ตอนที่ 33 ป่วยใจ เพราะหัวใจเสียแล้ว
เท้าอีกข้างที่ยังไม่ได้ก้าวออกไปก็หยุดไว้ในห้อง ฉู่ลั่ วหานไม่แสดงสีหน้าอะไร มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาใน ห้องฉุกเฉิน แล้วตอบพลางๆไปว่า “ก็แค่คนที่บังเอิญเจอ กัน”
อ๋อ? แค่บังเอิญเจอกันหนะเหรอ? สภาพเธอที่ตื่น ตระหนกในเมื่อกี้นี้ น้ำเสียงที่รีบร้อนและขอให้ร.ป.ภ.มา ช่วย มันแสดงให้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่บังเอิญ
ถังจิ้นเหยียนยักไหล่ “อย่างนี้…” เขารีบเร่งฝีเท้าเดิน ออกมา เอาน้ำยาในมือของเขายัดไปให้ในมือของเธอ “กลางคืนเปลี่ยนยาด้วย ช่วงนี้แผลห้ามโดนน้ำ ห้ามออก กำลังกายหนักๆ ถ้าหากแผลยังฉีกขาดอีกรอบ อาจจะ ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้”
ฉู่ลั่วหานที่รับไว้ก็เหลือบไปมองน้ำยาหนึ่งที่ “คุณหมอ ถังนี้กำลังสงสัยความรู้ทางแพทย์ของฉันหรอคะ?”
ถังจิ้นเหยียนยิ้มปฏิเสธ “ไม่ใช่ครับ ผมกำลังสงสัยกับ พฤติกรรมของคุณ แผลใหม่ทับแผลเก่า ถ้าหากคุณยัง อยากใส่กระโปรง ช่วงนี้ก็ควรต้องใส่ใจหัวเข่าหน่อย”
เขามอบหมายเสร็จ ไม่ได้รอให้ฉู่ลั่วหานย่างเท้า เขาก็ เดินจากไปก่อน
เหลือแต่ลั่วหานหันไปมองด้านหลังของเขา
เหอะ! มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลยจริงๆ! คุณหมอถัง!
ฉ่ลั่วหานที่เพิ่งจะทำแผลเสร็จก็กำลังจะขึ้นลิฟต์กลับ ไปแผนก กลุ่มคนใหญ่กลุ่มหนึ่งจู่ๆก็โผล่เข้ามาในลิฟต์ ฉ่ลั่วหานนั้นถูกดันเข้าไปอยู่ในมุมสุด
เธอหดหัวเข่าตัวเองเข้าด้านใน พอคิดดูแล้ว หัวเข่า ของตัวเอง ตัวเองก็ต้องดูแลเอง
“เมื่อกี้เห็นโม่หรูเฟยแล้วใช่ไหม? ว้าว! สวยสุดๆไป เลย! สวยกว่าในทีวีอีกอ่า! รูปหน้าเมล็ดทานตะวันสวย
มาก!”
ะ สวยขนาดนั้นเลย? หน้าตาสุนัขจิ้งจอกอย่างนั้นเนียนะ
สวย?
“ยังผอมมากเลยนะ! ดูแล้วมากสุดก็น่าจะหนัก แค่42กิโล! ขาก็ยาวมาก น่าอิจฉาสุดๆ!”
ขายาว? เหอะๆ ถ้าเทียบกับความสูง เธอสูงกว่าโม่หรู เฟยสองเซ็น
“แค่นั้นซะที่ไหนหล่ะ! ยังหุ่นดีมากเลยนะ! บนร่างกาย นั้นแทบไม่มีเนื้อ แต่เอาไปไว้ที่อกกับก้นหมดแล้ว หุ่น
โคตรดี!”
เรื่องนี้?
ฉู่ลั่วหานก้มหัวมองดูตัวเอง หลังจากนั้นก็ย้ายสายตา
ไป
ไปห้องเปลี่ยนชุดเปลี่ยนเสื้อเสร็จเรียบร้อย โทรศัพท์ ที่อยู่ในกระเป๋าก็สั่นขึ้น
มือข้างหนึ่งจัดคอเสื้ออยู่ อีกข้างหนึ่งก็หยิบโทรศัพท์ ขึ้นมา สายตามองไปบนหน้าจอโทรศัพท์ที่มีชื่อขึ้นมา หัวใจก็สั่นตาม
หายใจเข้าสองที่ทำให้ตัวเองสงบขึ้น “ฮะโห..”
“อยู่ไหน?”
น้ำเสียงเหมือนกับผู้ใต้บังคับบัญชาพูดกับลูกน้อง ไม่มี ความอดทนและยังเหมือนรำคาญ ความรู้สึกที่หลงเซียว ส่งให้ฉู่ลั่วหานก็คือ เขาเกลียดเธอมาก!
ฉู่ลั่วหานจัดระเบียบเสื้อผ้าเสร็จ เสียบปากกา “กำลัง
อยู่ห้องเวร”
“มาเดี่ยวนี้”
“ฉันจะต้องเข้าเวร คนไข้กำลังรออยู่”
“งั้นก็ให้พวกเขารอต่อไป ขึ้นมาตอนนี้”
“ฉัน…”
“ฉู่ ลั่วหาน อย่ามาท้าทายขีดความอดทนของผม ผมให้ เวลาคุณ3นาที”
“ฮาโหล..”
ณ เวลานั้น เสียงทุกอย่างถูกตัดสายไปอย่างไร้เยื่อใย
ฉู่ลั่วหานมองไปที่หน้าจอ มุมปากเผยรอยยิ้มที่ยิ้ม ประชด ทรมานเธอ ทำให้เธอต้องอับอาย ให้เธอต้องอยู่ ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดกับความสัมพันธ์ของคนสาม
คน
วิธีการที่ต้อยต่ำขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่าเขาจะทำมันออก
มา!
เธอยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าของชุดกาวน์ อย่าง แรง ใบหน้าของฉู่ลั่วหานเต็มไปด้วยความอาฆาตและ เยือกเย็น เดินไปทางลิฟต์อย่างรวดเร็ว พอผ่านพวก พยาบาล ต่างก็รีบก้มหัว ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“…หมอฉู่ คุณมาแล้ว”
น่าแปลกมาก ตอนที่ฉู่ลั่วหานไปถึงแผนกสตรีและ ครรภ์ก็ไม่เห็นหลงเซียวอยู่ มีแต่จี้ตงหมิงรอไว้อยู่ด้าน นอกประตู
ฉ่ลั่วหานพยักหน้า “หลงเซียวหล่ะ?”
“เถ้าแก่มีธุระกลับไปก่อนแล้วครับ ผมอยู่ที่นี่รอคุณโม่ ครับ เถ้าแก่กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับคุณโม่ ดังนั้นก็ เลยให้คุณอยู่เฝ้าเป็นเพื่อนที่นี่ครับ”
มือทั้งสองข้างของฉู่ลั่วหานกำไว้แน่นในกระเป๋าเสื้อ
“ได้”
จี้ตงหมิงสแกนมองฉู่ลั่วหาน นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เห็น ฉ่ลั่วหานใส่ชุดกาวน์ อยู่ในโรงพยาบาล ผมยาวมัดรวบเป็นทรงหางม้า เผยหน้าผากที่ขาวและดูสะอาด เห็นได้ ชัดเลยว่าเหมือนหน้าจะดูเด็กกว่าอายุจริงไปประมาณ สองสามปี หุ่นที่ผอมบางแล้วสวมชุดกาวน์ ไว้ ท่าทาง เธอดูมีความสามารถและดูสะอาดสะอ้าน ทำให้คนเห็น รู้สึกสบายใจ
แต่คำว่าสบายใจนี้ ก็คงเป็นแค่ความรู้สึกของเขาเอง หล่ะมั้ง? เถ้าแก่คิดยังไง ใครจะไปรู้กันหล่ะ?
รอไปครึ่งชั่วโมงกว่า โม่หรูเฟยก็ตรวจเสร็จออกมา
จี้ตงหมิงยืนขึ้น โม่หรูเฟยออกมาแล้วสังเกตเห็นว่าหลง เซียวไม่อยู่ แล้วมีฉู่ลั่วหานเพิ่มมา ในใจก็มีอารมณ์โกรธ ขึ้นมา ยื่นผลการตรวจที่อยู่ในมือไปให้เธอ “คุณหมอฉู่ ผลออกมาแล้ว รบกวนคุณช่วยฉันดูหน่อย”
พลิกไปมา พอจะรู้อาการคร่าวๆ “ครรภ์เจริญเติบโตได้ ดีมาก ตัวชี้วัดแต่ละตัวก็อยู่ในเกณฑ์ไม่แย่”
โม่หรูเฟยยิ้มดูถูกเหยียดหยาม “คุณหมอฉู่ คุณช่วยดู ให้ละเอียดอีกหน่อยจะดีกว่านะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน และลูกละก็ คุณจะเอาอะไรมารับผิดชอบ?”
ตอนที่พูดประโยคสุดท้ายนั้น สายตาของโม่หรูเฟย ย้ายไปมองที่ท้องน้อยของเธอ ใช้แววตาดูถูกเหยียด หยามมองเธอ
เส้นเอ็นหลังมือของฉู่ลั่วหานนูนขึ้น จับใบผลตรวจไว้ แล้วดูแต่ละตัวชี้วัดอีกรอบ “คุณไม่ค่อยมีแรง สามารถแก้ด้วยการบำรุงเลือดได้ ปกติก็พยายามดูแลเรื่องการ กินก็ได้แล้ว ช่วงตั้งครรภ์นั้นอย่างกินอย่างใดอย่างหนึ่ง จะต้องกินทั้งเนื้อและผัก อาหารครบ5หมู่ ระวังในเรื่อง โปรตีน การที่ได้รับโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมนั้น สามารถช่วยการเจริญเติบโตของครรภ์ได้”
โม่หรูเฟยหัวเราะเหอะๆ “โปรตีน? คุณหมอฉู่ ฉันเป็น ศิลปิน ศิลปินจะอ้วนไม่ได้ นี่เธออยากจะทำลายอาชีพ ฉันใช่ไหม? บำรุงเลือด ฉันสามารถกินยาแทนได้”
ฉู่ลั่วหานมองไปที่ท้องน้อยของเธอ “ตอนนี้อายุครรภ์ ได้แค่5สัปดาห์ ยังไม่แข็งแรง คนท้องห้ามทานยาไป เรื่อย คุณโม่คะ การตั้งครรภ์นั้นก็เป็นเรื่องที่เสี่ยง อันตรายแต่แรกอยู่แล้ว และเป็นไปได้มากที่จะทำให้หุ่น เปลี่ยนไป”
“เหอะเหอะ พูดเหมือนกับว่าตัวเองเคยท้องอย่างงั้น แหละ! กลัวก็แต่ใครบางคนที่อยากจะให้หุ่นพัง แต่กลับ ไปมีโอกาส! คุณหมอฉู่อย่าลืมสิคะ เด็กคนนี้ มีตาหลาย คู่ที่กำลังจับตาจ้องมองอยู่ คุณไปคิดมาดีๆดีว่า ว่าจะ ช่วยให้ฉันปรับสมดุลในร่างกายยังไงดี!”
ลั่วหานเอาผลตรวจยื่นไปให้จี้ตงหมิง “คุณโม่ตรวจ จนเหนื่อยแล้ว รบกวนคุณพาเธอกลับก่อนเถอะค่ะ”
“คุณหมอฉู่ ลูกของฉันปกติดี และเจริญเติบโตได้ดี คุณคงจะผิดหวังมากสินะคะ?”
“คุณโม่ สตรีมีครรภ์ดีที่สุดนั้นไม่ควรจะใช้สมองคิดมากเกินไป ถ้าใช้สมองมากไป มันจะส่งผลต่อสติ ปัญญาของทารกในครรภ์ ผู้ช่วย จี้ ยังไม่ไปส่งคุณโม่ อีก?”
จี้ตงหมิงโน้มตัว “คุณโม่ เชิญตามผมมาครับ?” หลังจากที่โม่หรูเฟยออกไปแล้ว กลุ่มพยาบาลก็ตื่น ตระหนกกันไปหมด มาแอบสอบถามว่า ” คุณหมอฉู่คะ? คุณกับโม่หรูเฟยรู้จักกันใช่ไหมคะ? เมื่อกี้เห็นพวกคุณ หมอคุยกัน ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเลยค่ะ”
ฉู่ลั่วหานแสดงสีหน้าเย็นชา “ไม่มีงานให้ทำแล้วหรือ ไง? ถึงมีเวลามาเม้าเรื่องคนอื่น เอาเวลาไปทำเรื่องของ ตัวเองให้เสร็จก่อนดีกว่าไหม”
เธอแค่เอ่ยปากพูด เสียงของนางพยาบาลก็เงียบทันที เสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้นนั้นก็ค่อยๆห่างไป แล้วถึง
ค่อยได้ยินเสียงพูดคุยกันเบาๆดังมาจากด้านหลัง “คุณหมอ ทำไมถึงเพิ่งมาหล่ะ! เมื่อกี้รองคณบดีเพิ่ง มา พอเห็นว่าคุณไม่อยู่ ดูเหมือนแอบผิดหวัง ไม่รู้ว่ามี
เรื่องอะไรหรือเปล่า”
จ้าวเหมียนเหมียนมือถือแฟ้มประวัติผู้ป่วยไว้ ทำตา ปริบๆกะพริบอยู่หลายที แววตานั้นถ้าจะบอกว่าเป็นห่วง ให้บอกว่าอยากเผือกซะมากกว่า
จี้ซื้อหยู่ยิ้มเบาๆ “ได้ยินมาว่า หลังดาราดังตรวจเสร็จ ก็พูดคุยกับเธออย่างสนิทสนมอยู่สักพักเลยหรอ! ฉันนั้นงงจริงๆ ให้เธอช่วยในนอกแผนกก็มากพอแล้ว เพราะมัน ก็เกี่ยวกับพวกแผนกหัวใจ แต่ว่าแผนกมีครรภ์ นั้นมันไม่ ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแผนกพวกเราเลยนะคะ”
“โก่! ไอดอลฉันคงไม่ใช่เป็นโรคหัวใจใช่ไหม?! คุณ หมอฉู่ โม่หรูเฟยเขาเจ็บป่วยตรงไหนหรอ!
ลั่วหานมองขี้เกียจไปที่เวลาเตรียมตัวจะไปหารอง คณบดี “ใช่ มีปัญหาที่ใจจริงๆ”
“โอ้มายก้อด! จริงเหรอเนี่ย! อาการหนักไหม? จะต้อง นอนพักที่โรงพยาบาลหรือเปล่า? ไม่รู้ว่าฉันจะมีสิทธิ์เป็น แพทย์รักษาประจำของเธอได้ไหมนะ”
ฉ่ลั่วหานยิ้มอ่อน “เธอช่วยเขาไม่ทันแล้ว โรคนี้ ได้ กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว เป็นเนื้อร้าย”
“หา?!”
ไม่สนจ้าวเหมียนเหมียนที่แสดงอาการโอเวอร์ฉู่ลั่วหา นหันหลังแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
ในห้องของรองคณบดี
สีหน้ายิ้มแย้มของรองคณบดีเฉินตอนที่เห็นฉู่ลั่วหาน เดินเข้ามา ยิ้มพร้อมทักทายให้เธอนั่งลง “เสี่ยวฉู่ เธอ เป็นหมอรุ่นใหม่ที่เก่งที่สุดในแผนกหัวใจและภายใน ฉัน กับผู้อำนวยการการนั้นกำลังมองเธออยู่นะ”
คำพูดที่ชื่นชม เธอก็ฟังอย่างชื่นชม “ขอบคุณท่านรอง คณบดีมากค่ะ ไม่ทราบว่าท่านมาหาฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อ่อ ใช่ มีอยู่เรื่องหนึ่ง” รองคณบดีหยิบกระดาษที่แม็ก ไว้รวมกันขึ้นมา “นี่คือแบบฟอร์มใบสมัครสำหรับการ ศาสตราจารย์หมอของทางโรงพยาบาลของเรา เธอ กลับไปกรอกข้อมูลดูดีๆ”
ฉู่สั่วหานสงสัยอยู่สักพัก “ไม่ใช่บอกว่าไม่ถึง30สมัคร ไม่ได้ไม่ใช่หรอคะ? อายุฉันกว่าจะถึง30 ยังห่างกันอีก หลายปีเลยนะคะ”
“เปล่า ใบสมัครรอบนี้นั้นอิงตามคะแนน พฤติกรรม และการกระทำของเธอ พวกเราเองก็เฝ้าดูอยู่ แต่ว่างาน วิจัยของเธอยังเหลืออีกบทที่ยังไม่ได้เขียน เดี๋ยวสิ้น เดือนนี้เขียนมาอีกบทก็ได้แล้ว”
ฉู่ลั่วหานน้อมรับไว้เคารพพร้อมกับก้มหัว “ขอบคุณ ท่านรองค่ะ ฉันจะพยายามค่ะ”
“ดีกลับไปทำงานเถอะ”
ฉ่ลั่วหานเดินไปด้วยพลิกดูตารางไปด้วย แล้วก็บังเอิญ เห็นข้อหนึ่ง สถานะสมรส?
แววตาของเธอค่อยๆหยุดลง ในโรงพยาบาลนี้ ทุกคน ต่างก็คิดว่าเธอยังไม่แต่งงาน ในบางครั้งตัวเธอเองก็ลืม ว่าเธอนั้นมีสามีแล้ว
ทันใดนั้นก็ให้เขียนข้อนี้ คุณหมอฉู่ถึงกับคิ้วขมวด งานแต่งงานที่ไม่เหมือนงานแต่งงาน แม้แต่สามีตัวเองยังไม่นับงานแต่งงานครั้งนั้น แล้วจะยังถือว่าแต่งงาน แล้วไหม?
วันต่อไป ณ โรงพยาบาล
จัดการงานกองใหญ่เสร็จ ฉู่ลั่วหานกำลังดูแฟมประวัติ คนไข้อยู่ แล้วก็เดินไปทางห้องทำงาน
มีร่างเงาของคนคนหนึ่งขวางทางเดินไว้ฉู่ลั่วหานที่ก้ม หน้าอยู่ก็เห็นแต่รองเท้าที่สะอาดเอี่ยม กระดิกเท้าไป ข้างๆ ใครจะไปรู้ว่าคนฝ่ายตรงข้ามนี้จะกระดิกเท้าเล่น แล้วยังมาขวางทางเธอไว้อีก
ทำซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง ฉู่ลั่วหานทนไม่ไหวจนเก็บ แฟ้มหนังสือ “คุณทำอะไร?”
ตรงหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลาของหลงจื้อก็ฉายกว้าง อยู่ยิ้มมุมปาก “พี่สะใภ้ ดูอะไรอยู่หรอครับทำไมดูตั้งใจ จัง?”
เขายื่นหน้ามาจะดูของในมือของเธอ ฉู่ลั่วหานก็รีบเอา ไปไว้ด้านหลังตั้งใจไม่ให้เขาดู “มาทำอะไรอีก?”
หลงจื้อจับหน้าอกไว้แล้วไอแรงๆ “พี่สะใภ้ รอบนี้ผม ป่วยจริงๆแล้วครับ มันแน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยออก ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง ทรมานมากเลยครับ พี่ช่วยตรวจ ให้ผมหน่อยนะ”
มาแผนนี้อีกแล้ว! สองพี่น้องนี่! น่าเบื่อ! ฉู่ลั่วหานย่างเท้าก้าวเดินต่อไป ไม่สนใจ
หลงจื่อไล่ตามไป “พี่สะใภ้ พี่จะไร้หัวใจอย่างนี้ไม่ได้ นะครับ? ผมป่วยหนักมากจริงๆนะ พี่ดูสีหน้าผมสิ ซีด เขียว มันดูผิดปกติใช่ไหมหล่ะครับ?”
ฉ่ลั่วหานรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น “หลงจื่อ นายยังมา วุ่นวายอีก ฉันจะฟ้องพี่ใหญ่นายนะ”
หลงจื่อเบ้ปาก ทั้งสองคนได้เดินไปถึงหน้าลิฟต์ “พี่ สะใภ้ พี่ใหญ่ของผมพาโม่หรูเฟยมาตรวจที่โรงพยาบาล นี้ พี่ไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ?”
เขามาเพราะเรื่องนี้หนะเหรอ?
ยื่นมือไปกดเรียกลิฟต์ ฉู่ลั่วหานตอบกลับไปอย่างนิ่ง เฉย “ฉันควรจะต้องรู้สึกอะไรหรอ? จะให้ร้องไห้ ฟูมฟาย? ไม่ได้ว่างขนาดนั้น ถ้านายอยากเจอเรื่องอย่าง นั้นละก็ กลางคืน3ทุ่มไปหาดูที่สนามกลางได้
แคะ! หลงจื้อถึงกับสำลัก
“คุณป้าเต้นรำนั้นหรอจะสู้ความเท่ของพี่สะใภ้ได้? ผม ก็แค่น้อยใจแทนพี่สะใภ้ หรือพี่สะใภ้ยอมที่จะให้โม่หรู เฟยเหยียบพี่ไว้งั้นหรอ? พี่จะยอมให้มันอุ้มท้องไว้อย่าง นี้แล้วทำตัวใหญ่โตโอหังงั้นหรอ?”
ประตูลิฟต์เปิด ฉู่ลั่วหานก้าวเท้ากว้างๆเดินเข้าไป “ไม่ใช่อยากดูเรื่อง แต่อยากให้ฉันจัดการกับนางมือที่ สาม?”
“ถูกต้องครับ! พี่สะใภ้นี่ฉลาดจริงๆ! แต่ว่านะ ผมรู้ว่าพี่นั้นงานยุ่งมาก และก็มีจิตใจดี ดังนั้น ผมช่วยพี่คิดวิธีได้ แล้ว รับรองว่าโม่หรูเฟยไม่กล้ามาหาเรื่องพี่แน่!” ฉู่ลั่วหานที่สวมเสื้อกราวด์สีขาวมองเขาเหล่ๆ “อ่อ?”
“ผมว่าแล้วว่าพี่ต้องสนใจ! แต่ว่านะ ผมช่วยพี่เรื่องของ โม่หรูเฟย พี่ก็ต้องตกลงช่วยผมเรื่องหนึ่งนะ”