ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 2182+2183

บทที่ 2182+2183

บทที่ 2182 ใช้หน้าเช็ดเท้าข้าให้สะอาดสิ!

เนื่องจากพิรุณโลหิตนี้ตกต้องตามเวลายิ่งนักทุกครั้ง หลังจากชาวบ้านเหล่านั้นเข้าเมืองไปหมดแล้ว ก็เหลือเวลาก่อนที่พิรุณโลหิตจะตกไม่ถึงห้านาทีแล้ว!

ตี้ฝูอีชักกระบี่ล้ำค่ากลับมา ใช้สันกระบี่ตบไหล่เจ้าพนักงานเมืองคนนั้น

 อย่าตุกติก! มิเช่นนั้นคุณชายอย่างข้าจะให้เจ้าได้เห็นดีแน่! 

ท่าทางของอีกฝ่ายข่มขวัญเหลือเกิน ทำให้ผู้อื่นยากจะต้านทานได้ ยามนี้เจ้าพนักงานเมืองผู้นั้นไม่สนใจจะจัดการคนเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว รีบสั่งการทันที

 ปิดประตูเมือง! เปิดใช้เกราะกำบัง! เร็ว! 

ทหารที่อยู่บนกำแพงเมืองเหล่านี้ล้วนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ต่างรีบไปจัดการอย่างเคร่งเครียด

ชักสะพานแขวนขึ้นมา ปิดประตูเมือง ไม่ทราบเช่นกันว่าทหารบางนายเปิดใช้งานกลไกใด บนกำแพงเมืองมีแสงสีขาวพุ่งทะยานขึ้นมา แสงสีขาวนี้แพร่กระจายออกไปดั่งเมฆหมอก โอบล้อมทั้งเมืองเอาไว้ตรงกลาง…

ผ่านไปครู่หนึ่ง แสงสีขาวโอบประสานกันอยู่กลางอากาศ ครอบคลุมทั้งเมืองเอาไว้ราวกับโดม…

แสงสีขาวเพิ่งจะประสานรวมกันอย่างสมบูรณ์ หยาดพิรุณโลหิตที่ที่ขนาดเท่าเหรียญกษาปณ์ก็โปรยปรายลงมา ตกกระทบบนเขตแดนที่ก่อตัวเป็นโดมแสงสีขาวนั้นจนเกิดเสียงเปาะแปะ จากนั้นไหลลงไป ทิ้งคราบโลหิตสายหนึ่งไว้นอกเขตแดนที่ดูคล้ายโดมแสง ดูน่าสยดสยองยิ่งนัก…

ยามที่พิรุณโลหิตร่วงหล่นลงมา จะเกิดเสียงราวกับคมมีดขูดเครื่องเหล็ก เสียดหูยิ่งนัก และทำให้โดมแสงนั้นไหวระริก ทำให้ใจคนกระสับกระส่าย

ชาวบ้านเพิ่งจะเข้าเมืองมา ยังคงยืนมองฉากที่พบเห็นได้ยากนี้อยู่บนถนนใหญ่ อดไม่ได้ที่จะหยุดแล้วเงยหน้าขึ้นมอง

กู้ซีจิ่วก็มองพินิจรอบข้างอยู่เช่นกัน สิ่งปลูกสร้างในเมืองนี้ประหลาดยิ่งนัก ล้วนเป็นสิ่งปลูกสร้างทรงโดมโค้งมนคล้ายกระโจมของเผ่าเร่ร่อน มีทั้งเล็กทั้งใหญ่ ริมถนนคือร้านรวงแผงสินค้าที่ร่ำลือกัน สิ่งปลูกสร้างทั่วๆ ไปหรูหรายิ่งนัก

ร้านอาวุธ ร้านเสื้อผ้า ร้านของชำ…

ร้านค้าใดที่ควรมีอยู่ในแดนมนุษย์ที่นี่ล้วนมีทั้งสิ้น คงจะเป็นเพราะกลุ่มของพวกเขาแต่งตัวไม่เข้าพวกเกินไป คนมากมายจึงวิ่งออกมาชมเรื่องครื้นเครง บนถนนใหญ่มีคนอยู่ไม่น้อยเลย

เพียงแต่กู้ซีจิ่วพบว่า ผู้คนของที่นี่โดยรวมแล้วไม่นับว่าดีนัก คนส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าธรรมดายิ่ง เป็นเสื้อผ้าเนื้อหยาบ

ไม่เหมือนที่หัวหน้าเผ่าเคยเล่าว่า เมืองลั่วฮวารุ่งเรืองเฟื่องฟู คนมั่งคั่งมีอยู่ค่อนเมือง ที่สัญจรไปมาบนถนนใหญ่ล้วนเป็นรถม้าหรูหรา ผู้คนชื่นมื่นผาสุก…

มองจากผู้คนส่วนใหญ่ของที่นี่แล้ววันคืนที่ผ่านมาคงยากลำบากยิ่งนัก คนมากมายมีสีหน้าเหนื่อยล้าตรากตรำ ผิวพรรณหยาบกร้าน มือแข็งเป็นไต…

แน่นอนว่าที่นี่ก็มีผู้ร่ำรวยจำนวนน้อยนิดยิ่งอยู่เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นเถ้าแก่ของร้านค้าเหล่านั้น แต่ละคนล้วนสวมอาภรณ์แพรไหม สีหน้าก็อิ่มเอิบยิ่งนัก

สายตาของกู้ซีจิ่วเฉียบแหลม มองออกด้วยสายตาอันคมกริบว่าเสื้อผ้าที่เถ้าแก่ของร้านค้าเหล่านี้สวมใส่คล้ายว่าจะเป็นรูปแบบเดียวกัน ราวกับเบื้องหลังของแต่ละคนอยู่ในสังกัดเดียวกัน

และรอบกายของเถ้าแก่เหล่านี้ล้วนรายล้อมด้วยสาวงามสี่ห้านาง สาวงามเหล่านี้บ้างก็แต่งกายประณีตหรูหรา บ้างก็แต่งตัวธรรมดา ทว่างามหยาดเยิ้มเช่นเดียวกัน

เพียงแต่สีหน้าของพวกนางมิได้สุขสันต์เบิกบานเลย ดวงตาฉายแววหวาดหวั่น ดั่งลูกกวางตระหนก

กู้ซีจิ่วเห็นกับตาว่าสาวงามนางหนึ่งบังเอิญเหยียบโดนเท้าของเถ้าแก่ข้างกายเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ถูกเถ้าแก่คนนั้นเงื้อเท้าเตะกระเด็นออกไปทันที!

สาวงามนางนั้นแม้แต่จะหวีดร้องก็ยังไม่กล้า คลานลุกขึ้นมาอย่างลนลาน คุกเข่าโขกศีรษะเบื้องหน้าเถ้าแก่ผู้นั้นซ้ำๆ ด้วยเหตุนี้จึงถูกเถ้าแกคนนั้นถีบเข้าอีกครา

 ไสหัวไป! 

สาวงามนางนั้นถูกถีบจนล้มกลิ้ง ทว่าไม่กล้าลุกขึ้น หมอบสะท้านอยู่บนพื้น

 ไม่นะ…อย่าไล่บ่าวไปเลยเจ้าค่ะ… 

เถ้าแก่คนนั้นร้องเฮอะคราหนึ่ง ยื่นเท้าไปตรงหน้าหญิงสาวนางนั้น

 ใช้หน้าเช็ดเท้าข้าให้สะอาดสิ! 

หญิงสาวนางนั้นทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง ตัวสั่นมากกว่าเดิม แต่ยังกัดฟันค้อมกายลงไป ใช้ใบหน้าตนเช็ดฝุ่นออกจากรองเท้าของอีกฝ่าย…

เช็ดจนใบหน้างามเย้ายวนขะมุกขะมอม ปานแมวลายตัวหนึ่ง

————————————————————————————-

บทที่ 2183 ท่านเจ้าเมืองมาแล้ว

เถ้าแก่คนนั้นถึงได้รามือ โยนผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งใส่หน้านาง

 นังชั้นต่ำ เช็ดหน้าให้สะอาดซะ ผู้เฒ่าขยะแขยง! 

กู้ซีจิ่วหน้าเปลี่ยนสีแล้ว! กำมือแน่นก้าวเข้าไป

ถูกสตรีนางหนึ่งที่อยู่ด้านข้างดึงมุมชุดไว้

 แม่นาง อย่าหาเรื่องใส่ตัว! เถ้าแก่พวกนี้ล้วนเป็นคนของท่านเจ้าเมือง…ถ้าก่อเรื่องขึ้นที่นี่จะถูกเนรเทศออกไปนะ… 

ผลของการถูกเนรเทศมีเพียงคำเดียวเท่านั้น…ตาย

ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าผู้คนที่นี่จะได้รับความอยุติธรรมอันใด ก็ทำได้เพียงอดทนไว้…

กู้ซีจิ่วกวาดตามองรอบข้างอีกครั้ง ภายในโรงเหล็กมีคนมากมายกำลังตีเหล็กจนเหงื่อชุ่มโชกปานสายฝน ภายในอาคารหลังเล็กที่อยู่ด้านข้างคือโรงหัตถกรรม มีหลายคนก้มหน้าก้มตาทอผ้าอยู่…

แรงงานเหล่านี้สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบซอมซ่อ ก้มหน้าทำงาน ไม่กล้าเงยหน้าเลย…

และสองฟากถนน จะมีทหารเดินลาดตระเวนเป็นระยะๆ

ดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้ว มองเห็นความแตกต่างระหว่างชนชั้นได้ชัดเจนยิ่ง

แรงงานต้อยต่ำที่สุด พวกทหารอารักขาเมืองเป็นชนชั้นกลาง พวกแม่ทัพที่นำกำลังทหารเหล่านั้นเป็นชนชั้นสูง พวกเถ้าแก่ร้านค้าเป็นชนชั้นกิตติมศักดิ์…

เจ้าพนักงานเมืองคนนั้นเสียเปรียบยิ่งนัก เมื่อสงบใจได้เล็กน้อยแล้วย่อมอยากแก้แค้นเอาคืน แต่ตอนที่ตี้ฝูอีจะปล่อยตัวเขา ได้ยัดยาเม็ดหนึ่งใส่ปากเขา บอกเขาด้วยน้ำเสียงที่สุภาพยิ่งนักว่าเขาอย่าได้เล่นลูกไม้ใด มิเช่นนั้นยาเม็ดนั้นจะสั่งสอนหลักธรรมของการมนุษย์ให้เขาอีกครั้ง…

บาดแผลที่ลำคอของเจ้าพนักงานคนนั้นจำเป็นต้องได้รับการปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจการโจมตีแก้แค้นอันใดไปชั่วขณะ หลังจากออกคำสั่งปิดเมืองแล้วก็รีบไปจัดการบาดแผลทันที

แน่นอน คนที่เข้ามาใหม่เหล่านี้ก็มิได้ถูกเพิกเฉย ทุกคนเพิ่งเข้าเมืองมาได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีคนมา ‘ต้อนรับ’ แล้ว

 คนมาใหม่ มาทางนี้ ลงทะเบียนซะ 

มีคนตะโกนเรียกอยู่ริมถนน

จากนั้นก็มีคนที่แต่งชุดทหารหลายร้อยคนวิ่งออกมาจากอาคารทรงโดมอันวิจิตรงดงามที่อยู่ด้านหลังร้านค้า ล้อมผู้มาใหม่เอาไว้…

ม่านตาตี้ฝูอีหดตัวนิดๆ บนร่างของทหารเหล่านี้ล้วนมีพลังวิญญาณอยู่! มองจากท่าทางแล้วพลังวิญญาณของแต่ละคนไม่ต่ำต้อยเลย อย่างน้อยก็เป็นจอมยุทธ์พลังวิญญาณขั้นสามขึ้นไป ส่วนผู้ที่นำกองทหารนั้นพลังวิญญาณบรรลุขั้นสี่ตอนกลางแล้ว!

ส่วนพลังยุทธ์พวกเจ้าเฟิงฉิงศิษย์พี่ศิษย์น้องก็ประมาณพลังวิญญาณขั้นสามเช่นกัน มีเพียงเจ้าเฟิงฉิงที่สูงกว่านิดหน่อย เป็นพลังวิญญาณขั้นสี่…

แน่นอน หากเป็นที่ดินแดนเบื้องบน ผู้ที่มีพลังวิญญาณระดับนี้ไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเป็นข้ารับใช้เลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับแดนอสุราที่ขาดแคลนพลังวิญญาณยิ่งนักแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็นช้างเผือกแล้ว!

คนเหล่านี้ต้อนคนมาใหม่เข้าไปในลานแห่งหนึ่งเสมือนต้อนวัวก็มิปาน

 เข้าไปซะ! เข้าไปให้หมด! รับฟังการจัดสรรซะ… 

สตรีที่ดึงกู้ซีจิ่วไว้เมื่อครู่เป็นคนกวาดถนน ดูทรงเหมือนอายุกว่าสี่สิบปีแล้ว แต่พอกู้ซีจิ่วคุยกับนางครู่หนึ่ง ถึงได้รู้ว่านางอายุเพียงยี่สิบสี่ปีเท่านั้น…

กู้ซีจิ่วทราบสภาพการณ์โดยรวมของเมืองนี้จากปากนาง

เจ้าเมืองเป็นผู้ปกครองสูงสุด มีลูกน้องที่วรยุทธ์สูงส่งยิ่งนักอยู่กลุ่มหนึ่ง คอยจัดการทุกอย่างในเมืองแทนเขา

ผู้มาใหม่จะถูกทดสอบพลังยุทธ์ ยอดฝีมือจะได้เป็นลูกน้องของเจ้าเมืองทันที ได้รับสาวงาม บ้านเรือน อาหารเลิศรส…ขอเพียงภักดีต่อเจ้าเมือง ต้องการสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น

ผู้ที่ด้อยลงมาจะได้เป็นทหารเป็นผู้คุมกันอะไรทำนองนั้นสามรถใช้ชีวิตได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน

คนธรรมดาจะถูกดขี่ข่มเหง ถูกจัดสรรไปตามสถานที่ต่างๆ ใช้แรงงานทุกเมื่อเชื่อวัน หากผิดพลั้งไปเพียงนิดก็จะถูกเนรเทศออกจากเมืองไปใช้ชีวิตตามยถากรรม

สำหรับสตรี มีฐานะต่ำต้อยที่สุด พวกที่มีรูปโฉมงดงามจะถูกจัดให้ไปเป็นอนุนางบำเรอของ ‘คนใหญ่คนโต’ ตามสถานที่ต่างๆ คนที่ย่ำแย่ที่สุดก็จะถูกส่งไปที่หอโคมเขียว รับหน้าที่ ‘ปรนเปรอ’ ทหารชั้นผู้น้อยเหล่านั้น ถ้าต่อต้านขัดขืนเบาหน่อยก็ถูกทุบตีด่าทอ หนักหน่อยก็จะถูกย่ำยีจนตายต่อหน้าประชาชี…

กู้ซีจิ่วกำมือแน่นอยู่ภายในแขนเสื้อ!

 ท่านเจ้าเมืองมาแล้ว! 

จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนแว่วมาแต่ไกล ทันทีที่มีเสียงนี้ ทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็คุกเข่าลงกันหมด…

….

——————————

 

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท