ตอนที่ 349 งดงามจนเหมือนฝัน
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
น่าอึดอัดจัง
“ฝันดี!” เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบ ก็จะหมุนตัวเข้าไป แต่เขาดึงมือเธอไว้เสียก่อน
เธอหันกลับไปมองเขาด้วยความงุนงง
อวี๋เยว่หานจ้องมองหน้าตื่นของเธอ ก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่แก้มของตัวเอง “ขาดจูบฝันดีอยู่ครั้งหนึ่งนะ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
หญิงสาวยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร เขาก็ก้มหน้าลงมาจูบบนริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็วครั้งหนึ่ง
จากนั้นก็ยืนตัวตรง ยื่นมือไปลูบหัวของเธอ แล้วจากไปด้วยความพอใจ
ทิ้งให้เหนียนเสี่ยวมู่เหม่อลอยตั้งนานอยู่คนเดียว
หลอกลวง!
ชี้หน้าตัวเอง แต่กลับจูบปากของเธอ!
เหนียนเสี่ยวมู่ปิดหน้าด้วยความอาย ก่อนจะพุ่งเข้าไปในห้องตัวเอง และปิดประตูอย่างแรงในทันที!
เช้าวันต่อมา
เธอถือโอกาสตอนที่ทุกคนยังไม่ตื่น แอบออกจากคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ไป เรียกแท๊กซี่คันหนึ่งไปยังบริษัท
ขณะที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง เธอนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แต่กลับอ่านตัวอักษรไม่เข้าหัวแม้สักตัว
ในหัวมีแต่จูบในงานเลี้ยงเมื่อวาน รวมถึงคำสารภาพรักที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของเขา..
ทุกอย่างเหมือนกับความฝัน
และน่าตกใจเสียจนตอนนี้เธอยังไม่เชื่อ ว่านี่คือความจริง
ไม่รู้ว่านั่งเหม่ออยู่นานเท่าไหร่ ตอนนี้เพื่อนร่วมงานในแผนกประชาสัมพันธ์ทยอยกันมาแล้ว
เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งเดินออกจากห้องทำงาน กำลังจะสั่งงาน เพื่อนร่วมงานในแผนกก็ห้อมล้อมกันเข้ามาพร้อมกันโดยไม่ไม่นัดหมาย
“ผู้จัดการเหนียน พวกเราได้ยินว่า เมื่อวานฟ่านอวี่ก็ไปงานเลี้ยงด้วย จริงหรือเปล่าคะ”
“…อื้ม”
ในหัวของเหนียนเสี่ยวมู่มีเงาหลังของเขา ที่พิงข้างกำแพงมองแสงจันทร์เพียงลำพังผุดขึ้นมาในทันที
แต่อยู่ๆ เธอก็ถูกอวี๋เยว่หานลากไป ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำให้เธอลืมเรื่องของฟ่านอวี่ไปโดยสิ้นเชิง
ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นฟ่านอวี่ไปเปลี่ยนกางเกงหรือเปล่า
หญิงสาวกะพริบตา เธอรู้สึกว่าสายตาที่ฟ่านอวี่มองเธอครั้งแรกนั้น แปลกๆ อยู่บ้าง
แต่เธอไม่ได้คิดนาน เพื่อนร่วมงานสาวหลายคนก็เริ่มวี๊ดว๊ายกันแล้ว
“อ๊ายย! สามีของฉันไปร่วมงานเลี้ยงด้วย! ผู้จัดการเหนียน ขอดูรูปหน่อยคะ!”
“ขอด้วยคนค่ะ!”
“ต้องคุกเข่าขอแล้ว!”
“…”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เหนียนเสี่ยวมู่ก็นึกถึงภาพที่อวี๋เยว่หานปรากฏตัวในงานเลี้ยงเมื่อวานอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าเขาจะเดินไปตรงไหน ก็เหมือนจะได้รับการต้อนรับอย่างมาก
“นี่ๆ พวกเธอเก็บอาการหน่อยเถอะ ผู้จัดการเหนียนไปคุยงานนะ พวกเธอคิดว่าจะไปตามกรี๊ดหนุ่มหล่อเหมือนพวกเธอเหรอ อีกอย่าง ถึงฟ่านอวี่จะหล่อมาก แต่พวกเธอลืมไปหรือเปล่า ว่าบริษัทตระกูลอวี่เข้ามาในเมืองเอชแล้ว ต่อไปก็จะเป็นคู่แข่งของพวกเรา”
มีคนพูดเตือน
โควต้าตลาดของเมืองเอชมีจำกัด ซึ่งตอนนี้อยู่ในกำมือของบริษัทตระกูลอวี๋เสียส่วนใหญ่
ถ้าหากฟ่านอวี่คิดจะปักหลัก นอกจากเปิดตลาดใหม่แล้ว วิธีที่เร็วที่สุดก็คือครองอัตราส่วนตลาดของบริษัทตระกูลอวี๋
ต่อไปจะต้องมีโอกาสได้ร่วมมือกับพวกเขาไม่น้อยแน่!
เมื่อเพื่อนร่วมงานคนนั้นพูดจบ เลขาก็นำเอกสารฉบับหนึ่งเดินเข้ามา
“ผู้จัดการเหนียน ฉันเพิ่งได้ข้อมูลมาค่ะ ว่าคนของบริษัทตระกูลฟ่านนัดเจอกับลูกค้าคนสำคัญที่ร่วมงานกับพวกเรามาโดยตลอด!”
พูดไม่ทันขาดคำ ไม่แล้ว!
เหนียนเสี่ยวมู่รับรายชื่อจากมือของอีกฝ่าย เมื่อกวาดสายตามอง เธอก็ขมวดคิ้ว
“ฉันจำได้ว่าประธานหลัวเป็นลูกค้าเก่าที่ร่วมงานกับพวกเรามาหกปีแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนใจแบบนี้ คนที่นัดเจอกับเขาคือใคร”
เลขาตอบทันทีที่ได้ยินคำถาม “ฟ่านอวี่ค่ะ”
“…” เขาไปด้วยตัวเองเลยเหรอ
เลขาชี้ไปที่รายชื่อในมือของเหนียนเสี่ยวมู่ “ได้ยินว่าเจอกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นหรูแห่งหนึ่ง ฉันเขียนที่อยู่ไว้ด้านบนแล้วค่ะ”
ตอนที่ 350 เป็นเกียรติของผม
เหนียนเสี่ยวมู่กวาดสายตามองที่อยู่บนรายชื่อ
ตอนนี้เธอเป็นผู้จัดการของแผนกประชาสัมพันธ์ ทนมองคนของบริษัทตระกูลฟ่านแย่งลูกค้าคนสำคัญของพวกเขาไปไม่ได้
“งานวันนี้ฉันฝากให้พวกคุณจัดการนะคะ อีกอย่าง จับตาดูคนของบริษัทตระกูลฟ่านต่อไป ถ้ามีข้อมูลอะไรอีก ก็ให้มาบอกฉันทันทีค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่กำชับกับเลขา ก่อนจะหมุนตัวเข้าไปในห้องทำงาน และจัดการงานในมือให้เสร็จสิ้น
เมื่อเวลาเลิกงานมาถึง เธอก็ถือกระเป๋าออกจากบริษัทไป
หญิงสาวมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่น ตามที่อยู่ที่เลขาให้มา
เมื่อลงจากรถ เธอพลันรู้สึกอึดอัดใจ
ทุกคนจะเลือกนัดคุยธุรกิจสำคัญทั่วๆ ไปในห้องอาหาร
เธอไม่รู้เลยว่าฟ่านอวี่กับประธานหลัวอยู่ในห้องอาหารห้องไหน แถมที่นี่ก็ดูใหญ่มาก จะตามหาทีละห้องคงไม่ได้
เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งเดินเข้าไปในร้านอาหาร พนักงานก็เข้ามาถามเธออย่างมีมารยาททันที “สวัสดีค่ะ กี่ท่านคะ”
“…ฉันมาหาคนค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองบนสายพานด้านนอก แต่ไม่เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเลย
ทันใดนั้น เธอเหลือบไปเห็นนิตยสารที่ฟ่านอวี่ขึ้นปกวางอยู่ จึงตาเป็นประกายทันใด!
หญิงสาวยื่นมือไปหยิบนิตยสาร ก่อนจะส่งให้พนักงาน
“นี่คือเพื่อนของฉันค่ะ แต่ฉันติดต่อเขาไม่ได้ ฉันรู้ว่าเขากินข้าวอยู่ที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ในห้องอาหารห้องไหน รบกวนคุณนำทางฉันไปหน่อยได้ไหมคะ”
เธอแน่ใจว่า คนที่เคยเห็นใบหน้าของฟ่านอวี่ ไม่มีทางลืมได้ในทันทีแน่นอน
เป็นไปตามคาด เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนั้น พนักงานยิ้มสดใส “ที่แท้ก็เป็นเพื่อนของคุณฟ่านนี่เอง เขาไม่ได้นั่งอยู่ในห้องอาหารหรอกค่ะ แต่นั่งอยู่ในห้องกั้นทางนั้น เขาสั่งไว้ว่าไม่ให้ใครไปรบกวนค่ะ”
“…”
เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองตามมิศทางที่พนักงานชี้ไป
ด้านข้างสายพานมีห้องกั้นที่กั้นขึ้นด้วยไม้ไผ่อยู่ไม่น้อย
ไม้ไผ่ปลอมพิงอยู่ริมหน้าต่างด้วย ดูมีสไตล์มากทีเดียว
แม้ตำแหน่งนั้นจะดูมีความเป็นส่วนตัว ทว่าก็ปลอดภัยสู้ห้องอาหารไม่ได้
ทำไมพวกเขานั่งอยู่ในนั้นล่ะ
ถึงเหนียนเสี่ยวมู่จะสงสัย แต่เมื่อแน่ใจตำแหน่งของฟ่านอวี่แล้ว เธอก็กล่าวขอบคุณกับพนักงานทันที และสาวเท้าเดินไปยังที่นั่งของพวกเขา
ทว่าเพิ่งจะเดินเข้าไปใหล้ เธอพลันมองเห็นสองคนนั่งอยู่ในห้องกั้น ผ่านช่องระหว่างไม้ไผ่จริงๆ
เธอหยุดฝีเท้า ก่อนจะก้มหน้าจัดการสีหน้าของตัวเองเล็กน้อย แล้วก้าวไปข้างหน้า
หญิงสาวแสร้งทำเป็นเดินผ่านมา และเห็นทั้งสองคนเข้าโดยไม่ทันระวัง “ประธานหลัว คุณก็มากินข้าวที่นี่เหรอคะ”
“…”
ประธานหลัวเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าจะเจอเหนียนเสี่ยวมู่ที่นี่ จึงมีสีหน้าอึ้งงันไปในทันที
เขาลุกขึ้นยืนจับมือกับเธอทันที จากนั้นก็แนะนำให้ฟ่านอวี่ที่อยู่ข้างๆ รู้จัก
“คุณชายฟ่าน คุณเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก อาจจะไม่รู้จัก นี่คือผู้จัดการเหนียนครับ เป็นผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทตระกูลอวี๋”
ประธานหลัวพูดจบ ก็หันไปแนะนำให้เหนียนเสี่ยวมู่ฟังอีก “ผู้จัดการเหนียน นี่คือคุณชายฟ่านครับ คุณน่าจะเจอเขาที่งานเลี้ยงครั้งก่อนแล้ว”
“โชคดีได้เจอกันครั้งหนึ่งค่ะ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจออีกที่นี่ ในเมื่อทุกคนมีวาสนาได้เจอกัน งั้นก็กินข้าวด้วยกันไหมคะ”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบ ก็ดึงเก้าอี้มานั่งลงอย่างรวดเร็ว
บนใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มหวานหยดย้อยอยู่ด้วย
ในดวงตาสดใสมีแววตาเจ้าเล่ห์ฉายผ่านไป
ฟ่านอวี่อยากจะแยกลูกค้าคนสำคัญของพวกเขาไปไม่ใช่เหรอ
อย่างนั้นก็ดี เธอจะไม่ไปไหน
เธอจะนั่งอยู่ตรงนี้ มองดูว่าเขาจะแย่งลูกค้าของเธอ ต่อหน้าต่อตาเธอได้อย่างไร!
บรรยากาศคุกรุ่นในทันที
ประธานหลัวกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ได้ยินเสียงนุ่มนวลของฟ่านอวี่เสียก่อน “ได้กินข้าวเย็นร่วมกับผู้จัดการเหนียน เป็นเกียรติของผมแล้ว”