ตอนที่ 468 เส้นไหม
ผู้ชายนั้นสามารถพึ่งพาได้ แต่ไม่อาจฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ตัวเขาได้ ถ้าชีวิตคุณเป็นเหมือนเส้นไหม บนโลกนี้จะมีแค่สถานที่ที่เป็นของคุณได้ยังไง แม้ว่าจะมีแต่คนแบบนี้ก็จะถูกเสิ่นหลานอีเหยียดหยามอยู่ดี
“ฉินอวิ๋น เมิ่งชิงซีทำเรื่องอะไร เธอลองเล่ามาให้ชัดเจนสิ ตอนนี้เธอมาปัดความรับผิดชอบแบบนี้ หน้าไม่อายเลยจริงๆ”
เมื่อเสิ่นหลานอีเอ่ยออกมา เมิ่งไหวเซินก็จ้องมองเธอด้วยความโกรธทันที “คุณยังกล้าพูดเรื่องนั้นอีกเหรอ คนเยอะแยะขนาดนี้ ยังอยากรักษาหน้าไว้อยู่ไหม”
ฉินอวิ๋นไม่คิดว่ามารยานี้จะใช้กับเมิ่งไหวเซินไม่ได้แล้ว ต้องรู้ว่าการร้องไห้ของเธอหลังผ่านการฝึกฝนมาแล้ว พอร้องไห้ทีนึงน้ำตาก็ไหลนองดุงสายฝน ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้ผลแล้วล่ะ
“ไหวเซิน ชิงซีต้องทรมานมากเลยนะ เธออยู่ในนั้นก็ได้รับกรรมไปหมดแล้ว ชิงซีเองก็เป็นคนที่คุณเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต คุณยังจำครั้งแรกที่เธอเรียกคุณว่าพ่อได้ไหม คุณต้องสงสารเธอบ้างสิ” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ทำให้เมิ่งไหวเซินรู้สึกเสียใจ
ถ้าให้พูดถึงตอนที่เมิ่งชิงซียังเล็ก เธอก็เป็นเด็กผู้หญิงที่เชื่อฟังและเฉลียวฉลาด เมิ่งไหวเซินยังจำได้ถึงตอนที่เธอเรียกเขาว่าพ่อ เวลานี้พอฉินอวิ๋นพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเขาก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อนลง
พอเสิ่นหลานอีเห็นเมิ่งไหวเซินใจอ่อนเพราะคำพูดของฉินอวิ๋น ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เชื่อคำพูดของผู้หญิงอย่างฉินอวิ๋น
เมื่อก่อนเสิ่นหลานอีไม่เคยสนใจ เพียงแต่ตอนนี้เมิ่งชิงซีรังแกโจวโจว เรื่องนี้ทำให้เธอทนไม่ได้ “ฉินอวิ๋น ลูกของเธอเป็นคน แล้วลูกฉันไม่ใช่คนเหรอ เธอลองคิดถึงเรื่องที่เมิ่งชิงซีทำ ทุกคนล้วนรักชีวิต ทำไมเธอไม่พูดถึงเรื่องนี้บ้างล่ะ”
อารมณ์ที่เริ่มอ่อนลงของเมิ่งไหวเซินก่อนหน้านี้ถูกคำพูดของเสิ่นหลานอีทำให้จางหายไปในทันที ใช่ ตอนนี้เขายังต้องพึ่งพาลั่วเซ่าเชินให้สนับสนุนเขา ตอนนี้เขาควรจะยืนอยู่ฝั่งโจวโจว
“ฉินอวิ๋น ไม่ต้องพูดแล้ว ชิงซีเป็นแบบนี้ตอนนี้ก็เป็นเพราะเธอเองที่หาเรื่องใส่ตัว” เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกไป นอกจากฉินอวิ๋นแล้วทุกคนล้วนแต่เห็นด้วย ฉินอวิ๋นเห็นทุกคนล้วนแต่อยู่ฝั่งเดียวกับถังโจวโจว ก็นึกอยากพูดอะไรขึ้นมาอีกแต่ก็พบว่าตัวเองไม่สามารถเอ่ยอะไรออกไปได้เลยแม้แต่น้อย
ในใจเธอนึกโกรธเกลียดเสิ่นหลานอีมาก เพราะหล่อนกลับมา ไม่งั้นไหวเซินจะรู้เหรอว่ามีถังโจวโจวอยู่อีกคน ทำไมหล่อนถึงไม่ตายเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นไปเสีย ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้หลายปีมานี้ทำไมไม่กลับมา ในเมื่อทำเหมือนว่าตัวเองตายไปแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงมาปรากฏตัวเอาตอนนี้ล่ะ
เรื่องราวที่ผ่านมาทำให้ฉินอวิ๋นดูแก่ลงมาก ผิวพรรณแต่เดิมที่ดูแลรักษาอย่างดีตอนนี้ค่อยๆ เ**่ยวย่นไป เมื่อเห็นเสิ่นหลานอีที่ยังดูบอบบางเหมือนเมื่อก่อน ฉินอวิ๋นก็ยิ่งกัดฟันเกลียดเธอเข้าไปอีก
เสิ่นหลานอีรู้สึกว่าเมื่อมีฉินอวิ๋นเพิ่มเข้ามา อาหารมื้อนี้ก็คงไม่จำเป็นต้องกินอีกแล้ว ถ้าไม่มีฉินอวิ๋น ทุกคนก็ยังสามารถพูดคุยกันดีๆ ได้ แต่ในเมื่อฉินอวิ๋นเกลียดเธอจนเข้ากระดูกแบบนี้ เสิ่นหลานอีก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เธอตอนไหน
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อหลายปีก่อนเธอต้องการจะส่งเสริมเมิ่งไหวเซินและฉินอวิ๋นให้สมหวังในรัก ตอนนี้เธอก็คงจะยังเป็นคุณนายเมิ่งอยู่ และไม่จำเป็นต้องจดจำมันมาถึงตอนนี้ เว้นแต่จะมีเหตุผลอื่น
แท้จริงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ เสิ่นหลานอีค่อยๆ คิดถึงความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของฉินอวิ๋นตั้งแต่ตอนที่เข้าประตูมาจนถึงตอนนี้ก็พบว่าสายตาที่ฉินอวิ๋นมองเธอกับที่คนอื่นๆ มองเธอนั้นไม่เหมือนกัน เช่นตอนที่หลี่หย่าเหวินเห็นเธอดูมีความสุขมากกว่าตกใจเพราะคุณปู่เมิ่งได้บอกเธอไว้ก่อนแล้ว
ตอนแรกที่เมิ่งไหวเซินเห็นเธอก็ประหลาดใจและสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ควรจะตายในอุบัติเหตุถึงได้มาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้าตัวเอง
แต่ฉินอวิ๋นกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย แม้เธอจะตกใจ แต่เสิ่นหลานอีลองมาคิดดูอย่างละเอียดแล้วเหมือนกับเธอมั่นใจมากว่าตนต้องตายไปแล้ว หลังจากนั้นจู่ๆ ได้เห็นเธอเลยทำหน้าเหมือนกับเห็นผี ทำไมหล่อนถึงมั่นใจว่าเธอจะอยู่ในรถที่ประสบอุบัติเหตุนั้นกันนะ
ต้องรู้ว่าตอนนั้นรถพลิกคว่ำตกเขาไป เมิ่งไหวเซินแค่เชื่อว่าเธอเกิดเรื่องแต่ก็ไม่ได้เห็นศพเธอ ต่อมาเสิ่นหลานอีถึงรู้ว่า เรื่องที่รถตกเขาไปนั้นโอวหยางเลี่ยเป็นคนจัดการ เพื่อที่จะง่ายต่อการพาตัวเธอไปและไม่ถูกสงสัย
เพียงแต่ฉินอวิ๋นดูเหมือนมั่นใจมากว่าเธอตายแล้ว ตอนที่ได้เห็นเธอ เหมือนจะไม่เชื่อเรื่องนี้ นี่ทำให้เสิ่นหลานอีรู้สึกสงสัย หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นฉินอวิ๋นก็มีส่วนร่วมด้วย?
ตอนที่ 469 ต้นสายปลายเหตุ
ตอนนี้เสิ่นหลานอีไม่สามารถแน่ใจได้ ทำได้เพียงนิ่งเข้าไว้ รอให้เธอออกไปแล้วก็จะให้ลูกหงตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด ก็จะรู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว
“คุณพ่อคะ วันนี้พวกเราคงต้องขอตัวก่อน โจวโจว ลูกอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ไหม” ในเมื่อฉินอวิ๋นมาแล้ว เสิ่นหลานอีก็ควรจะออกไปบ้านตระกูลเสิ่นก่อนเวลาสักหน่อย
เพียงแต่ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว เสิ่นหลานอีที่คิดไว้ว่าทานอาหารเสร็จก็จะลากลับ ให้พวกคุณพ่อเสิ่นคุณแม่เสิ่นทานอาหารเที่ยงเสร็จก่อน เพราะไม่อยากให้เจอกันแล้วต้องเลยเวลาทานอาหาร
เมิ่งซงอวิ๋นก็รู้ว่าที่เธอรีบไปเพราะฉินอวิ๋น สำหรับสะใภ้คนนี้ที่หลังๆ มาเขายิ่งไม่ชอบหน้า และก็ไม่มีหน้าจะไปคุยกับเสิ่นหลานอีอีก “ได้ ฉันจะไม่รั้งเธอไว้แล้ว โจวโจว หลานจะกินข้าวเที่ยงที่นี่ไหม”
“คุณปู่คะ หนูกลับกับคุณแม่ดีกว่าค่ะ อีกเดี๋ยวก็ต้องไปหาคุณตาคุณยาย นอกจากนี้…” ถังโจวโจวมองไปที่ฉินอวิ๋น
“คุณปู่คะ รอโอกาสหน้า หนูจะมาเยี่ยมนะคะ”
เมิ่งซงอวิ๋นเห็นว่าครอบครัวตัวเองยังยุ่งเหยิงอยู่บ้างก็เกรงใจที่จะรั้งถังโจวโจวให้อยู่ต่อ “ก็ได้ พวกเรานัดกันแล้วนะ ครั้งหน้าต้องกลับมาหาปู่นะ”
“แน่นอนค่ะ ลั่วอิง เสียวอวี่ รีบบอกลาคุณทวดเร็วลูก”
“ลาก่อนครับคุณทวด” เสี่ยวอวี่ยังพูดไม่ได้ ถังโจวโจวทำได้แค่ทำให้เขาโบกมือ เป็นความหมายว่าบ้ายบาย
หลี่หย่าเหวินเตรียมของเสร็จแล้ว เมื่อกลับมาอีกครั้งก็พบว่าไม่มีใครอยู่แล้ว “อ้าว คุณพ่อ หลานอีไปไหนแล้วคะ พี่สะใภ้ มาได้ยังไงคะ”
“ฮึ ถ้าฉันไม่มา บ้านนี้ก็คงไม่ยอมรับฉันแล้วใช่ไหม” ฉินอวิ๋นรอเมื่อเสิ่นหลานอีไปแล้วก็โวยวายขึ้นทันที เมื่อกี้อ่อนโยนกับเสิ่นหลานอี แต่ตอนนี้ทำกับเธอเหมือนเธอเป็นผี
จู่ๆ ฉินอวิ๋นก็รู้สึกปวดใจ หลายปีมานี้เธอดีต่อตระกูลเมิ่งขนาดนี้ ผลสุดท้ายกลับไม่ได้อะไรตอบแทนเลยแม้แต่น้อย
“เธอยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ เธอดูสิ่งที่เธอทำลงไปซะก่อน” คุณปู่เมิ่งโกรธจนเดินเข้าห้องไป ยังต้องกินข้าวอีกเหรอ ฉันโกรธจนอิ่มแล้ว!
เมิ่งไหวเซินเห็นฉินอวิ๋นแล้วก็อารมณ์ไม่ดี เขายังไม่ได้บอกให้ลั่วเซ่าเชินช่วยบริษัทเขาเลย คนก็ไปซะแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะมีเวลาไหนที่เหมาะจะได้พบกันอีก
หลังจากพวกเสิ่นหลานอีออกจากบ้านตระกูลเมิ่งก็รีบนั่งรถไปหาโรงแรมเพื่อทานอาหารเที่ยงทันที หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วถึงจะมุ่งหน้าไปบ้านตระกูลเสิ่น
บ้านตระกูลเสิ่นและตระกูลเมิ่งก็ไม่ถือว่าไกลกันมาก นั่งรถแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงคฤหาสน์ที่คุ้นเคยแล้ว เสิ่นหลานอีควบคุมน้ำตาไว้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะสับสน แต่เธอก็ยังมีความรู้สึกผ่อนคลายมาก สุดท้ายก็ได้กลับมาบ้านแล้ว
โอวหยางหงเดินไปกดกริ่งก่อน แม่บ้านของตระกูลเสิ่นก็มาเปิดประตู พอเห็นกลุ่มคนที่ไม่รู้จักที่อยู่ข้างนอกก็ถามอย่างประหลาดใจ “มาหาใครคะ”
เสิ่นหลานอีเห็นคนที่ตัวเองไม่รู้จัก หรือตัวเองจะได้รับข่าวมาผิด หรือพ่อแม่จะย้ายบ้านไปแล้ว แต่เธอรู้สึกว่านี่ไม่น่าเป็นไปได้
“ขอถามหน่อยว่าเสินกั่วต้งอยู่ที่นี่ไหมคะ” เสิ่นหลานอีรีบบอกชื่อพี่ชายใหญ่ของเธอไป แม่บ้านพยักหน้าทันที “ใช่ค่ะ คุณคือใครคะ”
“ฉันคือเสิ่นหลานอีค่ะ”
“อ้อ ที่เธอก็เป็นคุณหนูบ้านนี้” แม่บ้านร้องกรี๊ดขึ้นทันที ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วเหรอ ทำไมถึงฟื้นจากความตายได้
“รีบเข้ามาค่ะ รีบเข้ามาค่ะ คุณผู้ชายคุณผู้หญิงรู้ต้องดีใจมากแน่” ต้องรู้ว่าหลายปีมานี้ บ้านตระกูลเสิ่นตอนรู้ว่าเสิ่นหลานอีจากไปก็ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ ที่สำคัญดูเหมือนว่าลูกสาวอีกสองคนก็หายตัวไปอย่างปริศนา แม้แต่ทางบ้านก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
แม่บ้านวิ่งเข้าไปทันที คุณพ่อเสิ่นคุณแม่เสิ่นเพิ่งจะทานอาหารเสร็จและกำลังเล่นกับหลาน เมื่อเห็นแม่บ้านของตัวเองตะโกนร้องเรียกก็รู้สึกไม่ชอบใจ “มีเรื่องอะไร เกือบจะทำให้เขาตกใจกันหมดแล้ว”
แม่บ้านรีบเอาข่าวที่เธอได้รับมาบอกกับคุณนายเสิ่นทันที “คุณผู้หญิงคะ คุณหนูกลับมาแล้ว คุณรีบไปดูเร็วค่ะ”
“เธอพูดอะไร” คุณแม่เสิ่นไม่กล้าเชื่อหูตัวเองหรือหลานเสิ่นตัดใจไม่ขาดจึงกลับมาแล้วเหรอ
“พ่อคะ แม่คะ หนูกลับมาแล้ว” เสิ่นหลานอีเดินเข้ามาในห้องรับแขก พอเห็นคุณแม่เสิ่นและคุณพ่อเสิ่นริมฝีปากก็สั่นไปหมด พูดอะไรไม่ออกสักคำ ในใจยิ่งเจ็บปวด