ตอนที่ 504 ไม่เป็นอะไรแล้ว
คืนนี้ ทั้งสองคนไม่กล้านอนหลับสนิทเพราะกลัวว่าเสี่ยวอวี่จะไข้ขึ้นมาอีก ถังโจวโจวถูกแสงจากด้านนอกทำให้ตื่นขึ้น เมื่อยื่นมือไปอังหน้าผากของเสี่ยวอวี่ที่ยังหลับอยู่ก็พบว่าไข้ลดลงแล้ว ในที่สุดหัวใจของเธอก็วางลงได้เสียที
“เป็นไงบ้าง ยังมีไข้ไหม” ลั่วเซ่าเชินรู้สึกตัวตื่น ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว คิดว่าแค่หลับตาลงไปครู่เดียว เมื่อคืนเขาเองก็กลัวมากจึงพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ตอนนี้จึงปวดหัวเล็กน้อย
“ไม่มีไข้แล้วล่ะ ยังเช้าอยู่เลย คุณไม่นอนอีกหน่อยเหรอ อีกเดี๋ยวยังต้องไปทำงานอีก”ถังโจวโจวเห็นลั่วเซ่าเชินเอามือกุมหัวตัวเองก็คิดว่าตอนนี้เขาคงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ก็เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนทั้งคืนนี่นา
“ได้ คุณก็ฉวยโอกาสนี้นอนสักหน่อยเถอะ อีกเดี๋ยวลูกก็ตื่นแล้ว คุณจะไม่มีเวลานอนเอา” ลั่วเซ่าเชินเองก็เป็นห่วงถังโจวโจว เห็นถังโจวโจวขอบตาดำคลล้ำก็คิดว่าเมื่อคืนเธอคงไม่ได้นอนเลย
ถังโจวโจวก็ไม่อิดออดค่อยๆ หลับตาลง เมื่อตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าแปดโมงเช้าแล้ว ร่างของลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่อยู่บนเตียงแล้ว เขาน่าจะไปบริษัทแล้ว เสี่ยวอวี่มองไปที่เพดานและเล่นอยู่กับตัวเอง
“ลูกรัก ตื่นแล้วเหรอ มาเดี๋ยวแม่อุ้ม” ถังโจวโจวอุ้มเสี่ยวอวี่ขึ้นมาจากเตียง พบว่าเขาร่าเริงขึ้นมากแล้ว หลับช่วยเขาล้างหน้า เห็นท่าทางหัวเราะของเขาก็วางใจลง “มาม๊า”
“จ๊ะ เด็กดี พวกเราลงไปกินข้าวเช้ากันเถอะ หิวรึยัง”
“อือ..อ” ถังโจวโจวได้ยินว่าหิว ไม่คิดว่าลูกชายจะสามารถเข้าใจได้แล้วจึงอุ้มเขาลงไปที่ชั้นล่างอย่างยินดีทันที
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ป้าหลิวก็กำลังทำความสะอาดจานอาหารเช้าของลั่วเซ่าเชินอยู่ “ป้าหลิวคะ เซ่าเซินไปส่งลั่วอิงที่โรงเรียนรึยังคะ”
“ไปแล้วค่ะ คุณผู้หญิงคะ คุณให้เสี่ยวอวี่นั่งลงเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าจะไปเอาอาหารเช้าของพวกคุณมาให้” ป้าหลิวทำความสะอาดโต๊ะอย่างรวดเร็ว
ถังโจวโจววางเสี่ยวอวี่ลงให้เดิน เขาเดินตรงไปที่ห้องครัว คงเป็นเพราะรู้ว่าในห้องครัวมีของอร่อย เด็กคนนี้จะวิ่งตรงไปที่นั่นจนเป็นนิสัยแล้ว
วันนี้อาหารเช้าเป็นข้าวต้ม ข้าวต้มปรุงสุกพอดี เสี่ยวอวี่เห็นแล้วก็ตื่นเต้น คงจะหิวจริงๆ
“ไม่ต้องรีบ แม่จะเป่าแล้วป้อนให้นะ” ข้าวต้มอยู่ใกล้กับปากของแม่ เสี่ยวอวี่จึงกลัวว่าตนจะไม่ได้กิน
หลังจากเป่าอยู่หลายครั้ง ถังโจวโจวก็ใช้ริมฝีปากแตะดูพบว่าข้าวต้มไม่ร้อนแล้วจึงป้อนให้เสี่ยวอวี่ทันที นี่คงทำให้เขาพอใจเพราะตาของเขาจะหยีลงเมื่อได้กินอาหาร
“อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอลูก” ถังโจวโจวเห็นเขากินอย่างมีความสุข ตัวเองก็ดีใจที่ลูกกินได้อย่างมีความสุขแบบนั้น
เธอค่อยๆ ป้อนไปทีละคำทีละคำ หลังจากเสี่ยวอวี่กินอิ่มก็ไม่อ้าปากขออีกแล้ว ถังโจวโจวรู้ว่าเขาอิ่มแล้วก็อุ้มเสี่ยวอวี่ไปวางไว้ให้นั่งเล่นข้างๆ ตัวเองก็รีบกินข้าวต้มที่ใกล้จะเย็นแล้ว
“คุณผู้หญิงคะ เดี๋ยวครั้งหน้าให้ฉันป้อนเสี่ยวอวี่เองไหมคะ คุณจะได้กินของคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ป้าหลิว ถ้ามีอะไรต้องทำก็ไปทำเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันดูเสี่ยวอวี่เอง วางใจเถอะค่ะ” ถังโจวโจวรู้สึกว่าถ้าเธอมีเวลาก็ควรทุ่มเทเวลาดูแลลูกให้ดีที่สุด
ตอนนี้เสี่ยวอวี่ถึงเวลาที่จะเติบโตขึ้น แม่อยู่ข้างๆ จะส่งผลกระทบต่อเขา เด็กนั้นสัมผัสถึงอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ได้ง่ายมาก ถังโจวโจวจะต้องไม่พลาวงเวลาที่ดีและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไป
ป้าหลิวเห็นว่าถังโจวโจวไม่ได้สนใจเรื่องนั้น แต่กลับมีความสุขที่ได้ทำ ก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องระหว่างคณผู้หญิงและคุณชายน้อยจึงไม่เข้าไปก้าวก่าย การดูแลลูกก็เป็นหน้าที่หนึ่งของคนเป็นแม่
เพียงแต่เมื่อป้าหลิวเห็นถังโจวโจวป้อนข้าวให้เสี่ยวอวี่ ข้าวของตัวเองก็มักจะได้กินตอนที่เย็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดเพราะเป็นห่วงถังโจวโจว
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ คุณผู้หญิงคะ ยังไงคุณก็ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ เดี๋ยวครั้งหน้าฉันจะตั้งสำรับให้คุณช้าหน่อย คุณจะได้ทานอาหารร้อนๆ” ในเมื่อถังโจวโจวไม่ยอมให้เธอป้อนข้าวให้เสี่ยวอวี่ ป้าหลิวก็คงทำได้แต่วิธีนี้แล้ว
ที่จริงเมื่อก่อนที่อยู่ที่บ้านโอวหยาง ทุกเรื่องเกี่ยวข้องกับการดูแลบ้านถังโจวโจวก็จะมีส่วนช่วยด้วย เพียงแต่ตอนนี้ถังโจวโจวไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้กับป้าหลิวขึ้นมาก็เท่านั้น
ตอนที่ 505 พ่อแม่แท้ๆ
“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างก็รบกวนป้าหลิวด้วย”
“คุณผู้หญิงพูดอะไรอย่างนั้นล่ะค่ะ นี่เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ดิฉันเองก็ลืมไปซะสนิทเลย” ป้าหลิวคิดว่าถ้าเธอนึกขึ้นได้ก่อนหน้านี้ก็คงดี
ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ลั่วเซ่าเชินปลุกให้ลั่วอิงตื่นตั้งแต่เช้า เมื่อลั่วอิงลืมตาขึ้นมาก็เอ่ยถาม “พ่อคะ พ่อจะทำอะไรคะ”
“เด็กขี้เกียจ รีบตื่นเร็ว วันนี้พวกเราจะออกไปข้างนอกกัน”
ลั่วอิงลุกขึ้นจากเตียง พอเห็นลั่วเซ่าเชินหยิบเสื้อผ้ามาเตรียมไว้ที่เตียงเธอเรีบยร้อยแล้วก็ถาม “พ่อคะ วันนี้พวกเราจะไปไหนเหรอคะ”
“ไปเจอคนสำคัญสองคน ลูกรีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเถอะ พ่อจะไปรอข้างนอก” ลั่วเซ่าเชินปิดประตู ลั่วอิงเองก็รีบใส่เสื้อผ้า เมื่อออกจากห้องลั่วเซ่าเชินก็ไม่อยู่ข้างนอกแล้ว เมื่อลงมาชั้นล่างก็พบว่าถังโจวโจวและเสี่ยวอวี่เองก็ตื่นแล้ว
ลั่วอิงวิ่งไปหาถังโจวโจว “เสี่ยวอวี่ รีบเรียกพี่เร็ว”
“ปี ปี “คงเป็นเพราะคำว่าพี่ออกเสียงยาก ทุกครั้งเสี่ยวอวี่ก็ยังเรียกไม่ถูก แต่เมื่อลั่วอิงได้ยินก็ดีใจมาก น้องชายคนนี้เรียกเธอแล้ว
“เสี่ยวอวี่เป็นเด็กดีจริงๆ คุณแม่คะ วันนี้พวกเราจะไปไหนกันเหรอคะ” ลั่วอิงแค่ได้ยินลั่วเซ่าเชินพูดว่าจะไปเจอคนสำคัญแต่ก็ยังไม่รู้ว่าไปที่ไหน
“ถึงแล้วลูกก็จะรู้เอง” ถังโจวโจวปิดปากเงียบ ถึงแม้ว่าลั่วอิงจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็ยังเชื่อฟังและไม่ได้ถามอะไรต่อ
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ทุกคนก็ขึ้นรถ ลั่วอิงเห็นเส้นทางที่คุ้นเคยก็คิดถึงสถานที่ที่พวกเขาต้องการจะพาเธอไปขึ้นมา
“พ่อคะ พวกเราจะไปสุสานรึเปล่าคะ” ถึงตอนนั้นลั่วอิงจะยังเด็ก แต่กลับจำได้ และสองปีมานี้ลั่วเซ่าเชินก็พาเธอมาที่นี่ทุกปี เธอต้องจำได้แน่นอน
“ลูกรัก ลูกรู้เหรอว่าเราจะไปไหน”
“รู้ค่ะ ไปหาคุณลุง ใช่ไหม” ลั่วอิงพูดอย่างมีความสุข มันทำให้เธอภูมิใจ และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ใช่ ลูกพูดถูกแล้ว ลั่วอิงฉลาดจริงๆ” ถังโจวโจวที่นั่งอยู่เบาะหน้า มีเสี่ยวอวี่อยู่บนตัก จึงไม่สามารถหันไปลูบหัวเธอให้กำลังใจได้
ลั่วเซ่าเชินยิ้ม ก็ไม่รู้ว่าลูกคนนี้เป็นเหมือนใคร ทุกครั้งที่ตัวเองคิดว่าพูดได้ดีแล้วก็จะต้องการคำชื่นชมจากผู้ใหญ่ หากไม่ชมเธอก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เมื่อก่อนพี่ชายเขาก็ไม่ได้เป็นแบบนี้นะ หรือว่าจะเหมือนซูเสี่ยวกัน
ลั่วเซ่าเชินจอดรถที่ทางขึ้นภูเขา หลังจากนั้นก็รับเสี่ยวอวี่มาจากถังโจวโจว ถังโจวโจวจูงลั่วอิง ทั้งสี่คนเดินขึ้นไปบนภูเขาด้วยกัน
ลั่วเซ่าเชินหาสุสานของลั่วเซ่าอวี๋เจอแล้ว ลั่วเซ่าเชินเอาดอกไม้ในมือวางลงให้ลั่วเซ่าอวี๋ ถังโจวโจวยืนอยู่ข้างๆ “พี่ใหญ่ ผมกับโจวโจวมาเยี่ยมแล้ว ยังมีลั่วอิงด้วย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลั่วอิงจะเป็นหลานสาวบ้านตระกูลลั่วอย่างถูกต้องแล้วนะ พี่ดีใจไหม”
ลั่วเซ่าเชินมองใบหน้าที่คุ้นเคยของลั่วเซ่าอวี๋ หวนคิดถึงความทรงจำมากมายขึ้นมา ลั่วอิงเห็นพ่อและแม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสีหน้าของทั้งสองคนถึงเป็นทุกข์
คุณลุงใหญ่ก็เสียไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ ทุกปีก็กำหนดวันที่ต้องมาหาแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงมาอีกล่ะ ในใจลั่วอิงมีแต่คำถามเต็มไปหมด
“ลั่วอิง รีบเรียกพ่อเร็วลูก ต่อไปคุณลุงก็คือพ่อของลูกอีกคนนะ”
“พ่อคะ ทำไมต้องให้หนูเรียกคุณลุงว่าพ่อด้วยล่ะคะ พ่อไม่ต้องการหนูแล้วเหรอคะ”หัวใจของเด็กเล็กๆ นั้นละเอียดอ่อนมาก แยกอารมณ์ของผู้ใหญ่ไม่ออก เธอเพียงรู้สึกว่า พ่อนั้นมีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
“ไม่ใช่อย่างนั้น ลูกฟังพ่อนะ เพราะว่าคุณลุงไม่มีลูก ก่อนหน้านี้พ่อก็มีความคิดอย่างนี้ เพียงแต่ตอนนั้นกลัวว่าลูกจะเข้าใจผิด ดังนั้นจึงไม่ได้พูด ก่อนหน้านี้ที่พ่อพาลูกมาลูกก็เรียกว่าลุงพ่อใหญ่ไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้ก็แค่เรียกให้เป็นทางการขึ้นเท่านั้น”
ลั่วเซ่าเซินอธิบายกับเธออย่างอดทน ก็ไม่รู้ว่าเธอจะยอมเข้าใจไหม
ลั่วอิงเหมือนจะเข้าใจก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก เมื่อก่อนเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเรียกพ่อด้วย
หลังจากลั่วเซ่าเชินบอกเรื่องที่คิดกับถังโจวโจว เธอก็เข้าใจมากขึ้นว่าการมีอยู่ของลั่วเซ่าอวี๋นั้นต้องให้ลั่วอิงได้รับรู้เอาไว้