ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 659

ตอนที่ 659

ตอนที่ 659 พระเจ้าช่วยกล้วยทอด

หลงเซียวไม่อยากปล่อยมือไปจากเธอ อีกทั้งยังโอบกอดเอวเธอเอาไว้แน่นให้เธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา

ลั่วหานรู้สึกอึดอัดใจ ช่วงนี้คุณชายหลงเป็นอะไรไป? ยิ่งวันยิ่งทำตัวเหมือนเด็กๆขึ้นไปทุกที ศีรษะของเธอซบไปที่อ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า “เป็นอะไรไปคะ? ทำงานเหนื่อยเหรอ?ต้องการกำลังใจ?หรือพลังด้านบวกกัน?”

หลงเซียวถอนหายใจออกมา คำพูดของเธอมันน่าโมโหจริงๆ เขาเพียงแค่ต้องการกอดภรรยาของตัวเองสักพักเท่านั้น

“ลั่วลั่ว พวกเราห่างเหินกันเกินไปหรือเปล่า?” หลงเซียวพูดอย่างตั้งใจ

ลั่วหานไม่เข้าใจในคำพูดของเขาจริงๆ เธอตอบกลับไปว่า “ไม่นะคะ ฉันว่าทุกอย่างปกติดีแล้วฉันก็มีความสุขมาก”

“ถ้าอย่างนั้นทำไม……” ทำไมถึงไม่อยากใกล้ชิดกับเขามากกว่านี้ล่ะ?

ประโยคนี้จะให้หลงเซียวพูดออกมาได้อย่างไร?

หลงเซียวรู้สึกหงุดหงิดใจ ทุกครั้งที่เขาแสดงความรักต่อภรรยาของเขา ทำไมภรรยาของเขามักจะเปลี่ยนหัวข้อไปเป็นเรื่องอื่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในโทรศัพท์หรือเมื่อเจอกัน

หรือว่าความรักของพวกเขามันจืดชืดเกินไปแล้ว?

ไม่ได้การล่ะ……

“คะ?คุณจะพูดว่าอะไรกัน?” ลั่วหานเอ่ยถามขึ้น

หลงเซียวลูบไปที่ผมของเธอด้วยท่าทางอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ตอนกลางคืนผมจะบอกคุณ รอก่อนนะ”

ลั่วหานยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่เอาค่ะ ฉันอยากฟังตอนนี้”

“พี่ครับ พี่สะใภ้! พวกเรามาแล้ว” เสียงของหลงจื๋อแทรกเข้ามาท่ามกลางทั้งสองคน ทำให้บรรยากาศโรแมนติกเมื่อสักครู่จางหายไป

หลงเซียวหน้าดำคร่ำเครียด

“รีบเข้ามาเร็วเข้า พี่เตรียมผลไม้ไว้แล้ว อาหารต้องรออีก 10 กว่านาทีถึงจะเสร็จ” ลั่วหานพยายามผลักหลงเซียวออกไปเพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนของเขา

หลงเซียว “……”

หลินซีเหวินหัวเราะหึๆแล้วพูดออกมาว่า “คุณหมอฉู่คะ คุณทั้งสองคนแต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังแสดงความรักกันอย่างหวานชื่นแบบนี้ เมื่อเจอหน้ากันก็ต้องกอดกันอย่างแสนหวาน น่าอิจฉาจริงๆ”

หลงเซียวยิ้มอย่างพอใจและคิดว่าดูสิขนาดคนรอบข้างยังมองออก

ลั่วหานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “จริงเหรอ?ทำไมฉันไม่รู้สึกอย่างนั้นล่ะ!”

หลงเซียว “……” หรือการแสดงออกของเขายังไม่ชัดเจนกัน?เขากุมหัวตัวเองแล้วรู้สึกหงุดหงิด

หลงจื๋อเห็นปฏิกิริยาของพี่ชายแบบนั้นก็ถามออกมาว่า “พี่ทะเลาะกับพี่สะใภ้เหรอ?”

“เปล่า” พวกเขาจะทะเลาะกันได้ยังไง?

นอกเสียจากว่าหลังจากตั้งครรภ์ ลั่วหานได้รับแรงกดดันไม่น้อยจึงทำให้เกิดผลกระทบต่ออารมณ์

หลินซีเหวินยื่นดอกไม้ช่อโตให้กับลั่วหานแล้วพูดว่า “นี่ค่ะ มอบให้แก่คุณหมอสุดสวยของเรา หลงจื๋อบอกว่าคุณชอบดอกพุดที่สุด ดังนั้นเลยตั้งใจซื้อมาให้ค่ะ แต่กลิ่นค่อนข้างจะแรงไปหน่อย”

กลิ่นของดอกพุดนั้นค่อนข้างแรง ลั่วหานจะนำตากลมเอาไว้ก่อนเพื่อให้กลิ่นจางหายไป ดอกพุดตามท้องตลาดนั้นสีสันโดดเด่นเกินไปอีกทั้งยังหอมเหมือนใส่น้ำหอม เมื่อได้กลิ่นทีไรก็ฉุนทุกที

“ขอบคุณน้องสะใภ้สุดสวยนะคะ ว่าแต่ซีเหวินคบกับเสี่ยวจื๋อมาก็ตั้งนานแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนมาที่บ้านแห่งนี้น่าจะเรียกพวกเราเป็นอย่างอื่นได้แล้วนะ?”

หลินซีเหวินรู้สึกเขินอายแล้วพูดว่า “ค่ะพี่ลั่ว หนูลืมไปนะคะ”

หลงเซียวมองมาด้วยสายตาหึงหวง ทำไมลั่วหานถึงปฏิบัติกับทั้งสองคนร่าเริงแบบนั้น เขามองไปด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อลั่วหานมองเห็นเขาก็แทบจะวิ่งหนี

ดอกไม้นั้นใหญ่เกินไป หลงเซียวจึงเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “ผมเองครับ”

ลั่วหานถือเอาไว้เธอว่าอีกละเดี๋ยวจะนำดอกไม้ไปปักใส่แจกัน ดังนั้นจึงไม่ได้ให้หลงเซียวรับไป เธอพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรค่ะฉันถือไว้ก็พอ”

หลงเซียวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิมจึงตอบว่า “ก็ได้”

หลงจื๋อรู้สึกถึงความผิดปกติไปแต่บอกไม่ถูก พวกเขาทั้งสองคนเย็นชาต่อกัน หรือตามปกติก็เป็นแบบนี้? หรือความรักเริ่มจืดจางลงแล้ว?

ไม่ได้การล่ะ เขาจะต้องสืบข้อมูลสักหน่อย

หลงจื๋อลากตัวหลินซีเหวินออกมาแล้วถามว่า “พี่กับพี่สะใภ้มีบางอย่างผิดปกติไป เดี๋ยวคุณลองไปถามพี่สะใภ้ดูนะว่าพี่ชายของผมทำอะไรไม่ถูกต้องหรือเปล่า?”

หลินซีเหวินอ้าปากค้างเธอพูดว่า “เป็นไปไม่ได้น่า”

ถึงเธอจะบอกมาว่าเป็นไปไม่ได้ แต่หลินซีเหวินก็ยังทำตามที่เขาสั่ง

ทั้งสี่คนนั่งลงที่ห้องโถง ลั่วหานต้อนรับแขกด้วยผลไม้ จากนั้นจึงเปิดประเด็นว่า “หลงจื๋อ พวกเธอสองคนก็คบกันมานานแล้วนะ ได้ไปหาผู้หลักผู้ใหญ่บ้างหรือยัง?”

หลินซีเหวินขมวดคิ้วแล้วจ้องไปที่ลั่วหานเป็นความหมายว่าจะพูดเรื่องนี้ทำไมเนี่ย?

ตอนนี้เธอยังไม่อยากให้หลงจื๋อรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ

ลั่วหานทำเป็นมองไม่เห็นแล้วพูดกับหลงจื๋อว่า “พี่ถามน่ะได้ยินหรือเปล่า?”

หลงจื๋อกำลังกินผลไม้อยู่ เขาตอบมาว่า “เอ่อ……ยังเลยครับ ผมอยากไปที่บ้านเธอนะ แต่เธอไม่ยอม ผมไม่รู้จะทำยังไงพี่ช่วยหน่อยได้ไหม ผมลองมาทุกวิถีทางแล้ว”

หลงจื๋อโบกไม้โบกมือเป็นท่าทีว่าเขาไม่มีหนทางแล้วจริงๆ

หลินซีเหวินหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ฮ่าๆๆไม่รีบหรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำใจเลยอีกอย่างตอนนี้เขาเป็นถึงประธานของ MBK ฉันจะกล้าให้ไปพบพ่อแม่ได้ยังไง ไม่รีบค่ะไม่รีบ!”

หลินซีเหวินแอบดึงชายเสื้อของลั่วหานเป็นความหมายว่าไม่ให้เธอพูดออกมาอีก

หลงเซียวขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย พ่อของหลินซีเหวินก็คือหลินเหว่ยเย่ที่มีชื่อเสียงเป็นนักสะสมโบราณ อีกทั้งยังมีบริษัทของตัวเองและสมาคมด้วย ก็ไม่ได้น่าอายขนาดนั้นนี่นา

“คุณหมอหลิน ครับคุณกับหลงจื๋อคบหากันมีจุดประสงค์ที่จะแต่งงานกันใช่ไหม?”หลงเซียวแทรกตัวเข้ามาระหว่างลั่วหานแล้วเอื้อมมือไปโอบไว้ที่โซฟา มองแล้วดูเหมือนเขากำลังโอบกอดเธออยู่

“ใช่ค่ะ”

หลงเซียวพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้คุณหมอหลินเองก็คงจะเข้าใจดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยานั้นที่สำคัญที่สุดก็คือความจริงใจ และความเชื่อมั่น ไม่มีอะไรที่จะต้องเขิน ส่วนเรื่องของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั้นก็คงจะต้องพยายามหน่อย”

ทั้งสามคนมองมาที่เขาโดยไม่กะพริบตา หลงจื๋อที่พึ่งจะหยิบเชอรี่เข้าปากไปก็ไม่กล้าขยับ หลินซีเหวินตกตะลึง แม้แต่ลั่วหานเองก็ยังคิดว่าตัวเองหูฝาด

หลงเซียวพูดต่อไปว่า “หลงจื๋อ หาโอกาสไปพบคุณพ่อคุณแม่ของคุณหมอหลินได้แล้ว นี่เป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่จะต้องทำ ไม่อย่างนั้นต่อไปเขาจะวางใจให้ดูแลลูกสาวเขาได้ยังไง?”

“เหอะๆๆ”

หลงจื๋อสำลักจนเซอรี่แทบจะติดคอ

“นั่นสิครับ พี่พูดถูก ผมจะต้องเตรียมตัวซะแล้ว รับรองว่าพ่อแม่ของเขาจะต้องดีใจ”

หลินซีเหวินหน้าซีดแล้วถามว่า “จริงเหรอคะ?”

ลั่วหานพูดแทรกเข้าไปว่าแน่นอนสิ ในฐานะตัวแทนของตระกูลหลง หลงเซียวได้ให้คำแนะนำที่ดีทีเดียว และเมื่อสักครู่เธอเรียกฉันว่าพี่ รับรองว่าฉันต้องช่วยเธออย่างสุดชีวิต”

“พี่สะใภ้พูดถูก วันนี้พวกเราทั้งสองคนเลยได้มาเยี่ยมพี่ด้วยตัวเองก่อน”

หลงจื๋อรู้สึกอบอุ่นหัวใจ พี่ชายก็คือพี่ชาย คำพูดของพวกเขาทั้งสองทำให้ปัญหาที่ค้างคาใจถูกเปิดออก

นี่มันแผนการของพระเจ้าชัดๆ!

หลินซีเหวินกัดฟันกรอดๆ ในปากของเธอเต็มไปด้วยส้ม นี่มันอะไรกัน? ไหนบอกว่าจะมากินข้าวไง ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้

แล้วอีกอย่างทำไมพี่ลั่วกับคุณชายหลงถึงได้เข้าข้างหลงจื๋อกันล่ะ?

เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

หลงจื๋อมองไปทางทั้งสองคนแล้วพูดว่า “พี่ครับ พี่สะใภ้ ขอบคุณมากจริงๆเดี๋ยวผมจะดื่มให้ทั้งสองคน”

“แน่นอน ซีเหวินของเราทั้งน่ารักและฉลาดแบบนี้ ภูมิใจละสิ!” ลั่วหานเอามือลูบไปที่ผมของหลินซีเหวินด้วยความรู้สึกเอ็นดู

หลงเซียว “……”

เขายอมแพ้เธอจริงๆ

อาหารค่ำเตรียมเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนก็เดินไปที่ห้องอาหาร

หลงจื๋อยกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า “พี่ครับ ไม่ต้องพูดอะไรมาก วันนี้ผมขอดื่มให้พวกพี่ทั้งสองแทนคำขอบคุณ”

“เดี๋ยวก่อน” หลงเซียวห้ามเขาเอาไว้แล้วพูดกับหลินซีเหวินว่า “ในเมื่อจะดื่มก็ควรจะดื่มด้วยกันใช่ไหมครับคุณหมอหลิน?”

ลั่วหานแอบยิ้มอยู่ในใจ คุณหลงคะนี่คุณกำลังตั้งใจจะทำให้หลงจื๋อกับหลินซีเหวินก้าวไปอีกขั้นหนึ่งแล้วใช่ไหม เอาล่ะ เธอจะต้องช่วยเขาอีกแรง

ลั่วหานรินเครื่องดื่มลงไปในแก้วของหลินซีเหวินแล้วพูดว่า “ในวันนี้เธอก็เป็นสมาชิกของตระกูลหลงของพวกเขาแล้ว พี่จะต้องดูแลเราอย่างดีและจะไม่ให้หลงจื๋อรังแกเราแน่ๆ”

หลงเซียวและหลงจื๋อ “……”

ตระกูลหลวงของพวกเขาเหรอ!?

คุณหมอฉู่คิดว่าตัวเองเป็นแม่ของหลินซีเหวินหรือไง?

หลินซีเหวินหัวเราะหึๆ “ก็ได้ค่ะ ก็ได้ค่ะ แก้วแรกนี้หนูขอดื่มให้กับพี่ชายและพี่สะใภ้ต่อจากนี้ต้องรบกวนทั้งสองคนด้วยนะคะ”

ลั่วหานกำลังตั้งครรภ์อยู่เธอจึงดื่มเหล้าไม่ได้ แต่หลงเซียวก็ไม่ค่อยดื่มสักเท่าไหร่ เขารินน้ำผลไม้ให้กับลั่วหานและตนเอง “ต่อจากนี้ก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจมีเรื่องอะไรก็พูดได้”

หลงจื๋อและหลินซีเหวินมองไปที่แก้วของเขาแล้วถามว่า

“จะดื่มอันนี้เหรอ?”

ลั่วหานก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ควรจะมีสักคนหนึ่งดื่มเหล้าถึงจะถูก

ใครจะรู้กันล่ะว่าหลงเซียวพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจังว่า “มีปัญหาอะไรไหม? พวกเราดื่มน้ำองุ่น พวกคุณดื่มเหล้าองุ่น ที่จริงแล้วก็มาจากตระกูลองุ่นเหมือนกัน ไม่เห็นมีอะไรที่จะผิดเพี้ยนหรือแตกต่างกัน”

ลั่วหาน……

หลงจื๋อ……

หลินซีเหวิน……

ให้ตายสิไม่ดื่มเหล้าก็ไม่ต้องดื่ม พูดอะไรออกมาแบบนี้เนี่ย

ระหว่างการรับประทานอาหารทั้งสี่คนได้พูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆนานาอีกทั้งยังพูดไปถึงว่างานแต่งงานของทั้งสองคนจะจัดขึ้นที่ไหน

หลงเซียวในนามตัวแทนของบ้านตระกูลหลง เขาแทบไม่ต้องถามความเห็นของหลงถิงด้วยซ้ำ

หลินซีเหวินฟังที่พวกเขาพูดกันแล้วตกตะลึง “พี่หลงคะ ตอนนี้คุยกันเรื่องงานแต่งไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?”

แต่หลงจื๋อกลับไม่คิดแบบนั้นแล้วพูดว่า “ไม่หรอกๆพี่พูดต่อเลยครับ พี่กับพี่สะใภ้มีประสบการณ์มาก่อน พวกเราต้องฟังความคิดเห็นของเขา ไม่เพียงแค่งานเลี้ยงอีกทั้งชุด การ์ดเชิญและอื่นๆด้วย”

หลงเซียวไม่สนใจหลงจื๋อ แต่เขาหันกลับไปถามหลินซีเหวินด้วยท่าทางจริงจังว่า “เร็วไปเหรอ?”

หลินซีเหวินทำสีหน้าไม่ถูกเธอพูดว่า “ฉันกับหลงจื๋อยังไม่ได้ตัดสินใจดีเลยค่ะ และอีกอย่างพวกเราก็ยังอายุน้อยไม่รีบแต่งงานหรอกค่ะ”เหอะๆ

หลงเซียวพยักหน้าแต่ยังยืนยันความคิดเดิมของตนเองว่า “ไม่เร็วหรอก ผมกับพี่สะใภ้ของคุณตอนที่แต่งงานการอายุน้อยกว่าพวกคุณด้วยซ้ำ”

ลั่วหานเอามือขึ้นปิดหน้าตัวเองแล้วพูดว่า “เอ่อ……พวกเราแต่งงานผิดกฎหมาย อายุยังไม่ถึงน่ะ”

หลินซีเหวิน……

หลงเซียวพูดต่อว่า “ดังนั้นปีนี้พวกคุณจัดการเรื่องงานแต่งให้เรียบร้อย ผู้ชายน่ะหลังจากแต่งงานถึงจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริงพวกคุณน่าจะเข้าใจดี”

หลินซีเหวินรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดจริงๆที่เดินทางมาในวันนี้

เธอแกว่งเท้าหาเสี้ยนชัดๆ เป็นยังไงล่ะทีนี้

เหอะๆ เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลงเซียวแม้แต่น้อย

หลังรับประทานอาหารค่ำเสร็จก็ได้ล่วงเลยไปถึง 21:30 น.

หลงเซียวกระดาษขึ้นมาเช็ดปากแล้วพูดว่า “เดี๋ยวอีกสักพักคนขับรถจะมารับแล้ว พี่มีเรื่องจะต้องคุยกับเรานิดหน่อย มานี่สิ”

หลงจื๋อเองก็หยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดปาก ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ครับพี่”

ลั่วหานมองดูสองพี่น้องเดินจากไปด้วยความรู้สึกกังวลใจ

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท