ตอนที่ 511 คู่รัก “เหนียนเหนียนมีอวี๋” (9)
เหนียนเสี่ยวมู่……คนเราไม่ควรทำเรื่องที่จะทำให้รู้สึกละอายใจจริงๆ ด้วย
พอทำเรื่องที่ไม่ดี ก็จะถูกเปิดโปงได้อย่างง่ายดาย
“เซ็ตอาหารคู่รักของทั้งคู่ได้แล้วค่ะ ค่อยๆ รับประทานนะคะ” พนักงานบริการเดินมาเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ จัดอาหารเรียงรายไว้บนโต๊ะ
พอได้ยินว่าเป็นเซ็ตอาหารคู่รัก ดวงตาของอวี๋เยว่หานก็สั่นไหว กวาดสายตามองไปแวบหนึ่ง นัยน์ตาลึกเปลี่ยนเป็นทอแสงอบอุ่น
เหนียนเสี่ยวมู่รอดไปได้หนึ่งด่าน บ่นพึมพำออกมาเสียงเบา “ฉันบอกแล้วว่าตั้งใจทำเซอร์ไพรส์พิเศษให้คุณ แต่คุณกลับไม่ยอมเชื่อ”
พูดจบ อวี๋เยว่หานก็หันกลับมา แล้วจูบลงไปที่แก้มของหญิงสาว “เด็กดี”
ชายหนุ่มค่อยๆ ยืดตัวตรง เดินกลับไปยังที่นั่งของตนเองนิ่งๆ ดึงเก้าอี้ออกแล้วทรุดตัวลงนั่ง
เขาถืออุปกรณ์ทานอาหารไว้แต่ยังไม่ได้ลงมือทาน กลับเหลือบตามองไปยังหญิงสาวครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ เอ่ยปากพูดขึ้น “ผมจำได้ว่าเมื่อเช้ามีใครบางคนพูดเอาไว้ว่าจะหนีออกจากบ้าน ไม่สนใจผมอีกต่อไปแล้ว”
“……”
“จู่ๆ นัดผมออกมาทานข้าวแล้วทำเซอร์ไพรส์ให้แบบนี้ ผมกลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องน่าตกใจแทนน่ะสิ”
“……” คุยกับคนที่ฉลาดเกินไปแบบนี้ ไม่สามารถคุยกันได้จริงๆ!
เหนียนเสี่ยวมู่พยายามฉีกยิ้มออกมา แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ยังคงคุยกับเขาต่อในเรื่องอาหารและเรื่องเซอร์ไพรส์
ขณะที่พนักงานบริการเดินถือค็อกเทลเข้ามาเสิร์ฟ เธอยังแอบอาศัยจังหวะนั้นหยิบกระดาษที่เขียนบทพูดเอาไว้ออกมาท่องอีกรอบ
มันเพอร์เฟ็คจนเธอเองแทบอดใจไม่ไหวอยากยกนิ้วกดไลค์ให้ตัวเองจริงๆ!
“ขออยู่กับคุณทั้งชีวิต” อวี๋เยว่หานถือค็อกเทลไว้ในมือ จิบไปอึกหนึ่ง หรี่ตาลง ดื่มด่ำกับรสชาติของมัน
ไม่ใช่ว่าเขาดูไม่ออกว่าว่าเธอมีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ
เพียงแต่ว่า หากเธอไม่เอ่ยพูด เขาก็ยินดีที่จะรอ
ดูซิว่าเธอจะอดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทานอาหารเสร็จแล้ว เหล้าก็ดื่มเสร็จแล้ว
“ยังมีเซอร์ไพรส์ช่วงสุดท้าย คุณหลับตาลงก่อน” หางตาของเหนียนเสี่ยวมู่เหล่มองเห็นพนักงานกำลังเดินถือจานมาทางนี้ จึงรีบบอกให้อวี๋เยว่หานทำตามอย่างรีบร้อน
สิ้นสุดคำพูด อวี๋เยว่หานก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
จากนั้น มุมปากก็ค่อยๆ หยักยิ้มขึ้น “เหนียนเสี่ยวมู่ คุณคงไม่ได้ไปเรียนแบบคนอื่น ใช้ช็อกโกแลตไม่ก็น้ำสลัดมาเขียนเป็นประโยคสองสามประโยคลงบนจาน แล้วทำเป็นเซอร์ไพรส์ให้ผมหรอกใช่ไหม”
เหนียนเสี่ยวมู่ “……”!!
ตอนนี้เธอให้พนักงานเสิร์ฟเก็บจานออกไปให้หมดจะทันไหมนะ
เธอไม่อยากมอบให้เขาแล้ว!
“คุณชายอวี๋ นี่เป็นของขวัญที่แฟนของคุณตั้งใจเตรียมเอาไว้ให้คุณค่ะ ขอให้พวกคุณรักกันไปนานๆ นะคะ” พนักงานบริการนำจานที่มีตัวอักษรเขียนประดับอยู่วางลงตรงหน้าอวี๋เยว่หานอย่างรวดเร็ว
เหยียนเสี่ยวมู่อยากจะไปแย่งเอามา แต่ชายหนุ่มกลับจับข้อมือของเธอเอาไว้อย่างง่ายดาย
หยิบจานขึ้นไปดู
บนจานนั้นมีตัวอักษรง่ายๆ เขียนประดับไว้อยู่สี่คำ เหนียนเหยียนมีอวี๋[1](เหลือกินเหลือใช้)
เหนียนเหนียนมีอวี๋…
ปฏิกิริยาแรกของอวี๋เยว่หานคือนิ่งอึ้งไป
แต่พอพิจารณาคำสี่คำนี้ให้ละเอียดอีกรอบ เขาก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา แววตาเปลี่ยนเป็นประกายร้อนแรงขึ้น
เหนียนเสี่ยวมู่ อวี๋เยว่หาน
เหนียนเหนียนมีอวี๋(เหลือกินเหลือใช้)
ดีมาก
ต่อไปนี้พวกเขาก็จะกลายเป็นคู่สามีภรรยาเหนียนเหนียนมีอวี๋(เหลือกินเหลือใช้)
มุมปากของอวี๋เยว่หานปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้น
“คุณบอกว่ามันเชยไม่ใช่หรือไง เอาคืนมาเลย!” เหนียนเสี่ยวมู่มองเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่ม ก็นึกว่าเขากำลังหัวเราะเยาะเธอ จึงอยากจะแย่งจานคืนมา
เสียแรงที่เธออุตส่าห์คิดวิธีสารภาพรักกับเขาอย่างจริงใจ
เขาไม่ซาบซึ้งใจแถมยังมาหัวเราะเยาะเธออีก
เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเอาของขวัญชิ้นนี้คืนมา ไม่ให้แล้ว!
“เหนียนเสี่ยวมู่ ของที่ให้คนอื่นไปแล้ว จะมาขอคืนง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง” อวี๋เยว่หานจับมือของเธอเอาไว้ แล้วยกมือขึ้นเล็กน้อย เรียกพนักงานให้เดินเข้ามา
“ผมขอซื้อจานใบนี้ เอาไปห่อให้ด้วย ระวังอย่าให้โดนประโยคที่อยู่บนนั้นล่ะ ผมจะเอากลับไป”
“นี่มัน…ค่ะ” พนักงานค่อยๆ ถือจานใบนั้นไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปจัดการให้
เหนียนเสี่ยวมู่นึกไม่ถึงว่าการที่เธอเขียนประโยคมั่วๆ ประโยคหนึ่งลงบนจาน จะทำให้ชายหนุ่มถึงขั้นซื้อจานไปนั้นกลับไปด้วย
[1]年年有余เป็นคำที่ใช้อวยพร แปลว่าขอให้มีเหลือกินเหลือใช้ แต่ในที่นี้ถ้าแปลตรงตัวคือ เหนียนเหนียนมีอวี๋ ซึ่งมาจากชื่อของพระเอกนางเอกในเรื่อง
ตอนที่ 512 คู่รัก “เหนียนเหนียนมีอวี๋” (10)
“คุณจะเอาจานนั่นไปทำอะไร” เธอมองหน้าเขาอย่างงงๆ
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว มุมปากเหมือนจะยกยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม “เอากลับไปบ้าน เก็บสะสมเอาไว้เป็นสมบัติของตระกูล”
เหยียนเสี่ยวมู่ “…….”!!
ผ่านไปครู่เดียว พนักงานก็เดินถือใบเสร็จเข้ามา
เหยียนเสี่ยวมู่มองดูราคารวมทั้งหมดในใบเสร็จ แล้วก็รู้สึกเจ็บปวดไปชั่วขณะ
อาหารมื้อนี้ ขูดเลือดเธฮออกเยอะจริงๆ ถ้าแบบนี้แล้วยังไม่ยอมพูดบอกออกไปอีก ครั้งหน้าเธอคงเลี้ยงแบบนี้ไม่ไหวแล้วแน่ๆ
เงินตรงหน้าเพิ่มความกล้าทั้งหมดให้แก่เธอ!
เหยียนเสี่ยวมู่เซ็นชื่อลงบนใบเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็หันไปมองทางอวี๋เยว่หาน
“อวี๋เยว่หาน ฉันมีเรื่องสำคัญมากๆ อยากจะพูดกับคุณ ถ้าฟังจบแล้ว คุณต้องใจเย็นๆก่อนนะ ต้องฟังฉันอธิบายก่อน!”
“……”
อวี๋เยว่หานกระพริบตา ราวกับว่ามีลางสังหรณ์อยู่ก่อนแล้ว
แต่นัยน์ตาไม่ส่อแววผิดปกติใดๆ
มือทั้งสองล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง จ้องมองดูเธออย่างเงียบๆ
“ความจริงฉันก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้เหมือนกัน จริงๆ นะ รู้ก่อนคุณแค่แปปเดียว……”
เหยียนเสี่ยวมู่กำลังจะเอ่ยพูด เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังแทรกขึ้นเสียก่อน
เมื่อมองเห็นรายชื่อที่ปรากฏที่หน้าจอโทรศัพท์ อวี๋เยว่หานก็ขมวดคิ้วขึ้น บอกให้เธอรอครู่หนึ่งจากนั้นก็กดรับโทรศัพท์
ฟังปลายสายพูดยังไม่ถึงสามวินาที สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น
กดวางสาย พูดเสียงรอดไรฟัน “เจอตัวแม่ของเสี่ยวลิ่วลิ่วแล้ว”
เหนียนเสี่ยวมู่ “……!!”
เธอกำลังจะรับสารภาพผิดด้วยตัวเอง แต่ดันถูกคนอื่นฟ้องแทนแล้ว
ใครทำกัน โผล่ตัวออกมานะ!
เธอมองดูยังอวี๋เยว่หานที่ยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งตอนนี้บรรยากาศรอบตัวของเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นมาแล้ว บรรยากาศอบอุ่นที่เธออุตส่าห์เสียเงินไปตั้งมากมายเพื่อสร้างมันขึ้นมาตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว
เหยียนเสี่ยวมู่รู้สึกปวดใจขึ้นมาชั่วขณะ
เธอเม้มริมฝีปาก ค่อยๆ เหล่มองไปที่ชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง
ได้ยินเขาโทรศัพท์หาผู้ช่วย ให้ผู้ช่วยนำเอกสารไปรอเขาที่บ้านในทันที เธอสะดุ้งราวกับลูกไก่ถูกทำให้ตกใจ ค่อยๆ หดคอลง
“เมื่อกี้คุณจะพูดอะไรกับผมนะ” อวี๋เยว่หานเก็บโทรศัพท์ไว้ในเสื้อสูท ริมฝีปากบางเอ่ยถาม
“……” บอกตอนนี้ เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายหรือเปล่านะ
ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังลังเลอยู่นั้น อวี๋เยว่หานก็โอบตัวเธอเข้ามากอดไว้ จากนั้นก็พาเธอเดินออกไปด้านนอก
“กลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เหยียนเสี่ยวมู่……กลับไปแล้วอาจจะไม่มีอะไรให้เธอต้องพูดแล้วล่ะ
เธอแอบร่ำไห้อยู่ในใจเงียบๆ
พอถูกอวี๋เยว่หานพาเดินมาถึงที่หน้าประตู จู่ๆ เธอก็เหลือบไปเห็นร่างที่ดูคุ้นเคย
หญิงสาวชะงักไป “ซ่างซิน…..”
แม้ว่าจะมีแว่นตากันแดดสวมบังอยู่ แต่ว่าเหนียนเสี่ยวมู่ก็จำเธอตั้งแต่แวบแรก
เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอเป็นใครกันนะ……
“……”
ซ่างซินก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้เจอหญิงสาวที่นี่
ใบหน้าปรากฏแววประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินมาหาเธอแล้วสวมกอด “พวกเธอก็มาทานข้าวที่นี่เหมือนกันเหรอ”
“อื้อ ทานเสร็จแล้ว”
เหยียนเสี่ยวมู่พูดไปพลางมองไปที่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ซ่างซิน
ไม่ใช่ถังหยวนซือ
แม้ว่าหน้าตาจะไม่เลว ใส่ชุดสูทเต็มยศ ดูก็รู้ว่าเป็นสุภาพบุรุษสง่างามคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าทำไม เหนียนเสี่ยวมู่ถึงได้รู้สึกว่าเมื่อเขายืนเคียงคู่อยู่กับซ่างซินแล้วมันดูไม่เหมาะสมกันเอาเสียเลย
กำลังจะเอ่ยถามว่าเขาเป็นใคร ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ซ่างซินก็จำอวี๋เยว่หานได้ รีบล้วงนามบัตรออกมายื่นให้อย่างตื่นเต้น
“สวัสดีครับคุณชายหาน ผมชื่อเซี่ยเฟิง ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“……”
อวี๋เยว่หานมองดูนามบัตรของเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้รับเอามา
แต่พอโดนเหนียนเสี่ยวมู่จ้องเขม็งจึงยื่นมือไปรับเอามา
ซ่างซินมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจ สีหน้ายังคงนิ่งๆ อธิบายกับเหนียนเสี่ยวมู่แค่ประโยคเดียว
“ที่บ้านฉันนัดดูตัวให้น่ะ”
“……” เหยียนเสี่ยวมู่ตะลึงไป!
จับมือเธอเอาไว้แล้วเริ่มบีบแน่น
ซ่างซินชอบถังหยวนซือ พวกเธอต่างรู้ดี
หญิงสาวยืดหยัดมาตั้งหลายปี ไม่เคยยอมแพ้
ทำไมจู่ๆ ถึงได้ยอมรับการจัดดูตัวของที่บ้านล่ะ