ตอนที่ 408 ไม่มีชีวิตชีวา
วันต่อมา ถังโจวโจวกับลั่วเซ่าเซินพาเด็กๆ ทั้งสองคนไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของถังโจวโจว เมื่อแม่ของโจวโจวเห็นถังโจวโจวปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตู อีกทั้งยังเรียกเธอว่าแม่อย่างคุ้นเคย น้ำตาของเธอก็ไหลรินลงมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
“โจวโจว ลูกกลับมาแล้วเหรอ พ่อ รีบออกมาเร็วเข้า ลูกสาวของเรากลับมาแล้วนะ”
แม่ของถังโจวโจวเห็นถังโจวโจวที่ดูคุ้นตา ก็เอ่ยถามเธอเบาๆ ว่า “โจวโจว ลูกฟื้นความทรงจำแล้วใช่หรือเปล่า” ภายในใจของเธอค่อนข้างเป็นกังวล แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าควรพูดคำพูดนี้ออกมาหรือไม่ เพียงแต่ว่าเจอถังโจวโจวคราวนี้ มีความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างเกิดขึ้น
“แม่คะ หนูกลับมาแล้วค่ะ คราวนี้จะไม่ไปไหนอีกแล้ว ก่อนหน้านี้หนูทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ” ถังโจวโจวละอายแก่ใจกับพฤติกรรมของตัวเองก่อนหน้านี้ แต่เรื่องก็ผ่านไปนานแล้ว ไม่ว่าตอนนี้ภายในใจของเธอจะรู้สึกผิดกับพ่อแม่ของตัวเองอย่างไร ก็ไม่มีทางย้อนเวลากลับไปได้อยู่ดี
แม่ของเธอเห็นสายตาเศร้าสร้อยของเธอแล้วมีหรือว่าจะไม่รู้ว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่ “โจวโจว แม่จะโทษลูกได้ยังไงกัน เซ่าเซิน แม่ตื่นเต้นน่ะจ้ะ อย่าไปใส่ใจเลยนะ เข้ามาเถอะ”
พ่อของถังโจวโจวได้ยินว่าภรรยาเรียกหาก็รีบรุดออกมา ก็พลันได้เห็นว่าที่แท้เป็นพวกถังโจวโจวนี่เอง “โจวโจวกลับมาแล้ว”
“พ่อคะ หนูกลับมาแล้วค่ะ จะไม่ไปไหนอีกแล้วนะคะ ก่อนหน้านี้หนูเป็นคนผิดเอง หนูไม่ควรทำ…”
“โจวโจว เรื่องในอดีตก็ผ่านไปแล้วนะ ขอแค่ทุกคนในครอบครัวต่างเป็นสุข พ่อกับแม่ของลูกไม่โทษใครทั้งนั้น” แม่ของโจวโจวเห็นว่าพวกถังโจวโจวยืนกันอยู่ข้างนอกก็รีบร้อนให้สามีดึงตัวลั่วเซ่าเซินเข้ามา ส่วนตัวเองรับเสี่ยวอวี่มาจากอ้อมแขนของถังโจวโจว
“เด็กดีของยาย กลับมาแล้วนะ ลั่วอิง หลานเองก็รีบมาหายายเร็วๆ เข้า ยายจะพาไปกินอะไรอร่อยๆ”
“คุณ รีบไปเอาผลไม้กับขนมมาสิ ให้ลั่วอิงเลือกเองเลย”
“คุณยาย คุณตา ลั่วอิงไม่กินอะไรหรอกค่ะ” ลั่วอิงดึงชายเสื้อของคุณยาย เห็นน้องชายพาดตัวพ่นฟองอยู่ที่ไหล่ของคุณยาย เธอมีเหตุผลถึงได้ไม่อยากกินอะไร
ดูเหมือนว่าวันนี้เสี่ยวอวี่จะท้องเสียอยู่บ้าง เขาเห็นว่าลั่วอิงกำลังกินอะไรอยู่ก็อยากเข้าไปร่วมวงด้วย เพราะอย่างนั้นลั่วอิงจึงไม่กล้ากินอะไรทั้งนั้น กลัวว่าอีกเดี๋ยวเสี่ยวอวี่จะรู้สึกน้อยใจ
พ่อของถังโจวโจวยกผลไม้กับขนมกินเล่นออกมา เห็นว่าลั่วอิงไม่เอื้อมมือออกมาจริงๆ มองลั่วเซ่าเซินด้วยความไม่เข้าใจ “วันนี้เด็กคนนี้เป็นอะไรไปนะ แม้แต่ผลไม้ที่ตัวเองชอบกินเป็นที่สุดก็ไม่ยอมแตะเลย”
ไม่โทษที่แม่ของถังโจวโจวจะรู้สึกไม่สบายใจ ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ลั่วเซ่าเซินและถังโจวโจวเองก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน ต่อมาได้ยินลั่วอิงเอ่ยขึ้นมาเองถึงได้เข้าใจ
“แม่คะ อย่าเป็นกังวลไปเลยค่ะ เธอนึกถึงน้องชายน่ะค่ะ วันนี้เสี่ยวอวี่ไม่สบายท้องนิดหน่อย เธอกลัวว่าอีกเดี๋ยวเธอกินอะไรแล้วเสี่ยวอวี่จะอดใจไม่ไหว ก็เลยไม่กินเสียเอง”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง! ลั่วอิงเป็นพี่สาวที่ดีจังเลยนะ ยังเด็กขนาดนี้ก็รู้จักดูแลเอาใจใส่ความรู้สึกของน้องชายเสียด้วย” ใจหนึ่งแม่ของถังโจวโจวก็รู้สึกว่าลั่วอิงเป็นที่น่าพอใจ อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับเธอเท่าไรนัก ไม่ให้เสี่ยวอวี่กินอะไรก็เป็นอันใช้ได้แล้ว จะลิดรอนสิทธิ์ในการกินของลั่วอิงไม่ได้สิ
“แม่คะ อย่าร้อนใจไปเลยค่ะ แค่ไม่กินขนมไม่กี่วันเท่านั้นเอง ลั่วอิงทนได้ค่ะ”
เพิ่งจะเอ่ยประโยคนี้จบ ทางฝ่ายเสี่ยวอวี่ก็งอแงขึ้นมา แม้ว่าเขาอาจจะจำแม่ของถังโจวโจวได้ แต่ว่าวันนี้ไม่ค่อยสบายตัวนัก เสี่ยวอวี่ค่อนข้างติดแม่ ฉะนั้นคุณยายอุ้มเขาอยู่ได้สักพักก็อยากกลับไปอยู่ข้างกายถังโจวโจวเสียแล้ว
“เป็นอะไรไปล่ะ? เด็กดีของยาย อย่าร้องไห้เลยนะ อยากให้แม่อุ้มเหรอจ๊ะ” เห็นเสี่ยวอวี่ยื่นมือเข้าหาถังโจวโจว คุณยายถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้เขาก็คิดถึงแม่แล้วนี่เอง!
“แม่คะ ให้หนูอุ้มเขาเองเถอะค่ะ” แม่ของเธอให้เธอรับช่วงต่อ ส่วนตัวเองไปชงชาให้ลั่วเซ่าเซินในห้องครัว
“เสี่ยวอวี่เด็กดี แม่อุ้มอยู่ไงคะ ลูกนี่ก็จริงๆ เลยนะ คุณยายอุ้มเดี๋ยวเดียวจะเป็นอะไรไปล่ะ” ถังโจวโจวเพียงแต่พร่ำพูดไปเท่านั้นเอง เธอรู้ว่าวันนี้เสี่ยวอวี่ไม่สบายตัว จึงใส่ใจเขาให้มากขึ้นอีกหน่อย
เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็ยังดีอยู่แท้ๆ หรือเพราะว่ายังปรับตัวไม่ได้กันนะ? แต่ว่าคราวก่อนที่กลับมาก็ไม่มีปัญหานี้เสียหน่อยนี่นา
เดิมทีถังโจวโจวอยากพาเขาไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล แต่เห็นว่าเสี่ยวอวี่เพียงแค่ดูไม่มีชีวิตชีวา ไม่ได้ตัวร้อนหรือว่าอาการอื่นๆ ถึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป
ตอนที่ 409 พ่อเป็นใคร?
“ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือยัง” แม่ของโจวโจวได้ยินว่าเสี่ยวอวี่ไม่สบาย ใจก็พลันนึกขึ้นมาได้ เสี่ยวอวี่ยังอายุไม่ครบสามขวบ กลัวว่าจะเจ็บป่วยอะไรขึ้นมา ถึงเวลาจะรับมือไม่ไหว ฉะนั้นแม่ของถังโจวโจวถึงได้ดูลนลานอย่างนี้
“แม่คะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกค่ะ ตอนนี้น่าจะดีขึ้นมากแล้ว ถึงจะดูไม่ร่าเริงเท่าไหร่ แต่ร่างกายก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ” ถังโจวโจวเองก็เห็นว่าเสี่ยวอวี่เป็นได้เป็นอันตรายอะไร ถึงได้ล้มเลิกความคิดจะที่จะไปโรงพยาบาล
หลังจากนั้นแม่ของถังโจวโจวก็คอยจะดูแลทะนุถนอมเสี่ยวอวี่ทุกวิถีทาง หลานคนนี้ไม่เคยได้อยู่ข้างกายเธอมาก่อน ตอนนี้ยากลำบากถึงกลับมาได้ ซ้ำยังป่วยเสียอีก ทำให้แม่ของโจวโจวปวดใจแทนเขา
ถังโจวโจวเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ตัวแม่ที่แท้จริงของเธอแล้วให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อแม่ของเธออดถอนใจไม่ได้ “โจวโจว ไหนๆ ลูกก็รู้แล้วว่าแม่ที่แท้จริงเป็นใคร ต้องเคารพเธอให้ดีเชียวนะ เธอเองก็ลำบากมาไม่น้อย”
พ่อแม่ของถังโจวโจวไม่คิดว่าเบื้องหลังของเสิ่นหลานอีจะมีเรื่องซับซ้อนขนาดนี้ ในฐานะคนที่เคยผ่านมาเช่นกัน พวกเขารับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของเสิ่นหลานอีได้อย่างชัดเจน
เมื่อก่อนพวกเขาเองก็เคยคิดเหมือนกันว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนเอาตัวถังโจวโจวไปไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทั้งๆ ที่เป็นเด็กขาวผุดผ่องน่ารักแท้ๆ พ่อแม่คู่นี้ทำเธอลงคอได้อย่างไร
ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเสิ่นหลานอีเองก็ตกอยู่ในภาวะสุดวิสัยหลายอย่าง “โจวโจว แม่ของลูกจะกลับมาที่ประเทศนี้หรือเปล่า”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แม่เธอไม่ได้พูดอะไร แม่คะ วางใจเถอะนะคะ ต่อให้แม่กลับประเทศมา หนูก็ไม่ลืมพ่อกับแม่หรอกค่ะ” ถังโจวโจวคิดไปเองว่าพ่อกับแม่กลัวว่าใกล้ชิดกับฝั่งนั้นแล้วจะลืมทางนี้ เธอจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน
ถึงแม้พ่อและแม่ของถังโจวโจวจะเป็นเพียงพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเธอมา แต่ว่าบางครั้ง…จะพูดอย่างไรดีล่ะ พระคุณที่คลอดไม่เท่ากับพระคุณที่เลี้ยงดู คำพูดประโยคนี้เองก็มีเหตุผล
“แม่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่ไม่ได้ยินลูกพูดถึงพ่อของลูกเลย” พ่อของเธอมองถังโจวโจวด้วยความไม่สบายใจ หรือว่าพ่อแท้ๆ ของเธอไม่ได้อยู่กับแม่ของเธอกันนะ? อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้
“แม่คะ ตอนนี้หนูยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น ถึงยังไงตอนนี้แม่ของหนูก็แต่งงานใหม่แล้ว อีกอย่างพ่อของหนู ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้หนูก็ไม่เคยคิดทำความรู้จักกับเขาเลยค่ะ” ถังโจวโจวไม่อยากพูดถึงชื่อนั้น เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจ
“เอาเถอะ พ่อกับแม่ก็จะไม่ถามแล้วละ” ทั้งสองเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
เป็นอย่างนี้ชีวิตก็ดีมากอยู่แล้ว เรื่องอะไรพวกเขาจะต้องทำให้ลูกสาวเป็นทุกข์ด้วย พ่อแม่ของโจวโจวเปิดใจคิดได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะคิดอย่างนั้น
…
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เมิ่งชิงซีมุทะลุขับรถชนถังโจวโจว เธอก็เพียงแต่พยายามหนีออกมาให้เร็วที่สุด รอจนกระทั่งเธอหวนคิดกลับไปถึงเหตุการณ์ตอนนั้นก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก ตกลงว่าถังโจวโจวตายหรือเปล่า? ถ้ายังไม่ตาย ตอนนั้นถังโจวโจวจะเห็นเธอหรือเปล่า?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ร่างกายของเมิ่งชิงซีก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอจะไม่ยอมเข้าคุก เธอจะเป็นคุณนายลั่ว แล้วจะยอมให้ตัวเองมีจุดด่างพร้อยได้อย่างไร
เมิ่งชิงซีหลบอยู่ในบ้าน ไม่ไปที่บริษัท เพื่อนสนิทชวนเธอออกไปเดินช้อปปิ้งเธอก็ไม่ตอบข้อความ คนที่อยู่รอบตัวเมิ่งชิงซีต่างเป็นห่วงกับความผิดปกติของเธอเป็นอย่างมาก เธอออกไปคราวนี้ทำไมกลับมาแล้วถึงได้ทำตัวแปลกๆ นะ?
ทุกคนต่างคิดไม่ตกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อีกอย่างหลังจากที่เมิ่งชิงซีเซื่องซึมอยู่หลายวัน ไม่มีรายงานข่าวอะไรออกมา แล้วก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไปจากเดิม เธอค่อยๆ ผ่อนคลายความทุกข์ในใจ ไม่แน่ว่าถังโจวโจวอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ส่วนพวกเขาก็หาหลักฐานอะไรไม่เจอ เธอเองก็คงปลอดภัย
เมิ่งชิงซีกลับมาพบปะผู้คนในสังคมเหมือนอย่างเคย เธอออกจากบ้านได้ก็ไปเยี่ยมเยียนแม่ของลั่วเซ่าเซินเป็นคนแรก
มาถึงบ้านลั่ว พ่อแม่ของลั่วเซ่าเซินต่างก็อยู่ที่บ้าน ธรรมดาแล้วพ่อของลั่วเซ่าเซินจะไม่ร่วมวงกับเรื่องของพวกผู้หญิง ปกติแล้วจะออกไปพุดคุยกับกับเพื่อนเก่าหรือไม่ก็ไปฝึกเขียนอักษรที่ห้องหนังสือ
“คุณลุง คุณป้า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เมิ่งชิงซีทักทายพ่อของลั่วเซ่าเซิน แต่ก็ไม่ทันได้เจอตัวเขา คราวนี้ที่เมิ่งชิงซีมาที่นี่ จุดมุ่งหมายไม่ได้อยู่ที่เขา พ่อของลั่วเซ่าเซินจะออกไปไหนหรือไม่ได้ออกไปก็ไม่ต่างกัน
ไม่สิ มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง เป็นไปได้ว่าเธอกับแม่ของลั่วเซ่าเซินจะพูดคุยกันได้อย่างอิสระมากกว่า บางครั้งบางคราวพ่อของลั่วเซ่าเซินก็จะค่อนข้างถือทิฐิ ปกติแล้วทิฐิเหล่านั้นของเขาไม่อาจทำความเข้าใจได้ ทว่าทุกครั้งก็ทำเสียจนแม่ของลั่วเซ่าเซินนิ่งไปเลย เมิ่งชิงซีรู้สึกไม่ชอบใจกับเรื่องนี้สักเท่าไร
“ชิงซี ช่วงนี้ไปไหนมาเหรอจ๊ะ”