เซี่ยจิงจิงลนลานอย่างถึงที่สุด
เธอถลันไปข้างหน้าอวี๋เยว่หาน อธิบายอย่างสุดชีวิต “คุณชายหาน ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ ตอนนั้นอยู่ๆ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ลุกขึ้นมา โน๊ตบุ๊คก็ตกลงไปพอดี ฉันก็เลยคิดว่าเธอชนมันตก”
เซี่ยจิงจิงเห็นอวี๋เยว่หานหน้าบึ้ง จึงไม่ได้พูดต่อ แต่รีบมองไปทางเหวินหย่าไต้
“ผู้จัดการเหวิน พี่เป็นผู้จัดการของแผนกประชาสัมพันธ์ พี่รู้พฤติกรรมของฉันดีที่สุด ฉันให้ความสำคัญกับโครงการของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้ามาก”
“…” มีแสงฉายชัดอยู่ในดวงตาของเหวินหย่าไต้
เดิมทีเธอคิดว่าจะอาศัยเรื่องราวในครั้งนี้ ทำให้อวี๋เยว่หานห้ามเหนียนเสี่ยวมู่เข้ามาที่บริษัทอีก แต่ใครจะรู้ว่าจนสุดท้ายแล้ว เรื่องราวจะกลับตาลปัตรจนกลายเป็นอย่างนี้ไปได้
เธอไม่ใส่ใจเซี่ยจิงจิงแค่คนเดียวหรอก
แต่คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเธอสร้างเรื่อง เธอก็ต้องรับผิดชอบ
จะให้เซี่ยจิงจิงยอมรับว่าจงใจใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงไม่ได้เด็ดขาด
“คุณชายหาน ถึงเซี่ยจิงจิงจะมีความผิด แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจ โน๊ตบุ๊คเสียหายถือเป็นเรื่องด่วนที่สุด เธออาจจะเข้าใจเหนียนเสี่ยวมู่ผิดเพราะเหตุนี้ ตอนนี้เคลียร์ความเข้าใจผิดกันแล้ว ฉันให้เธอขอโทษเหนียนเสี่ยวมู่เป็นยังไงคะ”
เหวินหย่าไต้มองเซี่ยจิงจิง ขยิบตาให้เธอครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยจิงจิงก็ฝืนความรู้สึก โค้งตัวให้เหนียนเสี่ยวมู่ “ขอโทษค่ะ”
“…” เหนียนเสี่ยวมู่กัดริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไร
กล้องวงจรปิดไม่ได้ถ่ายข้างหน้า คนอื่นจึงเชื่อว่าเซี่ยจิงจิงไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนั้นเธอแน่ใจมาก
ตอนเซี่ยจิงจิงยื่นมือมาดันโน๊ตบุ๊ค ในสายตาเปล่งประกายความชั่วร้ายออกมาด้วย
สายตาแบบนั้น เป็นความตั้งใจอย่างแน่นอน…
แต่เซี่ยจิงจิงกล่าวขอโทษเธอต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เหวินหย่าไต้ก็กำลังขอความเห็นใจจากเธอด้วย ถ้าเธอยังปฏิเสธอย่างเด็ดขาด คนอื่นก็จะคิดว่าเธอไม่รู้จักดีชั่วเสียเปล่าๆ
“พักงานไปสำนึกผิด”
ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังคิดว่าทำได้แค่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เสียงเยียบเย็นก็ค่อยๆ ดังขึ้นที่ข้างหู
เธอตัวแข็งทื่อ เงยหน้ามองอวี๋เยว่หานทันควัน
ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง
อวี๋เยว่หานไม่ได้มองมาที่เธอ แต่จ้องเซี่ยจิงจิงอย่างเยือกเย็น ครั้นพูดจบก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ เตรียมจะออกไป
“คุณชายหาน จิงจิงไม่ได้เพิ่งมาอยู่ที่แผนกประชาสัมพันธ์วันหรือสองวัน เธอมีผลงานดีมากเสมอ แค่อุบัติเหตุครั้งเดียว ให้เธอไปพักงานสำนึกผิดมันหนักเกินไปเหรอคะ”
ทีแรกเธออยากพูดว่า ถ้าไม่มีหลักฐานแบบนี้ ชดเชยด้วยคำว่าขอโทษก็มากเกินไปแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่า อวี๋เยว่หานจะออกปากให้เซี่ยจิงจิงไปพักงานสำนึกผิด
เพียงเพราะเหนียนเสี่ยวมู่…
เธอทนมองเขาแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้เพราะผู้หญิงคนเดียวหรอกนะ
“หนักเกินไปงั้นเหรอ” อวี๋เยว่หานหยุดฝีเท้า แล้วหมุนตัวมาพร้อมสายตาเยียบเย็น
“เป็นซูเปอร์ไวเซอร์ของแผนกประชาสัมพันธ์ แต่ไม่ได้ทำสำเนาประกาศสำคัญไว้ตั้งแต่ทีแรก ถือว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง”
“ประกาศที่ไม่ได้ทำสำเนาไว้ กลับไม่เก็บรักษาให้ดี เกิดอุบัติเหตุขึ้นก็คิดวิธีกู้คืนสถานการณ์ไม่ได้ ถือว่าไร้ความสามารถ”
“งานเกิดปัญหา แต่ไม่ยอมพิจารณาตัวเองตั้งแต่ทีแรก แต่ผลักความรับผิดชอบให้คนอื่น ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ”
ดวงตาเย็นชาของอวี๋เยว่หานกวาดมองทุกคน สุดท้ายถึงจ้องมองใบหน้าของเหวินหย่าไต้
“แผนกประชาสัมพันธ์มีซูเปอร์ไวเซอร์แบบนี้ ผมเป็นห่วงว่าโครงการร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าจะเกิดปัญหาอีกหรือเปล่า”
“…” เหวินหย่าไต้หน้าซีดเผือดทันใด
คำพูดนี้หมายความว่าแม้แต่เธอก็ถูกสงสัยไปด้วย
อย่างไรเสียเธอก็ดันให้เซี่ยจิงจิงได้ตำแหน่งซูเปอร์ไวเซอร์นี้
เหวินหย่าไต้สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์ไว้