ตอนที่ 411 ใครหน้าแตกกันแน่?
“คุณเหวิน ผมขอดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว!”
“…”
ทุกคนต่างก็ผลัดกันพูด ชมจนเหวินหย่าไต้ตัวลอย
หลังจากคำชมระลอกหนึ่งผ่านไป เหวินหย่าไต้ถึงจะหันมามองเหนียนเสี่ยวมู่ พลางยิ้มเยาะ “ผู้จัดการเหนียน ถึงตาคุณแล้ว”
แค่เพียงเธอเริ่มพูด ประธานอาวุโสคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ก็พากันพูดสนับสนุนด้วย
“ผู้จัดการเหนียนเก่งขนาดนี้ เรื่องเปียโนคงจะไม่น้อยหน้าใครแน่ๆ!”
“จริงด้วย พวกเราคาดหวังมากนะครับ!”
“ได้ฟังผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทตระกูลอวี๋เล่นเปียโนให้ฟัง ถือว่าผมมาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวจริงๆ…”
“ตาหลี่ นายอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไปสิ ผู้จัดการเหนียนหยิ่งจะตาย ไวน์ก็ไม่ยอมดื่มสักแล้ว แล้วจะเล่นเปียโนให้นายฟังเหรอ” ประธานฟางที่ก่อนหน้านี้ไม่พอใจอยู่ตลอด ตอนนี้กลับพูดมากไม่ยอมหยุดเพราะฤทธิ์เหล้า
คนที่อยู่ข้างๆ ยื่นมือไปรั้งไว้ แต่ก็รั้งไม่อยู่
สิ่งที่เหวินหย่าไต้รอคอย ก็คือโอกาสนี้
เธอยิ้มกว้างมองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ “ผู้จัดการเหนียนคงจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ใช่ไหมคะ”
“…”
ตอนนี้เธอไม่เพียงต้องเล่น แต่ยังต้องเล่นให้ดีกว่าเหวินหย่าไต้ด้วย
ไม่อย่างนั้นลูกค้าคนสำคัญพวกนี้คงจะเห็นว่าเธอเทียบกับเหวินหย่าไต้ไม่ได้แน่ๆ
และจะส่งผลกระทบต่อการร่วมงานในวันนี้
นิ้วเรียวยาวของเหนียนเสี่ยวมู่ยันโต๊ะน้ำชาตรงหน้า ครั้นเห็นเป้าหมายของเหวินหย่าไต้ชัดเจนแล้ว เธอพลันยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง แล้วเดินไปตรงหน้าเปียโน
เครื่องหน้างดงามโดดเด่น พร้อมด้วยท่าทางอันสูงส่ง เมื่อเธอวางมือลงบนเปียโน ทำให้คนรอบข้างก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
สิ่งใดเรียกว่าหญิงงามดุจภาพวาด ท่วงท่าสง่างามสูงส่ง
แม้จะยังไม่เห็นว่าเหนียนเสี่ยวมู่เล่นเปียโนเก่งแค่ไหน แต่เพียงภาพตรงหน้า ก็พอจะทำให้ตกตะลึงและชื่นชมได้แล้ว
มือข้างลำตัวของเหวินหย่าไต้กำหมัดขึ้นมาอย่างเงียบๆ
ยัยปิศาจจิ้งจอก!
คิดว่าอาศัยหน้าตาสะสวยของตัวเอง แล้วจะกลบเกลื่อนความบกพร่องของตัวเองได้เหรอ
อีกเดี๋ยวถ้าเล่นพลาด ดูสิว่าเธอจะเก็บหน้าแตกๆ นั่นอย่างไร!
ไม่นานเสียงเปียโนเสนาะหูก็ดังขึ้น
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้พูดอะไรมาก วินาทีนิ้วมือขาวผ่องสัมผัสกับแป้นสีขาวดำนั่น ราวกับว่าเธอได้กลายเป็นเทพธิดาแห่งเสียงดนตรีไปแล้ว
เมื่อนิ้วมือของเธอขยับ ตรงหน้าของทุกคนคล้ายกับว่าเกิดภาพขึ้นมาภาพหนึ่ง…
เป็นภาพแสงอาทิตย์สว่างสดใส พร้อมด้วยเสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้
ทุกคนที่รักคุณ และคนที่คุณรักในชีวิต ต่างก็ปรากฏขึ้นในหัวทีละคน
ความรู้สึกท่วมท้นไปตามทำนองเพลง…
เมียบกับการแสดงอันแข็งทื่อของเหวินหย่าไต้เมื่อครูนี้ การแสดงของเหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะเรียกได้ว่าน่าประทับใจอย่างแท้จริง
บทเพลงจบลงแล้ว
ในห้องอาหารเงียบกริบ ไร้ซึ่งการตอบรับอยู่เนิ่นนาน
เหนียนเสี่ยวมู่หดมือกลับ ก่อนจะหันหน้าไปมองเหวินหย่าไต้ที่ตกตะลึงจนไร้สติ ทำเอาสายตาของเธอมีแต่ความถากถางในทันที
ตอนงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของคุณนายใหญ่ตระกูลอวี๋นั้น เหวินหย่าไต้ต้องไปทำงานที่ต่างเมือง จึงไม่ได้ไปร่วมงาน
เธอจึงไม่รู้เลย ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เพราะคิดแค่ว่าเหนียนเสี่ยวมู่เป็นพยาบาลรับจ้างคนหนึ่ง จะต้องไม่มีฝีมือด้านศิลปะใดๆ ถึงได้กล้าวางแผน อยากจะให้อีกฝ่ายเสียหน้า
แต่ตอนนี้…
เหวินหย่าไต้หน้าซีดเผือด ก่อนจะมีเสียงปรบมืออย่างร้อนแรงดังขึ้นที่ข้างหู
“ผู้จัดการเหนียนเป็นเพชรในตมจริงๆ ด้วย!”
“ผู้จัดการเหนียนหน้าตาสะสวย แถมยังมีฝีมือเล่นเปียโนอีก ไม่แพ้นักเปียโนมืออาชีพเลย!”
“ถ้าเทียบกันแล้ว ฝีมือของคุณเหวินเมื่อกี้…”
ประธานอาวุโสคนหนึ่งพูดยังไม่ทันจบ ก็หยุดชะงักไปแล้ว…
บนใบหน้าของเหวินหย่าไต้มีแต่ไฟโกรธ
จะมีสิ่งใดน่าอึดอัดใจยิ่งกว่านี้ได้อีก เธออยากทำให้เหนียนเสี่ยวมู่ขายหน้า แต่สุดท้ายตัวเองกลับกลายเป็นเรื่องตลกไปเสียได้!
รอบข้างมีแต่เสียงกล่าวชมและยกยอเหนียนเสี่ยวมู่
ตอนนี้เธอทนต่อไปไม่ได้แล้ว จึงรีบคว้ากระเป๋าของตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่ขณะกำลังจะหนีออกไป ประตูห้องอาหารก็พลันถูกเปิดจากข้างนอก!
ตอนที่ 412 ยกเว้นครั้งแรก ย่อมมีครั้งที่สอง
เหวินหย่าไต้ชะงักฝีเท้า ครั้นเห็นเงาร่างสูงส่งข้างนอกประตู เธอก็ต้องเบกตากว้างด้วยความงงงัน!
อวี๋เยว่หานยืนอยู่หน้าประตู
เขาสวมชุดสูทสีดำเนี๊ยบทั้งตัว ใบหน้าเย็นชาของเขาเจือไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอันเข้มข้น
เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ความกดอากาศรอบข้างก็เหมือนจะลดฮวบลงไปในทันที
บรรยากาศน่ากลัวนี้ ทำให้ทุกคนต้องเบนสายตาไปที่ตัวเขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“คุณชายหาน…” มือของเหวินหย่าไต้ข้างที่ถือกระเป๋าสั่นเทาไปหมด
ในแววตาของเธอมีแต่ความรู้สึกไม่อยากเชื่อหลั่งไหลออกมา
อวี๋เยว่หานไม่ชอบไปงานเลี้ยง นี่เป็นเรื่องที่เธอตั้งแต่เล็กแล้ว
หลังจากเธอเข้าไปในบริษัทตระกูลอวี๋ ไม่ว่างานเล็กหรือใหญ่ เมื่อข่าวไปถึงห้องทำงานประธานบริษัทแล้ว อวี๋เยว่หานล้วนปฏิเสธทั้งหมด
แต่ครั้งที่เขาตอบรับไปงานเลี้ยงพนักงานของแผนกประชาสัมพันธ์ ทำเอาเธอประหลาดใจมากทีเดียว
ต่อมาถึงได้รู้ว่าเขาไปร่วมงานเพราะเหนียนเสี่ยวมู่…
ตอนนี้เขายังออกหน้ามาร่วมรับประทานอาหารกับลูกค้าด้วยตัวเอง เพื่อเหนียนเสี่ยวมู่อีกแล้ว!
เหวินหย่าไต้กำกระเป๋าแน่นจนเส้นเลือดที่มือปูดโปนขึ้นมา!
เหนียนเสี่ยวมู่มีอะไรดีกันแน่
เหวินหย่าไต้กัดริมฝีปาก แรงมากเสียจนเลือดออก เธอแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว และอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากออกไป สายตาเฉยชาของอวี๋เยว่หานก็กวาดมามองเธอพอดี!
สายตาเรียบเฉยนั้น กลับฉายเจตนาตักเตือนออกมาอย่างเต็มที่
ตอนนี้เหมือนกับมาน้ำเย็นๆ กะลังหนึ่งราดใส่หัวเธอ
ร่างกายของเหวินหย่าไต้แข็งทื่อราวกับก้อนหิน คล้ายกับถูกแช่แข็งอยู่ที่เดิมในพริบตา
ในที่สุดเธอก็ตระหนักแล้ว ว่าวันนี้ไม่เหมือนในอดีต
แค่เขามองเธอสักครั้งในตอนนี้ ก็แทบทำให้เขาขยะแขยงแล้ว
เธอเสียสิทธิ์ที่จะยืนข้างเขาไปตั้งนานแล้ว…
อวี๋เยว่หานเปิดประตูเดินเข้ามาจากข้างนอก เสียงจากในทางเดินก็ดังเข้ามาในห้องอาหารอยู่บ้างด้วย
ครั้นได้ยินว่ามีคนกำลังเรียกชื่อของตัวเอง ในที่สุดเหวินหย่าไต้ก็รู้ตัว ว่าเธอทิ้งเหล่าชายชราอยู่ในห้องอาหารข้างๆ
หลังจากมองอวี๋เยว่หานผู้สูงส่งเกินใครอีกครั้ง เธอก็ทำอะไรไม่ถูกในทันที
ถ้าให้เขารู้เป้าหมายของเธอในวันนี้ เขาจะใช้สายตาแบบไหนมองเธอกัน
เธออดทนต่อคำถากถางของทุกคนได้ แต่รับสายตาเหยียดหยามเพียงเล็กน้อยของเขาไม่ไหว…
เหวินหย่าไต้ไม่กล้าพูดว่าร้ายเหนียนเสี่ยวมู่อีก ได้แต่แก้ตัวว่า “ฉันแค่เห็นลูกค้าเก่าที่เคยรู้จักกันหลายคน เลยเข้ามาทักทาย กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว!”
เมื่อเธอพูดจบแล้ว และเห็นว่าอวี๋เยว่หานไม่เห็นเธอในสายตาโดยสิ้นเชิง จึงทำได้แค่กัดฟันกรอด
เธอได้แต่ก้มหน้าจากไปอย่างเร็วรี่
ในห้องอาหาร
ตั้งแต่วินาทีแรกที่อวี๋เยว่หานปรากฏตัว ก็ไม่มีใครสนใจเหวินหย่าไต้อีก
เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงันอยู่หน้าเปียโน เมื่อเห็นชายหนุ่มปรากฏตัวตรงหน้าเธอ ดวงตาสดใสพลันกะพริบปริบๆ ไม่ยอมดึงสติกลับมาเนิ่นนานทีเดียว
เลขาเคยบอกไว้ไม่ใช่เหรอ ว่าอวี๋เยว่หานไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนี้
เมื่อก่อนบอกปฏิเสธตลอด
ดังนั้นวันนี้เธอจึงตั้งใจไม่บอกเขา แถมยังไม่ได้รับคำตอบจากห้องทำงานประธานบริษัทอีก จึงพาเลขามาที่นี่ด้วยตัวเอง
แต่ใครก็ได้บอกเธอที ว่าทำไมอยู่ๆ อวี๋เยว่หานถึงมาที่นี่
แถมสีหน้าของเขายังดูเหมือนอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย…
พริบตาที่เธอขยับตัว เงาร่างสูงโปร่งของเขาก็เดินมาตรงหน้าเธอแล้ว แถมยังก้มหน้าลง พลางกวาดสายตามองเธอ
เขาก้มหน้าลงมาต่ำมาก
ราวกับกำลังตรวจสอบว่าเธอมีกลิ่นไวน์หรือเปล่า
หลังจากแน่ใจว่าเธอไม่ได้ดื่มเหล้าจริงๆ ใบหน้าเย็นชาของเขาถึงได้อ่อนลงเล็กน้อย
ชายหนุ่มลดเสียงลงต่ำ ใช้ระดับเสียงที่มีแค่เธอได้ยินกล่าวว่า “ยังนับว่าเป็นเด็กดี ไม่แอบดื่มตอนที่ผมไม่อยู่”