บทที่ 2049 เพลิงพิโรธของเธอ 3
นัยน์ตาลู่อู๋ฉายความดุร้าย!
นอกจากรูเข็มที่รวมตัวกันหนาแน่นดังตะแกรงถี่เหล่านั้นบนร่างน้อยๆ ของเจ้าหอยยักษ์ ก็ยังมีตุ่มหนองที่เปื่อยเน่าแล้วอีกมากมาย…
ยามปกติร่างน้อยของเจ้าหอยยักษ์จะขาวสะอาด และยังชอบสวมเสื้อคลุมตัวเล็กๆ เพียงเผยให้เห็นแขนและขาที่ขาวนวล หากใครเห็นเป็นต้องอยากกอดมัน
ทว่ายามนี้ เจ้าหอยยักษ์ก็เหลือเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ยังพอดูได้ ส่วนอื่นๆ นั้นไม่มีทางมองเห็นได้…
เดิมทีเจ้าหอยยักษ์ค่อนข้างอ้วนท้วน ทว่ายามนี้ร่างกายน้อยกลับซูบผอมกลายเป็นสายฟ้าสายหนึ่ง ใบหน้ากลมมนก็กลายเป็นเรียวแหลมขนาดเท่าฝ่ามือ ดูราวกับถูกอบแห้งความชุ่มชื้นทั้งหมดภายในร่างกาย
เจ้าหอยยักษ์เจ็บปวดจนจะเป็นลม จนอยากจะแดดิ้น มันมองดูปลายจมูกที่กระพือของกู้ซีจิ่ว ลักษณะต้องการจะร้องไห้โฮแต่ก็อดกลั้นเอาไว้
“เจ็บก็ร้องออกมา”
กู้ซีจิ่วรีบร้อนทายาบนตัวมัน
“ข้าจะไม่หัวเราะเยาะเจ้า”
ดังนั้น เจ้าหอยยักษ์จึงร้องไห้แงดังลั่น!
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา มันทนทุกข์ทรมานหลายต่อหลายครั้งราวกับตกนรกหมกไหม้จนเกิดความคิดที่อยากตาย ทว่ามันยังอยากพบหน้าเจ้านายอีกสักครั้ง และมันก็อยากลบล้างบาปที่ติดตัวอยู่ มันกลัวว่าคนตายไม่อาจให้การสิ่งใดได้ และจะทำให้เจ้านายขายหน้า…
ดังนั้นมันจึงอดทนต่อความทุกข์ทรมานมาโดยตลอด ทั้งที่ในใจก็หวาดกลัว กลัวว่าตัวเองจะทนต่อไปไม่ไหว กลัวว่าทั้งสี่คนนี้จะฆ่าปิดปากมัน
บัดนี้ ในที่สุดมันก็ได้พบเจ้านายแล้ว!
มันรู้ว่ามันปลอดภัยแล้ว…
เมื่อโล่งใจ มันก็ร้องไห้ราวกับเด็กน้อย
ลู่อู๋สงสารมันยิ่งนัก ใช้หางของตัวเองตบบ่าของมันเพื่อปลอบโยน ทว่าเมื่อขนอ่อนนุ่มสัมผัสกับตัวเจ้าหอยยักษ์ก็ทำให้มันสั่นสะท้าน
หลังจากที่กู้ซีจิ่วช่วยเจ้าหอยยักษ์ออกมา ก็ยุ่งง่วนกับสิ่งต่างๆ บนตัวมันมาตลอด ไม่ได้มองสี่อารักษ์อีกเลยแม้แต่น้อย
เป็นครั้งแรกที่พวกเถี่ยหลิวถูกหมางเมินอย่างสิ้นเชิงถึงเพียงนี้
หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาเปิดฉากต่อสู้ไปนานแล้ว
ทว่าตอนนี้ เมื่อมองดูเจ้าหอยยักษ์กับกู้ซีจิ่วที่กำลังยุ่งง่วนอยู่ตรงนั้น พวกเขากลับไม่กล้าส่งเสียงอันใด
เดิมทีเถี่ยหลิวต้องการจะต่อว่านางที่ทำลายน้ำเต้าวิเศษของตัวเอง ทว่าไอบนร่างกายของอีกฝ่ายเยือกเย็นเกินไป ไอสังหารนั้นทำให้อากาศโดยรอบหนักอึ้งอย่างหาที่เปรียบมิได้ ใบไม้มากมายร่วงหล่นทั้งที่ไม่มีสายลม…
สี่อารักษ์กลับรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวกอยู่บ้าง
พวกเขามองหน้าซึ่งกันและกัน เถี่ยเจิงส่งกระแสเสียงหาเถี่ยหลิว
‘เจ้าสาม เหตุใดเจ้าจึงได้ทรมานหอยยักษ์ตัวนี้อย่างโหดร้ายเช่นนี้?!’
คนเลือดเย็นอย่างเขาเห็นบาดแผลบนตัวเจ้าหอยยักษ์ยังรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้าง
เถี่ยหลิวดูกังวลเล็กน้อย ทว่าเขายังรู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผล
‘ก็แค่หอยยักษ์ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง และมันยังทำความผิดโทษประหารชีวิตอีกด้วย ต่อให้สับมันทั้งเป็นไปตุ๋นน้ำแกงก็ยังสมควร…’
เขายิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผล สายตาจดจ้องบนร่างของกู้ซีจิ่วก่อนจะตัดสินใจกล่าวโจมตี
“ท่านผู้สูงศักดิ์ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงกระทำรุนแรง ทำความผิดใหญ่หลวงอย่างไม่น่าให้อภัย อีกทั้งยังทำลายอาวุธวิเศษของผู้เป็นอารักษ์อย่างข้า แค่นี้ก็ทำผิดกฎสวรรค์แล้ว! หากท่านผู้สูงศักดิ์เข้าใจสถานการณ์ดี โปรดติดตามพวกเราทั้งสี่ไปตำหนักกระดิ่งทองสักครั้งเถิด…”
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา ทายาหยดสุดท้ายให้กับเจ้าหอยยักษ์แล้วเอาโอสถเซียนให้มันขวดหนึ่ง
“ดื่มนี่เสีย”
เจ้าหอยยักษ์กำลังคอแห้งพอดี จึงดื่มโอสถเซียนขวดนั้นไป โอสถเซียนนั้นไม่เพียงแต่ช่วยดับกระหาย ยังมีฤทธิ์ในการรักษาและช่วยปลอบประโลมบาดแผลอันทรงพลัง
ส่วนยาที่กู้ซีจิ่วทาให้มันขับพิษได้ทุกชนิด และยังหลอมขึ้นเพื่อเจ้าหอยยักษ์โดยเฉพาะ เหมาะกับสภาพร่างกายของมันเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่สมานแผลได้อย่างรวดเร็ว ยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดที่รุนแรงได้อีกด้วย
ในที่สุดเจ้าหอยยักษ์ก็ไม่เจ็บปวดจนอยากจะแดดิ้นแล้ว
มันกระโดดขึ้นมา จ้องมองอารักษ์ทั้งสี่นั้นด้วยความเกลียดชัง ดวงตาทั้งคู่แทบจะมีเปลวเพลิงพวยพุ่ง
“เจ้านาย พวกเขาบังคับให้ข้ายอมรับว่าเป็นมือสังหารที่สังหารสัตว์เซียนอะไรนั่นให้ได้!
————————————————————————————-
บทที่ 2050 เพลิงพิโรธของเธอ 4
เห็นๆ กันอยู่ว่าข้าเขมือบไปเพียงแค่เสินจวินสามคนที่ด่าประจานข้ากับสัตว์เซียนที่ล้อมข้าเท่านั้น! นี่ยังไม่รวมถึงที่พวกเขาจะให้ข้ายอมรับว่าถูกเจ้านายบงการให้ได้ ทั้งที่ข้าแค่มาล่าสัตว์…ข้าไม่ยอมรับ พวกเขาก็เลยทรมานข้า…”
นัยน์ตากู้ซีจิ่วมืดมน เธอตบเปลือกของมัน
“เข้าใจแล้ว พักรักษาตัวไปเถิด”
เจ้าหอยยักษ์คิดว่ามันจะถูกเจ้านายต่อว่าต่อขานยกใหญ่ นึกไม่ถึงว่านางจะไม่อนาทรร้อนใจถึงเพียงนี้ มันตกตะลึง กล่าวอย่างประหม่า
“เจ้านาย ท่านไม่กล่าวโทษข้าหรือ?”
ริมฝีปากกู้ซีจิ่วหยักยก
“กล่าวโทษเจ้าเรื่องอะไร? โทษที่เจ้าถูกวิชาพิษคนอื่น ทำให้หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย และปลุกสัญชาตญาณดิบของเจ้าไปสังหารคน? หรือโทษที่เจ้ากลืนกินสัตว์เซียนสามตัวที่มาหาเรื่องเจ้า? เจ้าหอยยักษ์ ข้าห้ามไม่ให้เจ้าเป็นฝ่ายสังหารสัตว์เซียนขั้นเจ็ดขึ้นไปก่อนก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่อนุญาตให้เจ้าฆ่าพวกมันหากพวกมันมาปิดล้อมเจ้า!”
เจ้าหอยยักษ์ตะลึงงัน อันที่จริงมันก็รู้สึกผิดปกติตั้งแต่ที่ตัวเองสังหารคนแล้ว ในตอนนั้นมันควบคุมสัญชาตญาณดิบของมันไม่ได้เลย ยิ่งถูกเสินจวินสามคนนั้นก่นด่าว่าเป็นหอยชั่วช้า หอยโง่งม หอยมาร มันก็ระเบิดแล้ว…
ทว่าเจ้านายรู้ได้อย่างไรว่ามันถูกพิษ ถูกล้อมโจมตี?
กู้ซีจิ่วยิ้มบาง
“โง่งม ข้าตรวจสอบร่องรอยทั้งหมดที่เจ้าทิ้งไว้ รวมถึงสมรภูมิของเจ้ากับเสินจวินสามคนนั้นด้วย”
เธอท่องยุทธมาเนิ่นนาน คาดการณ์ภาพรวมจากร่องรอยเหล่านั้นในสนามรบได้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างออกกระบวนท่าอะไรบ้าง มีใครซุ่มโจมตีใครบ้าง
เสินจวินทั้งสามปล่อยกระบวนท่าพิฆาตออกมาต่อกรกับเจ้าหอยยักษ์ แต่ละกระบวนท่าล้วนโหดเหี้ยมเหลือคณา หากเจ้าหอยยักษ์ไม่กลืนกินพวกเขา ก็ต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเขา
เดิมทีในสนามรบก็ต้องต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอยู่แล้ว ไม่เจ้าตายก็ข้ารอด อย่าว่าแต่เจ้าหอยยักษ์ที่ถูกพิษปลุกสัญชาตญาณดิบขึ้นมา แม้มันต่อสู้ตามปกติ ก็ไม่มีทางออมมือให้ฝ่ายตรงข้าม
เธอห้ามไม่ให้เจ้าหอยยักษ์สังหารผู้บริสุทธิ์มั่วซั่ว ทว่าไม่ได้ห้ามให้มันต่อสู้ป้องกันตัว
“เจ้าหอยยักษ์ ผู้ใดเคารพข้าหนึ่งฉื่อ ข้าก็จะเคารพผู้นั้นหนึ่งจั้ง ผู้ใดหยามเกียรติข้าหนึ่งส่วน ข้าก็จะให้ผู้นั้นชดใช้คืนเป็นสิบเท่า! นี่คือหลักในการดำเนินชีวิตของข้า เจ้าลืมแล้วหรือ?”
ดวงตาเจ้าหายยักษ์วาบไหว พยักหน้าหงึกๆ อย่างรุนแรง
ริมฝีปากกู้ซีจิ่วหยักโค้ง
“ดีมาก เจ้าพักผ่อนไปก่อน คอยดูข้าเอาคืนให้เจ้า!”
เลือดลมเจ้าหอยยักษ์เดือนพล่าน พยักหน้าอย่างบ้าคลั่งอีกครา
ในที่สุดสายตาของกู้ซีจิ่วก็ร่อนลงบนร่างของพวกเถี่ยหลิว
“ท่านทั้งสี่ บัดนี้ถึงตาพวกท่านแล้ว!”
น้ำเสียงเธอเรียบเฉย ทว่าแววตากลับทิ่มแทงดังคมมีด
“คิดเล่นเล่ห์กับข้าก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน!”
ร่างของพวกเถี่ยหลิวพลันเย็นวาบ! สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน
เถี่ยเจิงกล่าวอย่างเดือดดาล
“ท่านผู้สูงศักดิ์ใส่ความกันแล้ว! เห็นๆ กันอยู่ว่าท่านปล่อยหอยชั่วช้ากระทำการโหดร้าย พวกเราเพียงแค่รับคำสั่งให้มาจับกุม เล่นเล่ห์อันใดกับท่านผู้สูงศักดิ์? หากท่านไม่ปรากฏกายออกมา พวกเราก็ไม่มีทางรู้ว่าเจ้านายของเจ้าหอยชั่วช้าตัวนี้ก็คือท่าน!”
“รับสั่งจับกุม? ในเมื่อเป็นรับสั่งจับกุม เช่นนั้นพวกเจ้าจับมันได้แล้ว เหตุใดไม่ส่งมันกลับชั้นฟ้าที่เก้าให้สามกรมร่วมสอบปากคำ? แต่กลับมาขลุกใช้กฎหมู่กันอยู่ที่นี่?!”
“นี่…พวกเรายังมีภารกิจอื่นต้องทำที่นี่ ดังนั้น หลังจากที่จับกุมมันได้แล้วจึงหยุดพักสักสองวัน และถือโอกาสสอบปากคำทำความเข้าใจเพื่อให้ฝ่าบาทวางพระทัย”
“สิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าสอบปากคำทำความเข้าใจก็คือใช้การทัณฑ์ทรมานอันเหี้ยมโหดบีบบังคับให้มันยอมรับสารภาพ?!”
“นี่…พวกเราก็จนใจ อย่างไรเสียมันก็สังหารสัตว์เซียนมากมายขนาดนั้น ทำให้ทั่วทั้งแดนพ้นโศกสั่นคลอน มันโหดร้ายถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังไม่ซื่อสัตย์ ใช้การทรมานบีบบังคับให้มันสารภาพความจริงสักหน่อยก็ไม่นับว่ามีความผิดกระมัง?”
สายตากู้ซีจิ่วเย็นเยือก
“พวกเจ้าเอาแต่พูดว่ามันสังหารสัตว์เซียนไม่ขาดปาก มีหลักฐานหรือไม่?”
“พวกเราเห็นมันต่อสู้กับสัตว์เซียนทั้งสามตัว และยังกลืนอีกฝ่ายลงไปอีกด้วย…”
“รู้ได้อย่างไรว่าการต่อสู้ของมันกับสัตว์เซียนทั้งสามไม่ใช่การป้องกันตัว? แล้วพิสูจน์ได้อย่างไรว่ามันเป็นมือสังหารสัตว์เซียนตัวอื่น?”