ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 675

ตอนที่ 675

ตอนที่ 675 ไม่เหมาะมั้ง

ลั่วลั่วมองอารมณ์ของหลงเซียวที่เปลี่ยนไปก็รีบคว้าแขนเขาทันที “เกิดอะไรขึ้น?”

หลงเซียวกดมือด้วยแววตาลุกโชนแล้วพูดว่า “หลงถิงไปโรงพยาบาลแล้ว”

“อะไรนะ? งั้นแม่ก็…” ดวงตาของลั่วหานเบิกกว้างค้างอย่างตกใจสุดๆ

หลงเซียวพยักหน้า “ฉันจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ต้องหยุดแผนของหลงถิงทั้งหมด”

ลั่วหานพันผ้าพันคอไหมอย่างรวดเร็ว “ฉันจะไปด้วย วางใจได้ฉันนั่งรถนายฉันไม่มีทางเป็นอะไรแน่ ทารกในครรภ์อยู่ดี พวกเราจะไปกับแม่ด้วยกัน”

เมื่อห้ามลั่วหานไม่ได้ หลงเซียวจึงต้องยอม

ในรถ หลงเซียวขับรถเร็วถึง 60 หลาก็ตาม เนื่องจากประสิทธิภาพของรถและทักษะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม Rolls-Royceสีดำจึงขับอย่างมั่นคง

ลั่วหานนั่งที่นั่งข้างคนขับ คิ้วสวยทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเป็นปม “นาย นายคิดว่าหลงถิงคิดจะทำอะไร?”

หลงเซียวจับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้างอย่างเอาจริงเอวฝาจัง “คงอยากจะพาแม่กลับบ้าน หากดูจากวิธีการทำอะไรของหลงถิงแล้ว เขาจะไม่มีทางปล่อยให้ตระกูลหลงมีข่าวอื้อฉาวแน่นอน เขาชิงประกาศฐานะของฉันแล้ว ขั้นต่อไปคงจะสร้างภาพลักษณ์ว่าตระกูลหลงมีความสามัคคีรักใคร่กันดี ยังเหลือเวลาอีก 40 นาทีก่อนที่ตลาดหุ้นจะเปิดทำการ เขาอยากจะสู้ก่อนที่ตลาดจะเปิด”

ลั่วหานนึกถึงวิธีการก่อนหน้านี้หลงถิงเคยทำ แล้วพยักหน้าเห็นด้วย “เขาสามารถทำแบบนี้ได้ ฉันเชื่อว่าเขาทำมันลง”

รถขับไปอย่างมั่งคงและรวดเร็วโดยไม่ถูกขวาง “อีกอย่างการที่หลงถิงพาแม่กลับบ้าน เกรงว่าจะเป็นเพียงหนึ่งในแผนการเท่านั้น เขายังมีแผนอื่นอีก”

“อย่างเช่น? ” พอลั่วหานถามเสร็จก็ลองเดาดู “เป็นไปได้ไหมที่หลงถิงต้องการให้เรากลับบ้าน? เพื่อตบตาสื่อ ให้ทุกคนคิดว่าตระกูลหลงเป็นตระกูลที่สมบูรณ์แบบ?”

หลงเซียวยิ้ม หันหน้าไปมองลั่วหานแล้วปรบมือให้ “ลั่วลั่วเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจริงๆ ดูเหมือนคำที่ว่าผู้หญิงคลอดลูกครั้งหนึ่งก็จะโง่ไป 3 ปีนั้นจะไม่ได้ผลกับเธอ”

เมื่อเขาพูดอย่างนั้น ลั่วหานรู้ว่าเธอเดาถูก ใช่ หลงถิงเป็นคนที่สามารถทำเลวๆแบบนั้นได้!

ไอ้เลวเอ้ย!

——

โรงพยาบาลหวาเซี่ย

หลงถิงกับหลงจื๋อไม่ต้องการคำแนะนำจากพยาบาลเลย พวกเขาเดินตรงไปตามทางเดิน ขึ้นชั้นบนตรงไปที่ห้องผู้ป่วยของหยวนชูเฟิน

หลงจื๋อรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ดูไม่จริง เขาไม่กล้าคิดเลยว่าแม่ที่เขาเคารพ แม่ที่เขากลัวและชื่นชมอยู่ที่นี่จริงๆ

ทั้งๆที่คนทั้งโลกต่างคิดว่าเธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ความจริงมันช่างน่าขันเสียเหลือเกิน จริงๆแล้วเธออยู่เคียงข้างพวกเขา มันใกล้แต่ก็ไกล

หลงถิงยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ได้เคาะประตูทันที แต่กลับจัดเนกไทของตนอย่างเป็นดูพิธีการ เขาหายใจเข้าลึกๆ ท่าทางนี้เหมือนกับชายหนุ่มที่กำลังตื่นเต้นเวลาจะออกเดต แล้วยังเต็มไปด้วยความรอคอยที่จะได้พบคนรัก

หลงจื๋อเห็นทุกการกระทำของหลงถิง ก็ยิ่งมั่นใจในความคิดตัวเองที่ว่าพ่อรักแม่จริง ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ใช้วิธีไหน แต่ความรู้สึกที่มีต่อแม่นั้นเป็นเรื่องจริง

ด้วยเหตุนี้หลงจื๋อจึงรู้สึกเศร้า

หลังจากเตรียมตัวพร้อมแล้ว หลงถิงเองก็ผลักประตูห้องผู้ป่วยด้วยตัวเอง เมื่อประตูเปิดออกแสงจากหน้าต่างสูงก็สาดส่องเข้ามา เนื่องจากสภาพอากาศไม่ดีเท่าไร อากาศจึงดูขมุกขมัวมาก หน้าต่างห้องนั่งเล่นนั้นไม่ได้ปิดแน่นจึงมีลมพัดโชยเข้ามาเบาๆ ทำให้ผ้าม่านผืนบางสีขาวปลิวไปตามลมราวกับปุยเมฆ

หลงถิงเดินเข้าไปยังห้องชุดที่อยู่ด้านในอยู่คุ้นเคย หน้าต่างนั้นถูกปิดไว้ ส่วนผ้าม่านนั้นถูกพยาบาลเปิดออกแล้ว แสงสว่างสาดเข้ามาในห้องส่องใส่คนที่นอนอยู่บนเตียงให้สว่างขึ้น

หยวนชูเฟินนอนเงียบๆบนเตียง มือทั้งสองวางลงบนหน้าท้อง บนหลังมือมีรอยสีเขียวจากการถูกเข็มเจาะ พอเทปถูกฉีกออกก็เผยรอยแผลแนวนอน 2 รอยที่เข้มกว่าผิวขาวของเธอมาหนึ่งระดับ

มีรอยดังกล่าวหลายจุดบนหลังมือ

เมื่อมองขึ้นจากมือเธอ ก็เห็นร่างที่ซีดเซียวผอมไปกว่าแต่ก่อนไม่น้อย แล้วยังใบหน้าไร้เรี่ยวแรงนั่นอีก

เห็นได้ชัดว่านางพยาบาลล้างและเช็ดหน้าและมือมาแล้ว เพราะใบหน้าที่ซีดเซียวนั้นสะอาดมาก ไม่มีรอยแผลเป็น จุดด่างดำ หรือริ้วรอยใดเมื่อเธอหลับตา

หยวนชูเฟินนอนลงหายใจอย่างสม่ำเสมอเช่นนั้น ไม่รับรู้ถึงโลกภายนอก

เมื่อเห็นเธอ หลงถิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ มองเธอ แล้วยื่นมือออกมากุมมือเธอไว้ จากนั้นค่อยๆวางมือข้างหนึ่งของหยวนชูเฟินไว้ในมือใหญ่ของเขาแล้วกุมอีก

“อาเฟิน ผมมาหาคุณแล้ว”

ทันใดนั้นหลงจื๋อก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก เขายืนอยู่ที่ปลายเตียงอย่างไม่รู้จะทำอะไร พยายามจะตัวให้เหมือนเป็นอากาศธาตุ

หลงถิงพูดกับหยวนชูเฟินสองสามประโยค แต่ละประโยคนั้นล้วนเป็นห่วงเป็นใย เขาดูเป็นสามีที่ดี

แต่หลังจากนั้นสักพัก หยวนชูเฟินไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมา หลงถิงจึงเริ่มสงสัยขึ้นในใจ “เสี่ยวจื๋อ ตามหมอมาหน่อย”

“ครับ” หลงจื๋อกำลังจะไปตามหมอ แต่พอหันกลับมาก็เจอกับส้งชิงเซวี๋ยนที่เดินเข้ามา

“ไม่ต้องตามหา ผมอยู่นี่แล้ว” ส้งชิงเซวี๋ยนเดินเข้ามาอย่างไม่ได้เร่งรีบจนดูเกียจคร้าน สองมือของเขาสอดอยู่กระเป๋าจมเสื้อคลุมสีขาวดึงลงตามไหล่ของเขา

เมื่อหลงถิงเห็นเขาเดินเข้ามาก็ขมวดคิ้วสองข้างแน่น “ทำไมเธอยังไม่ฟื้นอีกล่ะ?”

ส้งชิงเซวี๋ยนยิ้มแล้วพูดว่า “ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะครับ ปกติตอนนี้เธอควรจะตื่นแล้ว แต่ทำไมวันนี้เธอยังไม่ตื่นน้า? หรือว่าเธอสัมผัสได้ว่าจะใครบางคนมาเลยไม่อยากตื่น?”

หลงจื๋อมองส้งชิงเซวี๋ยนไม่พูดอะไร

หากกล้าพูดกับพ่อแบบนี้แสดงว่าต้องไม่ธรรมดา

หลงถิงเปลืองน้ำลายกับส้งชิงเซวี๋ยนต่อ เขาเดินตรงไปข้างหน้า “แกทำอะไรกับเธอ? ให้ยาอะไรเธอไป?!”

ส้งชิงเซวี๋ยนยักไหล่ “ง่ายมาก คุณก็แค่ไปตรวจสอบรายการยาก็จบแล้ว จะมาเสียเวลากับผมทำไม? ”

ดวงตาสีเข้มของหลงถิงหรี่ลง เขาออร่าที่อันตรายออกมาราวกับมีกลุ่มเมฆดำปกคลุม “อย่ามาเล่นลิ้นกันฉัน ทำให้เธอฟื้นซะ”

“เกรงว่าจะไม่ได้ครับ คนไข้กำลังอยู่ในช่วงไม่ได้สติ หากถูกบังคับให้ตื่นขึ้นมาแล้วอาการโคม่าใครจะรับผิดชอบ?” ส้งชิงเซวี๋ยนไม่ได้ล้อเล่น ประโยคนี้เขาพูดอย่างจริงจัง

หลงถิงไม่กล้าเสี่ยง จึงต้องพูดด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “อาเฟินจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่?”

ส้งชิงเซวี๋ยนพูดจาอ้อมค้อม “ไม่แน่ใจครับ ขึ้นอยู่กับเธอเอง”

“แก!” หลงถิงพูดด้วยความโกรธ แต่สิ่งที่จะพูดหลังจากนี้ดูจะไม่จำเป็น

ดังนั้นภายในห้องพักผู้ป่วยจึงเหลือเพียงความเงียบ ทางตันและสงครามประสาทเท่านั้น

ส้งชิงเซวี๋ยนได้รับการขอร้องจากหลงเซียวให้ยื้อเวลาให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อรอให้หลงเซียวมา ให้หาหัวข้อสนทนาพูดไปเรื่อยๆ “คุณชายรองหลงครับ คุณเป็นแฟนของเสี่ยวหลินของเราใช่มั้ยครับ?”

จู่ๆหลงจื๋อก็ถูกดึงเข้าไปในบทสนทนาตอบกลับไปว่า “ใช่ครับ”

ส้งชิงเซวี๋ยนยิ้ม เขานั่งลงเตรียมที่จะยืดเวลา “ในเมื่อคุณเป็นแฟนของเสี่ยวหลิน งั้นก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น วางแผนจะแต่งงานเมื่อไหร่หรือครับ?”

ห๊ะ?

ข้ามหัวข้อมาเยอะไปมั้ย หลงจื๋อมองหลงถิงแล้วหันข้างตอบกลับ “ยังไม่ได้กำหนดเลยครับ ถ้าได้เวลาเมื่อไรจะเชิญไปนะครับ”

ความประทับใจแรกที่ส้งชิงเซวี๋ยนมีต่อหลงจื๋อนับว่าไม่เลวเลย เขาพยักหน้าแล้วยิ้ม “แต่ว่านะ บรรยากาศของตระกูลหลงดูเหมือนจะไม่เหมาะใช่ไหมล่ะ? ปกติคนแก่อย่างผมก็ไม่ค่อยได้อ่านข่าวมากนักหรอก แต่วันนี้พอมาดู ลูกชายแท้ๆอะไรนั่นของตระกูลหลง ผู้หญิงภายนอกอะไรนั่น แถมยังสิทธิ์ในมรดกอะไรนั่นอีก ไอ้หยา! ครึกครื้นกันอย่างกับละครแหนะ! ”

เขาพูดด้วยท่าทีสบายๆแต่คำพูดแฝงด้วยการประชดประชัน ฟังดูไม่รื่นหู

หลงจื๋อปิดบังรอยยิ้ม “นักข่าวชอบเขียนไปเรื่อยน่ะครับ ศาสตราจารย์ส้งอ่านเป็นเรื่องขำขันก็พอไม่ต้องจริงจังกับมันหรอกครับ”

“พูดได้ถูกต้อง! เรื่องตลกมันก็แค่เรื่องตลกเท่านั้นแหละใช่ไหม? เป็นเรื่องตลกที่ผู้คนหกเจ็ดพันล้านคนทั่วโลกกำลังดู”

สีหน้าหลงถิงเคร่งบิดเบี้ยวจนปิดไม่มิด “ส้งชิงเซวี๋ยน แอบใส่ร้ายลับหลังแบบนี้หมายถึงว่ายังไง!”

ส้งชิงเซวี๋ยนเคาะเข่าตัวเอง “ไม่ได้ความหมายว่ายังไง”

ยังไม่แก่ใจอยู่หรอ!

หลงถิงเหลือบมองเวลาแล้วลุกขึ้นออกไปที่ระเบียงด้านนอก จากนั้นก็กดโทรหาเหลียงจ้งซุน

“ว่ามา”

เหลียงจ้งซุนพูดเสียงเบาในสำนักงาน MBK “ท่านประธานครับ ผมนัดนักข่าวไว้แล้วครับ ตอนที่ท่านกับภรรยาของคุณออกมาพร้อมกัน จะต้องทำลายข่าวลือได้แน่ เวลาไม่มากแล้ว จะกระดานเปิดแล้วครับ”

“อาเฟินยังไม่ฟื้น เกรงว่าจะต้องให้คนพาหนีไปแล้ว” หลงถิงหลับตาลงพูดด้วยอารมณ์ที่หลากหลายในใจ

“ท่านประธานครับต้องอดทนเพื่อการใหญ่นะครับ ท่าน…” เหลียงจ้งซุนพูดเท่านี้ แต่ทั้งสองก็ต่างเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร

“อืม”

หลงถิงวางสายกลับไปที่ห้องชุด “เสี่ยวจื๋อ ให้พยาบาลเข้ามา เราพาแม่กลับบ้าน”

หลงจื๋อเบิกตากว้าง “พ่อครับ แต่แม่ยังไม่ตื่นนะครับ”

“กลับบ้าน แล้วดูแลให้ดี ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวก็ตื่น อย่ามัวเสียเวลาเลย” หลงถิงเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้ววิตกกังวลขึ้นมา

ใจของส้งชิงเซวี๋ยนเต้นตุ๊บๆตุ๊บๆ บ้าจริง! ใช้ไม้แข็ง!

“คุณหลง ไม่เหมาะสมนะครับ! ที่นี่คือโรงพยาบาล คนไข้ต้องเชื่อฟังหมอ!” ส้งชิงเซวี๋ยนพูดยังไม่ทันจบ บอดี้การ์ด 6 คนของหลงถิงก็เข้ามา!

ทั้ง 6 คนใส่ชุดสูทสีดำ แว่นกันแดดสีดำ ดูมืดสนิททั้งตัวทำให้ท่าทางดูองอาจมาก

“หลงถิง คุณคิดจะทำอะไร!” ส้งชิงเซวี๋ยนร้อนใจ หากพวกเขาเดินหน้าจะพาหยวนชูเฟินออกไปแล้ว เกรงว่าหากหลงเซียวจะนำแม่กลับมาจะยากยิ่งกว่านี้เสียอีก!

หลงถิงโบกมือ ชายสองคนในชุดดำก็เข้ามาจับส้งชิงเซวี๋ยนอย่างรวดเร็วแล้วยกเขาลอยขึ้น

“คิดว่าฉันทำอะไรล่ะ? ฉันอยากให้แกรู้ไว้ว่านี่ถิ่นใคร” หลงถิงเหลือบมองเขาแล้วพูดกับชายชุดดำว่า “ยกเตียงออกไป เบาๆล่ะ”

“ครับ ท่านประธาน”

คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังคับให้เอาตัวไป!

เขานี่มันสุดๆเลย!

“หลงถิง อาเฟินป่วยเป็นมะเร็ง เธอต้องได้รับการรักษา เธอกำลังจะผ่าตัดแล้ว คุณอาจทำให้เธอตาย!” ส้งชิงเซวี๋ยนที่ถูกจับตัวไว้ตะโกนออกมา

หลงถิงไม่สนอะไรทั้งนั้น “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลแทน ภรรยาของฉัน ฉันรับผิดชอบเอง”

“พ่อ อาการป่วยของแม่หนักมาก งั้นผมว่า…ปล่อยให้แม่ได้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสักระยะเถอะครับ พ่อแค่ต้องการให้นักข่าวเห็นบ้านเรา…ดังนั้นจริงๆแล้วไม่รับกลับบ้านมันก็ได้อยู่นิครับ” หลงจื๋อเข้ามาขวางด้านหน้าเจรจาด้วยเสียงต่ำ

หลงถิงพูดเยาะอย่างเย็นชา “เสี่ยวจื๋อรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่”

“ผม…” หลงจื๋อพูดออกมาคำหนึ่ง ที่หน้าต่างข้างๆเขาเห็นกลุ่มผู้สื่อข่าวที่อยู่ประตูหลัง ที่กำลังล้อมรถคันหรูสีดำ!

“มัวอึ้งบ้าบออะไรอยู่? หามคนออกไปสิ เอาขึ้นรถนะ” หลงถิงออกคำสั่งอย่างทนไม่ไหว แล้วย้ายสายตาที่ทั้งคมทั้งเย็นชาจากหลงจื๋อไปที่ส้งชิงเซวี๋ยน แล้วทิ้งเหมือนรองเท้าที่สึกหมดแล้ว

“ปัง!”

ทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก สายลมฤดูใบไม้ร่วงก็พัดเข้ามา ทำให้ความหนาวเย็นแผ่เข้ามาเต็มทุกพื้นที่

ร่างในชุดสีน้ำเงินเข้มหลงเซียวก้าวเข้ามาในห้องผู้ป่วยด้วยสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก

“คุณหลงจะพาแม่ผมกลับบ้านเหรอครับ? ไม่เหมาะสมมั้ง?”

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท