หวานรักจับหัวใจท่านประธาน – ตอนที่ 203 ไม่ทำก็ตายไม่ได้ / ตอนที่ 204 จะเป็นวัวเป็นม้าชดเชยให้
ตอนที่ 203 ไม่ทำก็ตายไม่ได้
พอเหนียนเสี่ยวมู่พูดคำถามออกมา ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบไปในทันที
จากนั้นก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นมาระลอกหนึ่ง
นักข่าวที่ยังควบคุมได้เมื่อครู่ ตอนนี้ต่างก็เบียดมาข้างหน้าอย่างสุดชีวิต เพราะกลัวจะคำไหนตกหล่นไป และพลาดข่าวใหญ่!
ต้องรู้ไว้ว่าอวี๋เยว่หานยังอายุน้อย แต่ก็เป็นคนหนุ่มมีพรสวรรค์ที่เป็นที่ยอมรับในวงการ
ฐานะของเขาสูงส่ง แถมยังมีหน้าตาหล่อเหลาสง่างาม
แต่ชายหนุ่มที่ดีเลิศแบบนี้ กลับไม่เข้าใกล้ผู้หญิงคนไหน
หลายคนเดากันว่าเขาเป็นเกย์หรือเปล่า
จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อน อยู่ๆ เขาก็มีลูกสาว ข่าวลือนั้นจึงหายไป
แต่สองปีผ่านไปแล้ว แม่ของลูกสาวเขากลับไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย
นักข่าวหลายคนเบียดมาข้างหน้า อยากสัมภาษณ์ความรู้สึกและชีวิตของเขา แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามต่อหน้าอวี๋เยว่หานเลย
คำถามของเหนียนเสี่ยวมู่เป็นข่าวดีของสื่อในงานโดยแท้!
ตอนนี้ไม่มีใครเป็นห่วงว่าทำไมซ่างซินถึงยังไม่ปรากฏตัว ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่อวี๋เยว่หานบนเวที และรอคอยด้วยความเคร่งเครียด ว่าเขาจะตอบคำถามนี้หรือไม่
“…”
เหนียนเสี่ยวมู่คิดไม่ถึง ว่าคำถามเรียกน้ำย่อยอย่างขอไปทีจะทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้
เมื่อเงยหน้ามองไปทางอวี๋เยว่หาน กลับพบว่านัยน์ตาสีดำของเขาหยั่งลึกขึ้นมาก สายตามืดมนกวาดผ่านใบหน้าของเธอไป ก่อนจะเลิกคิ้ว ราวกับสงสัยเจตนาของเธอ
จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองผู้ชมด้านล่างเวที
แล้วพูดทีละคำด้วยเสียงน่าดึงดูด “แบบที่ไม่รนหาที่ตาย”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขากำลังบอกเธอว่ารนหาที่ตาย
ไม่ใช่ๆ ต้องคิดไปเองแน่ๆ
เหนียนเสี่ยวมู่สงบสติอารมณ์ แล้วหรี่ตาพูดต่อเหมือนผู้กาศข่าวซุบซิบ “ฟังจากคำพูดของคุณชายหานแล้ว ดูเหมือนจะมีคนที่ชอบแล้วสินะคะ”
“ตู้ม” บรรยากาศในงานระเบิดทันที
เมื่อได้ยินว่าอวี๋เยว่หานอาจจะมีเจ้าของแล้ว คราวนี้ไม่เพียงนักข่าว แม้แต่คนอื่นๆ ในงานต่างก็เงี่ยหูฟังกันหมด
ทุกคนต่างก็ร้อนใจอยากรู้ ว่าผู้หญิงคนไหนชาติก่อนช่วยกาแล็กซี่เอาไว้ ถึงได้ทำให้อวี๋เยว่หานถูกตาต้องใจได้
“…” อวี๋เยว่หานมีสีหน้าเย็นชา ราวกับไม่สนใจปฏิกิริยาด้านล่างเวทีโดยสิ้นเชิง เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาสีดำของเขาก็ปรากฏระลอกคลื่นขึ้นมา
จากนั้นเขาก็จ้องเขม็งไปที่เหนียนเสี่ยวมู่
แต่ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เมื่อสบสายตาถมึงทึงของเขา ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจของเขาถึงได้เหมือนหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
หางตาของเธอเหลือบเห็นพิธีกรด้านข้างเวทีทำสัญญาณมือให้เธอ จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คำถามนี้พวกเราเก็บไว้ในใจก่อนนะคะ หวังว่าจะได้ยินข่าวดีของคุณชายหานประกาศออกมาโดยเร็ววัน ต่อจากนี้ ขอเชิญซ่างซินของพวกเราขึ้นมาบนเวทีค่ะ…”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็รีบลากอวี๋เยว่หานหมุนตัวเดินลงจากเวทีไป
“…” อวี๋เยว่หานตะลึงงันไปเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตามองมือข้างที่จูงตัวเองอยู่
นัยน์ตาของเขาวูบไหว ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ปล่อยให้เธอลากเขาลงจากเวที
เพลงเดินแบบดังขึ้น ไฟบนเวทีก็สวยงามขึ้นด้วย
แสงเงาทับซ้อน สาดส่องไปที่ใบหน้าขาวผ่องของเธอ คิ้วโก่งคู่นั้นเหมือนกับพูดได้
“นับว่าตบตาไปได้ ขืนทำต่อไปนานกว่านี้ ชีวิตฉันได้สั้นลงหลายปีแน่…” เหนียนเสี่ยวมู่มองซ่างซินที่ปรากฏตัวอย่างไร้รอยขีดข่วนบนเวที แถมยังมีผู้คนที่ถูกดึงดูดสายตาด้วยการเดินแบบเอาไว้ เธอก็ตบหน้าอกถอนหายใจออกมา
แต่เมื่อพบว่าข้างๆ ยังมีคนยืนอยู่ด้วย เธอถึงจะดึงสติกลับมา และรีบปล่อยมือ
หญิงสาวมองอวี๋เยว่หานที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ และเอ่ยปากอธิบายทันที “ฉันไม่ได้ตั้งใจเอาเปรียบคุณนะ แต่มันฉุกละหุก”
“…”
“คำถามเมื่อกี้ก็เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจนักข่าว คุณชายคงไม่เก็บไปแค้นใช่ไหม”
ตอนที่ 204 จะเป็นวัวเป็นม้าชดเชยให้
เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบ ดวงตาสดใสคู่นั้นก็จ้องมองอวี๋เยว่หานด้วยความระมัดระวัง
เมื่อเห็นเขามีสีหน้าอึมครึม เธอก็หดคอทันที แล้วรีบแสดงสีหน้าน่าสงสาร
“คุณชาย แม้งานในวันนี้จะเป็นงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า แต่พูดกันตามตรงแล้วก็เป็นโครงการร่วมมือของบริษัทตระกูลอวี๋ เพื่อคุณชายแล้ว ฉันถึงได้คิดแก้สถานการณ์อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อกี้ฉันหมดหนทางจริงๆ ก็เลยอาศัยชื่อของคุณชาย ฉันรับประกันว่าต่อไปจะไม่ทำอีก!”
เหนียนเสี่ยวมู่ยกมือขวาขึ้นมา พร้อมทั้งชูสามนิ้วสาบาน
“…” ใบหน้าเรียบเฉยของอวี๋เยว่หานกระตุกเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าเมื่อครู่เธอคิดหาทางสุดชีวิตเพื่อเขา
แต่ไม่นานก็กลับคืนสู่สภาพปกติ
เขาหลุบตามองคนที่พยายามทำตัวว่าง่าย แต่ซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ในดวงตาตรงหน้านี้
ในใจรู้ชัดว่าคำพูดของเธอ เป็นคำพูดเอาใจเขาเสียแปดส่วน เชื่อเป็นเรื่องจริงไม่ได้
แต่มุมปากของเขากลับยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความอึดอัดตรงหน้าอกก็ทุเลาลงหลายส่วน…
ส่วนจะคิดบัญชีกับเธอไหม…
“ดูความประพฤติของคุณก่อน” อวี๋เยว่หานขยับริมฝีปากบาง พูดชัดถ้อยชัดคำ
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เธอขอโทษก็แล้ว สาบานรับประกันก็แล้ว ยังจะดูพฤติกรรมอะไรอีก
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณไม่เจรจาก่อน ก็ลากผมขึ้นไปยืนบนเวทีงานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า บริษัทสอนให้คุณวางแผนให้ร้ายประธานบริษัทเหรอ”
“…” เปล่า
“คำถามที่คุณถามก่อนหน้าผมจะพยายามไม่สนใจ แต่ขายความเป็นส่วนตัวของผมหลังจากนั้นเนี่ย นี่ก็เป็นสิ่งที่เตรียมไว้อย่างดีในการวางแผนเหรอ”
“…” ไม่ใช่
“ฝ่าฝืนกฎของบริษัท ไม่เคารพประธานบริษัท รวมความผิดสองข้อนี้แล้ว ผมคิดว่าคุณควรโดนหักโบนัสสักกี่เดือนดีนะ” อวี๋เยว่หานมองหัวเล็กๆ ของเธอที่ก้มลงจนจะชนหน้าอกอยู่ พร้อมทั้งพูดอย่างช้าๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็เงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน
เธอมองเขาด้วยความน้อยใจ เหลือก็แต่ไม่ได้มีหางงอกออกมาสะบัดให้เขาดู
“ฉันทำไปเพื่อถ่วงเวลารอซ่างซินมา เจ๊ากันไปไม่ได้เหรอ”
เมื่อคิดว่าธนบัตรกองใหญ่จะปลิวไปต่อหน้าต่อตา ใบหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่ก็งองุ้มในทันที
เธอยื่นมือไปจับชายเสื้อของอวี๋เยว่หานเอาไว้
“ฉันจะเป็นวัวเป็นม้าชดเชยให้ ไม่หักโบนัสได้ไหม”
เขายังไม่ทันได้ตอบ ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมาจากในงาน พ่วงมาด้วยเสียงกรี๊ดอันฮึกเหิมของแฟนคลับซ่างซิน
“นางฟ้า! นางฟ้า!”
“ซ่างซินสุดยอดมาก! ฉันรักคุณ!”
“ผมก็รักคุณ!”
เสียงกรี๊ดถล่มทลายสร้างบรรยากาศในงานให้ครึกครื้นถึงขีดสุด
เหนียนเสี่ยวมู่เห็นว่าอวี๋เยว่หานขยับริมฝีปากบางแล้ว แต่ไม่ได้ยินว่าเขากำลังพูดอะไร
ตอนอยากจะถามเขานั้น เธอก็เห็นซ่างซินเดินลงมาจากเวที ช่วงเดินแบบหญิงสาวทำได้ไม่มีที่ติ ทุกคนในงานก็ให้การตอบรับดีมาก แต่บนใบหน้าของนางแบบสาวกลับไม่สู้ดีนัก ของตาแดงก่ำอยู่บ้าง
ดูแล้วเหมือนอดกลั้นอะไรบางอย่างอยู่
ซ่างซินอดทนจนงานพรีเซ็นเตอร์จบลงได้อย่างยากลำบาก เธอจึงเสียศูนย์อยู่บ้าง เมื่อลงจากเวทีแล้ว เธอก็ปิดหน้าเดินเข้าห้องพักผ่อนไป
“ซ่างซิน…” เหนียนเสี่ยวมู่มองเงาหลังของอีกฝ่าย แต่เมื่อนึกถึงได้ว่าซ่างซินเพิ่งถูกลักพาตัวไป หญิงก็รีบตามไปโดยไม่สนใจอวี๋เยว่หานอีก
“…”
อวี๋เยว่หานยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาสีดำขลับหรี่ตามองเธอจากไป
เขาเพิ่งจะเดินไปข้างหน้า โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อก็พลันดังขึ้นมา
ชายหนุ่มก้มมอง ก่อนจะพบว่าเป็นสายของถังหยวนซือ จึงขมวดคิ้วพลางรับสาย
“ผมดูไลฟ์สดแล้ว งานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าประสบความสำเร็จมากเลยนะ” เสียงแหบพร่าของถังหยวนซือดังออกมาจากในสาย
“เรื่องคราวนี้นับว่าคุณติดหนี้น้ำใจผมแล้ว ผมอยากให้คุณช่วยอะไรสักเรื่อง”