หวานรักจับหัวใจท่านประธาน – ตอนที่ 285 จากมีวาสนาสู่ไร้วาสนา / ตอนที่ 286 เกิดเรื่องผิดปกติต้องมีตัวการ
ตอนที่ 285 จากมีวาสนาสู่ไร้วาสนา
เขาเป็นอะไรไป
เหนียนเสี่ยวมู่ใจเต้นจนเกือบจะทะลุออกมา ทว่าเพิ่งคิดจะเงยหน้า ก็พบว่ามือข้างที่กดท้ายทอยของเธอเอาไว้กำลังออกแรงอยู่เงียบๆ ไม่ให้เธอขยับ
เธอจะหายใจไม่ออกแล้ว!
“อวี๋เยว่หาน…”
“อย่าขยับ มีนักข่าว” เสียงทุ้มต่ำของเขาค่อยๆ ดังขึ้น
แขนอีกข้างหนึ่งของเขาที่โอบเอวเธอก็ไว้ก็กระชับทั้งเธอและเสี่ยวลิ่วลิ่วแน่นยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ภาพนี้ก็เหมือนพ่อแม่ลูกที่รักกันหวานชื่น
เหนียนเสี่ยวมู่ตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย
ผ่านไปนานทีเดียว เธอถคงจะถามด้วยความเคร่งเครียด “นักข่าวไปหรือยัง”
หัวเล็กๆ ของเธอเหลือบมองด้านข้างโดยไม่รอคำตอบจากเขา พบว่ามีวัยรุ่นสองสามคนถือกล้องถ่ายรูปอยู่ไม่ไกล
ดูท่าทางเหมือนเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ที่ออกมาถ่ายรูปเล่นกัน
ไม่ได้เล็งกล้องมาที่พวกเขา…
อวี๋เยว่สังเกตเห็นสายตาของ จึงกระแอมเสียงเบาพร้อมกับปล่อยเธอ แล้วพูดเรียบๆ
“ผมมองผิดไป”
ใบหน้าเย็นชาของเขาไม่มีความรู้สึกใด มือห้อยอยู่ข้างลำตัว แต่แอบกำหมัดอยู่เงียบๆ
ในฝ่ามือนั้นร้อนระอุขึ้นมาอยู่บ้าง
ด้วยสายตาช่างสังเกตของเขา ต้องแยกนักข่าวจริงหรือปลอมได้อยู่แล้ว
แต่ชั่วขณะที่มองเห็นเธอก้มหน้ามองดอกกุหลาบเมื่อครู่ มือของเขาก็ยื่นออกไปกอดเธอไว้โดยไม่รู้ตัวทันที
เมื่อดึงสติกลับมาได้ ถึงจะรู้ตัวว่าตนเองทำอะไรลงไป
“ไม่เป็นไร คุณทำเพื่อปกป้องเสี่ยวลิ่วลิ่ว” เหนียนเสี่ยวมู่ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะก้มหน้ามองเสี่ยวลิ่วลิ่วที่อยู่ในอกของเธอ
เสี่ยวลิ่วลิ่วยังเด็ก อวี๋เยว่หานไม่อยากให้เปิดเผยเธอต่อสื่อ เหนียนสี่ยวมู่เข้าใจได้
แถวที่จริงพวกเขาก็ไม่ใช่พ่อแม่ลูก ถ้านักข่าวถ่ายรูปได้จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะรายงานอย่างไร
เขาระแวดระวังแบบนี้ ถือว่าถูกต้องแล้ว
เหนียนเสี่ยวมู่เม้มปาก “พวกเรารีบกลับบ้านเถอะ”
ผ่านการกอดเมื่อครู่มาแล้ว บรรยากาศพลันเงียบสงบเป็นพิเศษขณะที่ทั้งสองคนรอผู้ช่วยมา
จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของเหนียนเสี่ยวมู่พลันส่งเสียงขึ้นมา
เธอกอดดอกกุหลาบไว้ในอก ไม่สะดวกใช้มือข้างเดียวรับโทรศัพท์ จึงเผลอไปกดเปิดลำโพง
เสียงของเฉินจื่อซินดังออกมาจากปลายสายอย่างชัดเจน
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ผมเหมือนจะเห็นคุณที่โรงหนัง…” เขายังพูดประโยคนี้ไม่จบ สายตาก็ตัดไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เธอกำลังจะหันไปมองด้วยความแปลกใจ รถของผู้ช่วยก็ขับเข้ามาหาพวกเขาพอดี ก่อนจะจอดสนิทอยู่ที่ข้างทาง
ประตูรถเปิดออก
หญิงสาวยังไม่ทันดึงสติกลับมา อวี๋เยว่หานก็เอ่ยปากเสียงเรียบ “ขึ้นรถ”
“รองประธานเฉินเหมือนจะอยู่ที่นี่เหมือนกัน จริงสิ ก่อนหน้านี้ตอนเขานัดฉันก็บอกว่าซื้อตั๋วหนังไว้แล้ว ใช่โรงหนังนี้หรือเปล่านะ” เหนียนเสี่ยวมู่ดึงแขนเสื้อคลุมกันลมของอวี๋เยว่หานพลางถาม
ความมืดมนฉายผ่านแววตาของอวี๋เยว่หานไป แล้วตอบอย่างเฉยชา “คุณจำผิดแล้ว ไม่ใช่ที่นี่”
“แต่รองประธานเฉินบอกว่าเห็นฉัน เขาน่าจะอยู่ใกล้ๆ พวกเรา…” เหนียนเสี่ยวมู่พูด พร้อมกับหันไปมองรอบๆ แต่ยังไม่ทันจะหาเฉินจื่อซินเจอ เงาร่างของอวี๋เยว่หานก็บังข้างหน้าเธอไว้แล้ว
บนใบหน้าหล่อเหล่าดูมืดครึ้ม
ดวงตาของเขามีสีดำราวกับน้ำหมึก พลางพูดเสียงเคร่ง
“เสี่ยวลิ่วลิ่วควรจะกลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว”
“…”
ก็ถูก พวกเขาออกมาทั้งวันแล้ว
เด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่ เที่ยวเล่นทั้งวันต้องเหนื่อยมากแน่ๆ
แถมไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้น รองประธานเฉินอาจจะเห็นคนอื่นก็ได้
เหนียนเสี่ยวมู่ลังเลอยู่แค่วินาทีเดียวเท่านั้น แล้วมุ่งหน้าขึ้นรถไป
ส่วนอวี๋เยว่หานตามขึ้นไปนั่งข้างๆ เธอ และกำชับให้ผู้ช่วยออกรถทันทีที่ขึ้นรถ
แต่รถเพิ่งจะเคลื่อนออกไป เฉินจื่อซินก็ถลันออกมาจากในฝูงชน พร้อมกับส่ายหน้าอย่างหัวเสียให้กับโทรศัพท์มือถือที่แบตเตอรี่หมดในเวลาสำคัญ!
ตอนที่ 286 เกิดเรื่องผิดปกติต้องมีตัวการ
วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านไปเร็วมาก
ข่าวแรกที่เหนียนเสี่ยวมู่ได้รับในสัปดาห์ใหม่เมื่อไปถึงบริษัท ก็คือหวางเมี่ยวเมี่ยวยอมรับผิดและลาออกไปแล้ว
ไม่มีขั้นตอนพูดจาน้ำท่วมทุ่ง เพียงแค่ยื่นจดหมายลาออก และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ฉันยังคิดว่าเธอจะต่อสู้อีกสักหน่อย ขอให้ผู้จัดการเหวินพูดแทนเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าจะออกไปอย่างเด็ดขาดแบบนี้” มีเพื่อนร่วมงานพูดอยู่ข้างๆ
“พูดตามตรง ฉันรู้สึกแปลกใจมาก ฉันจำได้ว่าเธอมีประวัติการศึกษาดีมาก เธอสร้างผลงานเพื่อจะเข้ามาในบริษัทตระกูลอวี๋ แถมเธอก็หวงแหนงานนั้นมากมาโดยตลอด”
“แล้วยังไง เธอได้รับผลกรรมจากการกระทำของตัวเอง วันนี้พวกเราก็ได้ยิน เธอพูดจากไม่น่าฟังขนาดนั้น ถ้าซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนเจรจางานร่วมมือไม่สำเร็จ ตอนนี้คนที่ถูกบีบออกก็คงเป็นซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนแล้ว!”
เสี่ยวเสี่ยวได้ยินทุกคนพูดคุยกัน แอบรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเหนียนเสี่ยวมู่
คนในห้องทำงานพากันเงสติกลับมา ก่อนจะมองมายังเหนียนเสี่ยวมู่
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนอย่าเข้าใจผิดนะคะ ไม่มีใครเห็นใจเธอ ทุกคนแค่เสียดายเท่านั้น”
“ใช่ค่ะๆ ถึงยังไงก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน พวกเราแค่เสียดายเฉยๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงที่ของตนเอง
ในหัวของเธอเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อครู่
ลางสังหรณ์บอกเธอว่า เหมือนจะมีตรงไหนแปลกๆ ไป…
“พูดขึ้นมาแล้ว ครั้งนี้ก็โชคดีที่ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนพูดภาษาอิตาลีได้ แถมยังละเอียดจนพบว่ามิสเตอร์ลอมบาร์ดีชอบกินอาหารจีน ถึงได้มีโอกาสร่วมงานกัน”
เพื่อนร่วมงานรอบๆ เห็นเหนียนเสี่ยวมู่เข้าถึงได้ง่าย จึงค่อยๆ ผูกมิตรกับเธอ
“นี่ๆๆ เธอพูดสิ่งที่ฉันอยากพูดไปแล้วเนี่ย ความจริงแล้วไม่ใช่แค่ครั้งนี้ งานร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าครั้งก่อน ก็เพราะมีซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ถึงเชิญซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ ตอนนี้ข้างนอกมีแต่ชมว่าแผนกเราทำได้ทุกอย่างแล้ว!”
มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ
คนที่อยู่ข้างๆ หัวเราะแล้วสะกิดเธอครั้งหนึ่ง “พอแล้วมั้งเธอน่ะ พูดมากอยู่ได้ คนที่ทำได้ทุกอย่างคือซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน เธอดีใจอะไรเนี่ย”
“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติด้วยยังไงล่ะ!” ทุกคนผลัดกันพูด บรรยากาศคึกคักมาก
“พอซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนมาที่แผนกของเรา ที่นี่ก็ได้งานใหญ่ติดต่อกัน ตอนนี้เธอเป็นดาวนำโชคของแผนกเรา ฉันว่านะ ฝีมือของเธอไม่ได้ด้อยกว่าผู้จัดการเหวินเลย…”
เมื่อเห็นคนชมเยอะขึ้นเรื่อยๆ เหนียนเสี่ยวมู่ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้
ขณะที่กำลังจะพูดว่างานที่ได้มานั้นเป็นผลงานของทั้งแผนก เธอก็เห็นเหวินหย่าไต้ยืนอยู่ที่ประตูส่วนทำงานทันทีที่เงยหน้าขึ้น
ไม่รู้ว่าผู้จัดการสาวมาตั้งแต่ตอนไหน
เวลานี้สีหน้าของเธอบิดเบี้ยวไปบ้าง
เมื่อสบสายตาของเหนียนเสี่ยวมู่ เธอยิ้มแย้มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างสุขุม “อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะผู้จัดการเหวิน!”
เหล่าเพื่อนร่วมมงานหันกลับไปมอง พากันทักทายเธอ
ทุกคนที่ชมเหนียนเสี่ยวมู่เมื่อครู่ไม่คิดว่าเหวินหย่าไต้จะมาได้ยินเข้า จึงเคร่งเครียดขึ้นมาบ้าง
แต่เหวินหย่าไต้กลับเอาแต่ยิ้ม ไม่ได้โกรธ
แถมยังพูดหยอกล้อตามหัวข้อสนทนาเมื่อครู่
“ฉันรู้ว่าพวกเธอได้ใหม่ก็ลืมเก่า ฉันเข้าใจนะ”
“…”
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนเสียสละให้กับแผนก ฉันเห็นมาตลอด ฉันขอรางวัลจากคุณชายหานด้วยตัวเองแล้ว ไม่ใช่แค่ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนนะ ทุกคนในทีมเหนื่อยกันหมด ฉันปรึกษากับรองประธานเฉินของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าแล้ว กำลังเตรียมจัดงานเลี้ยง ฉลองให้กับทุกคนสักครั้ง!”
พอได้ยินว่ามีงานเลี้ยง เพื่อนร่วมงานในแผนกก็ฮือฮากันขึ้นมา
เหวินหย่าไต้มองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่พร้อมรอยยิ้ม “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนเป็นหัวเรือใหญ่ ต้องไปให้ได้นะคะ”