ตอนที่ 465 เป็นภรรยาและเกาะป้องกันที่ดีให้กับเขา
เจิ้งซิ่วหยาหน้าอึ้ง!
เธอเคยเจอคนที่ปากเก่ง เคยเจอคนที่ไร้เหตุผล เคยเจอคนที่พยายามหาข้ออ้าง แต่คนที่สามารถเข้ามาทีละขั้น แล้วนำเธอไปสู่กับดักของเธออย่างไม่มีทางสู้ เธอเป็นคนแรกและคนเดียว !
“คุณหมอฉู่ คุณนายหลง คุณลั่วหาน หึหึ ……” ปากของเจิ้งซิ่วหยากำลังเป็นตะคริว และเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามือของเธอเปียกไปด้วยเหงื่อ และเหงื่อทำให้แขนของเธอเปียกไปหมด
หลังจากแลกเปลี่ยนชื่อเรียกไปหลายชื่อ เธอก็ตระหนักได้ว่า เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ลั่วหานเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยดวงตาที่ใสๆ จับแก้วกระดาษด้วยนิ้วมือที่เรียวสวย แก้วกระดาษที่ราคาถูกกลายเป็นเหมือนเครื่องประดับของสวารอฟสกี้
“ตำรวจเจิ้งต้องการจะพูดอะไรคะ?” เธอยิ้มอ่อนๆ ความอ่อนโยนของเธอดูมีเสน่ห์
เจิ้งซิ่วหยาแตะที่หน้าผากของตัวเอง และลูบระหว่างคิ้วอย่างแรง “ ว่ากันว่าไอคิวของหมอสูงกว่าคนปกติ ตอนนี้เชื่อแล้ว คุณไม่เพียงแต่มีไอคิวสูง แต่คุณยังมีทักษะการพูดที่ดีอีกด้วย เก่งกว่าฟันเหล็กของทนายอีก”
ลั่วหานดื่มน้ำไปสองสามคำ แล้วยิ้มอย่างสง่างาม “ ถ้าอย่างนั้นตำรวจเจิ้ง ตอนนี้ฉันไปเยี่ยมแม่ยายของฉันได้ไหมคะ?”
ก่อนที่เจิ้งซิ่วหยาจะพูด โจวจั่นก็เดินเข้ามา ทันทีที่เขาเดินเข้าประตูมา เขาก็เห็นลั่วหานนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสง่างาม ชื่อของฉู่ลั่วหาน ดังไปทั่วถนนในเกียวโตเกียวโดยรายการโทรทัศน์ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้คนนับไม่ถ้วนคุ้นเคยกับใบหน้าของเธอ แต่เมื่อเขาเห็นเทพธิดาตัวจริงปรากฏ เขาก็ตกใจเช่นกัน
ใบหน้าเหมือนงดงามและมีคิ้วเหมือนวิลโลว์ และรอยยิ้มหวาน ๆนั้นอาจทำให้คนทั้งเมืองหลงเธอได้ เขาหาคำคุณศัพท์สองประโยคมาชมเธออย่างพยายาม แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงความตกใจของเขาเมื่อเขาได้เจอกับเทพธิดาในดวงใจของเขาออกมาได้
ลั่วหานยิ้มกลับและพยักหน้าให้เขา
โจวจั่นยิ้มอย่างโง่เขลา “คุณนาย… หลง”
เจิ้งซิ่วหยากัดฟันไว้ และเตะไปที่น่องของโจวจั่นด้วยเท้าข้างเดียวอย่างแรง “ ดูสภาพที่ไม่เอาถ่านนี่สิ”
ลั่วหานไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่พูดต่อว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจเจิ้งคะ ฉันไปพบแม่ยายของฉันได้รึยังคะ? เวลาของฉันและคุณต่างก็มีค่าทั้งนั้น อย่าเสียเวลาดีกว่าค่ะ”
เจิ้งซิ่วหยาเป็นผู้รับผิดชอบคดีของหยวนชูเฟิน โดยปกติแล้วถ้าเธอโอเค ก็สามารถทำได้ หลังจากถูก ลั่วหานพูดจนตอบกลับไม่ได้ เธอก็ไม่มีทางเลือกที่สองแล้ว “เอาล่ะ ได้—-โจวจั่น พาเทพธิดาของนายไปพบคุณหยวนชูเฟิน”
โจวจั่นชี้ไปที่จมูกของตัวเองด้วยความไม่น่าเชื่อ “ฉัน?”
“ พูดมาก ไม่อยากไปเหรอ?”
“อยากไปครับ! ดีใจมากครับ ยินดีที่จะให้บริการคุณหมอฉู่ครับ!”
ลั่วหานลุกขึ้นอย่างสง่า ขาสองข้างที่เรียวยาวเหยียดตรงจนน่าหวั่นไหว และเมื่อเธอเคลื่อนไหว ก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดลอยมา และยังมีกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อเบา ๆ ซึ่งไม่รู้สึกว่ามันฉุนจมูกเลย
“งั้นก้รบกวนตำรวจโจวด้วยนะคะ”
เจิ้งซิ่วหยากุมหน้าผากของเธอไว้ หรือว่าคนที่อยู่กับหลงเซียว จะกลายเป็นคนบุคลิกแบบเขา แม้แต่เทพธิดาฉู่ลั่วหานก็ไม่เว้น สไตล์ของเธอก็เปลี่ยนไปในไม่กี่นาที
หยวนชูเฟิน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนพาออกมา พร้อมใส่กุญแจมือ ใบหน้าของเธอซีดเซียวและดวงตาของเธอดูว่างเปล่า ดูเหมือนเธอพร้อมสำหรับการเนรเทศตัวเองแล้ว เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาทีละก้าว ลั่วหานก็ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้ เธอลุกขึ้นมาและเดินไปรับเธอ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดออกห่างกัน
“แม่คะ แม่สบายดีไหม” เสียงของลั่วหานยังคงสำลัก ที่แท้แล้วเธอมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อหยวนชูเฟินอย่างมาก หรือเธออาจจะแค่เศร้า เธอรู้สึกร้อนๆที่ตา น้ำตาของเธอเกือบไหลออกมา
หยวนชูเฟินเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ “ลั่วหาน เธอมาที่นี่ได้อย่างไร?”
“คุณแม่คะ ฉันมาหาคุณแม่แล้วนะคะ – คุณแม่รีบนั่งสิ”
เมื่อหยวนชูเฟินนั่งลง ลั่วหานก็พูดเบา ๆ กับโจวจั่นว่า “ตำรวจโจวคะ ฉันอยากคุยกับแม่สามีสักพัก คุณออกไปห้านาทีก่อนได้ไหม แค่ห้านาทีก็พอ”
“ตามระเบียบแล้ว ทำแบบนี้ไม่ได้ครับ …….”โจวจั่นพูดอย่างรู้สึกลำบากใจ
ลั่วหานกำลังจะร้องไห้ออกมา มีหมอกบาง ๆ ปกคลุมใบหน้าของเธอ เธอที่ดูน่าสงสารมันช่างน่าเป็นห่วงเหลือเกิน
ในที่สุดโจวจั่นก็แพ้ “ งั้น …..ก็ได้ แต่แค่ห้านาทีนะ ถ้าหัวหน้าเฉินมาพบมันจะเป็นเรื่องใหญ่
“โอเคค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ”
เมื่อคนนั้นออกไป ลั่วหานกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “แม่คะ เรื่องทั้งหมดนี้หนูเข้าใจแล้ว คุณแม่ใจร้อนเกินไป คุณไม่ควรสารภาพผิด”
ใบหน้าซีดเซียวของหยวนชูเฟินไม่สามารถบีบรอยยิ้มออกมาได้ หากปราศจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับไฮโซ ริ้วรอยรอบดวงตาของเธอก็ไม่สามารถปกปิดได้ ดูเหมือนเธอแก่ลงห้าหกปีในหนึ่งคืน
“ ฉันเป็นคนสั่งให้ฆ่าเอง … ”
“ไม่ใช่ค่ะ! ไม่ว่าคุณจะฆ่าหรือไม่ฆ่า นับจากนี้ไปคุณต้องยืนยันว่าคุณไม่ใช่ฆาตกร แม่คะ หนูเข้าใจว่าแม่ต้องการรับผิดชอบ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ หลงเซียวเพิ่งกลับมาที่ MBK และสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ชัวร์ สถานะของเขายังคงอยู่ในจุดเสี่ยง ถ้าคุณอะไรไป คุณจะส่งผลกระทบต่อเขาด้วย คุณแม่ให้หนูปกป้องเขา แล้วคุณแม่ล่ะ?”
ริมฝีปากที่แห้งของหยวนชูเฟินก็เปิดออก “ฉันขอให้พวกเขาเก็บเป็นความลับแล้ว และฉันได้หาข้ออ้างสำหรับตระกูลหลงแล้ว และมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อเซียวเอ๋อ”
“คุณไร้เดียงสาเกินไป มันมักจะมีจุดรั่วอยู่แล้ว การหายตัวไปอย่างกะทันหันของคุณนายหลง จะทำให้สื่อเริ่มคาดเดา เมื่อถึงเวลาแล้วสื่อก็ใส่คำด่าเข้าไป คุณไม่สามารถกลับมาบริสุทธิ์ได้ และจะทำให้หลงเซียวเสียชื่อเสียงไปด้วย”
“ อีกอย่าง หลงเซียวฉลาดขนาดไหน เขารู้ว่าคุณแม่หายไป เขาจะหาคุณแม่ไปทั่วประเทศจีน ลูกชายของคุณเองคุณยังไม่รู้จักเขามากพอเหรอ?”
“แม้ว่าตัดสิ่งเหล่านี้ออกไป แล้วทางคุณพ่อล่ะ? ถ้าคุณจากไปแล้ว แม่ของเสี่ยวจื๋อก็สามารถกลับไปที่ตระกูลหลงได้ทันที ถึงตอนนั้นก็หาเหตุผลใดก็ได้ โดยบอกว่าคุณตายโดยบังเอิญและไม่พบศพและหัวหน้าภรรยาของตระกูลหลงก็เหมือนยกให้คนอื่นไปฟรีๆ ต่อไปคุณจะให้หลงเซียวอยู่ยังไง?”
“นี้……”
หลังจากที่หยวนชูเฟินได้ยินเช่นนี้ เธอก็แค่อยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้อย่างเงียบ ๆ แต่เธอก็กังวลใจ เมื่อได้ยินเธอพูดถึงถึงความเป็นไปได้ต่างๆนาๆ “เธอต้องการทำยังไง? มีวิธีอะไรไหม?”
ลั่วหานเดินไปที่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะและจับมือของหยวนชูเฟินไว้แน่น “แม่คะ ทำตามที่หนูบอก เราจะเก็บเรื่องนี้ไว้ ฉันจะออกใบรับรองแพทย์ปลอมให้คุณแม่ ฉันจะขอการเข้ารับการรักษาทางการแพทย์สำหรับคุณแม่ก่อน ส่วนหลักฐานนั้นเราจะตามหาอย่างช้าๆ คุณเป็นแม่ของหลงเซียวและเขาต้องการคุณ”
หยวนชูเฟินยิ้มอย่างขมขื่น เกือบจะเห็นถึงความสิ้นหวังเมื่อเธอยิ้ม “เขาโตแล้ว ไม่ต้องการฉันอีกต่อไปแล้ว ตอนนั้นฉันต่อต้านเรื่องของเธอสองคน และเขาก็เกลียดฉันมานานแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ คุณแม่ มีประโยคหนึ่งพูดไว้ดีมาก ภายนอกหลงเซียวดูเย็นชาและไร้ความรู้สึก แต่จริงๆแล้วเขาใจดี”
หยวนชูเฟินรู้สึกละอายใจและก้มหัวลงด้วยความอับอาย “ลั่วหานฉันติดคำว่าขอโทษกับเธอ”
ลั่วหานวางมือของเธอลงบนฝ่ามือของตัวเอง และฝ่ามือของทั้งสองก็เกี่ยวพันกัน “ คุณแม่ไม่เคยผิด ฉันไม่โทษคุณแม่หรอกค่ะ หลงเซียวต้องการพวกเรา ขาดคนใดคนหนึ่งไปก็ไม่ได้ค่ะ”
หยวนชูเฟินน้ำตาคลอ ล้มลงไปในอ้อมแขนของลั่วหาน ไหล่ของเธอสั่นไม่หยุดและหายใจไม่ออก “ลั่วหาน เด็กดี เธอเป็นเด็กที่ดีมากๆ”
——
หลังจากออกจากสถานีตำรวจไป ลั่วหานได้ติดต่อศูนย์ตรวจสุขภาพของโรงพยาบาลหวาเซี่ย การปลอมรายงานทางการแพทย์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก และที่เหลือก็ให้ทีมทนายความจัดการ
หลังจากโทรไปมากกว่าสิบกว่าสาย ลั่วหานจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เธอนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับอย่างเหนื่อยล้า ลั่วหานมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์และแตะนิ้วสองครั้งค้นหาเจอหมายเลขของหลงเซียว
“ คุณชายหลง งานราบรื่นดีไหมคะ?”
หลงเซียวซึ่งอยู่ห่างไกลที่CBD กำลังประชุมครั้งที่สามของวัน เขาขมวดคิ้วและฟังคำพูดของผู้จัดการฝ่ายการตลาดเป็นเวลานาน ฟังจนเขารู้สึกรำคาญใจ
หลงจื๋อนั่งอยู่ข้างๆเขา ไม่กล้าพูดอะไรเช่นกัน บรรยากาศในห้องประชุมกดดันมากและพนักงานแผนกการตลาดก็เหงื่อตกมากเช่นกัน
หลงเซียวเล่นกับแหวนที่สวนในมือ มองไปที่ผู้จัดการที่กำลังพูด ด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้ สีหน้าของเขาค่อนข้างแย่ “แล้วยังไงต่อ? นี่คือแผนทั้งหมดของคุณเหรอ? คุณคิดว่าแผนดังกล่าวสามารถทำให้ตลาดกลับมาได้อีกครั้งงั้นเหรอ? นี่ยังไม่ตื่นหรือนอนจนเบลอไปแล้ว? ?”
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดปาดเหงื่อ“ แต่ท่านประธานครับ นี่เป็นแผนการที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้วนะครับ ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้….การตลาดทั้งยุโรปอยู่ในภาวะตกต่ำ อังกฤษประสบปัญหาการเติบโตติดลบมา 6 เดือนแล้วและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และ MBK สามารถรักษากำไร 3% ไว้ได้ เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว”
ขณะนั้นโทรศัพท์มือถือของหลงเซียวก็สั่น เสียงเบาๆนั้นก็ดึงดูดความสนใจของคนทั้งห้องประชุมไป ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังสังเกตปฏิกิริยาของหลงเซียว
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเลื่อนปุ่มปลดล็อกด้วยนิ้วที่อบอุ่นและชุ่มฉ่ำ ข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
แค่ประโยคง่ายๆก็ดึงริมฝีปากของเขาที่เคร่งมาตลอดโค้งงอขึ้นสี่สิบห้าองศา
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดตกตะลึงและหลงจื๋อก็ตกตะลึงเช่นกัน เมื่อกี้ยังเป็นพายุรุนแรงอยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็นฟ้าหลังฝนซะงั้น?
ไม่น่าเชื่อว่าบอสใหญ่ยิ้ม…..เขายิ้มออกมา!
หลงเซียวแตะที่หน้าจอและตอบกลับข้อความ “ตอนนี้ราบรื่นดี”
หลังจากนั้นดวงตาที่เป็นความลับของหลงเซียวก็กลับมา “ฉันจะบอกอีกครั้ง พรุ่งนี้ฉันจะไปเจียงเฉิง และส่งงานให้ฉันก่อนเลิกงานวันนี้”
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดพยักหน้าอย่างรีบร้อน “ครับผมท่านประธาน!”
พลังอันทรงพลังอะไรกันที่ทำให้ประธานสามารถเปลี่ยนโทษประหารชีวิตของเขาให้กลายเป็นงานรับใช้ที่ได้รับรางวัล?
จะมีฝนสีแดงตกลงมาจากท้องฟ้าแน่ๆๆ!(เปรียบเทียบว่ามันเป็นไปได้ยาก)
ข้อความที่สองของลั่วหานส่งเข้ามา “ฉันหิวแล้ว คุณล่ะ? มาดื่มน้ำชายามบ่ายสักแก้วไหม”
“ได้สิ”
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลืนน้ำลายตัวเองลง “ประธานครับ ตอนนี้ … ”
หลงเซียวจัดชุดของตน“ วันนี้ทุกคนทำงานหนักมากแล้ว เดี๋ยวไปรับน้ำชายามบ่ายที่แผนกต้อนรับกันนะครับ”
ห๊ะ? ? น้ำชายามบ่าย! !
หลังจากส่งข้อความเสร็จ ลั่วหานวางโทรศัพท์ลง แล้ววางมือทั้งสองบนพวงมาลัย ก้มศีรษะลงและกดหน้าผากไปที่หลังมือ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ขับรถออกจากสถานีตำรวจไป
เมื่อรถของเธอมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาล ร่างสีขาวยืนอยู่นอกประตูและกำลังพูดคุยกับครอบครัวของผู้ป่วยพอดี ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นถังจิ้นเหยียน
รถของลั่วหานเลี้ยวเข้าประตูมา ถังจิ้นเหยียน จบการสนทนากับครอบครัวผู้ป่วยพอดี เขารีบเดินไปที่รถของลั่วหาน ลั่วหานจอดรถไว้ที่ลานจอดรถด้านนอกประตูและถังจิ้นเหยียนก็เคาะที่กระจกรถของเธอ
หน้าต่างค่อยๆลดลงมา ลั่วหานยิ้มอย่างสง่างามและเงยหน้าขึ้นมองเขา “ไม่คุยกับครอบครัวคนไข้แล้วเหรอ?”
ถังจิ้นเหยียนสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมสีขาวของเขา และมองไปที่ดวงตาของเธอ มีเส้นเลือดสีแดงอยู่ใต้ตาของเธอ คนธรรมดามองไม่ออก แต่ถังจิ้นเหยียนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
“อย่าแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าฉัน ฉันรู้” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของถังจิ้นเหยียนราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ เขาเดินมาเปิดประตูรถและพูดต่อว่า “ซิ่วหยาได้บอกฉันหมดแล้ว ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่บอกใคร คุณไม่อยากให้หลงเซียวรู้ใช่มั้ย?”
“คุณรู้แล้วเหรอ?” ลั่วหานขมวดคิ้ว ไม่น่าเชื่อว่าเจิ้งซิ่วหยาจะบอกเขา?
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้า “หลังจากที่คุณรู้ ฉันก็รู้แล้ว ฉันรอคุณอยู่ที่นี่”
ลั่วหานกระตุกมุมปากของเธออย่างเงียบ ๆ เธอไม่สามารถหัวเราะออกมาได้ เมื่อเธอลงจากรถ ลั่วหานก็ยักไหล่ “มันไม่ใช่เรื่องที่ดี ฉันไม่อยากให้คนรู้ไปกว่านี้”
“ หิวไหม? ฉันจะพาไปทานข้าว อารมณ์ไม่ดีเหมาะกับการทานของหวาน”
“หือ?” ลั่วหานเอียงศีรษะมองไปที่เขา
สายตาที่นุ่มนวลของถังจิ้นเหยียน “ซิ่วหยาให้ฉันปลอบใจคุณหน่อย แต่ฉันอาจไม่เก่งด้านนี้ ดังนั้นฉันเลี้ยงขนมคุณละกัน คุณโอเคไหม?”
ไหล่ของลั่วหานกระตุกอย่างขี้เล่น เธอยักคิ้วและยิ้ม “ทำไม …… จะไม่กินล่ะ?”