ตอนที่ 430 กะจะให้ผมปลอบคุณ
เหอะ!
คำพูดคำจาน่าสงสารฟังแล้วสะเทือนใจ ความเศร้าโศกที่น่าเวทนาชวนให้น้ำตาไหลพราก
ถ้าเกิดไม่เคยเจอคนที่มือถือสากปากถือศีลแบบเจิ้งซินในตระกูลเสิ่น และรวมถึงยาของเธอมาก่อน ลั่วหานคงจะรู้สึกสะเทือนใจกับคำสารภาพที่กระตือรือร้นของเธอในตอนนี้ไปแล้ว
แต่น่าเสียดาย หลังจากที่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนแล้ว การแสดงที่เธอกำลังพยายามทำอยู่ก็เป็นเพียงแค่การแสดงที่เกินจริงฉากหนึ่งเท่านั้น
ลั่วหานวางผมพาดลงที่หน้าตักของหลงเซียว พลิกมือขึ้นดึงนิ้วของเขามาเล่น นิ้วมือของหลงเซียวทั้งบางและยาว ไม่ใช่มือใหญ่ๆโครงชัดที่หยาบกร้าน ส่วนของนิ้วก็เรียวยาว ข้อกระดูกชัดเจน รูปแล้วนุ่มนวล
ว่ากันว่าผู้ชายที่นิ้วอ่อนใจก็อ่อนเช่นกัน เธออยากจะรู้ว่าคืนนี้หลงเซียวจะเป็นแบบนั้นไหม
หลงเซียวเปล่งเสียงจากในส่วนลึกของลำคอออกมาเบาๆอย่างไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ“คุณเจิ้งที่คุณร้องไห้อยู่ตอนนี้ กะจะให้ผมปลอบคุณ?”
เจิ้งซินพูดดักเขาทุกคำพูด กลัวว่าจะพลาดโอกาสอะไรไป“หลงเซียว ฉันต้องการไม่มาก ฉันแค่ต้องการให้คุณมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ตอนนี้รู้สึกกลัวมาก พ่อของฉันป่วยร้ายแรงมาก ฉันไม่รู้ว่าจะไปหาใครอีกแล้ว คุณมาอยู่กับฉันสักแป๊บได้ไหม?”
ลั่วหานยังคงเล่นนิ้วมือของเขาอย่างไม่ส่งเสียงอะไร นิ้วมือใหญ่ที่ดูดีสวมแหวนแต่งงานของเขา ให้แบรนด์ของแหวนนั่นพูดแทนก็แล้วกัน
“คุณเจิ้งผมไปอยู่เป็นเพื่อนคุณ กลัวว่าจะยิ่งทำให้คุณกลัวกว่าเดิม”
“ขอแค่คุณอยู่ข้างกายฉัน ฉันก็วางใจได้แล้ว หลงเซียว คุณมาโรงพยาบาลได้ไหม? ฉันอยู่ที่แผนกผู้ป่วยศัลยกรรมของโรงพยาบาลประชาชนอันดับหนึ่ง ฉันรอคุณอยู่ที่นี่ ไม่ว่าคุณจะมาเมื่อไร ฉันก็จะรอ”
เจิ้งซินกัดฟัน นิ้วมือกำผ้าม่านที่ระเบียงไว้แน่น ราวกับว่าจะกระชากผ้าม่านให้ขาดลงมา!
หลงเซียวเหอะออกไปอย่างนิ่งๆ“คุณเจิ้งรอขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็รอต่อไปแล้วกัน ผมไม่อยากรบกวนความตั้งใจของคุณ”
พูดจบ หลงเซียวก็วางสายลงฝ่ายเดียว เธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร จะรู้สึกอย่างไร เขาก็ไม่อยากจะอยู่คุยไร้สาระกับเธอต่อแม้แต่คำเดียว
พอคุยโทรศัพท์เสร็จ หลงเซียวก็ซัดมือถือออกไปไกลๆ ก้มลงมาลูบท้องให้ลั่วหานต่อ“ยังท้องอืดอยู่ไหม?”
“พ่อของเจิ้งซินเข้าโรงพยาบาลเพราะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคประเภทนี้มีทั้งหนักมีทั้งเบา ถ้าหนักล่ะก็อาจจะถึงแก่ชีวิตได้เลย แต่ปกติแล้วจะไม่ค่อยอันตรายถึงชีวิต แถมถ้าดูจากสถานภาพของเจิ้งเฉิงหลินแล้ว ทางโรงพยาบาลจะต้องส่งหมอที่ดีที่สุดมาอยู่แล้ว ไม่ได้น่าเวทนาแบบที่เธอบอกขนาดนั้น”
ลั่วหานวิเคราะห์อาการของคนไข้ตามหลักเหตุผล ถึงยังไงเนื่องด้วยอาชีพที่เป็นหมอ เธอจะเพิกเฉยต่อชีวิตของคนไข้ไม่ได้ ความคุ้นชินของานแค่พยักหน้าก็ต้องรีบไปทันที
สองคิ้วที่ดูดีของหลงเซียวดึงขึ้นมาอยู่ตรงหน้าผาก“คุณนายหลงได้ฟังผู้หญิงคนอื่นมาสารภาพกับสามีของตัวเอง ที่คิดได้มีแค่นี้เองเหรอ?”
ลั่วหานหมุนๆแหวนที่นิ้วนางของเขา“คุณปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แถมพรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปทำงานที่โรงพยาบาลประชาชนอยู่ดี โอกาสที่จะเจอหน้ากับเจิ้งซินเยอะมาก คุณคิดว่าเธอจะปล่อยฉันไปไหม? ไอคิวของฉันมีจำกัด ต้องเก็บไว้ตอนไปเผชิญหน้ากับเธอ”
หลงเซียวเอาผมเธอมาม้วนๆบนนิ้วมือ พูดขึ้นด้วยความกังวลไม่น้อย“พรุ่งนี้ผมต้องไปตรวจงานที่ไซต์ก่อสร้าง อาจจะไม่ได้ไปหาคุณที่โรงพยาบาล คุณต้องระวังตัวเองให้มากๆ อำนาจของเจิ้งเฉิงหลินในเมืองเจียงเฉิงมีไม่น้อย ผมกังวลว่าเจิ้งซินจะทำให้คุณเดือดร้อนได้”
“อื้อ ก็ใช่ ถ้าฉันถูกรังแก แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ?”
“ถ้าเธอแตะแค่เส้นผมของคุณ ผมจะหักนิ้วของเธอ เธอทำให้ผิวของคุณระคายเคือง ผมจะทำลายทั้งชีวิตของเธอ”ท่านเซียวเอ่ยปากพูดอย่างช้าๆ น้ำเสียงไม่หนักไม่เบา แต่พูดเน้นย้ำทุกคำ
ลั่วหานเอามือของเขามาจูบไปหนึ่งที“นั่นก็พอแล้วล่ะ!”
——
วันถัดมา เมืองเจียงเฉิงยังคงอากาศดี ฤดูฝนที่อึมครึมในที่สุดก็ผ่านพ้นไป สองสามวันมานี้ล้วนแต่เป็นวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส เมื่อเปิดหน้าต่างออกสามารถได้กลิ่นของอากาศที่สดใสของเมืองเจียงเฉิง
ผ้าม่านโบกไสวพัดผ่านหน้าต่าง ลั่วหานเพิ่งเห็นว่า ดอกคามิเลียกระถางนั้นหายไปแล้ว
เหอ!
โรคกลัวเชื้อโรคของคุณหลงร้ายแรงไม่เบา คิดไม่ถึงว่าขนาดจะมองยังไม่เต็มใจที่จะมอง ถึงขั้นเอาไปทิ้งเลยเหรอ?
ลั่วหานสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวบางๆง่ายๆ ดูเคสประวัติของคนไข้ไปหนึ่งรอบ วันนี้ไปทำความรู้จักกับทีมผ่าตัดของที่นี่สักหน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้กับมะรืนจะได้เริ่มการผ่าตัดเลยทันที
เอาข้อมูลเคสประวัติของคนไข้ใส่ลงไปในกระเป๋าถือสีดำ ลั่วหานยังไม่ทันได้ขยับ จู่ๆที่เอวก็ถูกสวมกอดเข้าก่อน
“อะไรเนี่ย? เมื่อวานยังกอดไม่พอ? ตอนนี้ก็เอาอีกแล้วเหรอ?”ลั่วหานพูดตำหนิเขาเล่นๆ
หลงเซียวสวมชุดสูท ยังไม่ทันได้ติดกระดุม เขาโผเข้ามาตรงคอเธอด้วยความรักใคร่“เวลาตื่นมาตอนเช้าพบว่าคุณอยู่ข้างๆด้วย รู้สึกดีมากเลย”
“ความรู้สึกช้าเกินไปนะคะ ตื่นมาตั้งสองชั่วโมงแล้วนะ คุณหลงที่รัก”ลั่วหานจัดๆแขนเสื้อ แปดโมงตรง ถึงโรงพยาบาลประมาณแปดโมงครึ่ง จะได้ไปทันประชุมเช้าพอดี
“หลับสบายเกินไป ตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นดีเลย——วันนี้คุณไปโรงพยาบาล ก็ระวังตัวหน่อย มีเรื่องอะไรโทรหาผมทันที ถ้าเกิดโทรเบอร์ผมไม่ติด ก็ติดต่อมาเบอร์นี้แล้วกัน”
หลงเซียวสอดกระดาษที่เขียนด้วยมือแผนหนึ่งไว้ในกระเป๋าเสื้อของเธอ ข้างในเป็นเบอร์ของจางหย่ง เขาอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงพอดี
“ค่ะ”
ลั่วหานหันตัวกลับมา ช่วยติดกระดุมชุดสูทให้เขาทีละเม็ดๆ ดึงเนกไทของเขา“หล่อมาก! ”
หลงเซียวก้มลงไปจูบที่หน้าผากของเธอ“สวยเกินไปแล้ว ไม่อยากปล่อยให้คุณออกไปเลย”
ทั้งสองหวานเลี่ยนกันอยู่สิบกว่านาทีแล้วถึงจะต่างคนต่างขับรถแยกกันไปคนละทิศคนละทาง
——
โรงพยาบาลประชาชนอันดับหนึ่งของเมืองเจียงเฉิงเป็นโรงพยาบาลสามอันดับแรกที่ดีที่สุดของเมืองเจียงเฉิง เก่งด้านมะเร็งวิทยาที่สุด แต่หทัยวิทยากลับไม่เก่งเลย
มีผู้ชำนาญด้านศัลยกรรมหัวใจที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวงมาเยี่ยมชม ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการของแผนกศัลยกรรมหัวใจก็มารออยู่ที่ห้องโถงของโรงพยาบาลเรียบร้อยก่อนแล้ว
“โอ้ หมอฉู่ การที่คุณมาทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลของพวกเราได้ ช่างเป็นเกียรติจริงๆครับ”
“หมอฉู่ คิดไม่ถึงว่าคุณจะหน้าตาสวยและเด็กขนาดนี้ ฝีมือทางการแพทย์นำหน้าไปแล้ว นับถือจริงๆ!”
“หมอฉู่ ขอถามหน่อยครับ……”
ลั่วหานโบกๆมืออย่างไม่เต็มใจ เอาเคสประวัติของคนไข้ให้กับผู้อำนวยการ“เคสประวัติหลานสาวของรัฐมนตรีเฉินของที่นี่ ฉันหวังว่าสองวันนี้จะได้เตรียมการผ่าตัดได้แล้วนะคะ โรคหัวใจตั้งแต่กำเนิดของเด็ก อาการหลักๆก็เขียนได้อย่างละเอียดมาก ฉันไม่อยากจะเสียเวลา หลังจากที่ทีมผ่าตัดเตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็รีบเปิดการประชุมหารือกันทันที”
ผู้อำนวยการรับเคสประวัติมาพร้อมกับยิ้มอย่างขอโทษ“หมอฉู่ คุณเพิ่งจะมาถึงเองจะให้เริ่มการประชุมในตอนนี้เลยได้ยังไงกันล่ะ? เอางี้ คุณเดินตรวจสอบดูสภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลสักหน่อยก่อนไหม ไปดูห้องผู้ป่วยศัลยกรรมสักหน่อย? ที่นี่มีเคสพิเศษสองสามเคส หวังว่าคุณ……”
ลั่วหานหยุดฝีเท้าลง เอียงหน้าไปมองผู้อำนวยการวัยกลางคนที่อยู่สูงกว่าตัวเองเล็กน้อย เห็นป้ายชื่อที่แขวนไว้ที่กระเป๋าเสื้อของเขา“หัวหน้าเฟ่ย ฉันรู้สึกว่าพวกคนไข้เคสพิเศษที่คุณพูดถึง จะสำคัญกว่าการผ่าตัดอีกนะคะ”
“เอ่อ……ใช่ๆๆ หมอฉู่ที่คุณพูดมามันก็ใช่ แหะๆ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญทางนี้เลยครับ”
คนกลุ่มหนึ่งที่เดินตามหลังผู้อำนวยการนิ่งเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ลั่วหานถูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมไว้อยู่จุดสูงของห้องประชุม บรรดาหมอนางพยาบาลในห้องเริ่มซุบซิบพูดคุยกันขึ้นมา
“ว้าว!ตะกี้ก็คือหมอฉู่นี่เอง!หมอฉู่ที่ติดเทรนด์ค้นหาในเวยป๋อ เมื่อวานช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถนนเฉิงหวงด้วยนี่นา ตัวจริงสวยกว่าอีกนะเนี่ย!”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ เธอยังเป็นภรรยาของหลงเซียวอีกด้วย!คุณนายผู้สูงส่ง!พวกคุณนายชั้นสูงสมัยนี้เอาแต่อวดรวย แสดงความรักอย่างเปิดเผย แต่หมอฉู่มักจะทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเสมอเลย ถ่อมตัวไม่โอ้อวด”
“จริงด้วยๆ ฉันมีเพื่อนร่วมชั้นที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย ได้ยินว่าหมอฉู่ดีกับคนไข้มากเป็นพิเศษเลยด้วยนะ!”
เจิ้งซินยืนอยู่ข้างนอก ได้ยินเสียงซุบซิบพูดคุยของนางพยาบาล ฟันขาวกัดกรอดๆ เส้นเลือดที่หน้าผากแทบจะระเบิด นิ้วมือบีบด้ามจับของปิ่นโตเก็บความร้อนอย่างแรงจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ฉู่ลั่วหาน!คิดไม่ถึงว่าเธอจะมารนหาที่ด้วยตัวเองเลยแบบนี้!
การประชุมของทีมผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี เวลาที่ใช้ก็สั้นมาก ลั่วหานส่งระเบียบแผนการที่ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้วให้กับทุกคน วิสัญญีแพทย์กับผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์การแพทย์เสนอคำแนะนำที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลมานิดหน่อย แผนการผ่าตัดผ่านการลงมติเห็นชอบทุกคะแนนเสียง
“หมอฉู่ วันนี้พวกเราตรวจสภาพร่างกายเธอก่อนทำการผ่าตัดเสร็จ พรุ่งนี้ตอนบ่ายก็สามารถเริ่มการผ่าตัดได้แล้วล่ะครับ ทางคุณต้องการอะไรไหม?”
ลั่วหานจัดเอกสารเสร็จ วางเป็นกองอย่างมีระเบียบเรียบร้อย“ไม่มี ใช่แล้ว คนไข้พิเศษที่หัวหน้าเฟ่ยบอกเมื่อตะกี้ ตอนนี้พาฉันไปดูหน่อยได้ไหม”
หัวหน้าเฟ่ยพอได้ยิน ก็ปลื้มใจสุดๆ โก้งโค้งพูดขอบคุณทันที“ดีจริงๆเลยที่หมอฉู่เต็มใจที่จะไปดูอาการ แต่ว่า……ผมอยากจะขออะไรเป็นการส่วนตัวสักอย่าง ได้ยินมาว่าหมอฉู่เคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ จะขอช่วยให้คุณไปดูผู้ป่วยโรคหัวใจให้ผมสักหน่อยได้ไหม? อาการของผู้ป่วยค่อนข้างน่าเป็นห่วง”
ลั่วหานเอาเอกสารยัดเข้าไปในกระเป๋า ขอแค่เป็นคนไข้ จริงๆแล้วต่อให้จะพิเศษหรือไม่พิเศษ คนไข้ทุกคนก็คู่ควรที่จะได้รับการเทคแคร์ดูแลเหมือนกันหมด“ได้ ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนหัวหน้าเฟ่ยเดินนำทางได้เลยค่ะ”
ลั่วหานคิดไม่ถึง ว่าคนไข้เคสใหญ่การรักษายุ่งยากลำบากที่ทำให้หัวหน้าเฟ่ยต้องพูดขนาดนี้ ที่แท้ก็คือเขานั่นเอง
เห็นชื่อที่อยู่ข้างนอกห้องคนไข้VIP ลั่วหานยิ้มเล็กน้อย“หัวหน้าเฟ่ย โรงพยาบาลของคุณเป็นห่วงเป็นใยผู้อำนวยการเจิ้งจริงๆนะคะ ไม่เพียงแต่จะส่งหมอที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาลมาแล้ว ขนาดฉันก็ยังไม่เว้นเลยด้วย”
หัวหน้าเฟ่ยเช็ดหน้าผากด้วยความรู้สึกอึดอัด“ผู้อำนวยการเจิ้งสถานภาพใหญ่โต โรงพยาบาลของพวกเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก หวังว่าหมอฉู่จะเข้าใจนะครับ”
“เข้าใจ เข้าใจอยู่แล้วค่ะ”
ลั่วหานไม่แสดงสีหน้าแต่แอบแฝงความเย้ยหยันเอาไว้เจิ้งเฉิงหลิน พ่อของเจิ้งซิน——
เธอจะวินิจฉัยให้เขาอย่างดีแน่นอน
ประตูของห้องผู้ป่วยเปิดออก หมอชุดกาวน์สีขาวสองสามคนพากันเดินเข้ามาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นำโดยหัวหน้าเฟ่ยเขากล่าวทักทายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม“ผู้อำนวยการเจิ้ง วันนี้โรงพยาบาลของพวกเรามีผู้เชี่ยวชาญทางด้านหัวใจมาหนึ่งท่าน เธอเป็นหมอระดับแนวหน้าทางด้านนี้ เดี๋ยวเธอจะช่วยท่านดูอาการให้ ท่านจะต้องฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็วแน่นอนครับ”
เจิ้งเฉิงหลินที่กำลังดื่มน้ำซุปอยู่หยุดชะงักลง พูดขึ้นด้วยความดีใจ“จริงเหรอ? เร็วเข้า รีบเชิญเธอเข้ามาเร็วเข้า”
คุณนายเจิ้งก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นเช่นกัน“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? หัวหน้าเฟ่ยนี่ทุ่มเทจริงๆเลยนะคะ”
แต่คนไข้ทุกคน เพียงแค่ได้ยินคำว่า ผู้เชี่ยวชาญคำนี้ ก็เหมือนกับคว้าความหวังสุดท้ายไว้ได้ มีผู้เชี่ยวชาญแล้วก็บอกเป็นนัยๆได้ว่าอาการป่วยจะสามารถดีขึ้นมาได้แน่นอน เจิ้งเฉิงหลินที่หวงแหนชีวิตยิ่งกว่าอะไรก็ยิ่งรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน
ลั่วหานเดินเหยียบส้นสูงเข้ามาในห้อง กึกๆๆ เสื้อเชิ้ตสีอ่อน กางเกงยีนส์สีดำ เหมาะกับเสื้อกาวน์สีขาว ความสวยสง่างามของเธอ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ยิ้มแก้มนูนออกมา
เจิ้งเฉิงหลินสีหน้ายิ้มแห้ง“นี่……นี่มันภรรยาของหลงเซียวไม่ใช่เหรอ?”
ลั่วหานริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย“ผู้อำนวยการเจิ้งตาดีจริงๆ หลงเซียวเป็นสามีของฉันนั่นแหละค่ะ แต่วันนี้สถานภาพของฉันคือหมอ หวังว่าผู้อำนวยการเจิ้งจะเรียกฉันว่าหมอฉู่นะคะ”
คุณนายเจิ้งรั้งแขนของเจิ้งเฉิงหลินเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้นที่ข้างหูด้วยด้วยเสียงต่ำ“คุณสามีซินซิน……”
เจิ้งเฉิงหลินพูดตัดบทเธอ“ให้เธอดูอาการก่อน เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ ต่อให้มีเงินอย่างเดียวก็เชิญเธอมารักษาไม่ได้ง่ายๆหรอกนะ”
ลั่วหานได้ยินคำพูดซุบซิบของพวกเขา เธอพูดขึ้นอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ“ผู้อำนวยการเจิ้ง ตอนนี้ฉันสามารถตรวจอาการให้ท่านแทนได้ใช่ไหมคะ?”
เจิ้งเฉิงหลินพยักหน้าพูดตอบ“แน่นอนๆ!”
ลั่วหานหยิบหูฟังทางการแพทย์ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ ฟังการเต้นของหัวใจของเจิ้งเฉิงหลินอย่างละเอียด คิ้วขมวด สุดท้ายสีหน้าก็เปลี่ยนไปหนักแน่นเคร่งขรึมไม่น้อย
หัวใจของเจิ้งเฉิงหลินก็รู้สึกบีบขั้นสุดๆเช่นเดียวกัน
“ผู้อำนวยการเจิ้ง อาการของท่าน หนักกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะคะ”ลั่วหานเก็บหูฟังพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความกังวล
“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ไหนหมอบอกว่า ให้ฉันระวังเรื่องการพักผ่อนก็ไม่เป็นอะไรแล้วไง”
ลั่วหานหยิบเคสประวัติขึ้นมา พูดตัดเจิ้งเฉิงหลิน เธออธิบายเน้นชัดทีละคำอย่างเข้มงวด“โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันของผู้อำนวยการเจิ้งพูดตรงๆก็คือภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัวในเส้นเลือด ท่านจัดอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง อีกทั้ง คอเลสเตอรอลรวมและลิโพโปรตีนความหนาแน่นต่ำของท่านเกินกว่ามาตรฐานอย่างรุนแรง ตามหลักของพยาธิวิทยาจะเห็นได้ว่า ท่านยังมีอาการของโรคเบาหวานอ่อนๆร่วมด้วย”
ลั่วหานพูดถึงตรงนี้ เอาเคสประวัติคนไข้ยื่นให้กับหัวหน้าเฟ่ย“หัวหน้าเฟ่ย หรือว่าคุณไม่ได้บอกกับผู้อำนวยการเจิ้ง อัตราการตายของคนที่มีระดับน้ำตาลผิดปกติ สูงถึง50%เมื่อเทียบกับผู้ป่วยทั่วไปเชียวนะคะ”