“เชิญเข้ามาค่ะ” เสียงของเหวินหย่าไต้ลอดออกมาจากในห้องทำงาน
เหนียนเสี่ยวมู่ยื่นมือไปเปิดประตูเดินเข้าไปเมื่อได้ยินดังนั้น
ห้องทำงานของเหวินหย่าไต้อยู่ในตำแหน่งที่ทัศนวิสัยดีที่สุดของแผนกประชาสัมพันธ์ สามารถมองเห็นสถานการณ์ในพื้นที่ทำงานด้านนอกผ่านผนังกระจก แต่ข้างน้องจะมองไม่เห็นข้างใน
เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน กำลังอ่านเอกสารตรงหน้า
เมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่เข้ามา เธอเงยหน้าเล็กน้อย ยิ้มพลางเอ่ยปาก “เข้ามาสิคะ เชิญนั่ง”
รอยยิ้มกระตือรือร้นทำให้คนนอกรู้สึกเหมือนถูกชโลมด้วยลมฤดูใบไม้ผลิ คล้ายกับเรื่องไม่น่ารื่นรมย์เมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ผู้จัดการเหวิน” เหนียนเสี่ยวมู่วางประกาศฌข้าทำงานในมือตัวเองลงบนโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย
เหวินหย่าไต้ไม่ได้มองประกาศตรงหน้า แต้ยิ้มสดใสยิ่งขึ้น
“ตั้งแต่ฉันเจอคุณครั้งแรก ก็รู้สึกว่าพวกเรามีวาสนาต่อกันมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายมาเป็นเพื่อนร่วมงานกันเร็วขนาดนี้ ความจริงแล้วมีประกาศเข้าทำงานหรือไม่ก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ ทั้งฉัน ทั้งคนอื่นๆ ในแผนกของพวกเราเห็นความสามารถด้านการประชาสัมพันธ์ของคุณกันหมดแล้ว ทุกคนคาดหวังกับการเข้ามาทำงานของคุณมากเลยนะคะ”
เหวินหย่าไต้พูดพลางลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วยื่นมือออกไป
“ฉันขอเป็นตัวแทนแผนกประชาสัมพันธ์ ยินดีต้อนรับค่ะ!”
“…ขอบคุณค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงัน แต่จากนั้นก็จับมือกับเธอ
ไม่นานเหวินหย่าไต้ก็ปล่อยมือ
“คุณเพิ่งมาถึงแผนกประชาสัมพันธ์ มีหลายอย่างที่ยังไม่คุ้นเคย ฉันเตรียมเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งไว้ให้คุณโดยเฉพาะแล้ว จะได้ช่วยให้คุณคุ้นเคยกับงานในแผนกของเราโดยเร็วที่สุด”
เหวินหย่าไต้พูด และมีเสียงดังขึ้นจากประตูในเวลานั้น
ไม่นานก็ได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา “ผู้จัดการเหวิน เรียกหาฉันมีอะไรเหรอคะ”
“อืม” เหวินหย่าไต้เดินไปหยุดระหว่างทั้งสงคน ก่อนจะเอ่ยปากอย่างเป็นกันเอง “ฉันจะแนะนำให้พวกเธอรู้จักกันนะ นี่คือเหนียนเสี่ยวมู่ ซูเปอร์ไวเซอร์ใหม่ของแผนกเรา”
เหวินหย่าไต้มองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ แล้วชี้ไปทางหญิงสาวที่เพิ่งเข้ามา
“เธอชื่อเย่หมิงหมิ่น ซูเปอร์ไวเซอร์อีกคนหนึ่งของแผนกประชาสัมพันธ์ คุณเพิ่งมากถึง ฉันเลยจะให้เธอช่วยคุณทำความคุ้นเคยกับแผนก ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามเธอได้เลยค่ะ”
แม้เมื่อวานเหนียนเสี่ยวมู่จะทำให้ทุกคนตกตะลึงกับประกาศฉบับนั้นมาก
แต่เธอไม่คุ้นเคยกับแผนกประชาสัมพันธ์ อยากจะเข้ากับคนในแผนกให้ได้เร็วที่สุด ก็จำเป็นต้องมีคนช่วย
ซูเปอร์ไวเซอร์ที่โผล่มากะทันหันอย่างเธอ พนักงานทั่วไปคงจะช่วยไม่ได้แน่ๆ ทำได้แค่ให้ซูเปอร์ไวเซฮร์อีกคนมาช่วย
การจัดการของเหวินหย่าไต้ถือว่าสมเหตุสมผล
ผ่านไปครู่หนึ่ง เนียนเสี่ยวมู่ก็ออกมาจากห้องทำงานพร้อมเย่หมิงหมิ่น จากนั้นก็เดินไปยังที่นั่งของเซี่ยจิงจิง เย่หมิงหมิ่นถึงจะหยุดฝีเท้า “เซี่ยจิงจิงถูกพักงานไปสำนึกผิดแล้ว หลังจากนี้ตรงนี้จะเป็นโต๊ะทำงานของคุณค่ะ”
คนอื่นๆ ในแผนกประชาสัมพันธ์ทยอยกันมาถึงแล้ว
เมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ พวกเขาก็มองเธอโดยไม่ได้นัดหมาย
หลังจากเห็นตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ ว่าเป็นที่นั่งเดิมของเซี่ยจิงจิง ทุกคนก็เบนสายตาออกไปด้วยความอึดอัด
มีเพียงนักศึกษาฝึกงานสองสามคน ที่กล้าทักทายเหนียนเสี่ยวมู่อย่างใจกว้าง
ในใจของเหนียนเสี่ยวมู่มีแต่เงินเดือนสองเท่า จึงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เมือเห็นว่าเวลาทำงานมาถึงแล้ว เธอก็หันหน้าไปหาเย่หมิงหมิ่น
“หน้าที่ของฉันคืออะไรเหรอคะ”
“ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม แล้วก็ขั้นตอนการทำงานของแผนกประชาสัมพันธ์ ถึงคุณจะเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ แต่เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้อง ฉันจำเป็นต้องให้คุณทำงานพื้นฐานแบบนักศึกษาฝึกงานสักสองสามวัน”
เย่หมิงหมิ่นชี้ไปที่เครื่องถ่ายเอกสารอย่างไม่ใส่ใจนัก “เช้าวันนี้ก็เรียนรู้ว่าต้องช่วยคนอื่นถ่ายเอกสารยังไงไปก่อนนะคะ จากนั้นก็ค่อยทำงานกรอกข้อมูลแล้วกันค่ะ”
“…” เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วมุ่น
เธออยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เย่หมิงหมิ่นกลับเดินผ่านเธอไปแล้ว