ตอนที่ 527 มอบคฤหาสน์หลังหนึ่งเป็นเรือนหอ
หัวใจเหมือนถูกหนามรัดทิ่มแทง จนเลือดสดสีแดงไหลกระจายออกมา ถ้าหากสามารถมองด้วยตาเปล่าได้ หัวใจของหลงจื๋อในตอนนี้คงมีบาดแผลใหญ่ฉีกขาด และมีเลือดหยดออกมาทีละหยด
เขาทำได้เพียงใช้แขนที่เรียวยาวโอบกอด โฉหวั่นชิงยิ่งแน่นขึ้น ขณะเดียวกันก็คลุมเขาและเธอในเสื้อคลุมขนาดใหญ่ด้วย
“ผมจะดูแลแม่เอง ต่อไปผมจะดูแลแม่อย่างดี” เขากล่าวคำสัญญาอย่างหนักแน่นขึ้น
โฉหวั่นชิงวางใบหน้าซบลงบนบ่าของลูกชาย พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เสี่ยวจื๋อ แม่อยากให้มีสักวันหนึ่งที่จะสามารถร่วมทานข้าวกับลูกและพ่อของลูก ต่อให้เป็นอาหารธรรมดาก็ตาม”
หลงจื๋อยืดหลังตรงขึ้น พร้อมกับมีท่าทางแข็งทื่อเล็กน้อย
“ครับ”
หลังจากพา โฉหวั่นชิงกลับไปพักผ่อนที่ห้องเสร็จ หลงจื๋อก็กลับเข้าห้องนอนอีกครั้ง ในห้องจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งผ้าปู หมอน ผ้าห่มใหม่หมดเลย แถมบนหัวเตียงยังมีชุดนอนที่สมส่วนกับเขาด้วยหนึ่งชุด
เมื่อเปลี่ยนชุดนอนเสร็จ หลงจื๋อก็นอนพิงลงบนเตียง แล้วเอาแขนข้างหนึ่งรองวางศีรษะ จากนั้นก็ครุ่นคิดนิ่งเงียบอยู่สักพักใหญ่
เขาควรบอกเรื่องนี้กับแม่ยังไงดี? ความรักที่แม่มีต่อพ่อเกินจินตนาการของเขาแล้ว และความปรารถนาของเธอก็เกินจินตนาการของเขาด้วย
ถ้าหากเขาบอกว่าตัวเองตัดสินใจออกจากบริษัท MBK และไม่ต้องการสืบทอด แม่จะคิดยังไง?
ความเชื่อที่คอยประคับประคองเธอมาตลอดหลายปีคือ เขาสามารถกลายเป็นคนยิ่งใหญ่ของตระกูลหลงสักวัน และมีอำนาจคับฟ้า
เธอเสียสละมากเกินไปแล้ว คงต้องทำแบบนี้ถึงจะสามารถชดเชยได้
เมื่อคิดไปคิดมา หลงจื๋อก็เริ่มรู้สึกนอนไม่หลับ เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วจัดตารางคนติดต่อ จากนั้นก็เพิ่มชื่อซิงซิงข้างบนสุด โดยยึดตามลำดับพยัญชนะเป็นพ่อ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ เจ้าคนทึ่ม
เขาเลือกบันทึกเป็นชื่อเจ้าทึ่ม จากนั้นก็ส่งข้อความไป
“ผมคิดถึงคุณ”
เนื้อหาในข้อความมีเพียงประโยคเดียว เขาพิมพ์อย่างตั้งใจ
จากนั้นก็วางโทรศัพท์ลง แล้วหันหน้ามองนอกหน้าต่าง
ยิ่งดวงจันทร์ลอยยิ่งสูง ก็จะยิ่งสามารถส่องแสงสว่างมากขึ้น แต่กลับทำให้ใครบางคนรู้สึกเหงา!
——
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
“คุณหมอฉู่ นี่เป็นบันทึกการผ่าตัดของเมื่อวาน คุณหมอถังเป็นคนลงมือ ส่วนฉันกับหวาเทียนเป็นผู้ช่วย ใบรายงานเขียนเสร็จหมดแล้ว” หลินซีเหวินยื่นใบรายงานให้กับลั่วหานด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
เป็นกระดาษเอสี่สี่แผ่น
ลั่วหานหยิบใบรายงานมาดูรอบหนึ่ง “เร็วขนาดนี้เลยหรอ? แถมมีประสิทธิภาพสูงด้วย”
ครั้งก่อนให้พวกเขาเขียนใบรายงาน พวกเขาเอาแต่ปฏิเสธไม่ยอมเขียน คิดไม่ถึงว่าจะมีประสิทธิภาพสูงมากขนาดนี้ ลั่วหานรู้สึกพอใจและประหลาดใจมากด้วย
หลินซีเหวินยัดมือทั้งสองข้างลงในกระเป๋าเสื้อกาวน์ แล้วเงยหน้าพูดด้วยท่าทางภาคภูมิใจว่า “ค่ะ เมื่อทำงานกันหลายครั้งรู้สึกคุ้นเคยแล้วค่ะ! ต่อไปพวกเราขอผ่าตัดกับคุณหมอถังอีกนะค่ะ แบบนี้ประสิทธิภาพก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นด้วย ฮ่าฮ่า!”
ลั่วหานเก็บใบรายงานวางในแฟ้มประวัติผู้ป่วย แล้วพูดขึ้นว่า “มีความก้าวหน้าเร็วมาก การติดตามคุณหมอถังผ่าตัด ดูเหมือนจะสร้างแรงบันดาลใจไม่น้อยเลยนะค่ะ เสน่ห์ของผู้ชายช่างแรงกล้าจริงๆ”
หลินซีเหวินแลบลิ้นอย่างเก้อเขิน “คุณหมอถัง คุณอย่าเอาเรื่องเมื่อก่อนมาหยอกเล่นฉันสิ ตอนนี้ฉันกำลังไปได้ดีกับหลงจื๋อค่ะ”
ลั่วหานพูดขึ้นว่า “งั้นก็ดีแล้ว ช่วงนี้เขาอยู่ที่อเมริกา หากคุณมีเวลาว่างก็ติดต่อหาเขาบ่อยๆก็ดี การพักร้อนของเขาครั้งนี้ไม่มีงานเกี่ยวข้อง เขาคงว่างมากแน่เลย”
หลินซีเหวินเดินเข้ามาใกล้กับลั่วหานอย่างแปลกประหลาด แล้วกระซิบข้างหูของเธอว่า “เมื่อกี้เขาเพิ่งส่งข้อความมาหาฉันค่ะ บอกว่าคิดถึงฉัน ฮ่าฮ่า พวกเราเพิ่งจากกันไม่นานเอง ไม่ชอบเลย”
ปากบอกว่าไม่ชอบ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าไม่สามารถปกปิดได้เลย
ลั่วหานพยักหน้าเล็กน้อย และยิ้มแย้ม “เจ้าเด็กบ้า นี่เธอกำลังโอ้อวดใส่ฉันหรอ?”
“ใครจะกล้าคะ? คุณกับประธานหลงต่างหากถึงจะเรียกว่าเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา อีกอย่างรถยนต์ของประธานหลงสบายมากเลยค่ะ เป็นรถยนต์คันหรู พ่อของฉันก็มีรุ่นเดียวกันค่ะ แต่ความสบายเทียบกับรถยนต์ของคุณหลงไม่ได้เลยค่ะ”
ลั่วหานเองก็คิดเหมือนกันว่า รถยนต์ยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ สะดวกสบายมาก “ออกแบบโดยเฉพาะคน หากเธอชอบ เดียวฉันจะมอบเป็นของขวัญแต่งงานให้กับเธอ”
ลั่วหานหยอกเล่นเธอ
หลินซีเหวินยกมือทั้งสองข้างส่ายมือเล็กน้อย “ฮ่าฮ่า มอบรถยนต์หรอ? ปกติแล้วเขามอบรถยนต์เป็นของขวัญแต่งงานหรอ?”
ลั่วหานหัวเราะเล็กน้อย “ใช่ งั้นเดียวฉันมอบบ้านหลังหนึ่งให้กับเธอ ชอบตึกไหนบอกฉันได้เลย เดียวฉันจองให้ แล้วต้องการรูปแบบการออกแบบแบบไหนกันหรอ? ประดับตกแต่งให้เสร็จก่อน ตอนแต่งงานจะได้เข้าอยู่ได้เลย เป็นยังไง?”
“จริงหรอ?” หลินซีเหวินเบิกตากว้างด้วยสีหน้าตกใจ อันที่จริงแล้ว ด้วยฐานะทางครอบครัวของเธอแล้ว เธอแทบไม่ต้องการบ้าน และรถยนต์เลย
“แน่นอนว่าจริง” ลั่วหานตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอคิดว่าหลินซีเหวินจะเป็นภรรยาในอนาคตของหลงจื๋อจริงๆแล้ว
“ฉันอยากเป็นเพื่อนบ้านกับพวกคุณ คฤหาสน์ชานเมืองของคุณกับประธานหลงมีตึกว่างอยู่ไหมคะ?”
ลั่วหานยิ้มแย้ม “นั้นเป็นคฤหาสน์เดียว ไม่มีตึกชั้น แต่ที่รีสอร์ทหยีจิ่งที่พวกเราอาศัยอยู่ตอนนี้ มีคฤหาสน์ใกล้เคียงอยู่ ฉันสามารถตรวจดูให้เธอได้”
“โอเค! งั้นเอาตามนี้!”
พี่สะใภ้และน้องสะใภ้ ทั้งสองคนตกลงเลือกสถานที่เรือนหอในอนาคตแล้ว ซึ่งบรรยากาศดีแบบนี้ยังคงต่อเนื่อง จนกระทั่งพวกเธอแยกกันเข้าลิฟท์
หลินซีเหวินเพิ่งขึ้นลิฟท์ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏขึ้นว่า หม่ามี๊
“หม่ามี๊ มีอะไรหรอคะ?” หลินซีเหวินกดเลขหนึ่ง และเตรียมตัวลงไปซื้อกาแฟข้างล่าง
ในสายแสดงท่าทางโกรธเคืองอย่างชัดเจน “เหวินเหวิน ลูกกำลังคบกับหลงจื๋อจริงหรอ?”
หลินซีเหวินพิงตัวบนราวจับเหล็กในลิฟท์ “ค่ะ พวกเราคบกันมาสักพักหนึ่งแล้ว หม่ามี๊มีวงการกว้างขวาง คงไม่ใช่เพิ่งรู้หรอกใช่ไหมคะ?”
น้ำเสียงแฝงการประชดประชันเล็กน้อย
“พูดจาเหลวไหล! ใครใช้ให้เธอคบกับเขาหรอ? เธอรีบกลับมาหาฉันที่บ้านเดียวนี้เลย!” หม่ามี๊อารมณ์เดือดขึ้นแล้ว นอกจากเสียงที่ดังแล้ว เสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังไม่แพ้กันด้วย
หลินซีเหวินกัดฟัน และหลับตาลงเล็กน้อย “หม่ามี๊ ตกลงหม่ามี๊จะเอายังไงหรอคะ? หนูจะเป็นหมอ หม่ามี๊ก็ต่อต้าน หนูมีแฟน หม่ามี๊ก็ต่อต้าน!”
“ลูกเป็นคนสืบทอดทายาทตระกูลหลิน ในอนาคตต้องกลับมาบริหารบริษัท แล้วจะเป็นหมออะไร! ส่วนเรื่องหลงจื๋อ ฉันรู้จักเขา เขาเป็นลูกชายนอกสมรสของหลงถิง คงไม่สามารถเป็นใหญ่ได้ ดังนั้นฉันไม่ยอมให้ลูกคบกับคนแบบนี้แน่! ลูกรีบกลับมาเดียวนี้ ถ้าครั้งนี้ถ้าไม่เชื่อฟัง ฉันไม่มีทางให้อภัยเธอแน่!”
น้ำเสียงนั้นแฝงด้วยความขุ่นเคือง
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ข้างนอกก็มีคนรออยู่ หลินซีเหวินเร่งฝีเท้าทันที เพราะกลัวมีคนได้ยิน
เมื่อเดินออกมาจากระเบียงทางเดิน หลินซีเหวินก็ก้มหน้าและพูดว่า “หนูรักเขาค่ะ หนูอยากอยู่กับเขา และหนูจะแต่งงานกับเขาด้วย”
“ฉันไม่ยินยอม ถ้าแกกล้าแต่งงานกับเขา แกก็ไม่ใช่ลูกสาวของฉัน!”
“หม่ามี๊! ทำไมล่ะคะ? ลูกนอกสมรสแล้วทำไมล่ะคะ? ต่อให้เขาไม่มีอะไรเลย หนูก็ยังคงรักเขาเหมือนเดิม หนูเอือมระอาการถูกพวกคุณคอยบังคับแล้ว หนูจะเป็นหมอ และหนูจะแต่งงานกับหลงจื๋อด้วย หม่ามี๊จะตัดขาดความสัมพันธ์กับหนูใช่ไหม งั้นดีเลย ตระกูลหลินจะได้ไม่มีคนสืบทอด!”
หลินซีเหวินพูดอย่างขาดสติขึ้น เพราะความเคืองโกรธ
“หลินซีเหวิน นี่แกกล้าเถียงกับฉันหรอ! แกคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม? ถึงกล้าต่อต้านฉัน ฉันขอบอกแกเลยนะว่า แกยังอ่อนหัดมาก!”
ตึ๊ดตึ๊ด ฝ่ายตรงข้ามวางสายลง
หลินซีเหวินจ้องมองหน้าจอ และพูดขึ้นว่า “ไม่สบายหรอ! แปลกคนจริงๆ! หึม!”
หลินซีเหวินโทรศัพท์หาพ่อทันที แต่เมื่อสายติดเธอกลับวางสายลงทันที
โทรศัพท์หาเขาช่วยอะไรได้ ถึงยังไงเรื่องที่บ้านแม่เป็นใหญ่ที่สุด
หลินซีเหวินกระทืบเท้าด้วยความโมโห แล้วเอาโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าเสื้อกาวน์ จากนั้นก็หันหลังไปร้านกาแฟ
ณ บริษัท MBK ห้องทำงานประธาน
จี้ตงหมิงปฏิบัติตัวอย่างระมัดระวัง เพราะเห็นสีหน้าของเจ้านายผิดแปลกเล็กน้อย
เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ หลงเซียวอ่านเอกสารที่เขายื่นให้เสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นด้วยสายตาเย็นชาไม่สดใส
“หมายความว่า เสิ่นคั่วต้องการอยากทำงานร่วมกับบริษัท MBK หรอ?” หลงเซียวเผยสายตาแหลมคม เหมือนอ่านความคิดทุกคนออก
จี้ตงหมิงก้มหน้าลง พร้อมยืนตัวตรงอย่างเป็นระเบียบ “สถานการณ์ในตอนนี้คือ คณะกรรมการบริหารเห็นด้วยกับการเปิดธุรกิจที่เมืองเจียงเฉิงกับบริษัทเสิ่นซื่อ อีกอย่างสร้างบริษัทภายใต้การควบคุมของเสิ่นคั่วด้วย!”
“ฮ่าฮ่า!”
หลงเซียวยิ้มแย้ม พร้อมหัวเราะแค่นเสียงเย็นชาที่หนาวเหน็บอันน่าหวาดกลัวออกมา เขาทิ้งตัวพิงลงบนเก้าอี้ แล้วหมุนแหวนนิ้วมือด้านซ้ายเล็กน้อย “ดูเหมือนเขาอยากต่อต้านผมจนถึงที่สุดจริงๆ คนที่ผมต่อต้าน เขาต้องการสนับสนุนเพื่อล้มผม โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์เลย”
ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ! เสิ่นคั่วคนประเภทนี้เขายังกล้าทำงานร่วมด้วย ใจกล้ามาก เจตนาน่ารังเกียจที่สุด!
จี้ตงหมิงได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้านาย จนขนลุกซู่ไปทั้งตัวแล้ว “เจ้านาย คุณคิดจะทำยังไงครับ? หากเสิ่นคั่วทำงานร่วมกับบริษัท MBK ก็ต้องมีความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดแน่ เกรงว่าไม่เพียงล่ามโครงการที่เมืองเจียงเฉิง แต่ต่อไปต้องล่ามมาถึงเมืองหลวงแน่”
หลงเซียวส่ายมือ พร้อมยิ้มแข็งทื่อขึ้น “การที่เสิ่นคั่วต้องการทำงานกับบริษัท MBK คงไม่ใช่มีเป้าหมายเพียงแค่นี้หรอก เขาเป็นคนโลภมาก เขาต้องการจับปลามือสอง อยากประจบสอพลอพ่อของผม และฉวยโอกาสเขี่ยเสิ่นเหลียวออก”
“มีเหตุผลครับ เรื่องของเสิ่นเหลียวผ่านมานานมากแล้ว ทิศทางสถานการณ์เปลี่ยนแล้ว หากพยายามหน่อยยังพอมีความหวัง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากคณะกรรมการบริหารเป็นคนออกหน้า…..” จี้ตงหมิงไม่กล้าพูดอะไรแล้ว
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับเผยสายตาเย็นชาขึ้น โดยที่ใบหน้าสงบนิ่งมองไม่เห็นอารมณ์อะไรเลย
“เขาทำได้”
ตอนนั้นเขายังสามารถพึ่งพาเส้นสายขับไล่ลั่วหานออกจากประเทศได้เลย แล้วจะมีอะไรทำไม่ได้อีกล่ะ?
“งั้นพวกเราควรแจ้งกับทางสถานีตำรวจทางนั้นไหม?”
หลงเซียวแค่นเสียงหัวเราะประชดออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “แจ้งพวกเขาหรอ ถ้าหากคนของพ่อผมกับเสิ่นคั่วต้องการปล่อยเสิ่นเหลียวอย่างเงียบๆล่ะ”
จี้ตงหมิงนิ่งอึ้ง พร้อมเบิกตากว้าง “ไม่หรอกครับ! เจ้านายจะปล่อยเสื้อกลับภูเขาทำไมกันครับ!”
หลงเซียวหยุดการกระทำลง แล้วดึงเอกสารออกมา จากนั้นก็หยิบทีละแผ่นลงในเครื่องทำฐานเอกสาร “เสิ่นเหลียวเป็นเพียงแค่เสือตัวหนึ่ง แต่เมื่อเสือออกจากภูเขา ทำไมผมถึงไม่ปล่อยให้เสือมันกินนายของมันล่ะ?”
“ห่ะ?” จี้ตงหมิงยังไม่เข้าใจ
แต่หลงเซียวไม่อธิบายต่อ
ง่ายดายมาก เสิ่นคั่วกับเสิ่นเหลียวต้องการครอบครองบริษัท MBK อยากกลืนกินเนื้อก่อนนั้น ส่วนหลงถิงเลี้ยงเสือเป็นภัยต่อตัวเอง และถูกพวกเขาเล่นงานโดยคนภายนอก
แล้วบริษัท MBK แห่งนี้จะไม่พังพินาศได้ยังไงกัน
เอกสารถูกทำลายทั้งหมด หลงเซียวเหลือบมองดูเวลา “แจ้งกับแผนกการเงินว่าเราจะประชุม ลูกพี่ลูกน้องของผมกำลังจะรับตำแหน่ง ดังนั้นถือเป็นโอกาสดีที่จะเจรจากับพวกเขา”
จี้ตงหมิงรู้สึกขนลุกขนพองไปทั้งตัว ห่ะ เจ้านายจะเจรจากับคนไม่เอาไหนของตระกูลหลงแต่โดยดีหรอ แค่ฟังก็น่าสยดสยองแล้ว