ตอนที่ 36 อยากกินก็บอก ไม่ต้องแกล้งทำเป็นเย็น
ชา
ฉ่ลั่วหานกำลังอ่านเพลิน น้ำเสียงที่เย็นชาของผู้หญิง คนหนึ่งก็ดังมาจากตรงหน้าเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมอง ผู้ หญิงรูปร่างผอมบาง เรียวสูงใส่ชุดกาวน์ สีขาวแล้วยืน อยู่ตรงมุมโต๊ะด้านข้างของเธอ ผมสั้นประมาณสิ่งหู ผม ลอนเล็กน้อย มีลักยิ้มตรงแก้มสองข้าง ใบหน้าของผู้ หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้แต่งหน้าอ่อนๆ ขนตาปัดชัดทุกเส้น ริม ฝีปากทาลิปสีดอกกุหลาบ ขณะที่อ้าปากพูดราวกับกลีบ ดอกไม้ ทั้งดูเก่งและมีเสน่ห์
ขนคิ้วที่เรียงตัวเรียบร้อยดูแล้วเหมือนกับว่าเป็นผู้ชนะ มานับร้อยครั้ง
ภายใต้ชุดกาวน์ สีขาวนั้นสวมเสื้อเชิ้ตสีม่วงไว้ ปลด กระดุมออกสองเม็ดตรงคอเสื้อ เผยร่องของไหปลาร้า กางเกงขายาวสีดำที่เอาชายเสื้อไว้ข้างในกางเกง ที่เท้า สวมส้นสูงสีดำไว้ เท้าที่ดูเรียวยาวมาก
“ขอโทษทีค่ะ ฉันไม่รู้ว่าเป็นหนังสือของคุณ” ฉู่ล้วหาน เอาหนังสือไปที่ตรงโต๊ะข้างหน้า วางไว้ ในขณะเดียวกัน ก็จับแก้วกาแฟของตัวเองย้ายไปข้างๆ
บนชุดกาวน์ ของผู้หญิงคนนี้ไม่มีป้ายชื่อ ดังนั้นเธอเลยไม่รู้จัก อีกอย่าง ในความจำของฉู่ ลั่วหาน ไม่เคยเห็น คนนี้มาก่อน ถ้าโรงพยาบาลกลางมีหมอที่สวย ออร่า ขนาดนี้ เธอจะไม่รู้จักได้ไงกัน
ผู้หญิงหยิบหนังสือขึ้น “คุณก็คือคุณหมอมือหนึ่งใน แผนกหัวใจ ฉ่ลั่วหาน?”
สายตาของเขามองไปที่ป้ายชื่อตรงหน้าอกของเธอ เมื่อกี้ แต่แค่ยังไม่ค่อยแน่ใจ ที่ฉู่ลั่วหานยังสาว แล้วยัง สวยขนาดนี้
“ใช่ ฉันเอง แต่ว่าคุณหมอมือหนึ่งนั้นไม่กล้ารับไว้ หรอก” บทสนทนาที่เรียบง่าย ฉู่ลั่วหานก็รู้สึกได้เลยว่า เธอนั้นเข้าหายาก และไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่
ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนไม่ค่อยมีความอดทนแล้วพูดว่า “ใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่ต้องมาพูดถ่อมตัวแบบนี้ ถ้าฉัน จำไม่ผิดละก็ คุณมีเคสตอนบ่าย ไม่ต้องเตรียมตัวหรอ?” คู่ลั่วหานขยีคิ้ว จู่ๆก็พูดเหมือนสั่งนั้นหมายความว่า อะไรกัน? และตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่
“ขอโทษนะคะ ขอถามว่าคุณคือใครหรอคะ?”
เธอไม่เกรงใจ ฉู่ลั่วหานก็ไม่เกรงใจอยู่แล้ว พูดจาสั่ง นุ่นนี่ ทำเหมือนตัวเองเป็นหัวหน้าอย่างนั้นแหละ?
ผู้หญิงเบ้ริมฝีปากเบาๆ นิ้วมือที่เรียวบางนั้นก็พลิกอ่าน หนังสือ เหมือนกับว่ากำลังสงสัยว่าฉู่ลั่วหานไม่รู้จักเธอ เธอก็ไม่ได้ตอบคำถามด้วย
เหอะ! เดี๋ยวนี้มีแต่คนหยิ่งผยองกันเยอะ ! เหมือนจะ ไม่ใช่มีแค่โม่หรูเฟยคนเดียว
“รองผู้อำนวยการเกา ท่านอยู่ตรงนี้นี่เอง เหอะเหอะ ทำให้ฉันหาตั้งนานเลยค่ะ!”
ฉู่ลั่วหานยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมา ผู้อำนวยการฝางของ แผนกหัวใจก็เดินเข้ามา คนที่เขากำลังพูดด้วยนั้นก็คือผู้ หญิงที่หยิ่งไม่ยอมใครคนนี้
ตกใจเล็กน้อย ไม่ใช่บอกว่าท่านรองผู้อ่านวยการคน ใหม่เป็นผู้ชายหรอ? ยังเล่าต่อกันไปทั่ว สุดท้ายแล้วเป็น ผู้หญิงหรอกเหรอเนี่ย?
เกาหยิ่งจือลุกขึ้นยืน พยักหน้า “สวัสดีค่ะ ผู้อำนวยการ
ฝาง”
ผู้อำนวยการฝางเห็นว่าคนหลักของแผนกหัวใจทั้ง สองคนก็อยู่ หัวเราะแล้วทักไปว่า “เสี่ยวฉู่ก็อยู่เหรอ งั้นก็ ดีเลย พวกเธอรู้จักกันแล้วยัง? คนนี้คือเสาหลักของ แผนกหัวใจของเรา ฉู่ ลั่วหาน หมอฉู่ ส่วนคนนี้ ก็คือรองผู้ อำนวยการคนใหม่ของพวกเรา จบดอกเตอร์ด้านแพทย์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เกาหยิ่งจื่อ รองผู้อำนวยการ เกา เป็นวัยรุ่นไฟแรงทั้งคู่ ฮ่าฮ่า!”
ถึงฉู่ลั่วหานจะเป็นถึงหมอมือหนึ่ง แต่ตำแหน่งมันต่าง กัน แน่นอนก็พูดอะไรก่อนไม่ได้อยู่แล้ว แค่พยักหน้า แทนคำทักทาย
เกาหยิ่งจือปิดหนังสือ น้ำเสียงไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่า ไหร่ “รู้จักกันแล้วค่ะ เป็นหมอมือหนึ่งหรือเปล่า ฉันจะรอ ดู”
ผู้อำนวยการฝางหัวเราะเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น ผู้ อำนวยการฝางที่ใกล้จะ50 สวมแว่นกรอบสีทอง ดวงตา ของเขาก็ไม่ได้ใหญ่อยู่แล้ว พอยิ้มมาก็ยิ่งทำให้ตากลาย เป็นเส้นเส้นเดียว ดูตลกมาก
ช่วงบ่ายก็เข้าเวรตามปกติ พอยุ่งปั๊บก็วุ่นไปตลอดทั้ง บ่าย ยังตรวจคนไข้ไม่หมด ก็6โมงเย็นแล้ว
ลากสังขารที่อ่อนล้าของตัวเองกลับบ้าน เพราะว่าจะ ต้องเตรียมทำวิจัย ก็ไม่มีเวลาที่จะไปทำข้าวเย็น เธอ เข้าไปร้านสะดวกซื้อไปซื้อเกี๊ยวน้ำแช่แข็งมา ต้มเกี๊ยว แล้วก็ย้ายไปที่แถวขอบประตูไปนั่งอ่านหนังสือ
ตำแหน่งศาสตราจารย์นั้นมันไม่ใช่เล็กๆ ปีละครั้งก็จะ มีรายชื่อแค่ประมาณหนึ่งถึงสองคน อีกอย่างส่วนมากก็ จะขอหมอแก่ๆที่มีประสบการณ์มามาก และที่เธอได้รับ ใบสมัครนี้ก็ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าดีใจ
พอคิดอย่างนี้ ก่อนที่รองคณบดีนีจะออก ก็ดูเหมือนจะ ตั้งใจดูแลเธอเป็นพิเศษ
เกี้ยวในหม้อก็เดือด ปรุดปรุด มีฟองออกมาฉู่ลั่วหาน
เอาแต่คิดเรื่องพวกนี้อย่างใจจดใจจ่อ ไม่ทันได้สังเกต
เกี่ยวต้มจนเปื่อย น้ำก็ไหล่ออกมาจากรอบๆหม้อ
“เธออยากฆ่าตัวตายหรือไง?!”
“ปัง!”
น้ำเสียงด่าของหลงเซียวที่เยือกเย็นและเสียงหนังสือ ในมือที่ตกลงพื้น ความรู้สึกแรกคือ เขากลับมาได้ยัง
ไง?!
ความรู้สึกที่สองคือ – เกี้ยว!
เท้ายาวๆของหลงเชียวย่างผ่านตัวฉู่ลั่วหานไปปิดเตา แก๊ส แววตาโหดๆจ้องไปที่ฉู่ ลั่วหาน เหมือนกับว่าจะจ้อง จนหน้าของเธอออกเลือดให้ได้อย่างงั้นแหละ
หม้อนั้นได้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำซุปของเกี๊ยวแล้ว น้ำสี ขาวๆค่อยๆไหลลงมาตามทาง แผ่วงกว้างเรื่อยๆ บนพื้นก็ เลอะไม่น้อยเลย
“ฉัน…เมื่อกี้ไม่ทันได้ดู คุณออกไปเถอะ เดี่ยวฉันเก็บ เอง” ฉู่ลั่วหานเก็บหนังสือขึ้นมาวางไว้ที่ชั้นวาง ม้วนแขน เสื้อขึ้นและหยิบผ้าไปเช็ดทำความสะอาด
ท่านเซียวฟิวขาด ร่างสูงใหญ่ยืนไว้ด้านหลังของเธอ เขานั้นอยากจะจับเธอมาบีบคอแล้วถามจริงๆ ว่าถ้าเกิด เรื่องขึ้นมาจะทำยังไง!
แต่พอเห็นฉู่ลั่วหานที่ไม่พูดอะไร ท่าทางที่กำลังเช็ด เครื่องอยู่ ท่านเซียวก็กลืนไฟโกรธที่อยู่ในลำคอลงไป นี่
เห็นผีแล้วหรือเปล่าเนี่ย ที่เห็นท่านเซียวฝืนกลั้นความ
โกรธเอาไว้
“พอแล้ว! ออกมา!”
ฉูลั่วหานนั้นไม่ได้หยุดการกระทำในมือของเธอ “ทำ ห้องครัวของท่านเซียวเปื้อน ฉันจะรับผิดชอบทำความ สะอาดเอง”
“ใช่ ห้องครัวหน่ะมันเช็ดให้สะอาดได้ แต่ว่าฉู่ลั่วหาน..”
น้ำเสียงเยือกเย็นของท่านเซียว จากด้านหลัง แอบมี ความโกรธแฝงอยู่เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังปิดบัง อะไรไว้อยู่ ถึงจะไม่รู้ว่าเขาปิดบังอะไร
เธอเคลียร์หูรอฟัง แต่เขาก็ไม่ได้พูดต่อ
แต่ว่าฉ่ลั่วหาน เธอทำให้ตากับหัวใจเปื้อน เธอจะเช็ด
ยังไง?
ลั่วหานทำความสะอาดเครื่องครัวเสร็จ เปิดฝาหม้อ ออกเกี้ยวน้ำที่ลอยอยู่ประมาณ20กว่าลูกเกี้ยวน้ำไส้กุ้ง กลิ่นหอมฟุ้งออกมาแตะจมูกในตอนที่เธอเปิดฝา
ลั่วหานทำเสียงแข็ง “คุณจะกินไหม?”
หลงเซียว “…”
ลั่วหานก็คิดว่าเขาไม่กิน ตักทั้งหมดนั้นใส่เข้าไปใน ถ้วยเดียว ยกไปที่โต๊ะอาหาร วางตะเกียบไว้ที่ข้างถ้วย แล้วกลับเข้าครัวไปทำน้ำจิ้ม
แต่พอกลับมาถึงโต๊ะอาหารอีกรอบ เกี่ยวถ้วยนั้นก็ไป วางไว้ตรงหน้าของหลงเซียวแล้ว มือที่เรียวยาวของเขาจับตะเกียบไว้ คีบเกี้ยวน้ำที่กัดไปแล้วครึ่งหนึ่ง.
ฉู่ลั่วหานคิ้วขมวด อยากกินก็บอก ไม่ต้องแกล้งทำเป็น เย็นชา
วางถ้วยน้ำจิ้มลง ฉู่ลั่วหานไม่พูดอะไรแล้วก็หยิบ ตะเกียบและซ้อนมาอีกคู่หนึ่ง นั่งอยู่ตรงหน้าเขา คืบขึ้น มาหนึ่งชิ้น จิ้มซอส ทำเหมือนว่าข้างหน้าเธอไม่มีคนอยู่
ทั้งสองคนนั่งกินเกี๊ยวกันอย่างเงียบ หนึ่งชิ้น หนึ่งชิ้น ตะเกียบที่คีบชนกันแล้วก็วางลง แล้วก็เอาขึ้นมา
บรรยากาศช่างประหลาด สายตาก็มองเกี๊ยวน้ำที่ ค่อยๆเห็นถึงกันถ้วย คาดไม่ถึงว่าหลงเซียวจะไม่พูด อะไรเลย ตามหลักแล้ว เขาไม่พูดจาประชดสักประโยค หนึ่งแล้วจะผ่านวันนี้ไปได้หรอ?
ท่านเซียวกินเกี๊ยวน้ำแช่แข็ง อาหารแบบนี้มักจะถูก เขาเรียกว่าอาหารขยะ
แต่กลับกินแล้วอร่อยขนาดนี้ แต่ผู้หญิงตรงหน้านี้กลับ ไม่แสดงอาการใดๆเลย เหมือนกับว่าไม่ชอบการที่มีเขา เข้ามากินด้วย
“พรุ่งนี้ผมต้องไปดูงานนอกสถานที่”
ทันใดนั้น เขาก็ปริปากพูดออกมาหนึ่งประโยค ดูงานนอกสถานที่? แล้วมาบอกให้เธอทำไม? อ่อ อยากจะสื่อว่า เจ้าของบ้านจะต้องออกไป ให้ช่วยดูแลบ้าน อย่าให้เกิดเรื่องอะไร?
“พรุ่งนี้ฉันจะย้ายกลับไปแล้ว หลงจื่อก็มาแล้ว น่าจะคง
ไม่มารอบสองแล้ว”
ฉู่ลั่วหานตอบกลับไปอย่างเย็นชา ดูฉลาด ตามสไตล์
ของเธอ
นิ้วมือของท่านเซียวจับตะเกียบจนหัก “มีครั้งแรก ก็ ต้องมีครั้งที่สอง หรือถึงตอนนั้น คุณอยากจะให้ผมไป เชิญคุณกลับมาด้วยตัวเองงั้นหรอ?”
เหอะ!
ฉ่ลั่วหานยกสายตาขึ้นมองหลงเซียวที่ห่างจากเขาแค่ ระยะโต๊ะเดียวเท่านั้น แต่ว่าเธอกลับรู้สึกว่ามันไกลเหลือ เกิน ไกลจนไม่ว่าเธอจะพยายามขนาดไหน อยากจะเข้า ใกล้อีกสักเท่าไหร่ ก็ทำได้แค่คอยมองอยู่ขอบสระ
“ฉันจะติดต่อกับหลงจื่อ บอกเขาไปว่าไม่จำเป็นต้องมา อีก ถ้าเขาอยากจะเจอคุณละก็ ก็สามารถไปนัดเจอกันที่ ร้านกาแฟหรือร้านอาหารก็ได้” เธอกัดริมฝีปากสีชมพูไว้ เล็กน้อย ข้างในปากนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นของเกี๊ยวน้ำ แต่ ทำไมถึงรู้สึกขมขื่นหล่ะ?
หลงเซียวน้ำเสียงหนักแน่น พูดชัดๆ “ผมว่า ที่ที่เหมาะ สมที่สุดก็คือบ้านเก่า หรือว่าคุณอยากจะกลับไปกินมื้อ อาหารที่บ้านหลงอีกรอบ?”
มื้ออาหารที่บ้านหลงคำนี้ เป็นคำต้องห้ามของฉู่ลั่วหานทั้งๆที่เขาเองก็รู้ว่าเธอนั้นเกลียดสิ่งนี้ที่สุด
“ได้ ฉันจะอยู่ต่อ แต่ฉันคิดว่า ช่วงที่คุณออกไปดูงาน เขาน่าจะไม่มา”
“เข้าใจเขาดีขนาดนั้นเลย?”
ประโยคที่ถามกลับ เต็มไปด้วยความประชด
ฉู่ลั่วหานจับตะเกียบไว้แน่น ความหิวก็หายไป แค่แป๊บ เดียวก็อิ่มไปแล้ว “ไม่เข้าใจ พวกคุณชายของบ้าน ตระกูลหลงของพวกคุณ ฉันจะเข้าใจได้ยังไง”
เธอวางตะเกียบลง ไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ และก็ไม่มีอะไรที่จะพูดแล้ว เทียบออกไปเลยดีกว่า “นั่งลง” น้ำเสียงสั่งที่เย็นชาของเขา “ใครสั่งให้เธอลุก
ออกจากที่ก่อนสามีของตัวเอง?”
ฉู่ลั่วหานหลุดยิ้ม “สามีหรอ ท่านเซียว สองคำนี้ฉันไม่ กล้ารับไว้หรอกค่ะ คนที่เหมาะที่จะเรียกคุณว่าสามีนั้น ควรจะเป็นผู้หญิงที่ตั้งท้องอยู่คนนั้นต่างหาก”
“ปัง!”
หลงเซียวโยนตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างแรง เสียง กระแทก เหมือนกับว่าขว้างใส่หน้าของเธอ ความโกรธที่ ร้อนผาวออกมานั้น รู้สึกได้ถึงในกระดูก
มื้อดึกจบไปด้วยไม่ดี ท่านเซียวกลับห้องไปด้วยความ โกรธ ฉู่ลั่วหานก็ไปล้างจานชาม
อ่านหนังสือเสร็จกำลังเตรียมตัวจะไปนอน เปิดประตู
ห้องนอน หลงเซียวก็นอนไว้อยู่แล้ว! เขาจะนอนห้องนอน นี่เป็นการป่าวประกาศว่าใครที่มี
อำนาจมากกว่า คุณชายท่านเซียว มาอารมณ์ไหนเนี่ย?
ผู้ชายที่อยู่บนเตียงนั้นยังไม่หลับ เขาทำตาหยีๆแกล้ง หลับ ดังนั้นเสียงที่ฉู่ลั่วหานเข้าห้องน้ำ แปรงฟัน เสียง อาบน้ำ เขาได้ยินหมดเลย
ได้ยิน แล้วทำไม?
ผู้ะ มีกำแพงประตูนี้กั้นไว้ ก็คือโลกสองใบ ใบหน้าหล่อเหลาของท่านเซียว หันหลบไปข้างๆไม่ อยากไปสนใจเธอ
นอนในห้องรับแขกไปหนึ่งคน เช้าวันที่สองหลงเซียวก็ ออกจากบ้านรีบไปสนามบินแต่เช้า ฉู่ลั่วหานไม่ได้เจอ หน้าเขา
“หมอฉู่ ทำไมรองผู้อำนวยการของพวกเราถึงเปลี่ยน ไปหล่ะ! ไหนบอกว่าเป็นหนุ่มหล่อไง! ทำไมถึงกลายเป็น ผู้หญิงได้หล่ะ? อีกอย่างเมื่อกี้ที่ฉันไปเจอเธอ ตกใจจน วิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง หน้าตาก็สวย แต่เย็นชา มาก!”
รู้ผู้หญิงคนที่ชื่อเกาหยิ่งจืออ่ะนะ
“เดี่ยวก็ชิน อีกอย่าง ถ้าไม่ไปหาเรื่องเธอ เธอก็คงไม่ มาหาเรื่องก่อนหรอก”
ช่วงนี้ เรื่องของฉู่ลั่วหานไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ เธอเอง ก็ขี้เกียจไปรับมือกับเรื่องซับซ้อนพวกนี้แล้ว
เกาหยิ่งจือขึ้นรับตำแหน่งใหม่ เรื่องแรกที่ต้องทำนั้นก็ คือการไปสำรวจห้องผู้ป่วย ฉ่ลั่วหานและคนอื่นๆตาม หลังเธอไป คอยรับใช้เธอ
โชคดี คำถามที่เธอถามนั้นฉู่ลั่วหานก็อธิบายออกมา ได้หมดและละเอียด หมอในแผนกเดียวกันต่างก็ซึ้งใจ ต่อฉู่ลั่วหานที่ใช้ความรู้ความฉลาดของเธอตอบได้หมด
แต่เกาหยิ่งจือก็ใช้สายตาที่ดูถูก และเหมือนจะไม่ พอใจมาก
“แค่พูดมันง่าย แต่ลงมือปฏิบัติจริงก็คงไม่แน่” นี่คือคำประเมินที่เธอให้หลังจากที่สำรวจเสร็จ แล้วแต่เลย! เธอไม่ได้แคร์
“หมอฉู่ คุณมานี่หน่อยสิ”
เรื่อง มันยังไม่จบเพียงเท่านี้
เดินตามเกาหยิ่งจือไปที่ห้องรองผู้อำนวยการ ถึงค่อย หยุดนิ่ง เกาหยิ่งจือพูดขึ้นว่า “เธอกำลังสมัครตำแหน่ง ศาสตราจารย์อยู่?”
“ใช่ค่ะ ได้ใบสมัครมาแล้วค่ะ”
เกาหยิ่งจือหัวเราะอย่างเลือดเย็น “เธอมีประสบการณ์ อะไรไปสมัคร? เธอรู้หรือเปล่าว่าความหมายของการเป็นศาสตราจารย์คืออะไร?”
ฉู่สั่วหานถึงกับแปลกใจ เกาหยิ่งจือเองก็เพิ่งได้ ตำแหน่ง แล้วทำไมถึงต้องต่อต้านเธอทุกอย่าง? เป็นบ้า อะไรของเธอ!
“รองผู้อำนวยการคะ ใบสมัครนี้ท่านรองคณบดีนี้เป็น คนเอาให้ฉันกับมือค่ะ เหมาะหรือไม่เหมาะสมที่จะสมัคร เขารู้ดีที่สุด”
“ท่านรองคณบดีเขาลาออกไปแล้ว เรื่องเล็กหรือใหญ่ ที่เขาเคยทำไว้จะต้องได้รับการพิจารณาอีกครั้ง ถ้า อยากสมัคร ก็ไปหารองคณบดีคนใหม่!”