ตอนที่ 573 รักอยู่อย่างนี้มันช่างดีจริงๆ
วันต่อมา แสงแดดส่องจ้า อากาศแจ่มใส ทั้งอากาศและอุณหภูมิช่างสดชื่นเหลือเกิน
หลังหลงเซียวตื่นขึ้นมาเขาก็ไปยังห้องหนังสือ ตอนนี้เวลาประมาณหกโมงครึ่ง
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จะก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างไรในวันนี้มันช่างน่าสนใจจริงๆ
หลงเซียวเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องหนังสือ ในระหว่างที่รอเปิดเครื่องเขาก็เดินลงมาชั้นล่างเพื่อเทกาแฟ พอขึ้นไปอีกรอบคอมพิวเตอร์ก็พร้อมใช้งานแล้ว และยังมีอีเมลอีกหลายอันได้แจ้งเตือนขึ้นมาแล้ว
หลงเซียวปิดอีเมลลงไปก่อนแล้วเปิดหน้าข่าวขึ้นมา เมื่อหน้าเว็บถูกเปิดขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือ อักษรใหญ่ๆ สองตัวที่เขียนว่าหลงเซียว ตั้งตระหง่านอยู่ตรงมุมซ้ายบนแล้วมีกรอบสีแดงขนาดใหญ่ล้อมรอบอยู่
ถัดลงมาข้างล่างก็คือเนื้อหาของข่าวที่เกี่ยวกับการถอนตัวออกจากMBKของหลงเซียว นักข่าวที่ไม่ดีหลายคนได้ทำการวิเคราะห์ต่างๆ นาๆอย่างใจกล้า ทำให้เนื้อข่าวยิ่งมั่วซั่วกันไปใหญ่แล้ว
หลงเซียวยกกาแฟขึ้นมาจิบ ค่อยๆ จิ้มไปที่ข่าวข่าวหนึ่ง เป็นข่าวที่มีตัวหนังสือยั้วเยี้ยรวมกันนับพันตัว เนื้อข่าวที่เน่าเฟะเขียนถึงศึกชิงอำนาจภายในของตระกูลดังตระกูลหนึ่ง
หลงเซียวขมวดคิ้ว จากนั้นก็เปิดอ่านหน้าอื่นๆ ต่อ เนื้อหาวุ่นวายไปหมด หลายๆ คนต่างพากันวิเคราะห์ไปต่างๆ นาๆ
อ่านไปอ่านมา หลงเซียวก็เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาแล้ว เขาหลงคิดไปว่าจะได้เห็นบทวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมต่างๆ ของพวกนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าในโลกโซเชี่ยลจะสนใจอยู่แต่กับเรื่องซุบซิบที่ไร้สาระพวกนี้
แล้วยังมีนักข่าวบางคนที่ต้องการเป็นที่สนใจถึงขนาดเขียวข่าวว่า “เศรษฐีเตียงหัก ชีวิตคู่ของท่านเซียวจบลงโดยที่เขาไม่รับสินสมรสใดๆ เลย” หรือว่าจะเป็น “การชิงอำนาจที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ท่านเซียวถูกตัดออกจากกองมรดก” และอื่นๆ อีกมากมายที่อ่านแล้วทำให้รู้สึกหัวร้อน
เห็นทีข่าวในโลกออนไลน์ไม่ไปอ่านมันน่าจะดีที่สุดแล้ว อ่านมากๆ เข้าอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจได้ แถมยังกระทบกับสติปัญญาอีกด้วย
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมา แล้วกดเบอร์โทรหาใครบางคน คนทางนั่นรับสายแทบจะในทันที
คนทางนั้นคือจี้ตงหมิงที่เพิ่งสะดุ้งตื่นมาจากความฝัน พอได้ยินเสียงเรียกเข้าที่เจ้านายโทรมาจี้ตงหมิงก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งอยู่กลางที่นอนทันที แล้วรับสายอย่างสุภาพเรียบร้อยว่า “นายครับ เกิดอะไรเหรอครับ?”
เมื่อคืนเขาทำงานอยู่ที่Club. HT ดึกมากกว่าจะได้กลับ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของวันหยุด จึงอยากนอนตื่นสายสักหน่อยแต่ใครจะไปคิดว่าเจ้านายจะโทรมาหาตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้
เมื่อหลงเซียวได้ยินเสียงที่แหบของเขา จึงได้พูดขึ้นว่า “ขอโทษที่โทรมารบกวนการนอนของคุณนะครับ”
อ้าาาาา
จี้ตงหมิงจะกล้ายอมรับได้ยังไงล่ะว่าเจ้านายกำลังรบกวนเวลานอนของตัวเองอยู่ เขาจึงรีบกลืนน้ำลาย “ไม่ครับ ไม่ครับ ผมตื่นพอดีเลยครับ อากาศดีๆ แบบนี้ กะว่าจะตื่นเช้ามาออกกำลังกายสักหน่อยครับ”
หลงเซียวไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ “คุณช่วยเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาหน่อยครับ ในนั้นมีของบางอย่างที่อยากให้คุณช่วยจะทำการลบมันออกไปให้ที และช่วยบอกพวกเขาด้วยว่า ถ้ายังมีข่าวลักษณะนี้ออกมาอีก ก็ต้องทำใจยอมรับผลที่ตามมาเองนะ”
จี้ตงหมิงตบกระบาลตัวเอง พระเจ้า นี่เขาลืมเรื่องที่สำคัญอย่างนี้ไปได้ยังไง ข่าวนะข่าว ข่าวที่ออกมาเมื่อคืนคงทำให้ต่อมอย่างรู้อยากเห็นระเบิดไปหมดแล้วมั้ง!
“ครับนาย ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
จี้ตงหมิงกระโดดลงจากเตียงด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า ไม่กล้าชักช้าแม้แต่นาทีเดียว พอเปิดคอมพิวเตอร์มาแล้วอ่านข่าวเขาก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมาทั้งตัวเลย
“ข่าวแบบนี้มันช่างเกินไปจริงๆ! แม่งเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว! เดี๋ยวผมจะโทรหาบก. ของพวกนั้นทันทีเลยครับ!” จี้ตงหมิงถูกพาดหัวข่าวทำให้ตกใจเป็นอย่างมาก ทำไมถึงได้หน้าด้านกันอย่างนี้ เขียนข่าวมั่วๆ กันแบบนี้ได้ยังไง!
คนในโลกออนไลน์สมัยนี้เนี่ยช่างเหลวไหลกันจริงๆ เลย! แค่ขยับนิ้วไปมาก็สามารถผลักให้คนๆ หนึ่งตกนรกทั้งเป็นได้เลย!
เขียนข่าวอะไรออกมากันเนี่ย!
“อืม ส่วนเรื่องไหนที่ควรจัดการ เรื่องไหนที่ควรตักเตือนคุณน่าจะรู้นะ”
จี้ตงหมิงพยักหน้า “รู้ครับรู้ ภายในหนึ่งชั่วโมงผมจะจัดการทุกหน้ากระดาษให้ขาวสะอาดเลยครับ!”
“ครับ”
หลังวางสาย หลงเซียวก็ได้เปิดเวย์ปั๋วที่เขาแทบจะไม่เคยใช้งานเลยขึ้นมา หัวข้อที่ร้อนแรงก็ยังคงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน และที่สำคัญตอนนี้ความร้อนแรงได้ทะลุไปถึงห้าร้อยกว่าล้านแล้ว
หลงเซียวขมวดคิ้ว แล้วปิดเวย์ปั๋วลง
“คุณคะ ตื่นมาทำงานแต่เช้าเลย ต้องขยันขนาดนี้เลยเหรอคะ?” ลั่วหานเองก็ตื่นแล้ว พอตื่นมาก็เห็นว่าหลงเซียวไม่อยู่แล้ว ในห้องรับแขกก็ไม่อยู่ จึงคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องหนังสือ
หลงเซียวปิดหน้าที่เป็นข่าวลง แล้วเปิดอีเมลขึ้นมา “วันนี้มีเรื่องต้องให้จัดการค่อนข้างเยอะครับ แล้วทำไมคุณถึงไม่นอนให้เยอะกว่านี้หน่อย เมื่อคืนเหนื่อยขนาดนั้น ไปนอนอีกสักหน่อยไป ผมเช็คดูแล้ววันนี้ที่โรงพยาบาลไม่มีเวรของคุณ คุณจึงไม่ต้องไปก็ได้ครับ”
ลั่วหานยืนพิงอยู่ที่ประตู และไม่ได้เข้ามา “ถึงวันนี้จะไม่ใช่เวรของฉัน แต่ว่าคุณหลงคะ เห็นทีวันนี้คุณคงต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่ๆ ค่ะ เมื่อคืนคุณถอดตัวออกจากMBKอย่างมาดเท่ วันนี้MBKก็คงต้องรีบประชุมระดับผู้บริหารสินะดังนั้น คุณเองก็ควรเตรียมตัวไม่ใช่เหรอคะ”
ใช่สิ การประชุมผู้บริหารเร่งด่วน เรื่องนี้หลงเซียวคิดไว้ตั้งนานแล้ว
“ไม่ต้องรีบครับ ในเมื่อเป็นการประชุมที่มุ่งเป้ามาที่ผมอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าผมไม่ไปการประชุมนี้ก็จะเริ่มขึ้นไม่ได้ เดี๋ยวผมขออ่านเมลก่อนแล้วค่อยไปกินอาหารเช้ากับคุณนะครับ”
หลงเซียวจ้องมาที่ลั่วหานตลอด ในขณะที่พูดก็ยังจ้องเธออย่างไม่ขาดสาย
ลั่วหานยักไหล่ ความสามารถเรื่องบ้างานของเขาเป็นที่ยอมรับแล้ว ตอนนี้เธอเองก็ชินกับมันแล้วเหมือนกัน “ได้ค่ะ คุณหลงพยายามเข้านะคะ เจ้านายจะไม่มีวันลืมคุณแน่นอนค่ะ”
หลงเซียวยิ้มออกมาอย่างสดใส “หือ แล้วเจ้านายจะให้อะไรผมเพื่อเป็นรางวัลครับ?”
“ก็มอบภรรยาที่งดงามดุจดอกไม้ให้คุณหนึ่งคนค่ะ!” ลั่วหานยิ้มออกมา หัวใจของเธอสดใสยิ่งกว่าบรรยากาศที่อยู่ข้างนอกเสียอีก
“ครับ! ผมจะตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถเลยครับ!” หลงเซียวพูดเสริมขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยม
ตอนที่ลั่วหานตื่นมาก็ได้อาเจียนที่ห้องน้ำเพราะแพ้ท้องมาแล้ว เธออาเจียนจนหน้าแทบมืด แต่โชคยังดีที่หลังจากนั้นสภาพของเธอก็ไม่ได้ดูแย่เท่าไหร่
ก่อนกินข้าว มือถือที่หน้าจอร้าวไปแล้วของเธอได้ดังขึ้น คนที่โทรมาคือหลินซีเหวิน
พอเธอรับสาย หลินซีเหวินก็รีบถามขึ้นมาอย่างไม่รอช้า “ไอดอลคะ ข้อมูลในข่าวเป็นเรื่องจริงเหรอคะ คุณหลงเซียวได้ยกทรัพย์สินทั้งหมดให้คุณแล้ว แถมยังจะถอนตัวออกจากMBKอีก มันต้องไม่จริงแน่ๆ มันเป็นข่าวปลอม! พวกนักข่าวเขียนมันขึ้นมามั่วๆ ใช่ไหมคะ?”
ลั่วหานขยี้หว่างคิ้ว ประเด็นนี้มันช่างน่าปวดหัวจริงๆ “มันคือความจริงค่ะ ทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นชื่อของเขาตอนนี้อยู่ที่ฉันหมดแล้วค่ะ”
หลินซีเหวินสูดหายใจเข้าไปแล้วอุทานออกมา “โอ้แม่เจ้า นี่ท่านเซียวกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย! มีเงินแล้วเอาแต่ใจ เทพบุตรนี่เข้าใจยากจริงๆ เลย! ถ้าเขาถอนตัวจากMBKมันก็ไม่เท่ากับว่าหลงจื๋อจะต้องกลับไปหรอกเหรอ?”
ลั่วหานไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ “เดิมทีเสี่ยวจื๋อก็เป็นคุณชายรองของMBKอยู่แล้ว ถ้าเขาจะกลับMBKมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ฟังจากคำพูดของคุณแล้ว ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยอยากให้เขากลับมาสักเท่าไหร่นะ”
“ความจริงหลงจื๋อได้ตัดสินใจไปแล้วค่ะว่าเขาจะถอนตัวออกจากการเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของMBKอย่างจริงจัง เขาไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำลายความสัมพันธ์ที่เขามีกับพี่ใหญ่ลง สำหรับเขาแล้ว ผู้สืบทอดตำแหน่งยังไงก็สำคัญสู้ความเป็นพี่น้องไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้ท่านเซียวตัดสินใจมาแบบนี้แล้วหลงจื๋อควรทำยังไงดีคะ?”
ลั่วหานขมวดคิ้วอย่างแรง แล้วอธิบายไปว่า “มันง่ายมากค่ะ ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่อยากจะรับตำแหน่งผู้สืบทอดของMBKก็เพราะกลัวว่าจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง แต่ตอนนี้หลงเซียวเขาสละสิทธิ์ด้วยตนเอง แล้วยกตำแหน่งให้เขาไป แบบนี้ก็จะไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่แล้วค่ะ”
หลิวซีเหวินเอามือกุมขมับ “ที่ไอดอลพูดมามันก็มีเหตุผล แต่หลงจื๋อไม่เหมาะที่จะเป็นคนที่จะมาบริหารMBK หลังจากที่รู้จักกันมานาน ฉันรู้อยู่แก่ใจค่ะว่าความสามารถของเขานั้นไม่ถึงขั้น ถ้าปล่อยให้MBKมาอยู่ในมือเขาละก็ มันต้องเจ๊งไม่เป็นท่าแน่นอนค่ะ”
ถึงแม้การที่มาพูดข้อเสียของแฟนตัวเองแบบนี้มันจะดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วหลินซีเหวินก็จำต้องยกเอาความจริงขึ้นมาพูด
หลงจื๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ หลินซีเหวินเห็นได้ชัดเลยว่าเขาหน้าเสียไปเหมือนกัน
พอลั่วหานมองเห็นหลงเซียวเดินลงบันไดมา เธอก็ลดเสียงลง “มียอดแฟนอย่างคุณอย่างเคียงข้างฉันเชื่อค่ะว่าเขาต้องไหวอย่างแน่นอน ฉันขอตัวไปกินข้าวก่อนนะ ไว้คุณกลับมาแล้วเราค่อยคุยกัน”
สายของหลินซีเหวินถูกตัดไปแล้ว หลงจื๋อยืนพิงอยู่ตรงเสาไฟฟ้า แล้วพูดออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยากว่า “การที่พี่ใหญ่ทำแบบนี้ คือการเสียสละผลประโยชน์ของตัวเองลง เพื่อสนับสนุนผม เมื่อก่อนพ่อเคยพูดไว้ ถ้าผมไม่รับตำแหน่งผู้สืบทอดของMBKละก็ เขาจะไม่มีทางยอมให้แม่ของผมเหยียบเข้าไปในตระกูลหลงอย่างแน่นอน บางทีพี่ใหญ่อาจจะรู้เรื่องนี้เข้าเขาจึงทำเพื่อผมและแม่ แล้วก็ทำการเสียสละลงอย่างกะทันหันแบบนี้”
หลงจื๋อถอนหายใจออกมาอย่างเจ็บปวด รู้สึกผิดต่อพี่ใหญ่อย่างถึงที่สุด
หลินซีเหวินใช้มือแตะที่แขนของเขา แล้วเลื่อนลงมากุมมือของเขาเอาไว้ ทำท่าหดหัว แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายรองหลงคะ ทำไมคุณถึงโง่อย่างนี้ ทำไมคุณถึงคิดว่าทุกคนจะเป็นคนดีไปซะหมด บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ พี่ใหญ่ของคุณฉลาดขนาดนั้น ความคิดของเขาคนทั่วไปไม่อาจตามทันได้หรอกค่ะ”
แต่หลงจื๋อกลับส่ายหน้า “ผมเชื่อในตัวพี่ใหญ่ครับ เขาผูกพันกับMBKมาก ถ้าไม่ใช่เพื่อผมเขาคงไม่มีทางทำอย่างนี้แน่ ไม่ได้ ผมต้องกลับไป กลับไปบอกเขาว่าผมไม่ต้องการเป็นผู้สืบทอด!”
“นี่! มีสติหน่อยสิคะ! พี่ใหญ่ของคุณอุตส่าห์ตั้งใจแน่วแน่ที่ประกาศให้คนทั้งโลกได้รู้แล้วว่าเขาจะถอนตัว แต่คุณกลับจะไปห้ามเขา อย่างนี้ก็เท่ากับว่าคุณอยากให้พี่ใหญ่ของคุณตบหน้าตัวเองต่อหน้าคนทั้งโลกเหรอคะ?”
หลินซีเหวินฉุดมือเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาทำอะไรบุ่มบ่าม
คำพูดคำเดียวก็สามารถดึงคนให้ตื่นจากฝันได้ ตอนนี้หลงจื๋อไม่ขยับแล้ว “แต่ผมก็ไม่ควรอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยนะ ผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้พี่ใหญ่ต้องลำบากใจ”
หลินซีเหวินทั้งรำคาญทั้งปวดใจ คนที่เฉลียวฉลาดอย่างเธอทำไมถึงได้มาหลงรักผู้ชายที่ซื่อบื้ออย่างนี้นะ “คุณชายรองของฉัน คุณช่วยใจเย็นลงหน่อยได้ไหมคะ! รอดูไปก่อน ในเมื่อพี่ใหญ่กับพ่อของคุณยังไม่ติดต่อมาหาคุณเลย คุณก็แค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปก่อนก็ได้”
หน้าที่กำลังอมทุกข์ของหลงจื๋อถูกหลินซีเหวินพูดจนต้องยิ้มออกมา เขาโน้มตัวลงมาสัมผัสแก้มของหลินซีเหวินเบาๆ กับดวงตาที่เหมือนแมว “ที่รักครับ คุณนี่คือแสงนำทางแห่งชีวิตผมจริงๆ! คุณอยู่ที่อเมริกากับผมเลยนะครับ จากนี้เราก็ใช้ชีวิตร่วมกับแม่ของผมไป……”
แต่ว่า พอพูดถึงตรงนี้ หลงจื๋อก็พูดต่อไปไม่ไหวแล้ว เขารู้เลยว่าตัวเองนั้นโง่เง่าแล้วไร้เดียงสาแค่ไหน
หลินซีเหวินเป็นถึงคุณหนูของตระกูลหลิน เป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูล แล้วจะให้รั้งเธอไว้ที่อเมริกาได้ยังไงล่ะ
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาของหลงจื๋อก็มืดมนลง แล้วหยุดพูดต่อในทันที
หลินซีเหวินเสยคางของเขาขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึ้นไปจ้องตาเขา “ถ้าคุณอยากใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาเพราะคุณชอบที่นี่อยากใช้ชีวิตที่นี่ละก็ ฉันก็จะอยู่กับคุณค่ะ แต่ถ้าคุณอยากอยู่ที่นี่เพื่อหนีจากความจริง หลีกเลี่ยงความกดดันที่ได้จากครอบครัวและบริษัท แล้วใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรีละก็ ฉันจะเป็นคนลากคุณกลับไปด้วยมือฉันเองค่ะ”
คำพูดที่หลินซีเหวินพูดออกมานั้นค่อนข้างตรง ทำเอาหลงจื๋อถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลย เธอพูดถูก ถ้าให้พูดกันตรงๆ การที่เขามาอยู่ที่อเมริกานี้ก็เพราะเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับภาระหน้าที่แรงกดดันที่ทำให้เขาหายใจไม่ออกเหล่านั้น
หลงจื๋อมองต่ำลง สีหน้าอันอ่อนเยาว์และร่างเริงของเขาได้สูญสลายไปแล้ว “เหวินเหวิน คุณกำลังรู้สึกว่าผมนั้นไร้ค่าอยู่ใช่ไหม? เมื่อเทียบกับพี่ใหญ่แล้วผมยิ่งไร้ค่ามากยิ่งขึ้นไปอีก”
หลินซีเหวินพยักหน้าอย่างจริงจัง “แหม๋ รู้ตัวซะด้วยนะเนี่ย ดีนะที่ยังรู้จักประเมินตัวเอง ถ้าให้เอาคุณไปเทียบกับพี่ใหญ่ของคุณมันก็ต้องต่างกันมากโขอยู่แล้ว แต่ใครให้ฉันมาตกหลุมรักคุณเข้าล่ะ ดังนั้นต่อให้เอาท่านเซียวมาสักหมื่นคนฉันก็ไม่ยอมเอาคนโง่อย่างคุณไปแลกเด็ดขาด!”
รอยยิ้มที่อ่อนโยนของหลินซีเหวินเป็นดั่งแสงสว่างที่สาดส่องให้หัวใจของหลงจื๋อมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมเองก็เหมือนกันครับ ต่อให้เอาพี่สะใภ้มาเสนอให้เป็นหมื่นคน ผมก็ไม่มีทางเอาคุณไปแลกเด็ดขาดครับ!” หลงจื๋อพูดออกมาโดยเลียนแบบท่าทางของหลินซีเหวิน
หลินซีเหวินค่อยๆ เปิดปากออก ทำตาโต แล้วทุบไปที่หลงจื๋ออย่างถี่ๆ “ได้ซิ! คุณยังมีพี่สะใภ้อยู่ในใจหนิ! หลงจื๋อไอ้สาระเลว! ฉันจะฆ่าแก!”
“อาๆอา ยัยบ้านนอก หยุดมือเดี๋ยวนี้นะ คิดจะฆ่าสามีตัวเองรึไง!”
“แกอย่าหนีนะ! อย่าหนี!”
“ยัยบ้านนอก! นี่เธอกินดินปืนเข้าไปรึไงห๊ะ!”
“ฉันกินระเบิดนิวเคลียร์เข้าไปต่างหาก!”
เงาที่กำลังวิ่งไล่กันของทั้งสองคน วนเวียนไปมาอยู่บนทางเท้าของนครนิวยอร์กในยามค่ำคืน เหมือนกับการวิ่งเล่นที่ไร้เดียงสาของเด็กนักเรียนที่เพิ่งเลิกเรียน โดยไม่รู้เลยว่าภายในโลกของพวกผู้ใหญ่นั้นมีแผนการอะไรแอบซ่อนอยู่บ้าง
เสียงหัวเราะดังก้องไปไกล กังวานไปทั่ว แล้วหายเข้าไปในค่ำคืนที่แสนมืดมน