ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 572

ตอนที่ 572

ตอนที่ 572 นังสาระเลว แกสมควรตาย

รถยนต์ถูกขับมาถึงที่รีสอร์ตหยีจิ่ง หลงเซียวอุ้มลั่วหานลงจากรถ ตลอดทางเขาไม่ปล่อยให้ขาของเธอแตะพื้นเลย

คนรับใช้เตรียมรองเท้าแตะมาให้ลั่วหาน แต่ลั่วหานก็ได้บอกไปว่า “เอาไปไว้ตรงห้องนอนเลยครับ”

คนรับใช่ต่างก็คุ้นชินกับการที่คุณชายแสดงความรักใคร่ในตัวคุณหญิงไปนานแล้ว คนรับใช้จึงรีบขึ้นชั้นบนไป แล้ววางรองเท้าสองคู่เอาไว้อย่างเรียบร้อย

ไม่พูดไม่ได้แล้วว่ารองเท้าของคู่รักสองคู่วางเรียงกันอยู่อย่างนั้นมันช่างน่ารักเหลือเกิน!

ลั่วหานนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนอนเงยหน้าขึ้นมามองคุณหลงที่เป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว จ้องมองชุดสูทที่เขาสวมใส่จากบนลงล่างไปรอบหนึ่ง

“สูทชุดนี้ฉันชอบมากเลยค่ะ คุณใส่แล้วดูดีมาก”

หลงเซียวปลดกระดุมของเสื้อสูทออกเม็ดหนึ่ง แล้วทำท่าเหมือนจะถอดมันออก “แสดงว่าผมใส่ชุดอื่นแล้วมันก็ไม่ดูดีแล้วใช่ไหมครับ?”

ลั่วหานเลิกคิ้วแล้วเอนหัว “ฉันหมายถึง สีของชุดนี้ ดีไซน์แบบนี้ คุณใส่แล้วมันดูดี วิธีตัดเย็บก็เข้ากับสรีระของคุณมากสีของมันก็ดูเหมาะกับออร่าของคุณมากค่ะ”

ลั่วหานใช้การวิจารณ์อย่างดูเป็นมืออาชีพ

“ถ้าคุณพูดมาขนาดนี้ ผมก็ถอดมันไม่ลงแล้ว ให้ผมใส่มันไว้ตลอดเลยดีไหมครับ? ใส่ให้คุณดู” หลงเซียวกำลังจะติดกระดุมเข้าไปอีกครั้ง

ลั่วหานรู้สึกเหนื่อยใจ “หยุดค่ะหยุด คุณรีบถอดมันออกมาเลย ถอดเสร็จก็รีบไปอาบน้ำ นี่มันดึกมากแล้วเราจะได้นอนสักที”

หลงเซียวค่อยๆ ถอดเสื้อสูทออก แล้วพาดมันไว้ที่พนักพิงของโซฟา โน้มตัวลงมา ห้อมล้อมลั่วหานให้อยู่ตรงหน้า “ลั่วลั่ว ความจริงถ้าผมไม่ใส่อะไรเลยมันยิ่งดูดีใช่ไหมครับ?”

ห๊ะ!

ลั่วหานใช้มือลูบไล้อยู่บนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา นิ้วมือวนอยู่รอบเนกไทแล้วดึงเขาลงมาให้เข้าใกล้อีกนิด ริมฝีปากตรงกับริมฝีปาก เว้นระยะปลอดภัยเอาไว้ “คุณหลงคะ คุณรู้จักสัตว์ร้ายใส่ชุดไหมคะ?”

“หือ?” รอบนี้หลงเซียวไม่อาจตามความคิดของลั่วหานทันได้

ลั่วหานแกะกระดุมเม็ดหนึ่งของเขาออก “เมื่อไม่ได้ใส่ชุด ก็จะเหลือเพียงแค่สัตว์ร้ายเท่านั้น”

หลงเซียวเข้าใจความหมายในที่สุด รอยยิ้มผุดขึ้นมาในแววตาของเขาทันที กรงเล็บของเขาอ้อมผ่านคอของลั่วหานแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมอก จากนั้นก็จงใจล้วงมือเข้าไปที่ใต้รักแร้กับตรงเอว “ลั่วลั่ว นี่คุณกำลังว่าผมอยู่เหรอครับ?”

“ฮาๆฮา! อย่าสิคะ ฮาๆ มันจั๊กจี้นะคะ!” ลั่วลั่วถูกเขาทำให้จั๊กจี้ไปทั้งตัว จั๊กจี้จนต้องกอดรัดเขาไว้แล้วหัวเราะจนเมื่อยปากแล้ว

หลงเซียวเปิดท้องน้อยของเธอออกอย่างตั้งใจ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เธอ “แล้วตอนนี้ล่ะครับผมเป็นตัวอะไร?”

“ฮาๆฮา อย่าทำฉันนะ โอเคๆโอเค ตอนนี้คุณคือท่านเซียวที่หล่อเหลาสุขุมมีราศีดูสง่าเป็นที่สุดค่ะ ฉันแพ้แล้วฉันแพ้แล้ว พอได้แล้วค่ะ………อ้า ฮาๆฮา จั๊กจี้!!!”

ลั่วหานเป็นคนที่ค่อนข้างบ้าจี้ แค่เพียงนิดเดียวก็สามารถทำให้เธอจั๊กจี้จนหยุดหัวเราะไม่ได้แล้ว”

หลงเซียวเอามือออก หยุดการทารุณเธอแต่เพียงเท่านี้ “เด็กโง่ รู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม แล้วยังจะมาท้าทายอีกสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้ก็เป็นคุณอยู่ดีไม่ใช่รึไงครับ?”

ลั่วหานนวดหน้าของตัวเองที่กำลังเมื่อย “ชิ! รอวันที่ฉันอยู่เหนือคุณก่อนเถอะคะ ผู้ชายน่ะทางที่ดีอย่าพยายามอยู่เหนือผู้หญิงจะดีที่สุดนะคะ เพราะไม่อย่างนั้น……” พูดๆ อยู่ ในหัวของลั่วหานก็มีเงาสายหนึ่งปรากฏขึ้น “เดี๋ยวนะคะคุณ คืนนี้ตอนที่ฉันส่งแขก เหมือนฉันจะไม่เห็นคุณหวังเค่ยกับจ้าวฟางฟางเลยนะคะ ตอนที่เสิ่นคั่วกลับไปก็มีแต่ผู้ช่วยของเขาเท่านั้น”

ในที่สุดหลงเซียวก็เข้าใจความหมายของคำว่าท้องหนึ่งครั้งโง่สามปีสักที “คุณนี่ช่างความรู้สึกช้าจริงๆ เลยนะครับตอนที่จ้าวฟางฟางกับคุณหวังเค่ยกลับไปยังเช้าอยู่เลย ถ้าผมทายไม่ผิดตอนนี้สองคนนั้นน่าจะ………อืม”

“อะไรคะ?” ลั่วหานถามด้วยความสงสัย

หลงเซียวไม่ได้ตอบ แต่กลับเดินไปด้านหลังโซฟาแล้วดึงซิปของชุดราตรีที่เธอสวมใส่ลง “ควรไปอาบน้ำเข้านอนได้แล้วครับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ไม่ต้องไปคิดมัน”

ลั่วหานพยักหน้า “แปปนะคะ ช่วยหยิบมือถือให้ฉันทีค่ะ”

หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าของเธอ รอยร้าวที่อยู่บนนั้นมันช่างดูขัดใจเหลือเกิน “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมซื้อมือถือเครื่องใหม่ให้นะครับ”

___

กลางดึกของเมืองหลวงที่งานเทศกาลยังคงครึกครื้นอยู่

ภายในห้องชุดสุดหรูของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหลวง

เงาสีดำของชายคนหนึ่งที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงข้างหน้าต่าง เขาหันหน้าไปทางห้องรับแขก แววตาที่เต็มไปด้วยความอำมหิตกำลังจ้องมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ในห้องรับแขก

ภายใต้แสงไฟสีส้มในยามค่ำคืนที่กำลังสาดส่อง จ้าวฟางฟางกับเรือนร่างที่งดงามของเธอช่างดูเย้ายวนเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟแบบนี้

เธอวางกระเป๋าแอร์เมสในมือลง แล้วจ้องมองไปยังเงาดำเงานั้น เตะรองเท้าข้างหนึ่งออก แล้วเดินเท้าเปล่าไปตามพรมที่แสนนุ่มที่อยู่บนพื้น

“เค่ย ยังรู้สึกเจ็บที่หน้าอยู่ไหมคะ?”

เธอเข้ามาใกล้แล้ว หวังเค่ยมองเห็นแววตาที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของจ้าวฟางฟาง และมือข้างนั้นที่กำลังยื่นเข้ามาเพื่อสัมผัสใบหน้าของเขาอีก

พรึบ!

หวังเค่ยคว้ามือเธอเอาไว้ ทำให้มือของเธอถูกหยุดไว้กลางคัน โค้งตัวลงมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาว่า “คุณนายเสิ่นครับ นี่คุณต้องการจะทำอะไรครับ?”

หัวใจของจ้าวฟางฟางรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา “คุณ คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ?”

เมื่อได้ยินคำว่าคุณนายเสิ่นที่ดูเหินห่างถูกพูดออกมา มันก็ทำให้หัวใจของจ้าวฟางฟางเจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมาทันที

แต่หวังเค่ยยังคงมองมาที่เธอด้วยสายตาที่แสนเย็นชา “ทำไมเหรอครับ คุณนายเสิ่น คนแซ่หวังคนนี้พูดอะไรผิดไปเหรอครับ? คุณเป็นภรรยาของคุณเสิ่นคั่ว ผมก็ต้องเรียกคุณว่าคุณหญิงสิ”

ข้อมือของจ้าวฟางฟางถูกเขาบีบจนรู้สึกเจ็บ สีหน้าที่แสดงออกมาดูแย่ยิ่งกว่า เหมือนคนที่ใบหน้ากำลังจะเสียโฉมเลย “เค่ย เราสองคนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเป็นแรมปี แล้วตอนนี้คุณมาทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไงคะ?”

หวังเค่ยเหวี่ยงแขนของเธอทิ้งไป แล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “คุณนายเสิ่นครับ ผมไม่ได้สนิทสนมกับคนมากขนาดนั้น ผมว่าคุณเรียกผมว่าคุณหวังน่าจะดูเหมาะสมกว่านะครับ”

จ้าวฟางฟางได้แต่ยิ้มแห้งออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก ความรู้สึกเย้ายวนที่มีเมื่อกี้ต้องถูกเก็บคืนในใบหน้านั้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยฟิลเลอร์ซีดเซียวขึ้นมาทันที “ครั้งก่อนที่ตบคุณไป มันเป็นเพราะฉันใจร้อนเกินไป ฉันขอโทษนะคะ เค่ยให้ฉันดูหน่อย ยังรู้สึกเจ็บอยู่ไหมคะ?”

จ้าวฟางฟางยื่นมือขึ้นมาหวังที่จะจับหน้าเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับก้าวถอยหลังออกไปเพื่อให้ห่างจากมือของเธอ ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวกำลังปะทุขึ้น “คุณนายเสิ่นคุณดื่มมากไปแล้ว เชิญคุณกลับไปเถอะครับ!”

หวังเค่ยอดกลั้นไฟแค้นในใจเอาไว้ แล้วออกแรงผลักจ้าวฟางฟางให้พ้นทางไป แต่เมื่อเขาก้าวเท้าออกไป จ้าวฟางฟางก็ดึงแขนของเขาไว้จากข้างหลัง ทำตาน่าสงสาร “เค่ย ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรไปจากคุณเลย”

ใครจะไปคิดล่ะว่าผู้ชายที่น่าเวทนาคนนั้นจะกลายมาเป็นอย่างวันนี้ ถ้ารู้อย่างนี้ตอนนั้นเธอไม่มีทางที่จะหย่ากับเขาเป็นอันขาด!

บัดซบ!

มุมปากของหวังเค่ยค่อยๆ แย้มขึ้น เขาเริ่มยิ้ม หัวเราะ ตอนแรกก็ยังไม่มีเสียง แล้วเสียงก็ดังขึ้น “ฮาๆฮา!” เสียงหัวเราะที่ประชดออกมานั้นดังลั่น ภายในห้องสะเทือนไปด้วยเสียงหัวเราะของเขา เสียงที่สะท้อนกลับมาก็ฟังดูน่าขนลุก

“คิดผิด พอเห็นผมไม่ได้พังลง แต่กลับลุกขึ้นมาได้โดยได้รับความช่วยเหลือจากท่านเซียวกับคุณหมอฉู่ จึงรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด ไม่จำเป็น ถ้าให้เทียบกับคุณเสิ่นแล้ว ผมยังดูธรรมดาอยู่เลย คุณกลับไปเป็นคุณนายในตระกูลใหญ่เถอะมันเหมาะสมกับคุณแล้ว!”

“คุณ……คุณพูดอย่างนี้กับฉันได้ยังไงคะ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเรารักกันจะตาย ทั้งๆ ที่เราต่างก็จริงใจต่อกัน แต่ทำไมตอนนี้คุณถึงใจดำกับฉันได้ขนาดนี้?”

ใบหน้าของหวังเค่ยยังมีอาการบวมอยู่เล็กน้อย เขาใช้ลิ้นแตะที่กระพุ้งแก้มของตัวเองเบาๆ ความเจ็บปวดบนใบหน้ายิ่งชัดเจน ความเจ็บปวดนี้เหมือนเป็นสัญญาณที่เตือนให้เขาได้สติ ย้ำเตือนว่าเขาเคยเจออะไรมาบ้าง ทำให้เขาจำขึ้นใจถึงความอัปยศที่ตัวเองเคยผ่านมา

“คุณนายเสิ่นครับ ผมจำไม่เห็นได้เลยว่าเราสองคนเคยรักกันจริงๆ ตอนไหน ผมจำได้แค่ว่าคุณทิ้งผมไปในตอนที่ธุรกิจของผมย่ำแย่ที่สุด จำได้แค่ว่าคุณเอาลูกสาวของผมมาคืนในตอนที่เธอกำลังจะตาย! จ้าวฟางฟาง ผู้หญิงอย่างคุณหน่ะ เป็นเพราะผมตาบอดเองถึงได้ไปหลงรักผู้หญิงอย่างคุณเข้า! เป็นเพราะผมตาบอดเองถึงได้ไปแต่งงานกับคุณ!”

เห็นได้ชัดเลยว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้ากำลังอึ้งอย่างมาก ทำไมครั้งนี้เขาถึงได้ดูแตกต่างจากครั้งก่อนขาดนี้ ทั้งๆ ที่ครั้งก่อนเธอยังอยู่เหนือได้แท้ๆ

ใช่ ลูกสาว เธอจะลืมเรื่องนี้ไปไม่ได้

จ้าวฟางฟางมาที่นี่เพื่อต้องการให้เขาให้อภัย ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการครอบครองหวังเค่ยอีกครั้ง แต่เธอยังมีเป้าหมายอื่นอยู่อีก เมื่อเห็นว่าหวังเค่ยไม่ยินดีที่จะคุยด้วย เธอเองก็ไม่อยากที่จะหน้าด้านพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว เธอจึงเปลี่ยนบทไปเป็นคุณแม่ที่แสนดี ด้วยสีหน้าที่น่าสงสาร

“หวังเค่ยคะ ฉันมีอะไรจะขอร้องคุณหน่อย ให้ฉันเจอหน้าเถียนเถียนสักครั้งได้ไหม ฉันอยากเจอเธอมากจริงๆ ฉันเป็นแม่ของเถียนเถียน เธอคือเลือดเนื้อที่ออกมาจากตัวฉัน คุณจะใจดำกับฉันอย่างนี้ไม่ได้นะ”

“หึหึ!” หวังเค่ยขำอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าจะเทียบเรื่องความใจดำละก็ ผมคงเทียบคุณไม่ติดหรอกครับ! ตัดใจซะเถอะจ้าวฟางฟาง ชาตินี้อย่าคิดเลยว่าคุณจะได้เจอหน้าลูกสาวของผมอีก และอีกอย่าง ถ้าคุณยังกล้าคิดที่จะทำอะไรเกี่ยวกับเถียนเถียนอีกละก็ ผมจะให้คุณได้ตายอย่างอนาถเลยจำไว้!”

ความอ่อนโยนที่หวังเค่ยเคยมีบัดนี้มันได้หายไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงแต่ความโกรธเกรี้ยวที่มีอยู่เต็มอก เขาจะดึงจ้าวฟางฟางเข้ามาอยู่ในไฟแค้นเหล่านั้นแล้วเผาเธอให้ตาย!

จ้าวฟางฟางก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของหวังเค่ยจริงๆ เธอเชื่อไม่ลงจริงๆ ว่าผู้ชายที่แสนอ่อนแอเมื่อตอนนั้นจะกลายเป็นคนที่ถูกปกคลุมด้วยรังสีอำมหิตได้เพียงนี้

“หวังเค่ย สิทธิ์การเลี้ยงดูเถียนเถียนนั้นเป็นของฉัน แต่คุณกลับให้คนพวกนั้นใช้วิธีแบบนี้มาข่มเหงฉัน คุณไม่กลัวบาปกรรมรึไง! ฉันเป็นแม่ของเถียนเถียนนะ คุณกีดกันไม่ให้แม่ลูกได้เจอกันแบบนี้ คุณไม่กลัวจะถูกสวรรค์ลงโทษรึไง!” จ้าวฟางฟางเริ่มร้อนรนแล้ว เวลาค่อยๆล่วงเลยไปทีละนิด แต่เธอกลับยังทำอะไรไม่สำเร็จเลยสักอย่าง

เสียงกริ้งดังขึ้น มือถือของหวังเค่ยมีข้อความถูกส่งเข้ามา เสียงนั้นได้ทำให้การทะเลาะกันของทั้งคู่ได้หยุดชะงักลง

หวังเค่ยเบือนหน้าจากเธอ หยิบมือถือขึ้นมาดู รู้สึกแปลกใจ เมื่อข้อความนั้นถูกส่งมาจากลั่วหาน

เป็นคำพูดที่เรียบง่ายเพียงไม่กี่คำ แต่คำพูดเหล่านั้นมันก็ทำให้หัวใจของหวังเค่ยเจ็บปวดเหมือนถูกมีดกรีดแทง!

นังสาระเลว! จ้าวฟางฟางแกช่างสมควรตายอะไรอย่างนี้!

เขากำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น ราวกับว่าเขาจะบีบมันให้แตกคามือเลย!

หวังเค่ยโน้มตัวลงมา หรี่ตาลงด้วยสายตาที่ดูโหดเหี้ยม “คุณนายเสิ่น นี่คุณไม่กลัวบาปกรรม ไม่กลัวสวรรค์จะลงโทษเหรอ? ที่คุณมาหาผม ขอพบหน้าลูกสาวของผม คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจนะ!”

อะไรนะ

จ้าวฟางฟางรีบก้าวถอยหลังไปก้าวใหญ่ ส้นเท้าที่เปล่าเปลี่ยวชนเข้ากับขอบโซฟา เธอลืมความเจ็บปวดที่ขาไปอย่างสิ้นเชิงได้แต่ลืมตาโต แล้วทำหน้าเหมือนคนที่ตายไปแล้ว “คุณ คุณพูดว่าอะไรนะ?”

เขาไม่มีทางรู้ เขาไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน เธอเก็บความลับได้เป็นอย่างดี แล้วหวังเค่ยจะรู้ได้ยังไง!

หวังเค่ยยื่นมือออกมา ฝ่ามือขวากางออก แล้วจับเข้าไปที่ใต้คางของเธอ พอแขนของเขาออกแรงยก ชั่วพริบตาเดียวขาทั้งสองข้างของจ้าวฟางฟางก็ลอยขึ้นจากพื้น เธอถูกเขายกลอยขึ้นมาแล้ว!

“อึ……นี่คุณจะทำอะไร ปล่อย…มือ…นะ”

หวังเค่ยที่มีพละกำลังมากกว่า ทำเอาจ้าวฟางฟางที่พยายามดิ้นรนจนหน้าบูดหน้าเบี้ยว ทำอะไรไม่ถูก

“ผมขอเตือนไว้เลยนะ ถ้าคุณกล้าที่จะแตะต้องเถียนเถียนแม้แต่ปลายเล็บ ผมจะค่อยๆ สับคุณให้เป็นชิ้นๆ แล้วเอาชิ้นส่วนของคุณไปโยนให้เสิ่นคั่วดู แล้วดูสิว่าเขายังจะถูกความร่านของคุณเย้ายวนอยู่อีกไหม!”

จ้าวฟางฟางหายใจไม่สะดวก สีหน้าเริ่มซีดเซียว แล้วใช้แรงตบดีไปที่มือของเขา ส่งเสียงอวดครวญด้วยความทรมาน “ปล่อย…ฉัน…นะ”

“พรึบ!”

หวังเค่ยชักมือกลับในทันที จ้าวฟางฟางที่ไม่อาจทรงตัวได้ทำให้เรือนร่างที่งดงามของเธอกระแทกลงพื้นในทันทีจนเกิดเสียงดังสะเทือนไปทั้งห้อง จ้าวฟางฟางเจ็บจนต้องสูดปาก ข้อศอกที่กระแทกพื้นเกิดการถลอกเล็กน้อย เลือดไหลตามแขนจนหยดลงพื้น

จ้าวฟางฟางเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น “หวังเค่ย นี่คุณทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง! ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็แค่ฉันเป็นหวัดคุณยังร้อนรนเลย แต่ตอนนี้……”

“ตอนนี้ต่อให้คุณตายอยู่ตรงหน้าผมก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว!”

หลังจากสวนกลับไปหนึ่งคำ หวังเค่ยก็เดินออกจากห้องชุดไป ปิดประตูไม้ดังปั้ง ทิ้งจ้าวฟางฟางไว้ข้างหลังอย่างไม่ไยดี

หลังขึ้นรถ หวังเค่ยก็หลับตาลง หายใจหนักหน่วง ข้อความนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

“ระวังจ้าวฟางฟางไว้ เธออยากได้หัวใจของเถียนเถียนเพื่อไปเปลี่ยนถ่ายให้ลูกชายของเสิ่นคั่ว”

เธออยากได้หัวใจของเถียนเถียน……

นั้นมันลูกสาวแท้ๆ ของเธอนะ ลูกแท้ๆ ในไส้เลยนะ!

นังสาระเลว! อยากตายใช่ไหม!

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท