ตอนที่ 657 ผู้หญิงชอบของขวัญอะไร
กู้เยนเซินเป็นผู้ชำนาญการดี หลงเซียวไม่จำเป็นที่จะต้องไปเป็นห่วงเขา
ต่อให้อีกฝ่ายหนึ่งคือธนาคารสวิสที่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างดีก็ตาม
20 นาทีผ่านไป กู้เยนเซินแกว่งกุญแจตู้เซฟไปมาแล้วพูดว่า “ดูสิ ผมได้กุญแจมาแล้วล่ะ จุ๊บๆ!”
หลงเซียวทำสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดว่า “ไอ้คุณชายกู้ แกอยากตายยังไงบอกมา! พูดจาดีๆได้ไหม?”
กู้เยนเซินหัวเราะเหอะๆแล้วพูดว่า “ใจดำจัง นี่เขาเรียกว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ปลอบใจไม่รู้เหรอ? อยู่ต่างบ้านต่างเมืองแต่ให้มาทำภารกิจเหมือน 007 ผมนี่มันน่าสงสารจริงๆ”
หลงเซียวเอามือกุมหัวและมองดูจุดสีแดงที่เคลื่อนไหวไม่อยู่นิ่ง “เอาล่ะๆ ลาได้ 1 อาทิตย์พร้อมเงินเดือน”
พระเจ้า! จริงเหรอเนี่ย? หนึ่งอาทิตย์!!!! กู้เยนเซินคล้ายกับฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ หนึ่งอาทิตย์สำหรับการพักผ่อนมันหมายถึงอะไรกัน? นับแต่ที่เขาเข้ามาในถ้ำของหลงเซียวก็ถูกกดขี่ข่มเหงไม่เคยมีวันหยุดพักผ่อน
“พูดคำไหนคำนั้น 7 วันนะ!” กู้เยนเซินยืนถือกุญแจไว้ในมือ แล้วใช้รหัสของตัวเขาเองเข้าไปในห้องใต้บันได ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาเดินเข้าไปด้านในแล้วขึ้นลิฟต์ไป
หลงเซียวมองดูจุดสีแดงที่กำลังขึ้นไป เขามั่นใจว่ากู้เยนเซินจัดการได้เรียบร้อย “อืม 7วัน แต่ผมให้คุณหยุดแค่คนเดียว ไป๋เวยต้องอยู่ที่บริษัทนะ”
กู้เยนเซินพูดออกมาว่า “ไอ้บ้า! เราอยู่กันเป็นคู่นะ คุณให้ผมหยุดแค่คนเดียว คิดอะไรอยู่? ไม่ได้ๆ ต้องให้เมียผมมาด้วย”สวิตเซอร์แลนด์นี่ไม่เลวเลยทีเดียว เขาอยากจะอยู่เล่นต่ออีกสักหน่อย
จุดสีแดงนั้นหยุดนิ่ง กู้เยนเซินเดินออกมาจากลิฟต์
“ส่งของกลับมาก่อนแล้วค่อยบินกลับไปใหม่ ผมจะจัดเตรียมตั๋วเครื่องบินไว้ให้เอง” หลงเซียวพูดกับเขา
แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกกู้เยนเซินว่าเขาพาไป๋เวยไปทำงานที่เมืองเจียงเฉิงด้วย เพราะกลัวว่ากู้เยนเซินจะหยุดภารกิจลง
กู้เยนเซินเอ่ยคำสบถออกมา จากนั้นเดินไปยังตู้เซฟ มีเกราะป้องกันกระสุนอย่างดีขนาดใหญ่แข็งแรงมั่นคง ตรงกลางมีแป้นสำหรับกดรหัสผ่าน รหัสผ่านนั้นจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สามารถใช้ได้เพียงรหัสละหนึ่งครั้งเท่านั้น หากเข้าไปแล้วหนึ่งครั้งรหัสจะใช้การไม่ได้ ถ้าต้องการเข้าไปอีกจะต้องทำการขอรหัสใหม่
หลงเซียวควบคุมแผงวงจรอยู่ ณ บัดนี้ รหัสเดียวจึงสามารถเข้าออกได้หลายครั้งอีกทั้งยังไม่ถูกจับได้
“ตั๋วเครื่องบินเหรอ?ตั๋วเครื่องบินจะราคาเท่าไหร่เชียว!ผมไม่เอา ผมจะเอาคน” กู้เยนเซินกรอกรหัสเข้าไป 6 หลัก
ปึง!
เสียงประตูดีดออกจากด้านใน
ประตูอัตโนมัติถูกเปิดออก ด้านในมีความกว้างประมาณ 1 เมตร กู้เยนเซินเดินเข้าไปและปิดประตูลง การป้องกันความปลอดภัยทำได้ไม่เลวเลย เพียงแต่น่าเสียดายที่ยังป้องกันคนอย่างเขาไม่ได้
ในห้องนี้มีตู้เซฟด้านในอีก 4 ตู้ แต่ละตู้ได้ทำการป้องกันไว้อย่างดี หากไม่มีกุญแจและพยายามเปิดตู้เซฟออก เครื่องเตือนภัยจะดังขึ้น ได้ยินมาว่ามีอาวุธลับไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือปลอม
แต่กู้เยนเซินคงไม่ใช้ชีวิตของตัวเองเข้าแลกแน่
หลงเซียวพูดว่า “เปิดรหัสด้านซ้าย 3 ทีด้านขวา 3 ที”
เขาไม่สนใจในคำถามเมื่อสักครู่ ต้องการคนอย่างนั้นเหรอ?ฝันไปเถอะ!
กู้เยนเซินทำตามที่หลงเซียวบอกจนเปิดประตูตู้เซฟออกมาได้ ตู้เซฟถูกเปิดออกเสียงดังแกร๊ก!
โอ้โหคุณชายหลงเก่งมากจริงๆ! เพียงแต่เมื่อเขาคิดดูดีๆกู้เยนเซินรู้สึกว่าตัวเองเก่งกว่า
กู้เยนเซินผิวปากแล้วพูดว่า “ที่รัก ประตูเปิดออกแล้ว ต่อไปก็จะถึงขั้นเวลาแห่งปาฏิหาริย์ ขอสูดลมหายใจเข้าลึกๆสักหน่อยนะ”
บัดนี้ร่างกายเขาต้องการออกซิเจนมาก หลงเซียวเองก็รู้สึกโล่งอกไปไม่น้อยกว่าเขา ตู้เซฟของหลงถิงมีอะไรอยู่กันเขาไม่รู้จริงๆ
“ดูสิ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าด้านในมีสิ่งที่ผมต้องการไหม?”
ถ้าเขาเดาไม่ผิดล่ะก็ สิ่งของที่เขาต้องการน่าจะต้องอยู่ด้านใน แต่หลงเซียวกังวลว่าหลงถิงจะไม่ทำเช่นนั้น เพราะถ้าเขาเปลี่ยนแผนการ ทุกอย่างก็พังทลาย
กู้เยนเซินหายใจเข้าลึกๆและหายใจออก “คุณชายหลง หลงถิงน่าจะใช้ตู้ใบใหญ่ที่สุด ลองดูว่าข้างในคืออะไร!”
หลงเซียวเอามือประสานกันวางไว้ที่บนโต๊ะ เขาก้มหัวลงและพูดว่า “อืม เปิดลิ้นชักเถอะ”
“อืม”
กู้เยนเซินเปิดลิ้นชักออกมาและเบิกตากว้าง เขาพูดออกมาว่า “ว้าว!”
“อะไรเหรอ?” ท่าทางตื่นเต้นของกู้เยนเซินเมื่อสักครู่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นตามขึ้นมาทันใด
กู้เยนเซินหัวเราะเหอะๆ “เก่งจริงๆ คุณเดาถูกแล้วล่ะ ข้างในนั้นมีรูปภาพอยู่”
“มีจริงๆอย่างนั้นเหรอ?”
หลงเซียวถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี เพียงแค่มีรูปภาพนี้ก็พอแล้ว
“ลองดูซิว่าใช่ไหม” หลงเซียวพูด
กู้เยนเซินหยิบรูปนั้นออกมา เนื่องจากว่าเป็นรูปภาพคุณแม่ของคุณชายหลง เขาจึงระมัดระวังเป็นอย่างมากยิ่งกว่าจับพระพุทธรูปเสียด้วยซ้ำ เขาค่อยๆคลี่ภาพนั้นออก ดวงตาของกู้เยนเซินเบิกกว้าง
“พระเจ้า! ให้ตายสิ”กู้เยนเซินอุทานออกมา
“ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ให้ตายเถอะคุณชายหลง พวกเราถูกหลอกหรือเปล่า?รูปภาพด้านในไม่มีอะไรเลยเป็นเพียงกระดาษเปล่าธรรมดาๆแม้แต่ตัวอักษรตัวเดียวก็ไม่มี”
“อะไรนะ?”
หลงเซียวตกใจรีบลุกขึ้นยืน เก้าอี้ของเขาเลื่อนออกไป “อะไรก็ไม่มีเลยเหรอ?”
กู้เยนเซินไม่ยอมแพ้ เขาเปิดดูที่ลิ้นชักช่องที่ 2 ปรากฏว่าไม่มีอะไรเหมือนกัน
เขาเปิดลิ้นชักดูทุกชั้นปรากฏว่าทุกรูปล้วนเป็นภาพสีขาว
“แม่งเอ้ย หลงถิง!ไอ้บ้านี่ เขาน่าจะรู้ว่าของอาจจะถูกขโมย เลยได้สลับของเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะเก็บกระดาษเปล่าไว้ทำไม?”
หลงเซียวขมวดคิ้วอยู่เป็นเวลาเนิ่นนาน เขาไม่รู้จะพูดอย่างไร
ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย……
หลงเซียวกำหมัดขึ้นและมองไปยังหน้าจอนั้นพูดว่า “เข้าใจแล้ว”
การที่ไม่มีรูปภาพอยู่ในนั้นเหตุผลมีไม่มา นั่นก็คือหยวนชูเฟินเองอาจจะทำลายรูปภาพไปทั้งหมด จากนั้นหลงถิงเพียงแสร้งทำขึ้นมาว่ามีรูปอยู่
หรืออาจเป็นไปได้อีกประการหนึ่งนั่นก็คือหลังจากที่หลงถิงรู้ถึงอาการเจ็บป่วยของแม่ ก็ได้นำรูปภาพไปทำอย่างอื่น
กู้เยนเซินกระทืบเท้าปังๆ เขามองดูของทุกอย่างในตู้เซฟนั้น แต่ก็ไม่มีอะไร “แม่งเอ้ย หลงถิงโรคจิตหรือไง? เอากระดาษเปล่าใส่ไว้ในตู้เซฟเพื่ออะไรกัน?”เราหลงกลมันเข้าแล้ว”
หลงเซียวลากเก้าอี้เข้ามาแล้วนั่งลงพูดว่า “ในเมื่อไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่ที่ผมบอกว่าให้วันหยุดของคุณผมก็ยังให้อยู่ ในเมื่อไม่ต้องเอาของกลับมาคุณก็เที่ยวที่ Switzerland ไปสักอาทิตย์หนึ่งแล้วกัน ช่วงนี้ผมจะไม่ให้งานคุณเพิ่ม”
กู้เยนเซินถามว่า “คุณชายหลง ไม่เป็นอะไรเหรอ? รูปภาพของคุณป้าหาไม่เจอแบบนี้คุณจะทำยังไงต่อ?”
“ผมจะลองคิดหาวิธีใหม่ ขอเพียงแค่ยังมีภาพอยู่ วันหนึ่งจะต้องปรากฏขึ้นแน่นอน เมื่อค้นหาด้วยวิธีทั่วไปไม่เจอ ผมคงต้องให้จางหย่งค้นหาด้วยวิธีอื่น”
วิธีทั่วไปอย่างนั้นเหรอ?นี่มันเป็นวิธีทั่วไปตรงไหนกัน?!
เขาไม่เข้าใจจริงๆ……
เอาเถอะ ได้หยุดพักผ่อนตั้งหลายวันก็ไม่ใช่ว่าจะเลวซะทีเดียว
หลงเซียววางสายลง มือทั้งสองข้างของเขากุมไว้ที่ขมับและถอนหายใจออกมา หลงถิงรู้ถึงแผนการของเขาอย่างนั้นเหรอ?หรือว่าหลงถิงกำลังจ้องมองเขาอยู่?ทำไมเขาถึงไม่รู้เลย
ขณะที่เขากำลังปวดหัวอยู่นั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เป็นข้อความจากลั่วลั่ว
“คุณคะ วันนี้รีบกลับบ้านนะคะ เดี๋ยวเสี่ยวจื๋อจะมากินข้าวที่บ้านเรา”
หลงเซียวพิมพ์กลับไปเพียงแค่ “ครับ” หลังจากนั้นเขาก็ลบทิ้งและโทรศัพท์กลับไป
ลั่วหานรับสายเขาแล้วถามว่า “คุณไม่ได้ประชุมอยู่เหรอคะ?”
หลงเซียวตอบอย่างเรียบง่ายว่า “ตอนนี้ไม่ยุ่งแล้วครับ คุณล่ะ?”
ลั่วหานเองก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่จึงตอบว่า “คุณทำให้คนไข้ฉันกลัวจนตกใจหนีไปหมดแล้ว ฉันจะงานยุ่งได้ยังไงล่ะคะ?กำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับการบำรุงครรภ์อยู่ค่ะ”
ที่จริงแล้วเธอกำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับการออกตรวจอยู่ต่างหาก
หลงเซียวเอนตัวลงที่พนักเก้าอี้ อารมณ์หม่นหมองเมื่อสักครู่คล้ายกับถูกลมพัดจางไปกว่าครึ่ง เขาพูดว่า “อืม เป็นหนังสือที่ดีทีเดียว”
ลั่วหานเปิดหนังสือไป 2-3 หน้าแล้วถามว่า “มีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่าคะ?”
หลงเซียวไม่อยากให้เธอได้รับรู้ถึงปัญหากลุ้มใจจึงตอบว่า “ไม่มีอะไรครับ พอดีผมเห็นข้อความของคุณก็เลยโทรศัพท์มาบอกว่า ผมได้รับข้อความแล้วและผมจะรีบกลับบ้านนะ”
ลั่วหานหัวเราะ แสงแดดยามเย็นปะทะกับท้องฟ้าแสนสวยงามด้านนอก มองแล้วช่างสบายใจจริงๆ “ค่ะ ในเมื่อรู้แล้วก็รีบจัดการงานต่อเถอะค่ะ ฉันจะอ่านหนังสือแล้ว เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะ”
หลงเซียวมองดูเอาเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ เห็นทีว่าคืนนี้เขาคงต้องเอางานกลับไปทำที่บ้านด้วย “ครับ ผมทำงานก่อนนะ”
“ค่ะ งั้นฉันวางสายแล้วนะคะ” ลั่วหานกำลังจะเตรียมตัววางสายลง
“เดี๋ยวก่อนครับ” หลงเซียวรีบพูดแทรกขึ้น “ใส่หูฟังแล้วอ่านหนังสือไป ไม่ต้องวางสาย”
“คะ?” ลั่วหานกำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับคำถามที่แพทย์ฝึกหัดถามเธอและจดลงไปในสมุด
“ไม่ต้องวางสายหรอกครับ ผมได้ยินแค่เสียงลมหายใจของคุณก็พอแล้ว” หลงเซียวพูดกับเธอด้วยคำพูดอบอุ่น
ลั่วหานหัวเราะเหอะๆ “คุณลุงคะ อายุปาเข้าไป 30 แล้ว อย่าขี้อ้อนแบบนี้ได้ไหม?ตอนกลางคืนกลับบ้านก็เจอแล้ว ฉันกำลังตั้งครรภ์อยู่นะคะ โทรศัพท์นานๆไม่ดีต่อทารก แม้ว่าฉันจะใส่ชุดป้องกันรังสีอยู่ก็จริง แปลว่าหูฉันไม่ได้ใส่นะ”
หลงเซียว “……”
ผมไม่ได้ให้คุณใส่หูฟังเหรอ?
ทำไมไม่ทำตามที่เขาบอกกัน!
“ครับ งั้นเจอกันที่บ้านนะ” หลงเซียวไม่อยากขัดใจเธอ
ลั่วหานเปลี่ยนใจขึ้นมา เธอหยิบหูฟังใส่เข้าไปแล้วพูดว่า “เอาละค่ะ ฉันใส่หูฟังแล้วจะไม่วางสายก็ได้ ฉันจะวางโทรศัพท์ไว้ไกลหน่อย”
หลงเซียวยิ้มขึ้นมาด้วยความพอใจ จิตใจเธองดงามจริงๆ
หลงเซียวฟังเสียงหายใจของเธอ ทำให้ความโกรธเมื่อสักครู่เริ่มเบาลงได้บ้าง เพียงแค่ผ่านไป 10 กว่านาทีเขาก็มีประชุมจึงจำเป็นจะต้องวางสาย
“ลั่วลั่ว อยู่ที่โรงพยาบาลนานไปหรือเปล่า?ตอนนี้แม้แต่กระทั่งลมหายใจของคุณก็กลายเป็นยา” หลงเซียวพูดด้วยอารมณ์ดี
ลั่วหานกำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน เธอจึงได้เก็บของแล้วถามว่า “คุณต้องการพูดอะไรกันแน่?”
“คุณเป็นยารักษาใจของผม ต่อให้ผมอารมณ์ไม่ดีคุณก็รักษาได้ทุกที”
ลั่วหานมองไปยังหลินซีเหวินที่อยู่ด้านนอก เธอโบกมือเป็นความหมายอย่าลืมว่าวันนี้ต้องรีบกลับบ้าน “อย่าชมฉันมากเกินไปนะคะ ถ้าชมฉันอีกฉันคงจะลอยไปแล้วแน่เลย ฉันเลิกงานก่อนนะคะ คุณเสร็จธุระแล้วก็กลับบ้านล่ะ เสี่ยวจื๋อประมาณทุ่มหนึ่งก็ถึง”
“ครับ เจอกันตอนกลางคืนนะ”
หลังจากวางสายลง หลงเซียวก็เตรียมตัวเข้าประชุม แอนดี้ส่งเอกสารในการประชุมให้แก่เขาแล้วพูดว่า “ท่านประธานคะ แผนการทุกอย่างในเมืองเจียงเฉิงได้เขียนไว้เรียบร้อยแล้ว และฉันก็ได้ติดต่อไปยัง MBK เรียบร้อยแล้วค่ะ ฝ่ายตรงข้ามหวังว่าคุณจะไปร่วมงานมาก”
ยังไงเสียก็เป็นแค่เพียงคำโกหก……
หลงเซียวตอบอย่างมีพลังว่า “อืม”
แล้วก็แอนดี้ก็เปิดบันทึกการเดินทางในแต่ละวันของหลงเซียวขึ้น
หลงเซียวรีบพูดว่า “ถ้ามีงานอื่นพรุ่งนี้ค่อยพูดกัน ไปร้านขายดอกไม้และซื้อดอกพุดมาให้ผม ใส่ไว้ที่ด้านหลังรถของผมได้เลย อ้อ!ไม่สิ ใส่ไว้ที่ข้างคนขับได้เลย”
“ได้ค่ะ ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
ทุกครั้งไม่พ้นการมอบดอกไม้ มันค่อนข้างจะจืดชืดไปหน่อยไหมเจ้านายคะ? เปลี่ยนวิธีการเซอร์ไพรส์หน่อยก็ดีนะ เธอนึกในใจ
หลงเซียวหยุดยืนอยู่หนึ่งวินาทีแล้วหันไปถามแอนดี้ว่า “ผู้หญิงชอบของขวัญอะไรกัน?หรือว่าได้รับของขวัญอะไรถึงจะชอบ?”