บทที่ 2216 ไฟลามเยือนประตูเมือง เดือดร้อนถึงมัจฉาในคูคลอง
บางทีคนผู้นี้ก็เคยพบตี้ฝูอีมาก่อนกระมัง?
ต่อให้เขาไม่เคยพบตี้ฝูอี ในเมื่อเขามาจากดินแดนเบื้องบนรู้จักมักจี่กับเธอ เช่นนั้นเขาย่อมต้องรู้จักตี้ฝูอีด้วย ไม่แน่ว่าเขาอาจเป็นสหายของพวกเธอ…
และในยามนี้เธอก็หวังยิ่งนักว่าจะมีสหายอีกสักคนมาร่วมผจญภัยไปด้วยกันที่นี่
ถึงอย่างไรอยู่ที่นี่เธอกับตี้ฝูอีก็โดดเดี่ยวอยู่บ้าง หากมีสหายจากดินแดนเบื้องบนมาร่วมประสานงานกันอีกสักคน นั่นคงเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก
วิถีกระบี่ของผู้นั้นยอดเยี่ยมยิ่ง ปานรวบรวมความพิโรธของอัสนีคำรนไว้ ส่องประกายเจิดจ้าดุจมหาสมุทรคราม เป็นการบรรยายถึงวิถีกระบี่ของเขา
แสงกระบี่มากมายหมุนตลบรอบกายจูผอหลงปานร่างแห ทำให้สายตาคนพร่าลาย
หลังจากกู้ซีจิ่วมองอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็มั่นใจแล้วว่าชายผู้นี้มาจากดินแดนเบื้องบน!
เนื่องจากวิถีกระบี่ที่เขาสำแดงชุดนี้ทำให้กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าคุ้นตายิ่งนัก ถึงขั้นที่รู้สึกได้เลือนรางว่าตัวเธอก็เคยใช้มาก่อนเช่นกัน
หรือเธอกับเขาจะเป็นศิษย์ร่วมสำนักกัน? คนผู้นี้เป็นศิษย์น้องของตนหรือ?
กู้ซีจิ่วไม่เร่งร้อนจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ถึงอย่างไรทุกสิ่งล้วนเป็นการสันนิษฐานของเธอเท่านั้น เธอจะต้องรอบคอบสักหน่อย กันมิให้เป็นการลงแรงช่วยเหลือศัตรูคู่แค้นเข้า…
หลังจากสังเกตอยู่อีกครู่หนึ่ง ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เข้าใจอีกเล็กน้อยแล้ว คนผู้นี้ไม่รู้ว่าจุดตายของจูผอหลงตัวนี้อยู่ตรงไหน เขาอาศัยพลังยุทธ์ทั้งหมดในการสร้างบาดแผลลงบนร่างจูผอหลงและถ่วงกำลังอีกฝ่าย!
กระบี่ที่เขาใช้คล้ายจะเป็นเล็งเป้าไว้ที่จูผอหลงตัวนี้โดยเฉพาะ เมื่อฟาดฟันลงบนร่างมันก็สร้างบาดแผลโชกเลือดให้แก่มันทำให้อีกฝ่ายเสียเลือด…
แน่นอน การเคลื่อนไหวของจูผอหลงตัวนี้ก็คล่องแคล่วว่องไวเช่นกัน ยากนักที่จะฟันถูกมัน ประกอบกับมันขนแข็งหนังหนา ถ้าไม่ฟันลงบนส่วนที่อ่อนนุ่มโดยเฉพาะก็ไม่อาจฟันให้เลือดออกได้ ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างชายชุดม่วงผู้นั้นกับจูผอหลงจึงกินแรงพอกัน
กู้ซีจิ่วดูเขาสู้อยู่ครึ่งชั่วยาม เพิ่งฝากแผลไว้บนร่างจูผอหลงได้สี่แผล ทุกรอยแผลล้วนมีขนาดเท่าปากชามมีโลหิตรินไหลออกมา แต่เจ้าตัวนี้ร่างกายใหญ่โตเกินไป โลหิตเพียงเท่านี้สำหรับมันแล้วสั่นสะเทือนรากฐานกำลังของมันไม่ได้เลย กลับเป็นการยุแหย่ให้มันบ้าคลั่งกว่าเดิม ดวงตาส่องประกายแดงฉานเจิดจ้ายิ่งกว่าไฟฟ้าเสียอีก…
มิน่าล่ะทุกครั้งที่คนของดินแดนแห่งนี้ออกล่าจูผอหลงล้วนต้องรวมกลุ่มสิบสองคนขึ้นไป ซ้ำยังต้องอาศัยตาข่ายอันใดอีก ที่แท้พวกเขาก็ไม่ทราบจุดอ่อนของเจ้าสิ่งนี้ อาศัยเพียงความสามารถอันโง่งมในการปราบมัน…
วรยุทธ์ของคนผู้นี้เห็นได้ชัดว่าสูงสงยิ่ง แต่ดูจากท่าทางการต่อสู้กับจูผอหลงของเขาแล้ว ถ้าไม่ถึงร้อยสองร้อยยก ก็เกรงว่าจะสยบจูผอหลงตัวนี้ไม่ได้…
กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองฟ้า
ล่วงเข้ายามดึกแล้ว
เธอใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อหาตี้ฝูอีกรอบ ยังคงเป็นเช่นเดิม…ไม่มีความเคลื่อนไหวสักนิด!
เคล็ดหทัยวิญญาณ เคล็ดหทัยวิญญาณใช้อย่างไรกันแน่?!
ขณะที่เธอพยายามครุ่นคิดสุดชีวิต จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตะโกน
ซีจิ่ว ระวัง!
สายลมกรรโชกโกรกปะทะหน้า
กู้ซีจิ่วพลันเงยหน้าขึ้น มองเห็นจูผอหลงตัวนั้นปานหัวรถจักร พุ่งตรงเข้ามาหาเธอ!
เวรแล้ว ไฟลามเยือนประตูเมือง เดือดร้อนถึงมัจฉาในคูคลอง[1]
เมื่อเป็นเช่นนี้กู้ซีจิ่วจึงยืนชมความหายนะของผู้อื่นต่อไปไม่ได้แล้ว เรือนกายไหววูบ หลบหลีกการโจมตีซึ่งหน้าของจูผอหลง ขยับวูบหนึ่ง ชักกระบี่ล้ำค่าออกมา ตรงเข้าโจมตีดวงตาของจูผอหลง…
เดิมเธอคิดจะโจมตีเข้าที่จุดตายของจูผอหลงเลย ต่อมาไม่ทราบว่านึกอะไรขึ้นได้ กระบี่ล้ำค่าจึงเริ่มฟาดฟันลงบนร่างจูผอหลง…
เมื่อครู่เธอเห็นการลงมือของคนผู้นี้แล้ว วิถีกระบี่ที่ใช้ออกมาในตอนนี้ก็เป็นวิถีกระบี่ของคนผู้นั้น
ตอนที่เริ่มใช้เธอยังไม่ชินเท่าไหร่ แต่หลังจากสำแดงไปกว่าสิบกระบวนท่า ก็เริ่มคล่องตัวขึ้น ไม่ใช้สมองใคร่ครวญเลย สำแดงกระบวนท่าออกไปด้วยตัวเอง ลื่นไหลดุจคุ้นเคยยิ่ง
นี่เป็นวิถีกระบี่ที่เธอเคยใช้จริงๆ ด้วย!
คนผู้นั้นย่อมตามมาเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย ซ้ำยังเอ่ยเตือนประโยคหนึ่งด้วย
ซีจิ่ว ระวังนะ เจ้าสิ่งนี้มีพิษ!
————————————————————————————-
บทที่ 2217 พวกเราใช้มันด้วยกันได้
กู้ซีจิ่วตอบรับ ในใจรู้สึกละอายอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้ที่เธอไม่ลงมือเลยอันที่จริงก็เป็นเพราะยังไม่ไว้ใจอีกฝ่าย เกรงว่าเขาจะเป็นศัตรูของตน ดังนั้นจึงคิดจะสังเกตให้มากหน่อย จับทางอีกฝ่ายก่อนแล้วค่อยว่ากัน…
ตอนนี้เห็นทีว่าตนจะคิดมากไปแล้ว!
มีกู้ซีจิ่วเข้ามาสมทบ การต่อสู้ครั้งนี้ย่อมมีชัยอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม กู้ซีจิ่วได้แทงกระบี่เข้าที่ตาขวาของจูผอหลง
กระบี่นี้ของเธอเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก แทงเข้าตาขวาของจูผอหลง ทะลุไปถึงสมองของจูผอหลง แทงผ่านด้านในไปถึงตาซ้ายของมัน…
ดวงตาซ้ายของจูผอหลงคือจุดอ่อนที่แท้จริงของมัน
ถึงแม้กระบี่นี้ของกู้ซีจิ่วจะแทงถูกนัยน์ตาซ้ายของจูผอหลง แต่ไม่ได้แทงเข้าไปจากด้านนอก ดังนั้นถ้ามองจากภายนอกจะเห็นว่าตาซ้ายของมันสมบูรณ์ดี
จูผอหลงล้มลงบนพื้นเสียงดังสนั่น ทรุดลงดั่งภูเขาเนื้อลูกหนึ่ง
กู้ซีจิ่วชักกระบี่ตนออกมา หอบหายใจเล็กน้อย
ศีรษะของเจ้าตัวนี้ใหญ่โตเกินไป กระบี่นี้เธอใช้แรงไปเต็มสิบส่วน ถึงบรรลุผลลัพธ์เช่นนี้
คนผู้นั้นดูเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ใบหน้าหล่อเหลาค่อนข้างซีดเซียว เขาวนเวียนรอบซากศพจูผอหลงรอบหนึ่ง ตั้งใจมองบาดแผลที่กู้ซีจิ่วแทงลงบนร่างจูผอหลงเป็นพิเศษ ถอนหายใจเบาๆ
ซีจิ่ว นี่เจ้าแทงเข้าที่จุดตายของมันใช่ไหม? ที่แท้จุดอ่อนมันอยู่ที่นัยน์ตาขวาหรอกหรือ?
กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง
อาจจะใช่กระมัง ข้าก็เป็นแค่แมวตาบอดพบหนูตายเท่านั้น
ก่อนที่จะทราบฐานะของคนผู้นี้แน่ชัด กู้ซีจิ่วไม่คิดจะเผยความลับข้อนี้กับเขา
ตี้ฝูอีเคยบอกเธอไว้ บนโลกนี้จิตใจมนุษย์ลึกล้ำเกินหยั่ง ต้องระวังให้มากหน่อยถึงจะดี
คนผู้นั้นก้าวเข้าสำรวจบาดแผลของจูผอหลงตัวนั้นอย่างละเอียด กู้ซีจิ่วกระโจนพรวดเข้าไป
รีบเก็บผลึกวิญญาณเถอะ!
พลันกระโดดขึ้นไปบนศีรษะจูผอหลง ฟันสองสามทีเพื่อเปิดกะโหลกมัน หยิบผลึกวิญญาณสีแดงกระจ่างแวววาวก้อนหนึ่งออกมา
…ผลึกวิญญาณระดับสอง!
การเคลื่อนไหวของกู้ซีจิ่วว่องไวเกินไป เธอเก็บผลึกวิญญาณมาเช่นนี้ จึงทำให้กะโหลกของจูผลหลงเละเทะกระจัดกระจาย ย่อมกลบร่องรอยกระบี่ก่อนหน้านี้ของเธอไปหมดแล้ว
คนผู้นั้นกลับไม่คิดจะแย่งชิงกับกู้ซีจิ่ว เห็นเธอเก็บผลึกวิญญาณไป ถึงได้ยิ้มแล้วเอ่ยว่า
ซีจิ่ว ครั้งนี้ข้าต้องพึ่งพาบารมีเจ้าแล้ว เจ้าก็เข้าเมืองลั่วฮวาเหมือนกันใช่ไหม?
อันที่จริงกู้ซีจิ่วไม่ได้คิดจะฮุบผลึกวิญญาณก้อนนี้ไว้เลย ถึงอย่างไรคนแรกสุดที่พบและต่อสู้กับจูผอหลงก็คือคนผู้นี้…
เธอเลิกคิ้ว พลางโยนผลึกวิญญาณก้อนนั้นให้เขา
สิ่งนี้เป็นของเจ้า คืนให้เจ้าแล้วกัน
คนผู้นั้นผงะไปแวบหนึ่ง เอ่ยว่า
ซีจิ่ว ผลึกวิญญาณหนึ่งก้อนสามารถเข้าเมืองได้ยี่สิบคน พวกเราใช้มันด้วยกันได้
เจ้ายังไม่ได้เข้าสู่เมืองลั่วฮวาหรือ? เช่นนั้นเมื่อก่อนเจ้าอยู่ที่ไหน?
กู้ซีจิ่วมองกระบี่ล้ำค่าในมือคนผู้นั้นแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ากระบี่เล่มนี้จัดการจูผอหลงได้ เป็นกระบี่ชนิดสามคม บนกระบี่เว้าลงไปเป็นร่อง เมื่อแทงเข้าไปในร่างจูผอหลง จะทำให้มันหลั่งโลหิตอย่างรวดเร็ว…
กู้ซีจิ่วเคยเห็นอาวุธของพวกเจ้าเฟิงฉิงแล้ว เป็นกระบี่สามคมเช่นกัน รูปแบบไม่ต่างกัน เพียงแต่คุณภาพไม่ดีเท่าของในมือคนผู้นี้
จากสิ่งนี้สามารถอนุมานได้ว่า คนผู้นี้น่าจะมาที่โลกนี้ได้ระยะหนึ่งแล้ว
คนผู้นั้นยิ้มขื่นๆ
เรื่องราวยากจะเล่าให้กระจ่างได้ในประโยคเดียว เมื่อก่อนข้าอยู่ที่เมืองฟ่านเย่ แต่เจ้าเมืองของเมืองนั้นเลวทรามเกินไป ข้ารับไม่ได้ ข้าจึงทำได้เพียงจากมา คิดจะย้ายไปที่เมืองลั่วฮวา…หาเพื่อนร่วมทางไม่ได้ชั่วขณะ ทำได้เพียงออกล่าเจ้าสิ่งนี้ด้วยตัวเอง นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญมาพบเจ้าที่นี่ ซีจิ่ว นี่ช่างเป็นวาสนาโดยแท้ เจ้าหายตัวไปที่แท่นสระหยกที่แท้ก็พลัดหล่นมาสู่ที่นี่…อันที่จริงข้าตามหาเจ้ามาเนิ่นนานยิ่ง สวรรค์เมตตาสงสาร วันนี้ในที่สุดก็ได้พบเจ้าแล้ว มาเถอะ พวกเรามาคุยกันหน่อย
————————————————————————————-
[1] ไฟลามเยือนประตูเมือง เดือดร้อนถึงมัจฉาในคูคลอง หมายถึง คนใหญ่คนโตทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งกัน ชนชั้นผู้น้อยจึงได้รับผลกระทบไปด้วย