แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 672 เพื่อนาย ฉันแทบจะบ้า
คำพูดของหลงเซียวไม่ไว้หน้าหลงจื๋อเลยสักนิด น้ำเสียงเขาแข็งกร้าวไม่มีวี่แววจะอ่อนข้อ
เมื่อสิ้นเสียง หลงจื๋อก็ทำตัวไม่ถูก พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ลง “ที่พูดแบบนี้พี่คิดทำอะไรกันแน่? ตั้งแต่ที่ข่าวออกมาจนถึงตอนนี้พี่ก็ไม่เคยพูดอะไรเลย ฉันคิดว่าตามที่ฉันรู้จักพี่ พี่ไม่ใช่คนที่ยอมถูกกระทำหรอก…พี่ต้องการอะไรกันแน่?
ลั่วหานเห็นหลงเซียวกำหมัดแน่นแล้วปล่อยแล้วกำใหม่ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาแทบจะสูญเสียการควบคุมแล้ว
หลงเซียวหัวเราะสบายๆ อาจเป็นเพราะลมตอนกลางคืนแรงมากเสียงหัวเราะของเขาจึงเบาหวิวจนแทบจับไม่ได้ “เสี่ยวจื๋อ นายรู้จักฉันดีมากงั้นหรอ?”
หลงจื๋อมองเขาตาไม่กะพริบ “ฉันคิดว่าจากที่รู้จักกันมาหลายปีมานี้มันไม่ผิดแน่”
หลงเซียวตบไหล่ “ในเมื่อนายรู้จักฉัน นายก็ต้องรู้ว่าอะไรที่ฉันไม่ต้องการบอก นายจะไม่มีวันได้ยินปากฉัน”
หลังของหลงจื๋อเหมือนถูกฟาดอย่างแรงด้วยแส้หนัง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแผ่กระจายออกไป ลางสังหรณ์เขาทำเอาใบหน้าหลงจื๋อซีด “พี่ใหญ่…”
หลงเซียวหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า “หลงจื๋อ นายยุ่งทั้งวันแล้วกลับไปพักผ่อนเถอะ”
นี่คือคำขับไล่ที่ชาญฉลาด
ลั่วหานเห็นว่าใบหน้าของหลงจื๋อดูทรุดลงก็ปลอบใจ “หลงจื๋อนายกลับไปก่อนนะ นายพยายามทำดีที่สุดแล้ว ที่เหลือก็คอยดูเงียบๆเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรที่จะไม่เกิดกังวลไปก็เสียเวลาเปล่าว่ามั้ย?”
หลงจื๋อไม่ได้ละสายตาไปจากหลงเซียว เขากรุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะรวมความกล้าพูดออกมาว่า “ผมมีอีกอย่างที่จะถามพี่ พี่เป็นคนเอาข่าวประชาสัมพันธ์ในคอมพิวเตอร์ของแม่ผมออกมารึเปล่า?”
ลั่วหานตกใจกับคำถามนี้ หรือว่าโฉหวั่นชิงจะไม่ได้ปล่อยข่าวเอง? ขโมยข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของคนอื่น เรื่องแบบนี้คุณหลงคงทำไม่ได้…ใช่ไหมนะ?
ลั่วหานไม่กล้าพูดเสริมจึงได้แต่สงสัยในใจ
หลงเซียวพูดเรียบๆ “ไม่ใช่”
คำสองพยางค์ง่ายๆไม่มีคำอธิบายไม่โต้แย้ง
หลงจื๋อรู้ดีว่าพี่ใหญ่เป็นคนเที่ยงธรรม ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เขาไม่โกหกแน่นอน
งั้นเรื่องนี้เกรงว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะ
“ผมขอโทษ ผมไม่ควรสงสัยพี่ ผมคิดว่าพี่จะให้คนแฮ็คคอมพิวเตอร์ของแม่ผม แล้วจู่ๆก็เกิดข่าวขึ้น ผมคิดผิดเอง” หลงจื๋อก้มหน้าขอโทษอย่างจริงใจ ความอับอายและรู้สึกผิด ทำให้น้ำเสียงของเขาต่ำ
“การที่นายสงสัยฉันมันเป็นเรื่องดีสำหรับฉัน อย่างน้อยตอนนี้นายได้เริ่มเรียนรู้ทักษะนึงแล้วว่าบางทีคนใกล้ชิดที่สุดก็อาจไม่น่าเชื่อถือได้” หลงเซียวยกมือขึ้นแล้วกดฝ่ามือที่อบอุ่นวางบนบ่าเขา น้ำหนักที่กดไปราวกับต้องการให้กำลังใจ
ใจของลั่วหานแปลบขึ้น สำบัดสำนวนที่เขาพูดกับหลงจื๋อ เกรงว่ามันจะเป็นคำใบ้ของเขาใช่มั้ย?
“ครับ…ผมรู้”
หลงจื๋อออกมาจากรีสอร์ทหยีจิ่งเหมือนร่างไร้วิญญาณด้วยความสิ้นหวัง แค่ห้องรับแขกยังไม่ได้เข้าไปด้วยซ้ำ ทั้งสามคุยกันไม่นานก็จบการสนทนาเสียแล้ว
ลั่วหานถอนหายใจ “ถ้าหลงจื๋อรู้ว่าแม่ของเขาทำเรื่องแบบนี้คงจะเสียใจมากแน่ๆ”
หลงเซียวจ้องมองไปยังดวงตาที่เจ็บปวดของเธอ “ลั่วลั่วทุกคนต่างก็มีความปรารถนาของตัวเองที่ไม่เติมก็จะไม่มีวันเต็มโฉหวั่นชิงก็เช่นกัน สิ่งที่เธอต้องการคือตำแหน่งนายหญิงของตระกูลหลง”
“เหอะๆ พยายามมา 20 กว่าปี แทบจะรอไม่ได้ แต่…ทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้? ถ้าเธอต้องการดึงนายลงมา เธอสามารถใช้โอกาสนี้ครั้งที่แล้วเพื่อเพิ่มไฟตอนนายออกจาก MBK ได้นี่ ฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
ทั้งคู่พูดพลางเดินไปเปลี่ยนรองเท้าแตะที่ห้องนั่งเล่น
หลงเซียวพูดขึ้นว่า “โฉหวั่นชิงคงรู้เรื่องที่แม่ป่วย เธอต้องการกระตุ้นแม่”
ทันใดนั้นลั่วหานก็เข้าใจทันที ใช่ คนที่ป่วยหนักไม่ควรถูกกระทบกระเทือนที่สุด การทำเช่นนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตไม่ใช่หรอ? โฉหวั่นชิงต้องการให้ หยวนชูเฟินตายไวๆ ดังนั้นเธอถึงจะได้เข้ารับตำแหน่งโดยตรง
หลังจากเข้าใจคำใบ้ของหลงเซียว ลั่วหานก็ปิดปากอย่างตกใจ “โอ้พระเจ้าช่างเป็นวิธีการที่โหดเหี้ยมจริงๆ! ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่หลงจื๋อไม่ได้โตมาเหมือนโฉหวั่นชิง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้แน่! โชคดีจริงไปที่หลงจื๋อยังมีหัวใจที่มีความบริสุทธิ์อยู่ พ่อแม่ที่มีลูกชายอย่างหลงจื๋อเช่นนี้ได้ พวกเขาควรขอบคุณพระเจ้าจริงๆ”
หลงเซียวฟังเธออย่างตั้งใจแล้วยิ้มอย่างสบายๆ “หมอฉู่ประเมินหลงจื๋อสูงขนาดนี้เลยเหรอ?”
“สูงกว่านาย” ลั่วหานยิ้มเยาะ
“ใช่ สูงกว่าฉัน ไม่อย่างงั้นเธอจะทิ้งฉันไปได้ยังไง?” หลงเซียวพูดอย่างจนใจ แม้ว่าคำพูดเขาจะดูหมดหวัง แต่ใจของเขาไม่ได้แย่ขนาดนั้น
หลังจากลั่วหานหาวก็เอียงหัวอย่างเกียจคร้าน “อดีตสามี ฉันง่วงแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำนอน”
จู่ๆคิ้วของหลงเซียวก็ขมวดขึ้นทันทีหลังจากเธอพูด “เรียกได้คล่องปากขนาดนี้อย่างกับอยากหย่ามานานแล้วใช่มั้ย?”
เขาบีบคาง มองเธอแล้วถามอย่างอ่อนโยนเบาๆ
ลั่วหานหัวเราะ “นายรู้ทันหมดแล้วสินะ ทักษะการแสดงของฉันต้องปรับปรุงซะแล้ว”
หลงเซียว “…”
หลังจากหัวเราะแล้วลั่วหานก็ขึ้นตึกไปนอน ขณะที่หลงเซียวกลับไปทำงานต่อที่ห้องหนังสือ
พอลั่วหานอาบน้ำเสร็จออกมา โทรศัพท์ที่โซฟาก็ดังและสั่นขึ้นไม่หยุด ลั่วหานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หน้าจอแสดงข้อความชุดใหญ่จากลู่ซวงซวงส่งมา
“ที่รัก เรื่องของพวกเธอติดขัดใช่มั้ย? คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนออกมาเปิดเผยว่าหลงเซียวจะไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของหลงถิง เชี่ย นี่ดูละครมากไปจนเพี้ยนไปหมดแล้วหรอ!”
“ที่รัก ไม่เป็นไรใช่ไหม? ข่าวนั่นไม่ได้ส่งผลกระทบใส่ใช่ไหม? อย่าไปหลงเชื่อนะ ฉันบอกให้ว่าพวกนั้นก็แค่ปากนกปากกา อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลย!”
“ลั่วลั่วมีอะไรรึเปล่า? โทรศัพท์ก็ไม่รับ วีแชทก็ไม่ตอบ เธอร้องไห้หรอ?”
“ลั่วลั่ว?”
“ลั่วลั่วถ้าเธอไม่ตอบฉันจะไปฆ่าเธอถึงบ้านตอนนี้นะ! ฉันจะให้เวลาเธอสามวิ 3…”
ลั่วหานอ่านข้อความเสร็จก็ตอบอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า “2 1”
เธอส่งข้อความไปปุ๊บ ลู่ซวงซวงก็ตอบกลับทันทีว่า “ในที่สุดเธอก็มาแล้ว! ตกลงเกิดอะไรกันแน่?”
ลั่วหานเห็นว่าดึกแล้วจึงพูดกับเธอสั้นๆ หลังจากอธิบายเนื้อหาเสร็จ “ไม่เข้าใจใช่ไหม ถ้าไม่เข้าใจก็ถูกต้องแล้ว ไปนอนก่อนเลยแล้วค่อยคุยกันพรุ่งนี้จะดีกว่า โอเคนะ”
หลังจากที่ลั่วหานส่งข้อความไป ลู่ซวงซวงก็โทรมาทันที “ที่รัก เธอไม่เป็นไรจริงๆใช่มั้ย? ฉันรู้นะว่าหัวใจเธอแกร่งกว่าฉัน แต่…แต่ข่าวลือมักจะเป็นแปลกๆนะ”
ลั่วลั่วหาวอย่างง่วงนอน “เรียนคุณลู่คะ เธอจะไม่นอนเหรอ? แต่ฉันอยากนอนนะ ต่อให้ฉันไม่นอน แต่ลูกในท้องของฉันก็ต้องนอนนะ”
ลู่ซวงซวงพูดราวกับว่ากระโดดมาจากไหนไม่รู้ “คุณผู้หญิงฉู่ลั่วหานคะ พูดถึงเรื่องนี้ก็ของขึ้น ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าเธอท้อง! ตกลงกันไว้แล้วนะว่าจะให้ฉันจะเป็นแม่ทูนหัวของลูกเธอ! เธอนี่จริงๆเลย!”
ลั่วหานลูบคิ้ว ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากบอกเธอ แต่เป็นเพราะบางครั้งปากของคุณลู่ก็ไม่ค่อยระมัดระวังคำพูดนัก พอตื่นเต้นก็พูดออกมาหมด
“โอเคๆ ฉันผิดไปแล้ว ไว้ฉันจะชวนเธอไปกินข้าวไถ่โทษ โอเคนะ?” ลั่วหานยกผ้านวมขึ้นมาห่มตัวเองแล้วหาวอีกครั้ง “เธอไม่รู้หรอว่าคนท้องง่วงนอนง่ายนะ?”
ลู่ซวงซวงตอบว่าใช่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังซ่อนความตื่นเต้นไม่อยู่ เธอยิ้ม “ที่รัก ฉันมีข่าวดีจะบอก 555 หวาเทียนขอฉันแต่งงานแล้ว!”
ลู่ซวงซวงชื่นชมแหวนเพชรบนนิ้วนางด้วยสายตาเปล่งประกายอย่างมีความสุขราวกับดวงดาวที่เปล่งประกายบนฟ้า สายตาเธอมีเพียงแต่แหวนเพชรและชายหนุ่มที่มอบแหวนเพชรนี้ให้
ลั่วหานกลับไม่แปลกใจเลย “ตอนนี้เพิ่งขอแต่งงานเท่านั้นเอง ความคืบหน้าของเขานี่ช้ามาก ในเมื่อขอแต่งงานแล้ว แล้วเมื่อไรจะแต่ง?”
“ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย คงเร็วๆนี้แหละ ลั่วลั่วเธอรู้ไหมว่าการชายคนหนึ่งคุกเข่าข้างเดียวขอแต่งงานนั้นมันช่างหล่อไร้ที่ติสุดๆไปเลย ถ้าเธออยู่ที่นั่นในเวลานั้นด้วยก็คงจะดี!! ฉันซาบซึ้งจะแย่!!”
คุกเข่าข้างเดียว?
ลั่วหานไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ตอนนั้นหลงเซียวก็ไม่ขอเธอแต่งงาน
“โอเคพอแล้ว อย่าดึงให้ฉันอิจฉา!” ลั่วหานพูดปัดๆ ดึงเข้าพูดเกี่ยวกับข่าวสักสองสามประโยคแล้ววางสาย
พอนอนลงอาการง่วงนอนก็หายไปชั่วขณะ
ซวงซวงกำลังจะแต่งงาน เพื่อนที่ห่วงใยที่สุดของเธอก็จะเข้าพิธีแต่งงาน เธอมีความสุขมากับเธอด้วยจริงๆ
แต่อย่างที่ลู่ซวงซวงพูด ผู้ชายมาคุกเข่าข้างเดียวขอแต่งงานอะไรนั่น เธอไม่เคยเลย รู้สึกอิจฉาจริงๆ
เมื่อคิดถึงขั้นตอนการหย่าในวันพรุ่งนี้…
ก็ได้ ความง่วงนอนมันหายไปกว่าครึ่งแล้ว
จากนั้นหลังหย่าแล้วลองนึกถึงการทิ้งระเบิดของสื่อสิ เธอต้องทนต่อแรงกดดัน ไหนจะคำวิจารณ์จากโรงพยาบาล ตระกูลหลง ตระกูลเฉียวที่อยู่ในอเมริกา ฟางหลิงหยู้ที่อยู่ในเมืองเจียงเฉิงเป็นต้น…
เชี่ยเอ้ย!
ความง่วงส่วนใหญ่หายไปแล้ว
เธอสัญญาว่าจะหย่าอย่างเท่ๆ แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้ผลของการตัดสินใจครั้งนี้เลยนะ?
หลังจากลูบท้องที่นูนออกมา ลั่วหานก็พูดเบาๆอย่างอ่อนโยนว่า “ลูกรัก แม่ของหนูเก่งมั้ยลูก?”
แน่นอนว่าลูกในท้องจะไม่ตอบสนองใดๆ
ลั่วหานยิ้ม “ถ้าหนูไม่พูด แม่จะถือว่าหนูเห็นด้วยแล้วนะ แม่ก็คิดว่าแม่เก่งมากเหมือนกัน”
ห้องหนังสือ
หลังจากหลงเซียวอ่านเอกสารเสร็จฉบับนึง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
สายจากเจิ้งซิน
หลงเซียวเพียงแค่มองไปที่ชื่อ พลิกโทรศัพท์ลง ลดแรงสั่นสะเทือนให้อ่อนลงแล้วอ่านเอกสารต่อ
หลังจากนั้นไม่นานโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นข้อความ
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่อดทน ข้อความนี้เป็นข้อความที่ 5 ที่เจิ้งซินส่งมาในคืนนี้
“หลงเซียวแน่ใจนะว่าต้องการเข้าร่วมการแข่งขันโครงการต่อไป? ข่าวในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อการเสนอราคาของนาย”
เหอะ!
หลงเซียวยังไม่ตอบ เธอก็ส่งมาอีก
“ถ้าหากเป็นไปได้ ฉันยินดีที่จะช่วยนายเอาชนะอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้”
คิ้วของหลงเซียวขมวดแน่น!
“ฉันจะเข้าร่วมโครงการตามปกติ”
หลังจากส่งข้อความไปแล้วหลงเซียวนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จริงๆแล้วข่าวที่เกิดขึ้นส่งผลเสียต่อโครงการของเขาจริงๆ
ไม่นานข้อความของเจิ้งซินถูกส่งมา “หลงเซียว หากต้องการอะไรสามารถติดต่อฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ ฉันจะยืนอยู่ข้างหลังนาย ฉันรู้ว่านายดูถูกฉัน มองไม่เห็นหัวฉันด้วยซ้ำ แต่ฉันเต็มใจที่จะรักนายแบบนี้ จะคอยช่วยนาย”
หลังจากอ่านข้อความเสร็จ มุมปากของหลงเซียวก็บิดเบี้ยว ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์
เจิ้งซินรีบโทรหาทันที แต่ยังคงถูกหลงเซียวตัดสาย
เธอเหมือนคนเดินที่มองเห็นแสงเรืองรองในความมืด แทบจะรอไม่ไหวที่จะเดินไปหาแสงนั้น
“เชื่อฉันนะ ฉันพูดจริง ถ้านายอยากให้ฉันช่วยจัดการตระกูลเสิ่น ฉันสามารถทำได้ทันที ถ้านายอยากให้ฉันไปเป็นเพื่อน ฉันสามารถไปเมืองหลวงได้ทันทีเลย ไม่ว่านายต้องการอะไรฉันตกลงหมด”
“หลงเซียว ถ้าเป็นเรื่องนายมันทำให้ฉันบ้า นายรู้บ้างมั้ย? ฉันรักนายแทบบ้า”