ตอนที่ 454 คิดถึงเมิ่งซงอวิ๋น
“ร่างกายยังแข็งแรงดี แต่คนแก่ ไม่รู้ว่าจะเจ็บจะป่วยขึ้นมาตอนไหน หลายปีมานี้คุณพ่อท่านคิดถึงคุณที่สุด คุณจะไม่ยอมกลับไปเยี่ยมท่านสักหน่อยเหรอ” พอเมิ่งไหวเซินเห็นว่าเมิ่งซงอวิ๋นมีอิทธิพลต่อเสิ่นหลานอีจึงมีกำลังใจขึ้นมาทันที
ตอนนี้เขาเกลียดโอวหยางเลี่ยเข้ากระดูกดำ การมีอยู่ของเขาคอยเตือนเมิ่งไหวเซินอยู่ทุกขณะว่าเสิ่นหลานอีทรยศเขา เธอเป็นภรรยาของคนอื่นไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดกับเสิ่นหลานอีถึงขั้นนั้น แต่เมิ่งไหวเซินก็ปล่อยวางความโกรธนี้ไม่ลงอยู่ดี
“ทางฝั่งคุณพ่อฉันต้องกลับไปเยี่ยมแน่นอน แต่แค่ไม่ใช่ตอนนี้ เมิ่งไหวเซิน หลายปีมานี้คุณไม่เคยออกตามหาลูกสาว ตอนนี้พอรู้ว่ามีโจวโจวอยู่ คุณก็อยากจะพาเธอกลับไป แท้จริงแล้วในใจคุณคิดอะไรกันแน่”
เสิ่นหลานอีไม่เชื่อว่าเมิ่งไหวเซินจะเปิดเผยจริงใจแบบนั้น ต้องรู้ว่าชีวิตของเธอในช่วงหลายปีนี้ก็ไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์ เมิ่งไหวเซินเองก็ถือว่าเป็นคนที่เห็นแก่ตัวในระดับหนึ่ง ก็แค่ปรับตัวไปตามสถานการณ์เท่านั้น
“ผมจะมีเหตุผลอะไรได้ ผมอยากพาลูกสาวตัวเองกลับบ้านมันผิดด้วยเหรอ” เมิ่งไหวเซินไม่เข้าใจ เขาทำผิดตรงไหน ปกติแล้วพาลูกสาวแท้ๆ กลับบ้านไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะควรมีความสุขเหรอ ทำไมพอถึงคราวเขาบ้างกลับต้องเจอกับความเย็นชาจากถังโจวโจวและเสิ่นหลานอีแบบนี้
“เมิ่งไหวเซิน อยู่ต่อหน้าฉันคุณยังกล้าทำตัวตีรวนอีกเหรอ ฉันอยู่กับคุณมาตั้งหลายปีก็ไม่ใช่จะ…อุ๊บ” เสิ่นหลานอียังพูดไม่ทันจบก็เห็นโอวหยางเลี่ยที่จู่ๆ ใช้มือโอบรัดเอวเธอเข้าไป
“ผมไม่สนว่าคุณจะเชื่อไหม ผมคิดอย่างนี้จริงๆ” เมิ่งไหวเซินเองก็ไม่โง่ ทำไมจะต้องพูดความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองออกมาด้วย เสิ่นหลานอีไม่ใช่แค่จะลองเชิงหรอกเหรอ ถ้าไม่ใช่ว่าเขาบังเอิญมาเจอเธอ เขาจะได้รู้เมื่อไหร่ว่าเสิ่นหลานอีมีคนรักใหม่แล้ว
“คุณเมิ่งคะ ฉันคงไม่กลับไปกับคุณหรอกค่ะ ตอนนี้ฉันมีสามี มีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว ฐานะของคุณ สำหรับฉันในตอนนี้มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร นอกจากนี้ฉันก็ไม่ได้ขาดความรักจากพ่อ”
ความหมายของถังโจวโจวคือเธอมีความรักจากคุณพ่อถังคุณแม่ถัง ไม่ต้องการความรักเพียงเล็กน้อยจากพ่ออย่างเขา
เสิ่นหลานอีเห็นถังโจวโจวปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ตอนที่เธอได้ยินเมิ่งไหวเซินพูดถึงเมิ่งซงอวิ๋น เธอยังมีความคิดอยากจะกลับไปที่บ้านตระกูลเมิ่งอยู่บ้าง แต่โอวหยางเลี่ยต้องไม่ยอมให้เธอไปคนเดียวแน่
“หลานอี ที่ลูกพูดอย่างนี้เพราะคุณสอนใช่ไหม ในเมื่อเธอเป็นคนของตระกูลเมิ่ง จะไม่กลับไปทำความรู้จักกับตระกูลได้ยังไง”
หลายคนต่างถกเถียงกันไม่หยุดเรื่องที่ว่าถังโจวโจวจะกลับหรือไม่กลับบ้านตระกูลเมิ่ง เมิ่งไหวเซินยังคงยืนยันในความคิดของตัวเอง ส่วนถังโจวโจวเองก็ยืนหยัดกับความคิดของตัวเองเช่นกัน และแน่นอนว่าลั่วเซ่าเชิน โอวหยางเลี่ย โอวหยางหงยืนอยู่ฝั่งถังโจวโจว
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เมิ่งไหวเซินคุณกลับไปก่อนเถอะ พวกเราจะปรึกษากันก่อน” เสิ่นหลานอีไม่ได้ตัดรอนแต่ก็ไม่ได้ตอบรับ เมิ่งไหวเซินเหมือนเห็นแสงสว่างจึงตอบรับคำขอของพวกเธอ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี วันนี้ผมจะกลับก่อน โจวโจว พ่ออยากให้ลูกคิดให้ดี เรื่องนี้ไม่มีผลเสียกับตัวลูกเลย” เมิ่งไหวเซินทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วเดินออกจากประตูใหญ่ไป
โอวหยางเลี่ยได้ยินว่าเสิ่นหลานอีให้โอกาสเมิ่งไหวเซินก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที แต่ความไม่พอใจของเขาไม่อาจระบายกันเสิ่นหลานอีได้ ได้แต่อดกลั้นเอาไว้ข้างใน
“หลานอี ทำไมพวกเรายังต้องไปนับญาติกับเขาอีก” โอวหยางเลี่ยไม่สามารถลบล้างความเกลียดชังที่มีต่อเมิ่งไหวเซินได้ ตอนนี้แค่พูดคุยกับเมิ่งไหวเซินแค่ประโยคเดียว โอวหยางเลี่ยยังรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งตัว
“เลี่ยคะ การเจอหน้ากันครั้งนี้ทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ การที่เขาจะให้โจวโจวกลับไปมันต้องไม่ใช่เรื่องดีต่อตัวโจวโจวอย่างที่เขาพูดแน่ กลัวว่าคงเป็นเพราะผลประโยชน์ของตัวเขาเองมากกว่า ฉันจะไม่ยอมให้ลูกสาวของฉันต้องเสียเปรียบแน่”
“ไม่ใช่ว่าโจวโจวก็พูดแล้วเหรอว่าจะไม่กลับไป ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะ” เขาพยายามที่จะข่มความโกรธของตัวเองเอาไว้ แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นเริ่มไม่น่าฟังขึ้นทุกที
“เลี่ยคะ ฉันก็แค่อยากกลับไปเยี่ยมคุณพ่อ” เมื่อก่อนเมิ่งซงอวิ๋นดีต่อเธอมาก ตอนนี้คนที่เธอตัดไม่ขาดที่สุดก็คืออดีตพ่อสามี แต่สิ่งที่โอวหยางเลี่ยคิดกลับไม่เป็นอย่างนั้น
ตอนที่ 455 จะทิ้งไปก็เสียดาย จะกินต่อก็ไม่มีรสชาติ
เขารู้ว่า ถ้าเสิ่นหลานอีกลับไปจะต้องได้รับผลกระทบจากตัวเมิ่งซงอวิ๋นแน่ ถึงแม้กับเมิ่งไหวเซินจะมีความเป็นไปได้น้อยมาก แต่ก็ไม่สามารถตัดความคิดจากคนบ้านตระกูลเมิ่งได้ โอวหยางเลี่ยนั้นปรารถนาที่จะให้เสิ่นหลานอีกับทั้งโลกตัดขาดออกจากกันไปเสีย แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดของเขาเท่านั้น
เพียงแต่ความคิดนี้ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ เขาได้แต่เก็บกดความรู้สึกนี้เอาไว้ ส่วนมากแล้วโอวหยางเลี่ยไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล แต่อาจะเป็นเพราะเมิ่งไหวเซินเข้ามากระตุ้นทำให้เขาเป็นแบบนี้
เสิ่นหลานอีเห็นเขาไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้โต้เถียงกับเขาต่อ ตอนนี้อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายต่างไม่ดีนัก เสิ่นหลานอีรู้ว่าโอวหยางเลี่ยคิดอะไร เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเธอที่คิดว่าอย่างไรก็ต้องทำแน่นอน ก็เหมือนกับที่เธอตัดสินใจว่าจะกลับประเทศ โอวหยางเลี่ยเองก็ไม่อาจขัดขวางเธอได้นั่นแหละ
เสิ่นหลานอีกลับเข้าห้องไป เมื่อโอวหยางเลี่ยเห็นไม่มีคนเถียงด้วยกับเขาต่อ ถ้าขึ้นชั้นบนก็เหมือนกับเขายอมแพ้ เขาเกิดดื้อรั้นขึ้นมา ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
“พ่อครับ แม่ก็แค่กำลังโกรธ พ่อเตือนแม่ดีๆ แม่ต้องฟังพ่อแน่ครับ” โอวหยางหงยังไม่เคยเห็นพ่อของเขาไม่ยอมถอยให้แม่ขนาดนี้มาก่อน
“เรื่องของพวกเราแกไม่ต้องยุ่ง ไปทำธุระของแกเถอะ” ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินยิ่งไม่สนใจเรื่องพวกนี้ หลังจากพวกเขาจากไปแล้วก็ทิ้งให้โอวหยางเลี่ยอยู่ในห้องรับแขกคนเดียว
เมิ่งไหวเซินออกจากคฤหาสน์ ขับรถมาได้ระยะหนึ่ง จู่ๆ ก็คิดวิธีขึ้นมาได้วิธีหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้บอกคุณพ่อ เป็นเพราะว่าไม่กล้าฟันธงว่าถังโจวโจวคือลูกสาวจริงๆ กลัวว่าพอถึงเวลาที่บอกคุณพ่อไปแล้ว กลับไม่ใช่ คงจะดีใจเก้อเสียเปล่า
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ผลการตรวจดีเอ็นเอยืนยันออกมาแล้ว แถมเสิ่นหลานอีและถังโจวโจวก็ยังยืนยันด้วยปากตัวเอง เรื่องนี้ถ้าเขาบอกคุณพ่อไป หากคุณพ่อเป็นคนเอ่ยปาก ยังต้องกลัวว่าถังโจวโจวและเสิ่นหลานอีจะไม่ยอมกลับไปอีกเหรอ
เมิ่งไหวเซินคิดว่าจะทำก็ลงมือทำเลย เขาจอดรถไว้ข้างทาง พอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็ได้ยินเสียงเรียกเข้า ช่างบังเอิญจริงๆ ฉินอวิ๋นเองก็โทรมาหาเขาพอดี “ฮัลโหล มีเรื่องอะไร”
“ไหวเซิน ฉันขอร้องคุณล่ะช่วยคิดหาวิธีช่วยชิงซีออกมาทีได้ไหม ชิงซีอยู่ในนั้นได้รับความลำบากมาก หรือคุณไม่สงสารลูกเหรอ”
ฉินอวิ๋นเองก็หมดหนทางแล้ว เสิ่นเยี่ยนไปจัดการก็พบว่าไม่มีทางให้ประนีประนอมได้เลย สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือลั่วเซ่าเชินได้เจรจากับทางฝั่งนั้นไว้นานแล้ว และคนพวกนี้ล้วนเป็นพวกไม่ธรรมดาทั้งนั้น พอเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ฉินอวิ๋นก็ร้อนรนเหมือนโดนไฟเผา
ทางด้านเสิ่นเยี่ยนเองก็ไม่มีวิธี ฉินอวิ๋นได้แต่คาดหวังกับทางเมิ่งไหวเซิน ถ้าเขายังไม่ช่วยอีก เธอก็จะไปขอร้องถังโจวโจว ต่อให้ต้องเสียหน้า เธอก็จะต้องช่วยลูกสาวออกมาให้ได้
“ผมก็ต้องสงสารลูกอยู่แล้ว แต่เรื่องทั้งหมดนี้เธอเป็นคนก่อขึ้นมาเอง ถึงจะบอกว่าสงสารแต่ผมก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน ฉินอวิ๋น ผมเคยบอกกับคุณไปแล้ว ผมเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ไม่ได้”
เมิ่งไหวเซินคิดถึงเสิ่นหลานอีวันนี้ เมื่อเทียบกับฉินอวิ๋นในตอนนี้แล้วก็เห็นได้ถึงความเป็นผู้ดีของตระกูลเสิ่น ทำไมตอนนั้นเขาถึงชอบฉินอวิ๋นเข้าไปได้นะ
ผู้ชายเวลาชอบพอก็ทุ่มสุดตัวรักคุณมากกว่าใคร คำว่ารักพวกนั้นไม่จำเป็นต้องคิดก็พูดออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อได้เกลียดไปแล้ว แค่มองคุณแวบเดียวก็เกินพอ
ตอนนี้เสิ่นหลานอีหวนกลับมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง เธอกลับมาประทับตราตรึงในใจเขาอีกครั้ง นอกจากนี้เสิ่นหลานอียังเป็นของคนอื่น ทำให้จิตใจของเมิ่งไหวเซินเกิดความคิดขึ้นมากมาย ตอนนี้ฉินอวิ๋นก็เป็นแค่ข้าวที่ขอบปาก จะทิ้งไปก็เสียดายจะกินต่อก็ไม่มีรสชาติ
“ไหวเซิน ฉันขอร้องคุณแล้วจริงๆ คุณอภัยให้ชิงซีเถอะนะ คุณไปดูลูกหน่อย ครั้งนี้ฉันไม่ได้โกหก ชิงซีอยู่ข้างในนั้นได้รับความลำบากมาก ลูกสาวของพวกเราเป็นคนที่พวกเราเลี้ยงมาจนโต คุณจะทำใจแข็งได้จริงๆ เหรอ”
ฉินอวิ๋นไม่เชื่อว่าเขาจะใจไม่ไส้ระกำแบบนั้น ตอนนี้เขาก็แค่ยังโกรธอยู่ ถ้ารู้ว่าชิงซีลำบากไม่น้อย ต้องใจอ่อนแน่นอน
ฉินอวิ๋นกอดความคิดนี้ไว้ ตั้งตารอคอยเมิ่งไหวเซินที่อยู่ในสาย น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างไร้เสียง ตอนนี้เมิ่งไหวเซินไม่อยู่ข้างเธอ เธอจะร้องไห้จนหมดแรงอีกกี่ครั้งเขาก็ไม่ใจอ่อน
“ฉินอวิ๋น ตอนนี้ผมไม่อยากคุยปัญหาเรื่องนี้กับคุณ ผมตัดสินใจแล้ว ถ้าคุณคิดอยากให้ลูกออกมาได้จริงๆ ก็ไปขอร้องเซ่าเซินเถอะ” สุดท้ายเมิ่งไหวเซินก็ยังปฏิเสธเธออย่างโหดร้ายทารุณ