ตอนที่ 484 ทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง
ตอนนี้ลั่วหานเข้าใจถึงการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างหลงถิงกับหลงเซียวชัดเจนแล้ว เธอไม่สามารถปฏิบัติตัวอย่างสุภาพกับ หลงถิงได้ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่มีความใจเย็นสูงมากก็ตาม เพราะเมื่อนึกถึงวิธีการที่หลงถิงทำกับหลงเซียวนั้น ใจของเธอก็เต็มไปด้วยความแค้น
มือหนาๆของหลงถิงถือโทรศัพท์ไว้ เส้นเลือดบนหน้าผากของเขา ปูดออกมาบนหน้าผาก เห็นได้ชัดว่าเขาดูแก่ขึ้น
“ฉู่ลั่วหาน จำได้ไหมว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ถึงได้กล้าพูดกับฉันแบบนี้ ฮึ ฮึ ได้ความกล้านี้มาจากใคร” หลงถิงพูดด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่า ความอดทนที่มีต่อฉู่ลั่วหานใกล้จะหมดลงแล้ว
“คุณพ่อล้อเล่นกับฉันใช่ไหม สมองฉันไม่ได้มีปัญหา ฉันจำได้แน่นอนว่าฉันเป็นใคร คุณพ่องานยุ่ง ฉันไม่รบกวนแล้ว”
“ฉู่ลั่วหาน หล่อนอยู่ที่ไหน เธออย่ามาทำฉลาดต่อหน้าฉัน เธอคิดว่าเธอไม่บอกแล้วฉันจะหาไม่เจอใช่ไหม ในเมืองหลวงนี้ ฉันก็พอมีอิทธิพลอยู่บ้าง ถ้าฉันรู้ว่าเธอมีการกระทำเล็กๆน้อยๆอย่างลับๆ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปแน่นอน”
ทุกคำพูดทุกประโยคเป็นคำขู่ที่ไม่มีการไว้หน้ากันแต่อย่างใด สำหรับการสนทนาแบบนี้ ฟังดูไม่มีความผูกพันแบบครอบครัวแม้แต่นิดเดียว
“พ่อกำลังขู่ฉันอยู่เหรอ”
ลั่วหานเดินมาถึงหน้าบันไดของตึกผู้ป่วยนอก แล้วเดินต่อไปก็เป็นห้องโถง เธอจึงหยุดเดิน และตัดสินใจให้เวลาหลงถิงอีกหนึ่งนาทีสุดท้าย
“เธอคิดว่า อย่างเธอ จะมาใช้เล่ห์เหลี่ยมกับฉัน ฉู่ลั่วหาน อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดขนาดนั้น”
หลงถิงหาหยวนชูเฟินไม่เจอ แต่เขาให้คนตรวจสอบข้อมูลเที่ยวบินได้ ถ้าตรวจไม่เจอข้อมูลเที่ยวบินของเธอ แสดงว่าเธอยังอยู่ในประเทศ เพียงแค่เธอจงใจหลบหน้าเขา ไม่ต้องการพบเขา
ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉู่ลั่วหาน
ลั่วหานยิ้มและตอบอย่างสุภาพ “พ่อคะ แม่คงอยากอยู่เงียบๆสักพัก ถ้าพ่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กับMBK แม่ต้องเสียใจแน่นอน พ่อน่าจะให้เวลากับเธอบ้าง และวิธีที่พ่อทำกับหลงเซียว จะให้ดีไม่ควรนำมาใช้กับแม่ จิตใจของผู้หญิงเปราะบางมาก เพราะถ้าหากบอบช้ำมากๆทนไม่ไหว ก็จะไม่หันกลับมาแน่นอน
อย่าคิดว่าทุกอย่างอยู่ในมือของคุณ บางคนมีเรื่อง คุณก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้
ความหมายของลั่วหานนั้นชัดเจนมาก
หลงถิงกำหมัดแน่น ส่งสายตาที่ดูโหดร้ายเย็นชา และพูด “ฉู่ลั่วหาน เธอกำลังยั่วยุฉันอย่างโจ่งแจ้งใช่ไหม”
“พ่อเข้าใจฉันแล้ว คุณกับแม่อยู่ด้วยกันมาสามสิบปี คุณรู้จักนิสัยของแม่ดีกว่าฉัน ฮ่าฮ่า พ่อคะ ฉันยังมีคนไข้ที่ต้องดูแล พ่อก็ทำงานของพ่อนะคะ”
พูดจบลั่วหานก็วางสาย
หลงถิงรักหยวนชูเฟินด้วยความจริงใจหรือแค่ต่างมีผลประโยชน์ต่อกันนั้น ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงหยวนชูเฟิน แต่ทำไม หลงถิงถึงได้หวาดกลัวเธอล่ะ
หยวนชูเฟินไม่ยอมเปิดเผยทุกอย่างในอดีต เธอก็ไม่สะดวกที่จะถามต่อ และเรื่องทั้งหมดดูเหมือนจะถึงทางตัน
จะทำลายกรงนกไปทำไมล่ะ
ณ บริษัทMBK ชั้นบนสุด ห้องทำงานประธานกรรมการ
หลงถิงกระแทกโทรศัพท์อย่างแรงบนโต๊ะไม้สักทอง ข้อศอกของเขาสั่นเด้งเพราะแรงกระแทก
เหลียงจ้งซุนเดินไปถามเสียงเบาอย่างระมัดระวัง “ท่านประธาน คุณโอเคไหม”
หลงถิงกุมหน้าผากด้วยความอย่างหงุดหงิด แต่อารมณ์ก็ไม่ดีขึ้น บรรยากาศในห้องทำงานดูหดหู่ เย็นยะเยือก และดูอันตราย เหลียงจ้งซุนไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก จึงอยู่เงียบๆรอให้หลงถิงเคลื่อนไหว
แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไร ยังคงอยู่ท่าเดิมไม่ขยับ
เวลาผ่านไปสามนาที เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดด้วยเสียงดังห้าวเนือยๆ “เล่าเหลียงฉันคิดว่าฉันคำนวณอะไรผิดไป”
เหลียงจ้งซุนรู้สึกประหลาดใจที่จู่ๆเขาก็ดูเฉื่อยชา และน้ำเสียงของเขาเมื่อกี้ก็ต่างจากเวลาปกติ ดูค่อนข้างสับสนไปชั่วขณะ อารมณ์แบบนี้ของเขา ไม่เคยเห็นอีกเลยในรอบสามสิบปี
“ท่านประธานพูดถึงเรื่องอะไรเหรอ” เหลียงจ้งซุนสังเกตคำพูดอย่างรอบคอบ เพื่อหาเบาะแสบางอย่างจากท่าทางและดวงตาของหลงถิง
หลงถิงลืมตาที่ปวดเมื่อยขึ้น ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ล้อหมุน และพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “พูดให้ชัดๆก็คือ ฉันมองข้ามสิ่งหนึ่งไป ฉันลืมว่ายังมีเธอ เรื่องมันก็ผ่านไปนานมากแล้ว ฉันนึกว่าเธอเลิกต่อต้านฉัน และเชื่อมั่นในตัวฉันแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าฉันคิดผิด”
เหลียงจ้งซุนจึงถามเบาๆ “ที่ท่านประธานพูด หมายถึงคุณผู้หญิงเหรอ”
หลงถิงเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง มองเขาด้วยสายตาที่อ่อนแรง จากนั้นก็ปิดตาลงพูด “นอกจากเธอ จะเป็นใครได้อีก ทั้งชีวิตของฉัน พายุความลำบากอะไรก็ผ่านไปได้หมด ฉันไม่เคยกลัวอะไรเลย แต่สำหรับเธอ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย…”
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันทำไม่ได้
เหลียงจ้งซุนไม่กล้าแสดงความเห็นของตัวเองกระจ่างจนเกินไป ทำได้เพียงพูดปลอบเขาอย่างอ่อนโยน “ท่านประธานปฏิบัติต่อคุณผู้หญิงด้วยดีมาเป็นเวลาสามสิบปี ในใจของคุณผู้หญิงรู้ดีเกี่ยวกับความรู้สึกของคุณที่มีต่อเธอ คุณผู้หญิงเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรัก ไม่มีทางแสร้งเป็นมองไม่เห็นความสัมพันธ์สามสิบปีฉันท์สามีภรรยานี้แน่นอน”
หลงถิงขยับริมฝีปาก หน้าของเขามีริ้วรอยเพราะการขมวดคิ้ว “คุณไม่เข้าใจ เธอเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้นมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ใจเธอไม่เคยยอมรับฉันจริงๆ”
เหลียงจ้งซุนพยักหน้า มือประสานไว้ข้างหน้า และโค้งตัวพูด “ท่านประธาน จะทำอย่างไรต่อไป เกรงว่าตอนนี้คุณผู้หญิงจะโกรธคุณอยู่ อีกอย่างสิ่งที่คุณทำกับนายน้อยก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องยากมากที่คุณผู้หญิงจะยอมรับ”
หลงถิงเงยหน้าขึ้น เคาะนิ้วไปมาที่มุมโต๊ะ ความถี่ของเสียงเหมือนจังหวะการเต้นของหัวใจ “เล่าเหลียง คุณอยู่กับฉันมากว่าสามสิบปีแล้ว ไม่รู้วิธีจัดการของฉันได้อย่างไร”
ท่าทางเงียบกริบของเหลียงจ้งซุน ขยับมุมปากหลายครั้ง ถามต่ออย่างไม่แน่ใจ “ท่านประธานจะ…ปล่อยคุณผู้หญิงไปอย่างนั้นเหรอ”
หลงถิงใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าผาก ยิ้มตอบอย่างเย็นชา “บริษัทMBK คือชีวิตของฉัน ฉันจะไม่ยอมให้มันตกไปอยู่ในมือของคนอื่น และฉันจะไม่เก็บคนที่กล้ามาขวางทางฉัน!”
จู่ๆก็เสียงดังขึ้น ดูร้ายกาจและเลือดเย็น ไม่มีการรักษาความรู้สึกอยู่เลย
จู่ๆเหลียงจ้งซุนก็รู้สึกเย็นหลังขึ้นมา ใบหน้าเขาซีดลง เขามองไปที่หลงถิงด้วยความวิตก เหมือนว่าเขาได้ย้อนกลับไปในอดีต
ที่เหมือนกันคือความบ้าเลือดและเลือดเย็น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ บนตัวของชายหนุ่มยังมีเลือดเนื้อความรู้สึกอยู่ แต่ในตัวชายวัยกลางคนตอนนี้ มีเพียงความปรารถนาที่จะเอาชนะอยากเลือดเย็น
“ท่านประธาน คุณต้องการทำแบบนี้จริงๆหรือ คุณผู้หญิงกับคุณ ก็แต่งงานกันมาสามสิบปีแล้ว และคุณเองก็จริงใจกับคุณผู้หญิง และเพราะคุณผู้หญิง ตอนนั้นคุณยัง……”
“พอได้แล้ว!” หลงถิงโกรธขึ้นทันที ฝ่ามือของเขากระแทกกับโต๊ะอย่างแรง เสียงก็ดังไปทั่วห้องสำนักงาน
เหลียงจ้งซุนรีบก้มหัวต่ำและตอบ “ครับ ท่านประธาน”
หลงถิงปรับอารมณ์หลังจากดุด่าได้อย่างรวดเร็วและถาม “ช่วงนี้หลงเซียวไปทำอะไรที่สหรัฐอเมริกา บริษัทมีงานอะไรที่ให้เขาต้องไปถึงสหรัฐอเมริกาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้”
“อันนี้….ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีงานอะไรเลย อาจเป็นธุระส่วนตัวของนายน้อยครับ”
หลงถิง บ่นพึมพำ “เรื่องส่วนตัวเหรอ เหอะ! ฉันว่า เขาแอบไปสืบว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสามสิบปีก่อน ถ้าฉันเดาไม่ผิด หลงเซียวคงรู้เรื่องตระกูลมู่แล้ว เขารีบร้อนไปสหรัฐอเมริกาขนาดนี้ คงเพื่อสืบหาความจริงคดีฆาตกรรมของตระกูลมู่”
คำพูดถากถาง ปิดท้ายคือการเอาชนะ ดูเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังมองเด็กที่ยืนอยู่บนที่สูงอวดฉลาด
เหลียงจ้งซุนถาม “ถ้านายน้อยค้นเจอจะเกิดอะไรขึ้น”
จู่ๆหลงถิง ก็หัวเราะเยาะเย้ยสองสามครั้ง ยกถ้วยน้ำชาที่โต๊ะขึ้นมาจิบและพูด “อย่างเขานะเหรอ ฝันไปเถอะ! สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นกลายเป็นคดีที่ยังคาราคาซังอยู่ ผู้ที่เกี่ยวข้องก็เสียชีวิตไปหลายคนแล้ว ส่วนคนที่เหลือก็อยู่กระจัดกระจายกันไป ถึงแม้จะทราบเบาะแส แต่ก็ไม่สามารถเอามาเป็นหลักฐานได้ ยังไงเขาก็ไม่สามารถสืบหาเจอ”
เหลียงจ้งซุนพยักหน้า พูดด้วยรอยยิ้มมีนัย “ท่านประธานเป็นคนฉลาดจริงๆ คิดผลลัพธ์ของเรื่องทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว
หลงถิงโบกมือ “พอพอ เอาล่ะ คอยจับตาดูหลงเซียวให้ฉันก่อนละกัน อีกเรื่อง….” เขาปัดใบชาในถ้วยน้ำชา และพูดอย่างเย็นชา “ช่วงนี้จำเป็นที่จะต้องให้หลงจื๋อออกหน้าออกตาบ้าง นี้ฉันอยากจะรู้ ว่าถ้าหลงจื๋อรู้ว่า พี่ชายที่เขาชื่นชมมาตลอดคือฆาตกร เขาจะทำยังไง!”
เหลียงจ้งซุน ดวงตาเบิกกว้าง “ท่านประธานต้องการให้นายน้อยรองกับนายน้อยใหญ่เป็นศัตรูกันเหรอ”
หลงถิงเผยอริมฝีปากพูด “นายน้อยใหญ่เหรอ เดิมทีหลงเซียวไม่ได้เป็นคนของตระกูลหลงอยู่แล้ว การกำจัดเขาเป็นเรื่องที่ฉันวางแผนไว้ เพียงแต่มันซับซ้อนกว่าที่คิดไว้”
เขาวางถ้วยชาลงขณะที่พูด “เสี่ยวจื๋อเชื่อฟังคำพูดของหลงเซียว ถ้าไม่บังคับเขาสักหน่อย เขาจะไม่มีวันแย่งชิงบริษัทMBKกับหลงเซียว ในอนาคตเขาจะเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลหลง ฉันต้องเข้มงวดกับเขาสักครั้ง ทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง ให้หลงเซียว ได้ลิ้มรสสิ่งที่ตระกูลมู่ประสบในตอนนั้น!”
เหลียงจ้งซุน ก้มหัวน้องรับและพูด “ทุกอย่างจะจัดการตามแผนของท่านประธาน”
——
นิวยอร์กในตอนค่ำ ท้องฟ้าเป็นสีเทา ลมพัดทำให้เมฆเคลื่อนตัว และมีดาวสลัวๆสองสามดวงปรากฏบนท้องฟ้า สักพักก็เมฆหนาสีดำเคลื่อนตัวมาบัง
หลงเซียวนั่งอยู่ที่ระเบียงห้องพักของโรงแรม มีโน๊ตบุ๊คตั้งอยู่บนโต๊ะทรงกลมสามขา แสงสีฟ้าของหน้าจอส่องกระทบกับใบหน้าที่ดูดีของเขาในความเงียบ
แต่บนหน้าจอโน๊ตบุ๊คไม่มีอะไรอยู่เลย
ข้อมูลของคดีในปีนั้นว่างเปล่า ไม่เพียงแต่ไม่มีพยานหลักฐาน หรือพยานบุคคล แม้แต่คำแถลงของคดี ก็ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดจะถูกลบออกไปหมด โดยไม่เหลือร่องรอยไว้เลย
เป็นการจัดการที่ไร้ที่ติจริงๆ ดีเกินไปจนดูเหมือนว่ามีคนวางแผนมาเป็นเวลานาน แค่เพื่อหักหน้าคนที่สอบสวนในภายหลัง
จัดการได้อย่างหาตัวจับยากมาก! ระยำจริงๆ!
หลงเซียวถูคิ้วไปมา มือขาวเรียวสวยและอ่อนโยนของเขาลูบที่ปลายจมูก อยู่อย่างเงียบๆไม่เผยให้เห็นอารมณ์ที่ซับซ้อนของเขา
โทรศัพท์ก็ดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อหลงถิง
หลงเซียวเหลือบไปมองด้านข้าง และพลิกโทรศัพท์ หลังจากนั้นไม่นานก็หยุดสั่น
ยังกล้าโทรหาเขาอีกเหรอ เหอะ!
เวลาผ่านไปไม่ถึงสามสี่วินาที โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง และหลงเซียวเลือกที่จะไม่มองด้วยซ้ำ
ติดต่อกันสามสี่ครั้ง หลงเซียวรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยจากเสียงดังรบกวนของโทรศัพท์ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพูดอย่างไร้ความอดทนว่า “คุณต้องการทำอะไร!”
เสียงที่อยู่ตรงนั้นเงียบไปสักพัก แล้วก็มีเสียงหัวเราะที่เบาๆขึ้นมา และพูดอย่างอ่อนโยน “คุณคิดว่าฉันต้องการทำอะไรล่ะ”
หลงเซียวที่ถูกปลุกด้วยเสียงของลั่วหานลืมตาขึ้นมาอย่างพร่ามัว บรรยากาศแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับในความมืดนอกระเบียง ดึงดูดให้เขาตกอยู่ในอารมณ์เคลิบเคลิ้ม และเรียก“ลั่วลั่วเหรอ”
ลั่วหานพิงขอบหน้าต่างในห้องทำงาน และกอดอกพูด “ดูเหมือนว่าคุณหลงไม่ค่อยเต็มใจที่จะคุยกับฉัน ถ้างั้นฉันออกไปจะดีกว่า”