ตอนที่ 466 คนนอก
“ไหวเซิน แกมาได้ยังไง” รอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งซงอวิ๋นค่อยๆ จางหายไป เขาจำได้ว่าไม่ได้เรียกให้ลูกชายคนนี้กลับมาด้วยแล้วเขารู้ได้ยังไง
“พ่อครับ ผมเป็นลูกชายพ่อนะ และนี่ก็บ้านผม ผมอยากกลับมาก็กลับมา” เมิ่งไหวเซินมองพ่อที่ไม่ไว้หน้าตัวเองแล้วรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง
เมิ่งซงอวิ๋นไหนเลยจะทนให้เขาพูดจาแบบนั้นได้ “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน”
“พ่อ พ่อพูดอะไรออกมา” ไม่มีคนนอกที่ไหนกัน โอวหยางเลี่ยกับโอวหยางหงเป็นใครถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ นี่ไม่นับว่าเป็นคนนอกเหรอ
เสิ่นหลานอีเห็นทั้งสองคนทะเลาะกัน หากเมื่อก่อนเธอก็คงจะเข้าไปห้ามปราม แต่ตอนนี้เธอกับเมิ่งไหวเซินไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว เรื่องของลูกสาวก็ไม่มีอะไรที่ต้องปรึกษากับเขา ไปห้ามศึกตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้โอวหยางเลี่ยโกรธขึ้นมาเปล่าๆ
โชคดีที่ยังมีหลี่หย่าเหวิน “พ่อคะ พ่อก็เห็นว่าพี่ใหญ่ไม่ได้กลับมาบ่อย พ่อจะพูดเรื่องนี้ทำไม คนในครอบครัวโกรธกันไม่ดีหรอกนะคะ” สองพ่อลูกจอมดื้อดึงไหนเลยจะยอมถอยให้กันง่ายขนาดนั้น
เมิ่งซงอวิ๋นได้ยินหลี่หย่าเหวินเอ่ยเตือนอย่างนี้จึงเริ่มสงบลง “ไหวเซิน แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าในใจแกคิดอะไรอยู่ ยังมีเรื่องของชิงซีอีก ก็ไม่รู้ว่าพ่ออย่างแกสอนลูกยังไงถึงได้กล้าทำเรื่องที่ร้ายแรงอย่างนี้”
เมิ่งไหวเซินไม่คิดว่าพ่อของตัวเองก็รู้เรื่องที่เมิ่งชิงซีติดคุกแล้ว เดิมทีเขาตั้งใจจะปิดบังเอาไว้ ตอนนี้เมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน เขาก็เริ่มหน้าเสีย
“พ่อครับ เรื่องของชิงซีก็ต้องต่อว่าฉินอวิ๋นสิ เรื่องของลูกสาวเธอเป็นคนรับผิดชอบมาตลอด” เมื่อเมิ่งซงอวิ๋นได้ฟังคำพูดผลักภาระของเมิ่งไหวเซินก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างน่าไม่อายนัก เขาให้กำเนิดลูกคนนี้ออกมาได้อย่างไรกัน
“เอาล่ะ ฉันไม่อยากฟังคำอธิบายของพวกแก” เมิ่งซงอวิ๋นโบกมือไปมา เมิ่งไหวเซินเองก็รู้ว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้อีก ถังโจวโจวอุ้มเสี่ยวอวี่มายืนตรงหน้าเขา ใบหน้าเขาพลันเผยรอยยิ้มขึ้นทันที ยังคงเป็นเด็กเล็กๆ ที่มองแล้วสบายตาสบายใจ
เมิ่งไหวเซินพยายามจะเดินไปหาเสิ่นหลานอี แต่น่าเสียดายที่มีโอวหยางเลี่ยและโอวหยางหงนั่งขวางอยู่ทำให้เขาเข้าไปใกล้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“หลานอี ครั้งนี้ที่เธอกลับมาเพราะ…” เมิ่งไหวเซินเองก็ไม่ได้คิดว่าเสิ่นหลานอีจะกลับมาคืนดีกับเขาหรอก เพราะเห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพียงคิดว่าไม่อยากเป็นคนแปลกหน้ากับเธอเท่านั้น
เสิ่นหลานอีมองคุณปู่เมิ่งถึงจะเริ่มเอ่ยปาก “คุณพ่อคะ หนูอยากกลับไปเยี่ยมบ้านตระกูลเสิ่น ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้คุณพ่อคุณแม่จะเป็นยังไงบ้าง”
ถึงแม้จะรู้จากปากโอวหยางหงว่าคุณผู้หญิงคุณผู้ชายบ้านตระกูลเสินสบายดี ลูกหลานบ้านตระกูลเสินก็เจริญก้าวหน้า เพียงแต่ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เสินหลานอีก็ไม่กล้าวางใจ
เมิ่งซงอวิ๋นตาเป็นประกายและพยักหน้า “กลับไปเยี่ยมหน่อยก็ดี” คนแก่อายุมากแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะยังอยู่อีกนานแค่ไหน เพียงแต่ความสัมพันธ์ของตระกูลเมิ่งกับกระกูลเสิ่นนั้นตั้งแต่ที่เสิ่นหลานอีเกิดเรื่องก็ไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาอีกเลย
เมื่อมีเมิ่งไหวเซินเพิ่มเข้าไป บรรยากาศการพูดคุยกันของในห้องรับแขกก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ดีเท่าไหร่ โชคดีที่ใกล้จะถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว หลี่หย่าเหวินและป้าเหวินจึงไปที่ห้องครัวกันพร้อมกับคนที่เหลือ
เมื่อฉินอวิ๋นมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเมิ่งก็ยังคงยืนลังเลอยู่หน้าประตูพักหนึ่ง ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวเมื่อต้องไปอยู่ต่อหน้าคุณปู่เมิ่งแล้วจะทนรับความเฉยชาอย่างไรดี ยังไม่ทันที่จะเข้าไปก็เกิดกลัวขึ้นมาแล้ว
เธอยืนปรับอารมณ์ของตัวเองอยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง สุดท้ายฉินอวิ๋นก็รวบรวมความกล้ากดกริ่ง ป้าเหวินยังแปลกใจว่าใครที่มาในเวลานี้ เมื่อเปิดประตูออกก็ไม่คิดว่าจะเป็นฉินอวิ๋น
“คุณนายใหญ่ มาได้ยังไงคะ” ป้าเหวินเห็นเธอเข้าก็ตกใจ ฉินอวิ๋นเองก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะเธอเองก็ไม่ได้ส่งข้อความมาบอกก่อน
“ป้าเหวิน คุณพ่ออยู่บ้านไหม”
“อยู่ค่ะ….” ป้าเหวินยังพูดไม่ทันจบ ฉินอวิ๋นก็มุ่งตรงเข้าไปที่ห้องโถงทันที ป้าเหวินอยากจะพูดว่า ถึงแม้คุณท่านจะอยู่ แต่ก็มีคนอื่นอยู่ด้วย โดยเฉพาะเป็นคุณนายใหญ่คนก่อนด้วย ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวจะเกิดศึกอะไรขึ้นบ้าง ป้าเหวินรีบไปปิดประตูและตามเธอเข้าไป
เมื่อเริ่มเห็นห้องรับแขกอันโอ่โถงคนแรกที่ฉินอวิ๋นเห็นคือเมิ่งไหวเซิน “ไหวเซิน คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
และเมื่อมองไปอีกครั้ง ฉินอวิ๋นก็คิดว่าตัวเองมองผิดไป ทำไมถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า
ตอนที่ 467 อาหารเสีย
“คุณพ่อคะ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ” เพราะเสิ่นหลานอีถูกโอวหยางเลี่ยบังไว้ ฉินอวิ๋นเลยมองไม่เห็น เธอ ทำได้แค่ถามเมิ่งซงอวิ๋นและเมิ่งไหวเซินว่าทำไมถังโจวโจวถึงมาอยู่ที่นี่ หรือว่าเธอจะรู้สถานะจริงๆ ของตัวเองแล้ว
“คุณมาได้ยังไง” เมิ่งไหวเซินมองไปที่ฉินอวิ๋น รู้สึกว่าหล่อนเป็นเหมือนอาหารเสีย เสิ่นหลานอีก็ยังอยู่ที่นี่ด้วยนะ
เมิ่งซงอวิ๋นเห็นฉินอวิ๋นมาที่นี่ก็ตั้งคำถามขึ้นมาทันที เดิมทีก็ไม่ค่อยชอบลูกสะใภ้คนนี้อยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งไม่ชอบเข้าไปอีก “วันนี้ที่บ้านมีแขก เธอเป็นอะไรถึงมาขึ้นเสียงใส่ มีใครอบรมสั่งสอนบ้างไหม”
เมื่อได้ยินคำด่าของเมิ่งซงอวิ๋น ฉินอวิ๋นก็ก้มหน้าลงทันที ตอนนี้เธออยากขอความช่วยเหลือคนอื่น ถ้าเป็นตัวเธอในยามปกติก็คงจะเอ่ยปากด่าออกไปแล้ว แม้ว่าไม่ถึงขั้นพาลโกรธใส่คุณปู่เมิ่ง แต่ก็สามารถหันไปร้องเอะอะกับเมิ่งไหวเซินได้
“คุณพ่อคะ หนูก็แค่ไม่รู้เอง พ่อคะ วันนี้ที่หนูมาเพราะอยากจะมาขอความช่วยเหลือสักเรื่องหนึ่ง”ฉินอวิ๋นมองทุกคน มองแล้วมองอีก สุดท้ายก็พบว่ามีร่างของผู้หญิงอีกคน เธอขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกก็พบว่าตัวเองไม่ได้มองผิดไป
เธอร้องเรียกออกมา “เสิ่นหลานอีเหรอ ทำไมเธอยังมีชีวิตอยู่ได้”
เสิ่นหลานอียืนขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย “ฉินอวิ๋น ไม่คิดว่าจะยังได้เจอเธออีกนะ” เดิมทีเสิ่นหลานอีคิดว่าชาตินี้ทั้งสองคนคงจะไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าครั้งก่อนโจวโจวตั้งใจให้เธออยู่ก่อน ฉินอวิ๋นคงเจอตัวเธอไปก่อนหน้านี้แล้ว
จู่ๆ ฉินอวิ๋นก็คิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝันของเธอ คนที่ตายไปแล้วจะฟื้นกลับมาได้ยังไง หรือตอนนั้นเสิ่นหลานอีถูกคนช่วยไว้ เมื่อเห็นผู้ชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ ฉินอวิ๋นรับรู้ได้ถึงภัยคุกคามอยู่ลึกๆ
เธอไม่เข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมายังไงกันแน่ ถ้าวันนี้เธอไม่มาที่นี่ คงต้องผ่านไปอีกสักพักใช่ไหมเธอถึงจะได้รู้ว่าเสิ่นหลานอียังมีชีวิตอยู่ เมื่อเห็นท่าทางของเมิ่งไหวเซิน เขาก็คงจะรู้นานแล้วใช่ไหม แต่เขากลับไม่บอกเธอสักคำ
ยังมีเรื่องของถังโจวโจวอีก เธอซ่อนความจริงจากเขา แต่เขากลับกลับพาถังโจวโจวมาหาคุณปู่เมิ่งโดยไม่บอกกล่าวอะไร ชิงซีของเธอยังลำบากอยู่ในเรือนจำ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมครั้งนี้เมิ่งไหวเซินถึงหนักแน่นขนาดนี้ ที่แท้ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าชิงซีไม่ใช่ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา
“เมิ่งไหวเซิน คุณนี่มันดีจริงๆ ปิดฉันได้เก่งจริงๆ มิน่าล่ะคุณถึงไม่รีบร้อนที่จะช่วยลูกสาวคนนี้ เพราะคุณหาผู้หญิงสารเลวคนนี้เจอนานแล้ว” ฉินอวิ๋นด่าออกไปอย่างโกรธเคือง เมื่อพูดออกไปแล้วถึงค่อยรู้สึกตัวว่าไม่เหมาะสม
ทันทีที่เมิ่งไหวเซินได้ยินก็เข้าไปคาดคั้นถามอีก “คุณรู้เรื่องที่โจวโจวเป็นลูกผมนานแล้ว แต่คุณกลับไม่บอกผม หัวใจคุณทำด้วยอะไร”
คำถามของเมิ่งไหวเซินยิ่งทำให้ฉินอวิ๋นเจ็บใจ ทำไมเธอต้องบอกเขาด้วย ถังโจวโจวก็ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเธอเสียหน่อย ทำไมเธอต้องให้นังผู้หญิงแพศยาคนนี้มาแย่งความโดดเด่นของชิงซีไปด้วย
ถึงฉินอวิ๋นจะไม่พูดออกมา แต่สีหน้าท่าทางของเธอก็ทำให้เมิ่งไหวเซินรู้ว่าในใจเธอเวลานี้เต็มไปด้วยความเดือดดาล ก็ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดยังไงกับถังโจวโจว ไม่สู้แสร้งทำเป็นหูหนวกไปเสีย
“เอาล่ะ ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว พวกเธอสองผัวเมียออกไปข้างนอกเถอะ” น่าขายหน้าจริงๆ
“คุณพ่อคะ คุณพ่อก็รู้นานแล้วว่าชิงซีของหนูเจอเรื่องร้ายอะไรมา เห็นชัดๆ ว่าเรื่องงานหมั้นถูกนังแพศยาคนนี้แย่งไปอย่างหน้าด้านๆ ตอนนี้ยังมาใส่ร้ายให้เธอถูกจับอีก เธอได้รับความลำบากมาก เธอก็เป็นหลานสาวคุณพ่อเหมือนกัน คุณพ่อไม่ควรลำเอียงนะคะ”
ฉินอวิ๋นไม่ได้ร้องไห้โวยวาย มีเพียงมีน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเงียบๆ แต่ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความคับข้องใจ ต้องการให้เมิ่งซงอวิ๋นกับเมิ่งไหวเซินยืนข้างเธอ
แต่น่าเสียดายตอนนี้เมิ่งไหวเซินไม่สามารถช่วยเธอได้ พูดถึงครั้งก่อนที่ได้ยินบทสนทนาของฉินอวิ๋นกับเมิ่งชิงซี เมิ่งไหวเซินก็เริ่มสงสัยว่าภรรยาคนนี้อาจไม่ได้ดูอ่อนโยนอย่างที่เขาเห็น
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว” เมิ่งซงอวิ๋นเห็นฉินอวิ๋นยังโวยวายต่อไม่หยุดก็ตบโต๊ะ เสียงดังสะเทือนไปทั่วทั้งห้อง
ฉินอวิ๋นที่อยากจะพูดต่อเหลือเพียงเสียงสะอื้นในลำคอ แต่น้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล ถึงแม้การร้องไห้ต่อหน้าเสิ่นหลานอีจะทำให้เธอต้องเสียหน้า แต่ถ้าทำให้เมิ่งไหวเซินใจอ่อนได้ เธอก็ไม่สนใจหรอก
เสิ่นหลานอีมองการกระทำของฉินอวิ๋น ผู้หญิงคนนี้กับเธอไม่ใช่คนที่จะเดินในเส้นทางเดียวกันอีกต่อไป ในชีวิตเธอเกลียดผู้หญิงแบบนี้ที่สุด ผู้หญิงควรพึ่งพาตัวเองต่างหาก