร่มท่องเที่ยวไปกับคนรัก
บนม่านเตียงก็วาดลวดลายไว้ มัจฉาแหวกว่ายแทรกอยู่ท่ามกลางบึงบัว นกกระยางกลุ่มหนึ่งอยู่ปลายขอบฟ้า
ห้องนอนที่เดิมทีเรียบง่ายจืดจางจู่ๆ ก็เพิ่มสีสันขึ้นมากมาย ราวกับภาพขาวดำที่จู่ๆ ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา มีสีสันสมจริงและสั่นคลอนผู้อื่นได้อย่างยิ่ง
หัวใจเธอเต้นกระหน่ำขึ้นมา พลันรู้สึกว่าห้องนอนในยามนี้สิถึงจะเป็นรูปแบบที่เหมาะกับมัน ทำให้เธอรู้สึกถึงความเป็นบ้าน
บ้าน นานมากแล้วที่เธอไม่มีแนวคิดเช่นนี้…
แน่นอน อาการทึ่มทื่อของเธอก็มีเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
เนื่องจากวินาทีถัดมาเธอถูกเขากดลงเตียงแล้ว…
จุมพิตอันดุเดือดร้อนแรงของตี้ฝูอีคล้ายจะหลอมลายกันและกัน หัวใจเต้นแรง เป็นการเคลื่อนไหวที่คล้ายคุ้นเคยและคล้ายไม่คุ้นเคย ลมหายใจหอบกระชั้นรวนเรแล้ว…
สมองเธอส่งเสียงดังหึ่งๆ ทั้งร่างอ่อนยวบไปหมด หัวใจฝาดเฝื่อนเป็นพักๆ วินาทีนี้ เธอจดจำอะไรไม่ได้แล้ว เพียงตอบสนองเขาไปตามสัญชาตญาณ สัมผัสถึงเขา ราวกับนี่คือกิจวัตรประจำวันของเขาและเธอ เธอย่อมไม่ปฏิเสธอันใด ยินยอมให้เขาแทรกเข้ามา ยอมรับ ‘การรุกราน’ ของเขา ยอมรับทุกสิ่งของเขา…
วินาทีที่เขาโอบกอดเธอ ส่งเธอให้ถึงฝั่งฝัน เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่สั่นพร่า “ฝูอี…”
….
‘เพียะ!’ ไม่ทราบว่าฝ่ามือเธอฟาดถูกอะไรเข้า ร่างกายพลันสะท้าน ลืมตาขึ้นมา
เบื้องหน้าคือม่านมุ้งสีขาว ผ้านวมสีขาว มุกราตรีในเปลือกหอยบนโต๊ะที่อยู่นอกมุ้งส่องแสงสลัวๆ ฟ้าสางแล้ว บนกระดาษบุหน้าต่างปรากฏแสงสีครามจางๆ
กู้ซีจิ่วเหงื่อออกโซมร่าง วินาทีที่ลืมตาขึ้นมาแทบไม่รู้เลยว่ายามนี้คือยามใด
ผ่านไปสักพัก เธอก็ได้สติ อดไม่ได้ที่จะลูบคลำพวกแก้มของตน
แก้มร้อนดั่งเพลิง! หัวใจเต้นกระหน่ำ!
สวรรค์ เธอฝันฤดูใบไม้ผลิ!
ซ้ำยังเป็นฝันฤดูใบไม้ผลิที่สมจริงอย่างยิ่ง! คล้ายว่าความดุเดือดเมื่อครู่นี้เคยเกิดขึ้นจริงๆ
ถึงขั้นที่เธอจดจำทุกขั้นตอนการ ‘โรมรัน’ อันดุเดือดของเธอกับเขาได้…
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอยังพรหมจรรย์อยู่
เธอนั่งอยู่ตรงนั้น สัมผัสได้เพียงว่าทั้งร่างอ่อนยวบหนึบชา ดวงหน้าเห่อร้อนไปหมด
ทำไมเธอถึงฝันแบบนี้กันล่ะ?
หรือว่าความฝันนี้คือเหตุการณ์จริงที่เธอกับหวงถูเคยประสบมาก่อน?
ไม่ถูกสิ ใบหน้าของคนในความฝัน…
——————————————————————————
บทที่ 2032 ความฝันฤดูใบไม้ผลิที่ไร้สาเหตุ 2
เหมือนกับ…เหมือนกับเสินเนี่ยนโม่ เสินเนี่ยนโม่ในวัยผู้ใหญ่ ตี้ฝูอีในปัจจุบัน…
สวรรค์!
กู้ซีจิ่วกอดเข่าตัวเอง ใช้มือเขกหน้าผากอย่างแรง
ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะฝันถึงเด็กคนนั้นจริงๆ…
บาปกรรมแท้ๆ!
แปลกจัง ความฝันในอดีตของเธอล้วนเป็นการไล่ตามท่ามกลางม่านหมอกเสมอมา และมองเห็นรูปร่างและหน้าตาของอีกฝ่ายไม่ชัดเจนเลย ครั้งนี้กลับเห็นชัดเจน ไม่น่าจะเชื่อว่าจะเหมือนตี้ฝูอีทุกกระเบียดนิ้วเลย!
นี่น่าประหลาดเกินไปแล้ว!
หรือว่าเสินเนี่ยนโม่คือหวงถูกลับชาติมาเกิด?
หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นมาทันที ใช่ไหม?! เป็นเช่นนี้ใช่ไหม?
แต่ว่า ตามปกติแล้วเมื่อมนุษย์กลับชาติมาเกิดรูปโฉมก็จะเปลี่ยนแปลงไปหมดไม่ใช่หรือ? จะคล้ายคลึงกับบุพการีในชาติปัจจุบันยิ่งนัก บนร่างจะมีเค้าของบุพการีในชาตินี้
จะเป็นไปได้อย่างไรที่สามารถกลับชาติมาเกิดได้โดยรักษารูปลักษณ์เช่นเดียวกับในชาติก่อนไว้ได้?
นี่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย!
เธอพยายามนึกถึงรูปลักษณ์ของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ที่เคยเห็นความฝันสุดชีวิต ผลคือนึกอะไรไม่ออกเลย
หรือจะเป็นเพราะกลางวันคิดคำนึง กลางคืนจึงใฝ่ฝันหา…
“เจ้านาย…” มีเสียงหนึ่งแว่วขึ้นมาจากใต้เตียง ทำเอากู้ซีจิ่วสะดุ้งโหยง แหวกม่านเตียงออกแล้วมองแวบหนึ่ง เห็นลู่อู๋นั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้น หางพวงหนึ่งของเจ้านี่ยังพันถ้วยชาใบหนึ่งเอาไว้ด้วย “เจ้านาย ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”
กู้ซีจิ่วเอ่ยตอบ “…ไม่เป็นไร”
“เจ้านาย เมื่อกี้ท่าน…ฝันร้ายอันใดใช่หรือไม่? น้ำเสียงพิกลยิ่งนัก…”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย ใบหน้าเธอเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง!
เธอคงได้เปล่งเสียงร้องครวญครางในความฝันนั้นออกมาใช่ไหม?!
เธอกระแอมคราหนึ่ง เบี่ยงหัวข้อสนทนา “เจ้าพันถ้วยชาเอาไว้ทำไม? กระหายหรือ?”
ลู่อู๋ตอบอย่างขลาดเขิน “ข้าได้ยินเสียงท่านแปลกพิกล ราวกับ…เจ็บปวดยิ่งนัก นึกไปว่าท่านคงกระหาย ดังนั้นจึงไปรินน้ำถ้วยหนึ่งเพื่อมามอบให้ท่าน อยากให้ท่านชุ่มคอสักหน่อย ผลคือท่านยื่นมือมาซัดถ้วยชาข้าจนกระเด็นไป ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะรับไว้ได้…”
กู้ซีจิ่วกุมหน้าผาก เธอรู้สึกรางๆ ว่าซัดถูกอะไรเข้า ที่แท้ก็ซัดถ้วยชาจนกระเด็นนี่เอง…
ไม่ถูกสิ แล้วน้ำในถ้วยชาล่ะ?!
เธอมองดูผ้าห่มตนตามสัญชาตญาณ ลู่อู๋ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นว่า “เจ้านาย ข้าทำให้น้ำที่เปียกบนนั้นแห้งไปแล้ว ไม่มีคราบน้ำแล้ว”
กู้ซีจิ่วมองมันอย่างค่อนข้างแปลกใจ รู้สึกว่าวันนี้ลู่อู๋ค่อนข้างระมัดระวังจนเกินเหตุ ไม่วางท่าเหมือนยามปกติเท่าไหร่ ราวกับไปทำความผิดอะไรมา
“เจ้าเป็นอะไรไป?” กู้ซีจิ่วโยนความฝันของตนไปไว้อีกทาง
ลู่อู๋หลุบตาลง “เจ้านาย ล้วนเป็นความผิดของข้า…”
“หือ?”
“ข้าดื่มน้ำแกงปลาที่ท่านมอบให้คุณชายฝูอีจนหมด ทำให้เขาหงุดหงิด พาลโกรธจนจากไป ทำให้เจ้านายเกิดฝันร้าย ตอนท่านฝันยังเรียกชื่อของเขาอยู่เลย”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแรง ตอนฝันเธอเรียกชื่อของตี้ฝูอีหรือ?
เธอจำได้รางๆ ว่าตนเคยเอ่ยนาม ‘หวงถู’ ทันใดนั้นคล้ายเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ร่างกายแข็งทื่อไปเล็กน้อย ดูเหมือนในตอนที่ดุเดือดที่สุด นามที่เธอร่ำร้องออกมาคือ ‘ฝูอี’ …
หากมิใช่ว่าลู่อู๋ยังอยู่ที่นี่ เธอคงปิดหน้าไปแล้ว
นี่เธอ…
อดอยากปากแห้งมากเชียวหรือ…
“เจ้านาย ท่านไม่สบายหรือ? หน้าแดงจัง” ลู่อู๋คิดจะเข้าใกล้เธอ
กู้ซีจิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง
เธอโกรธแล้ว “ข้าไม่เป็นไร ออกไป!”
ลู่อู๋หดคอทันที “หา?”
“ออกไป ไปซะ ลู่อู๋ เจ้าก็ถือว่าเป็นสัตว์ที่โตเต็มวัยแล้ว”
————————————————————————–