ตอนที่ 442 อ้อนวอน
“พี่เซ่าเซิน ฉันขอร้องล่ะ ตั้งแต่เล็กจนโตพวกเราเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีขนาดนี้ หรือยังไม่เท่าเวลาแค่ไม่กี่ปีของพี่กับถังโจวโจวงั้นเหรอ” เมิ่งชิงซีไม่ยอมแพ้ ทำไมเธอถึงสู้ถังโจวโจวไม่ได้ ทั้งๆ ที่จะไม่ต้องเจอถังโจวโจวอีกแล้วแท้ๆ แล้วทำไมเธอถึงต้องยอมแพ้ด้วยล่ะ
เธอไม่อยากเป็นศัตรูกับลั่วเซ่าเชิน ถ้าลั่วเซ่าเชินตั้งตัวเป็นศัตรูของเธอไปด้วยอีกคน อย่างนั้นเวลาหลายปีที่เธอพยายามมามากมาย ที่เธอทุ่มเทตั้งใจไปทั้งหมดมันจะไม่สูญเปล่างั้นเหรอ
“ปิดปากเธอไว้ ฉันไม่อยากได้ยินเสียงเธออีก” ลั่วเซ่าเชินหันตัวกลับไปแล้วเอ่ยขึ้น ผู้ชายทั้งสองมองไปยังโอวหยางหงก็เห็นเขาพยักหน้าจึงทำตามคำสั่งทันที เมิ่งชิงซียังอยากจะพูดอะไรต่ออีกแต่ปากก็ถูกผ้าอุดปิดเอาไว้ เธอทำได้แค่ร้องอู้อี้ออกมาเท่านั้น
“พี่ ผมไปส่งพี่นะ” โอวหยางหงไม่อยากให้ถังโจวโจวต้องรำคาญใจกับผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป เรื่องที่เหลือพวกเขาจัดการเองได้ ถังโจวโจวก็แค่ทำใจให้สบายและใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปให้ดีก็พอ
“แต่จะทำยังไงกับเธอล่ะ”
ถังโจวโจวมองดูเมิ่งชิงซี ตอนนี้เธอน่าสงสารมาก ตัวเธอก่อนหน้านี้ช่างเจิดจ้าแต่ตอนนี้กลับมีสภาพย่ำแย่ถึงเพียงนี้ ถังโจวโจวทนมองต่อไปไม่ได้อีก แต่ในใจก็รู้ดี ที่เธอรู้สึกทนไม่ได้อย่างนี้ก็เพราะเธอมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่เมิ่งชิงซีกลับไม่คู่ควรกับความเห็นใจนี้เลยสักนิด
“เรื่องของเธอพี่ไม่ต้องสนใจหรอก เซ่าเซินต้องมีวิธีจัดการแน่ ยังไงแผนนี้ก็เป็นเขาที่คิดขึ้นมาเอง เสี่ยวอวี่ยังรอพี่อยู่ที่บ้าน พี่ไม่คิดถึงเขาเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนายสร้างเรื่องนี้ขึ้น ฉันก็คงดูแลเขาอยู่ที่บ้านตั้งนานแล้ว ไหนจะใช้ที่รกร้างแถวชานเมืองนี่อีก” ก็ไม่รู้ว่าที่นี้คือที่ไหน ขออย่าให้ไกลมากเลย ไม่งั้นกว่าจะกลับไปคงต้องใช้เวลานานมาก ยังไม่รู้ว่าเหยาเหยาจะเอาเสี่ยวอวี่อยู่ไหม
“ได้ ไปกัน ไปกัน ที่นี้ก็ส่งต่อให้สามีฉันเถอะ” โอวหยางหงดันถังโจวโจวให้เดินไปข้างหน้า เรื่องยุ่งยากพวกนั้นให้ลั่วเซ่าเชินจัดการเถอะ ความยุ่งเหยิงพวกนี้ที่เกิดขึ้นจะมากหรือน้อยล้วนเกี่ยวข้องกับเขาทั้งนั้น ให้เขาเหนื่อยสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก
“ไปกันหมดเหรอ” ลั่วเซ่าเชินยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว เห็นโอวหยางหงลักพาตัวภรรยาของตัวเองกลับไป เขาก็พูดอะไรไม่ออก สุดท้ายสิ่งที่โอวหยางหงพูดออกมาก็ถูกทุกอย่าง ใครใช้ให้เขาเป็นตัวต้นเหตุเล่า
“จัดการให้ดี ไม่อย่างนั้นพี่สาวผมไม่ให้อภัยคุณแน่” โอวหยางหงโบกมือให้เขา ตนยังให้ลูกน้องอีกสองคนอยู่คอยช่วยเขา เขายังจะไม่พอใจอะไรอีก
“จริงๆ เลย ผลักเรื่องมาให้ฉันทกุที” เขาบ่นพึมพำ การจัดการเรื่องราวของลั่วเซ่าเชินเด็ดขาดเสมอ เขาสั่งให้ทั้งสองคนทำให้เมิ่งชิงซีสลบแล้วเอาเทปบันทึกเสียงก่อนหน้านี้ส่งสำเนาไปให้ตำรวจ ถือว่าเป็นของขวัญ ให้พวกเขาพิจารณาให้ดีๆ
และลั่วเซ่าเชินก็เอาสำเนาเสียงที่บันทึกไปที่บริษัทตระกูลเมิ่ง เขาไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน เพียงให้พนักงานต้อนรับส่งมันให้เมิ่งไหวเซิน
พนักงานต้อนรับเห็นใบหน้าหล่อเหลาและละเอียดอ่อนของลั่วเซ่าเชินก็หน้าแดงขึ้นมา ถ้าเป็นตอนปกติเธอคงจะเป็นลมไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอกำลังทำงานอยู่ ต้องพยายามเป็นอย่างยิ่งในการบังคับอัตราการเต้นของหัวใจตัวเอง
“ได้ค่ะ ฉันจะส่งให้ประธานเมิ่งแน่นอนค่ะ คุณยังต้องการอะไรอีกไหมคะ” ผู้ชายอะไร น้ำเสียงก็น่าฟัง น่าดึงดูด แมนมาก
“ขอบคุณครับ” ลั่วเซ่าเชินมั่นใจกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก เพียงแต่เขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับพนักงานหญิงคนนี้จึงทำได้เพียงแสดงท่าทีในยามปกติออกไป ถ้าเผลอทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเข้า คงเป็นบาปติดตัวเขาแน่
ลั่วเซ่าเชินพยายามที่จะปรับทัศนคติของตัวเอง ตอนนี้ต้องพยายามคว้าหัวใจที่เจ็บปวดของถังโจวโจวกลับคืนมาให้ได้ ยังมีโอวหยางหงที่คอยสาดน้ำเย็นอยู่ระหว่างพวกเขาอีก เขาจะทำผิดซ้ำอีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเกิดโจวโจวพาตัวลูกชายของเขาหนีไปจะทำยังไง
ลั่วเซ่าเชินเชื่อว่า มีโอวหยางหงอยู่ เพียงแค่ถังโจวโจวไม่ต้องการ เขาจะไม่มีทางตามหาภรรยาและลูกชายพบอีกตลอดไป และเชื่อว่าโอวหยางหงเองก็มั่นใจมากด้วย
ลั่วเซ่าเชินส่งของเสร็จก็รีบตรงกลับไปที่บ้านทันที เดี๋ยวตอนเขาไม่อยู่โอวหยางหงจะเล่าเรื่องไม่ดีอะไรให้โจวโจวฟังอีก เรื่องนี้โอวหยางหงทำมาแล้วไม่น้อยเลย ลั่วเซ่าเชินถูกเขาทำให้กลัวไปหมดแล้ว
ตอนที่ 443 บันทึกเสียง
พนักงานต้อนรับเอาเทปบันทึกเสียงไปให้ซูซานเลขาของเมิ่งไหวเซินทันที และพูดแค่ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งส่งมา จำเป็นต้องส่งให้ถึงมือของประธานเมิ่ง
ซูซานลังเลเล็กน้อย ต้องรู้ว่าช่วงนี้เจ้านายของตัวเองโมโหง่ายมาก ที่บริษัทก็ยุ่งเหยิงกันไปหมด ตอนนี้เจ้าสิ่งของไร้ที่มานี่ยังจะมาทำให้เจ้านายรำคาญใจอีก เธอคงไม่ถูกไล่ออกก่อนใช่ไหม
“ผู้ชายคนนั้นบอกชื่อไว้ไหม”
“ไม่มีค่ะ แต่ฉันรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนั้นนิดหน่อย แต่ฉันเพิ่งจะมาทำงานก็เลยไม่แน่ใจ แต่ดูจากการพูดจาแล้ว น่าจะรู้จักกับประธานเมิ่งนะคะ” พนักงานต้อนรับบอกถึงสิ่งที่ตัวเองจำได้ ไพล่นึกไปถึงตอนที่ลั่วเซ่าเชินปรากฏตัว
ร่างในเสื้อคลุมสีเขียว กางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าบูท เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีความสามารถมากคนหนึ่ง เขาสวมแว่นดำ เพียงแต่ตอนที่กำลังพูดกับเธอนั้นเขาถอดแว่นดำออก
“ได้ ฉันรู้แล้ว เธอกลับไปทำงานของตัวเองเถอะ”
“ซูซานคะ ผู้ชายคนนั้นบอกไว้ว่าจะต้องส่งให้ถึงมือของประธานเมิ่ง เรื่องนี้สำคัญสำหรับประธานเมิ่งมาก”
“รู้แล้ว” ซูซานหมดหนทาง พนักงานต้อนรับคนนี้ไม่เอาจริงเอาจังเกินไปหน่อยเหรอ ก็แค่ของที่คนแปลกหน้าส่งมาให้ ว่าง่ายๆ แล้วส่งของมาก็ได้แล้ว ถ้าเกิดเจ้านายโกรธขึ้นมาคนที่จะโดนด่านั่นมันเธอต่างหากเล่า คนที่ไม่เครียดเลยต่างหากจึงจะถือว่าใจกว้างจริง
ซูซานมองกล่องในมือ ข้างในเหมือนจะเป็นแฟลชไดรฟ์ สุดท้ายแล้วจะต้องส่งให้เจ้านายหรือรออีกเดี๋ยวดีนะ
เธอเองก็กลัวว่าถ้ารออีกธุระของเจ้านายจะล่าช้าเอาได้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็เอาของไปส่งให้เสียเลย อย่างนี้ถ้าจะมีความผิดก็จะไม่ใช่ความผิดของเธอแล้ว
หลังจากนั้น ซูซานถือโอกาสตอนที่รายงานสถานการณ์ของบริษัทกับเมิ่งไหวเซิน ใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อถามคำถาม “คุณเมิ่งคะ วันนี้พนักงานต้อนรับรับแฟลชไดรฟ์ที่ผู้ชายคนหนึ่งส่งมาให้ คุณคิดว่าจะดูสักหน่อยไหมคะ”
“แฟลชไดรฟ์เหรอ ใครส่งมา”
“คนที่มาส่งไม่ได้บอกชื่อไว้ค่ะ แต่ฟังจากพนักงานต้อนรับบอกดูเหมือนจะไม่ใช่พวกหลอกลวงนะคะ” ซูซานก็กลัวว่าจะเป็นเรื่องล้อกันเล่น นี่ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่เสียเวลา แต่ยิ่งเสียเวลาของเมิ่งไหวเซินมากด้วย
“เอามาดูหน่อยละกัน เธอแจ้งไปทุกแผนกว่าอีกเดี๋ยวให้ผู้จัดการทุกแผนกมาประชุมด้วย”
“ได้ค่ะ” ซูซานนำเอกสารที่เมิ่งไหวเพิ่งจะเซ็นออกไป หลังจากนั้นเธอก็หยิบแฟลชไดรฟ์ที่อยู่บนโต๊ะเข้ามา ส่งให้เมิ่งไหวเซินแล้วเธอก็รีบไปทำตามเรื่องที่เขาสั่ง
เมิ่งไหวเซินมองแผนดิสก์สีแดงที่อยู่ในมือ เสียบเข้าไปในคอมพิวเตอร์ พบว่าด้านในเป็นคลิปเสียง เขาเปิดฟังทันที
หลังจากฟังจบ ในที่สุดเมิ่งไหวเซินก็รู้หน้าที่ของแฟลชไดรฟ์อันนี้ มันเป็นหลักฐานความผิดของเมิ่งชิงซี และดูเหมือนว่าคนที่ส่งของนี้มาให้เขาคงอยากให้เขารู้ว่า เขาจะทำอะไรต่อไป
ผลตรวจจากที่โรงพยาบาลก็ยังไม่ออกมา ลูกสาวของตัวเองก็สร้างเรื่องจนถูกคนจับได้อีก เมิ่งไหวเซินโกรธจนอยากจะตบเธอนัก
เขาโทรศัพท์หาเมิ่งชิงซี แต่ปรากฏว่ามีชายแปลกหน้าคนหนึ่งรับสาย “ที่นี่สถานีตำรวจ คุณเป็นพ่อของคุณเมิ่งชิงซีใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ ผมเป็นพ่อเธอ ขอถามหน่อยว่าทำไมลูกสาวผมถึงไปที่นั่นครับ” เมิ่งชิงซีไปสถานีตำรวจเอง? ตีให้ตายเมิ่งไหวเซินก็ไม่เชื่อ คงเป็นคนที่ส่งแฟลชไดรฟ์มาให้เขาเป็นคนทำแน่
“เธอถูกคนส่งมาครับ ตอนนี้เธอต้องอยู่ในความดูแล พวกเราสงสัยว่าเธอมีเจตนาที่จะฆ่าคน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจและเมิ่งไหวเซินพูดถึงสถานการณ์ของเมิ่งชิงซีอยู่ครู่หนึ่ง และทั้งสองคนก็วางสาย ตอนนี้เมิ่งไหวเซินผิดหวังต่อลูกสาวอย่างเมิ่งชิงซีมาก
“ฉินอวิ๋น คุณสอนลูกสาวได้ดีจริงๆ” ลูกสาวของเขากลายเป็นนักโทษ ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปคงทำให้เขาเสียหน้าไม่น้อย
เมิ่งไหวเซินยังมีกะจิตกะใจอยู่ที่บริษัทต่อที่ไหนกัน เขาหยิบเสื้อสูทและเดินออกจากห้องทำงานไป ซูซานเห็นเจ้านายตรงออกไปข้างนอก ฝีเท้าดูรีบร้อน “ประธานเมิ่งคะ อีกเดี๋ยวก็จะประชุมแล้ว ท่านจะไปไหนคะ”
“อ้อ ยกเลิกประชุมไปก่อน ผมจะออกไปทำธุระ”
“ได้ค่ะ” ซูซานจึงโทรหาผู้จัดการแต่ละแผนกเพื่อแจ้งข่าวนี้
เมิ่งไหวเซินขับรถกลับไปบ้าน เข้าประตูไปก็ตะโกนอย่างเกี้ยวกราด “ฉินอวิ๋น! ฉินอวิ๋น! ลองมาดูว่าคุณสอนลูกสาวได้ดีแค่ไหนถึงถูกคนส่งไปสถานีตำรวจแล้ว ขายหน้าตระกูลเมิ่งจริงๆ”