ตอนที่ 347 พวกเขาเป็นอะไรกัน
“อะไรนะคะ”
เสียงของเขาเบามาก ราวกับพึมพำพูดกับตัวเอง เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินไม่ชัด จึงถามด้วยความงุนงงอยู่บ้าง
แต่พอคิดได้ว่าเขาอาจจะไม่รู้จักเธอ จึงรีบเอ่ยปากแนะนำตัวว่า “ฉันชื่อเหนียนเสี่ยวมู่ค่ะ ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่น แค่เป็นห่วงว่าถ้าคุณไม่เปลี่ยนกางเกง อีกเดี๋ยวใครเห็นเข้าจะดูไม่ค่อยดี”
“…เหนียนเสี่ยวมู่?”
ฟ่านอวี๋ตะลึงงันไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินชื่อของเธอ
สีหน้าตกใจระคนดีใจบนใบหน้า เปลี่ยนเป็นความสับสนในทันที
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มขุ่นเคืองขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่เขากำลังจะถามอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงคำรามต่ำดังมาจากไกลๆ “ปล่อยเธอ!”
ฟ่านอวี่ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้น เงาร่างสูงส่งก็เดินมาตรงหน้าของพวกเขาแล้ว
อวี๋เยว่หานทำหน้าเคร่ง มองมือที่จับกันของทั้งสองคน ก่อนจะดึงเหนียนเสี่ยวมู่มาอยู่ในอกของตัวเอง
แล้วมองฟ่านอวี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความระแวดระวัง
เขากวาดสายตามองเศษแก้วไวน์ที่อยู่บนพื้น แล้วขมวดคิ้วมุ่น
จากนั้นก็หลุบตาลงสำรวจเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยความไม่สบายใจ “คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ในน้ำเสียงของเขามีความเป็นห่วงที่ปิดไม่อยู่
เหนียนเสี่ยวมู่ส่ายหน้าเร็วๆ “ไม่ใช่ฉัน แก้วไวน์แดงของฉันยังถืออยู่เลย แต่คุณชายฟ่านไม่ทันระวังเลยทำตก”
เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานถึงจะพบว่าเธอถือแก้วไวน์แดงอยู่ในมือ
เธอถูกเขาดึงเมื่อครู่ ไวน์แดงในแก้วจึงหกออกมาเล็กน้อย
หญิงสาวปกป้องมันไว้ด้วยความร้อนใจ
เรื่องที่เธอแอบดื่มไวน์เนี่ย อีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน
ส่วนฟ่านอวี่
สายตาที่เขามองเหนียนเสี่ยวมู่เมื่อครู่…
อวี๋เยว่หานหรี่ดวงตาสีดำลงเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปข้างหลัง แล้วพูดเสียงเรียบ “คุณชายฟ่านขี้เล่นจริงๆ หลายคนรอคุยธุรกิจกับคุณอยู่ แต่คุณกลับมาหลบชมจันทร์ดื่มเหล้าอยู่ตรงนี้”
ฟ่านอวี่เก็บงำความรู้สึกในสายตา ทันทีที่อวี๋เยว่หานปรากฏตัว
ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มอ่อนโยน
เพียงแต่รอยยิ้มนั้น กลับไม่ได้ลึกซึ้งถึงในดวงตา
เห็นชัดว่าอ่อนโยน แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่าเขาโดดเดี่ยว โดยที่เขาพูดออกมาไม่ได้
มุมปากของเขายกโค้งเล็กน้อย “ต้อนรับคนจนเหนื่อยแล้ว ก็เลยหาที่เงียบๆ ดื่มเหล้าสักหน่อย”
ชายหนุ่มพูดจบ ก็มองไปยังเหนียนเสี่ยวมู่ตามสัญชาตญาณ
ราวกับกำลังคาดเดาความสัมพันธ์ของเธอกับอวี๋เยว่หาน
เมื่อเห็นว่าอวี๋เยว่หานปกป้องเธออยู่ แววตาของเขาก็วูบไหวเล็กน้อย
ผ่านไปหลายวินาที เขาถึงจะยิ้ม “คุณเหนียนเหมือนกับผม ที่ชอบหลบมาดื่มเหล้าตรงที่ที่ไม่มีคน ครั้งหน้าผมจะใจเย็นๆ จะได้ไม่ทำแก้วแตกทำลายบรรยากาศอีก”
คำพูดนี้ของเขา ทำให้อวี๋เยว่หานหน้าดำคร่ำเคร่งได้สำเร็จ
อีกฝ่ายมองเขาอย่างเฉยชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะจูงเหนียนเสี่ยวมู่จากไป
อวี๋เยว่หานเดินเร็วมาก รอบตัวเขามีแต่ความโมโหที่ปิดเอาไว้ไม่มิด
เขาจับข้อมือเธอแน่นมาก แน่นจนเหมือนกับเป็นห่วงว่าเมื่อตัวเองปล่อยมือ เธอจะหายไปอีก
“อวี๋เยว่หาน คุณเดินช้าหน่อยสิ ฉันตามไม่ทัน…”
เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งตะโกนขึ้นมา ขณะกำลังจะถามเขาว่าเป็นบ้าอะไร เธอก็พบว่าอวี๋เยว่หานลากเธอออกมาจากทางเดินนอกงานแล้ว
รอบข้างเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหนาวพัดผ่านมา
เงาหลังสูงโปร่งของเขาเหยียดตรง มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวกำลังกำหมัด ทำให้เส้นเลือดหลังมือขมวดเกร็งขึ้นมา
เขาเหมือนกับอดทนอยู่…
เหนียนเสี่ยวมู่รีบวางแก้วไวน์แดงในมือลง ก่อนจะเหลือบมองเขาอย่างระมัดระวัง “เอ่อ ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบไปดื่มไวน์นะ พอฉันเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย ก็เลยอยากดื่มบ้างฉันกลัวว่าคุณจะโกรธก็เลย…อ๊ะ!”
เธอยังพูดไม่จบ อยู่ๆ อวี๋เยว่หานก็หมุนตัวมากดตัวเธอบนกำแพง แล้วก้มหน้าลงจูบริมฝีปากของเธอ!
ตอนที่ 348 สารภาพรัก
จูบอันเร่าร้อน ไม่ใช่การสัมผัสเหมือนอุบัติเหตุในทุกครั้งที่ผ่านมา
สองมือของเขากดไหล่ของเธอไว้ กลิ่นอายความมีอำนาจปกคลุมทั่วตัวเธอ และมีความต้องการอยากจะครอบครองอันเข้มข้นแทรกซึมอยู่
เหนียนเสี่ยวมู่เบิตาโพลงด้วยความงงงัน เธอตกใจเสียจนลืมไปว่าตัวเองควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
เธออยากจะผลักเขาออก แต่ก็ไม่มีแรงเอาเสียเลย
ได้แต่มองเขาสูบอากาศออกไปจากปอกของเธอทีละนิด…
ตอนที่เธอเกือบจะหายใจไม่ออกนั้น ในที่สุดเขาก็ผละออกจากเธอ เมื่อพอใจแล้ว
เขาก้มหน้าลงใช้หน้าผากแตะกับหน้าผากของเธอ ในดวงตาสีดำขลับมีแววตาที่เธอเห็นแล้วไม่เข้าใจ
เหนียนเสี่ยวมู่พลันอึ้งงัน
ในหัวของเธอขาวโพลนไปหมด มีเพียงความคิดหนึ่งหลงเหลืออยู่ ‘วันนี้เธอไม่ได้ท้าทายเขา ทำไมอยู่ๆ เขาถึงจูบเธอล่ะ?!’
เธอเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ราวกับสงสัยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ล้วนเป็นภาพลวงตาของเธอเอง…
ขณะเดียวกันนั้น เธอก็หอบหายใจอย่างยากลำบาก หัวใจเต้นแรงมาก แต่ไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย
หญิงสาวอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดอะไรไม่ออก ทั้งๆ ที่อ้าปากอยู่หลายครั้งแล้ว
ผ่านไปนานทีเดียว เธอถึงจะเค้นออกมาได้คำหนึ่ง “อะ อวี๋เยว่หาน ฉันจะบอกคุณให้นะ จูบนางฟ้ามั่วซั่วแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คุณต้องถูกตีแน่!”
เดิมทีเธอคิดว่าอวี๋เยว่หานจะรู้สึกปอดแหกบ้าง เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนั้น
หรือไม่ก็อธิบายกับเธอ ถึงพฤติกรรมเมื่อครู่นี้
แต่เธอคิดไม่ถึงเลย ว่าเขาจะก้มลงประทับริมฝีปากบางลงบนริมฝีปากของเธออย่างแม่นยำอีกครั้งในทันที
แล้วเขาก็พูดด้วยเสียงเซ็กซี่อันแหบพร่า
“งั้นคุณก็ตีผมสิ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
โอ๊ยตาบ้า!
สมัยนี้เนี่ย แม้แต่นักเลงก็ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยเหรอ
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันโมโห อยู่ๆ เขาก็ยื่นมือมาจับคางของเธอไว้ เพื่อบังคับให้เธอมองเขา ก่อนจะพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เหนียนเสี่ยวมู่ ผมไม่ขอโทษคุณหรอกนะ”
“…”
เธอตัวแข็งทื่อไปทันที
น่าแปลก เธอรู้สึกว่าคำพูดนี้ของเขายังมีความหมายอื่น เมื่อได้มองดวงตาสีดำลุ่มลึกของเขา
รู้สึกเหมือนว่าเขากำลัง…สารภาพรัก
เหนียนเสี่ยวมู่ตกใจกับความคิดของตัวเอง ทำเอาตื่นเต้นจนเกือบจะกัดลิ้นเลยทีเดียว
“อวี๋เยว่หาน คุณพูดดีๆ นะ คุณทำแบบนี้ ฉันจะคิดว่าคุณชอบฉัน…”
“อืม” เขาตอบรับเสียงเบา หยุดคำพูดต่อไปของเหนียนเสี่ยวมู่ให้ติดอยู่ในคอของเธอได้สำเร็จ
เหนียนเสี่ยวมู่เบิกตาสองขาโตเท่าระฆังทองแดงแล้ว
ใครก็ได้มาหยิกเธอที!
หรือเขาจะบอกเธอว่า เมื่อครู่เธอไม่ได้ฟังผิดไป
เจ้าก้อนน้ำแข็งสารภาพรักกับเธอแล้ว…
เขาดื่มเยอะเกินไปหรือเปล่าเนี่ย
เหนียนเสี่ยวมู่ตัดสินใจเข้าไปใกล้เขา ก่อนจะดมตัวเขาเหมือนลูกสุนัข
บนตัวเขามีกลิ่นไวน์จางมาก เมื่อตั้งใจมองให้ดี ก็ดูเหมือนเขาไม่ได้เมาสักหน่อย
อย่างนั้นที่เธอเห็นในคืนนี้ อาจจะเป็นอวี๋เยว่หานตัวปลอม…
หลังจากนั้น เหนียนเสี่ยวมู่เหมือนตุ๊กตาไม้หุ่นเชิดที่ไม่มีวิญญาณ ไม่รู้ว่าตัวเองออกจากงานเลี้ยงได้อย่างไร และกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ได้อย่างไร
รถจอดแล้ว
นับว่าเธอได้สติแล้ว
เธอไม่กล้าเงยหน้ามองอวี๋เยว่หานที่อยู่ข้างๆ ได้แต่รีบร้อนเปิดประตู เดินเข้าไปในคฤหาสน์
หญิงสาวตัวแข็งมื่อจนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังกึ่งเดินกึ่งคลานอยู่
ตอนนี้เสี่ยวลิ่วลิ่วหลับอยู่ในคฤหาสน์
เงียบมาก
เธอเดินไปถึงห้องของตัวเองอย่างบากลำบาก ทันใดนั้นก็พบว่ามีคนตามมาข้างหลังด้วย
เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมอง เห็นอวี๋เยว่หานไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน แต่ตามเธอมาถึงหน้าประตูห้อง
หญิงสาวตกใจจนตัวแนบชิดติดกับบานประตู ก่อนจะพูดพร้อมสีหน้าลุกลี้ลุกลน “ฉัน ฉันไม่ได้รับรักคุณ เพราะงั้นคุณนอนกับฉันไม่ได้!”
“…”
อวี๋เยว่หานยืนตัวตรง แสงไฟตรกระทบลงบนตัวของเขา ทำให้เงาร่างสูงโปร่งของเขาดูสูงส่งหาใดเปรียบ
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขาพลันก้าวมาข้างหน้า แล้วใช้มือข้างหนึ่งจับข้างลำตัวของเธอเอาไว้
ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก “ผมแค่อยากบอกคุณว่าฝันดี”