ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 699

ตอนที่ 699

ตอนที่ 699 ลูกเขยคนไหนไม่กลัวแม่ยายบ้าง

ไป๋เวยเปิดประตูห้องตัวเองแง้มดู เห็นเจิ้งซินออกมา เธอเห็นชัดเจนว่าเมื่อเจิ้งซินออกมาใบหน้าของเธอดูแจ่มใสมาก ต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่

ไม่มีทางหรอกมั้ง? เธอเพียงให้ความสะดวกแก่เจิ้งซิน ในการเข้าไปในห้องทำงานของประธานล่วงหน้า แต่เธอไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้เจิ้งซินเอาเปรียบเขา!

ฟ้าดินเมตตา ไป๋เวยเชื่อในศีลธรรมของเจ้านายเป็นอย่างมาก ต่อให้เจิ้งซินเป็นจิ้งจอกเก้าหาง หลงเซียวก็จะกลายร่างเป็นจงขุยจับตัวเธอไป

แต่ทำไมสีหน้าของเจิ้งซินดูราวกับคว้าอะไรดีๆ ได้อย่างนั้น ไป๋เวยครุ่นคิด หากเจ้านายถูกเจิ้งซินเอาเปรียบจริงๆ ตอนนี้ไม่เท่ากับเธอรนหาที่ตายหรอกหรือ เธอยกมือกุมขมับ ไป๋เวยแหงนหน้ากล่าวกับท้องฟ้าว่า “เทพธิดาลั่วลั่วที่รัก ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่ได้คิดจะมอบท่านเซียวให้หญิงอื่นจริงๆ ”

พอนึกมาถึงตรงนี้ ไป๋เวยก็ได้ยินเสียงที่ทำให้เธอตัวสั่น

“ประธานไป๋ นอนหมอบอยู่หน้าประตูไม่เหนื่อยเหรอ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟังกลับเจือแววอันทรงพลังจนไม่อาจต้านทานได้ ดังมาจากห้องชุดของประธานที่อยู่เฉียงไปทางตรงกันข้าม

ไป๋เวยยิ้มแหยๆ “ท่านประธาน……คือว่า เมื่อกี้ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”

หลงเซียวถือแก้วน้ำไว้ในมือ พลางดื่มชาอย่างไม่รีบร้อน “ผมดูเหมือนเป็นอะไรหรือ”

ไป๋เวยเดินออกมาข้างนอก มองหลงเซียวตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่กลัวตาย ชุดสูทกับเน็คไทตอนที่เข้าไป หรือแม้แต่รองเท้าหนังก็ยังคงสภาพเหมือนเดิม แสดงว่า……

” ท่านประธาน เป็นความผิดฉันเองค่ะ ฉันขอโทษ ต่อไปฉันจะไม่ขายคุณเพื่อผลประโยชน์เล็กน้อยอีกแล้ว” ไป๋เวยรีบก้มหน้าสำนึกผิด ด้วยท่าทางจริงใจอย่างสุดซึ้ง

หลงเซียวเลิกคิ้ว ไม่ได้โกรธอะไร “เข้ามาสิ”

“ค่ะ ท่านประธาน” ไป๋เวยถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก หัวใจของเธอที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งกลับเข้าสู่ท้องในที่สุด

หลงเซียวนั่งอยู่ตรงกลางโซฟายาว ส่วนไป๋เวยนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว บริกรเก็บกวาดอาหารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว อากาศถูกพรมด้วยน้ำหอมกลิ่นสดชื่น ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของกลิ่นอาหารเหลืออยู่เลย

ไป๋เวยอดไม่ได้ที่จะชื่นชม สะอาดสะอ้านอย่างที่สุด

หลงเซียวกล่าวว่า “ผมและเจิ้งซินบรรลุข้อตกลงกันแล้ว ผมจะช่วยตระกูลเจิ้งกำจัดภัยคุกคาม ที่อาจเกิดขึ้นจากตระกูลเจิ้ง โดยมุ่งเน้นไปที่เสิ่นเหลียว และเจิ้งซินสองพ่อลูกจะช่วยให้ผมตั้งหลักได้อย่างมั่นคงในเมืองเจียงเฉิง”

หลงเซียวจิบชาด้วยริมฝีปากห้าวหาญราวแกะสลัก

เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงน้ำเปล่าที่สะอาดเท่านั้น ไป๋เวยกลับรู้สึกว่าเขากำลังลิ้มรสบรั่นดีชั้นเลิศอยู่ ตัวเธออดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย แต่คำพูดของเขากลับเหมือนเสียงฟ้าผ่าลงกลางพื้นดิน ทำเอาไป๋เวยสั่นสะท้าน

“คุณรับปากแล้ว? ”

นี่มัน……ฟังดูเหมือนกลุ่มอิทธิพลทางมืดกินกลุ่มอิทธิพลทางมืดชัดๆ ……เอ่อ แม้จะฟังดูไม่ดี แต่มันก็แสดงถึงกลลวงของกลุ่มอิทธิพลทางมืดกินกลุ่มอิทธิพลทางมืด

“ใช่ อาคารหัวชิวจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจของผมในอนาคต เจียงเฉิงจะกลายเป็นพื้นที่พัฒนาหลักของผม ดังนั้นดินแดนตรงส่วนนี้ ผมต้องได้สิทธิ์ในการออกความเห็นอย่างสมบูรณ์ เจิ้งเฉิงหลิน เฉินว่านเหนียน พลังของสองคนนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้”

ดวงตาของไป๋เวยเบิกกว้าง “ทางเฉินว่านเหนียน ลั่วลั่วช่วยหลานชายเขาไว้ ตอนนี้เขามีแนวโน้มที่จะช่วยคุณ หากคุณได้อิทธิพลของเจิ้งเฉิงหลินมาอีกคน อย่างนั้นคุณก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ในเจียงเฉิง”

แค่คิดถึงมันก็ทำให้รู้สึกดีเหลือเกิน!

ใครบ้างไม่รู้ว่าเฉินว่านเหนียนเป็นตาแก่ที่เจ้าเล่ห์และดื้อรั้น อีกทั้งชื่อเสียงของเขาในเจียงเฉิงนั้นดีมาก มีผู้คนสนับสนุนเขามากมาย ดังนั้นนักพัฒนาบางคนจึงอยากบรรลุเป้าหมายโดยใช้เขาเป็นทางผ่าน สุดท้ายก็ถูกเขาไล่ตะเพิดออกไป ที่พวกเขาไม่กล้าลอบลงมือกับเขาลับหลัง เป็นเพราะว่าเขามีอิทธิพลทางสังคมมาก

แต่กลับถูกหมอฉู่กำไว้เสียอยู่หมัด!

ดวงตาของไป๋เวยเป็นประกายระยิบระยับ เธอมีความสุขมาก

หลงเซียวพยักหน้า “หากราบรื่นล่ะก็ ก็คงจะเป็นเช่นนั้น”

ไป๋เวยใช้มือจับหัวเข่าไว้อย่างละข้าง พร้อมกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น “แน่นอน มันจะเป็นอย่างนั้นแน่นอน ท่านประธานออกโรงเอง ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้!”

หลงเซียวกล่าว “โครงการระดับโลกจำเป็นต้องใช้เวลาสามปี เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างโดยรวมก็จะเสร็จสิ้น”

ดวงตาที่ลึกล้ำมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิศทางนั้นเป็นพื้นที่ว่างเปล่าผืนหนึ่ง มุมมองของห้องสูทชั้นบนสุดกว้างขวาง สามารถมองเห็นพื้นผิวของแม่น้ำ และหน้างานขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้างอยู่

สามปีต่อมา หากคุณมองมาจากที่นี่อีกครั้ง ก็จะเห็นอาคารที่สูงที่สุดในเมืองเจียงเฉิง ถึงเวลานั้น มังกรจะทะยานขึ้นมาเหนือเมือง ซึ่งตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดแห่งนี้

สามปี……

ร่องรอยของความอบอุ่นพาดผ่านเข้ามาในดวงตาของหลงเซียว และหายไปเพียงชั่วเวลาสั้นๆ แต่เหมือนกับดวงดาวที่เจิดจ้าในยามค่ำคืน

ไป๋เวยพลันเข้าใจขึ้นมาทันที อีกสามปีให้หลัง คือวันครบรอบแต่งงานปีที่ 10 ของเขากับลั่วหานไม่ใช่เหรอ

“แต่ตอนนี้ เรายังมีปัญหาอีกมากที่ต้องจัดการ พรุ่งนี้การแข่งนัดแรก คู่ต่อสู้ของเรามีไม่น้อยเลย เสิ่นเหลียวเป็นหนึ่งในศัตรูที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกัน บริษัทท้องถิ่นขนาดใหญ่หลายแห่งในเจียงเฉิงก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ตามข้อมูลที่เราได้มา มีบริษัท 35 แห่งที่มีอิทธิพลเหนือกว่าบริษัทฉู่ซื่อ”

ไม่ว่าคิดยังไง? โอกาสในการชนะก็แทบจะเป็นศูนย์

หลงเซียวกล่าวว่า “เรื่องในวันพรุ่งนี้ ก็ค่อยจัดการในวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องของคืนนี้ วันนี้ต้องทำให้เรียบร้อย”

ไป๋เวยได้รับการเตือนจากเขา จัดเรียงความคิดออกมาชัดเจน “คืนนี้เราจะไปหาเสิ่นเหลียวเหรอคะ”

หลงเซียวหัวเราะหยันออกมาเบาๆ “คุณคิดว่าเขาจะรอจนเราไปหาหรือ?”

ไป๋เวย “……”

หลงเซียวมาที่เจียงเฉิง นอกจากเจิ้งซินที่ค่อนข้างตื่นเต้นแล้ว คนที่สองก็คงจะเป็นเสิ่นเหลียว

ตามที่คาดไว้ โทรศัพท์ของไป๋เวยดังขึ้น

“ประธานคะ เป็นเสิ่นเหลียว” ไป๋เวยพูดในใจ น่าทึ่งชะมัด เรื่องนี้ก็ยังคำนวณออกมาได้?

หลงเซียวพยักหน้า “รับสาย”

——

ณ เมืองหลวง โรงแรมฮิลตัน

หลินซีเหวินกระโดดไปมาบนพื้นพร้อมกับขนที่พองทั่วตัว “อ๊าาาาา! เกินไปแล้ว พวกเขาทำเกินไปแล้วจริงๆ อ๊าๆๆ ไม่ใช่แม่แท้ๆ! ไม่ใช่แม่แท้ๆ สักหน่อย! ฉันเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยงนะ!”

หลงจื๋อเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ โยนโทรศัพท์ทิ้ง ดึงหลินซีเหวินที่กำลังสติแตกไว้ “ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งแตกตื่น”

“ใจเย็นกับผีสิ! แม่ฉันถึงกับแจ้งตำรวจว่าฉันถูกลักพาตัวไป!! อ๊าา ถ้าฉันออกไปข้างนอกตอนนี้ จะต้องถูกจับกลับไปแน่ สารเลว! ระยำ! ให้ตายสิ! ”

หลงจื๋อคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า แม่ยายในอนาคตของเขาจะเฉียบคมเช่นนี้ ตอนนั้นพอเห็นข่าว เขาก็ตะลึงไปหมด “ซีเหวิน อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่น เรามาคิดหาวิธีกันเถอะ แม้ว่าตอนนี้แม่คุณคิดจะบีบให้คุณออกไป พวกเราก็ไม่อาจตกหลุมพรางได้”

หลินซีเหวินกระทืบเท้าเร่าๆ “ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้! ฉันก็แค่กระโดดหน้าต่างหนีออกจากบ้านไม่ใช่เหรอ ฉันก็แค่อยากตัดสินใจในเรื่องความรักของตัวเองเท่านั้น แม่ถึงกับจะฆ่าแกงฉันเชียวหรือ อ๊าาา!”

หลงจื๋อเองก็รู้สึกหดหู่เช่นกัน เขาคล้อยตามคำพูดของหลินซีเหวินกล่าวว่า “ใช่ ๆ ๆ ไม่ควรๆ คุณเป็นลูกสาวที่น่ารักและฉลาดขนาดนี้ ใครจะทนให้คุณได้รับความอยุติธรรมได้ เด็กดี ทานข้าวก่อนดีไหม? ”

“กินขี้น่ะสิ! ไม่ได้ ฉันต้องรีบกลับไป! ” หลินซีเหวินกระโดดขึ้นไปบนโซฟา และคว้าโทรศัพท์ของหลงจื๋อมา แต่พอคิดได้เพียงเสี้ยววินาที เธอก็วางมันลงแต่โดยดี “ไม่ได้ ถ้าแม่จับตัวฉันได้ เธอต้องขังฉันไว้ในบ้านแน่ จะออกไปยังไง พี่สาวอย่างฉันน่ะมีความอ่อนเยาว์มีเสน่ห์และมีพรสวรรค์ด้วย ไม่อาจจมอยู่กับหนูแก่และอาหารมื้อดึกในห้องมืดเล็กๆ เด็ดขาด”

หลงจื๋อ “……”

หลินซีเหวินมองไปที่พาดหัวข่าวบนคอมพิวเตอร์ “หลินซีเหวินลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนักธุรกิจตระกูลหลิน ถูกลักพาตัวไป คุณหลินและภรรยาเสนอรางวัลสิบล้านเพื่อตามหาลูกสาว”

อ่านพาดหัวข่าวจบ สมองของหลินซีเหวินก็ค่อยๆ ฟื้นฟูความคิดอย่างช้าๆ จากนั้นก็เบนสายตาไปที่หลงจื๋ออย่างช้าๆ จนไม่อาจช้าไปกว่านี้ได้อีก ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่หลงจื๋อ

“คุณ……คุณไม่คิดที่จะ ถาม ถามฉันบ้างหรือ”

หลงจื๋อนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหดหู่ “ถามอะไร? ”

หลินซีเหวินกลืนอากาศเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง นิ้วเรียวเล็กขี้ไปทางคอมพิวเตอร์ บนนั้นเป็นภาพของเธอ บนภาพเป็นภาพของหลินซีเหวิน “นี่คือ……”

หลงจื๋อตกตะลึงไปชั่วขณะ บ้าชิบ เขาลืมไปได้ยังไง?

หลินซีเหวินเห็นปฏิกิริยาที่เชื่องช้าของเขา ก็ใช้นิ้วบีบมุมปากเขาไว้สองข้าง แล้วดึงไปมา “คุณรู้นานแล้วหรือ?”

ปากของหลงจื๋อที่ถูกเธอดึงไว้จนเสียรูป หัวเราะแห้งๆ “แหะๆ แหะๆๆ ”

“ตาบ้า! ฉันว่าแล้วเชียวทำไมคุณถึงใจเย็นได้ขนาดนี้ คุณรู้ตั้งแต่ ทำไมไม่บอกฉันเลย แถมยังแกล้งทำเป็นไม่รู้อีก! ทุเรศ!”

หลินซีเหวินเพิ่มแรงดึงเข้าไปอีก ดึงจนปากของหลงจื๋อกลายเป็นลิงปากใหญ่ ท่าทางดูน่าตลกเป็นอย่างยิ่ง

“เจ็บๆๆๆ เบาๆ หน่อยที่ผมไม่บอกคุณ ก็เพราะหวังดีกับคุณ คุณไม่อยากให้ผมรู้ ผมก็จะไม่ไปอยากรู้ ต่อให้รู้ผมก็จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ ผมจะให้ความร่วมมือกับคุณอย่างเต็มที่……โอ๊ย!!”

พูดยังไม่ทันจบ หลินซีเหวินก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าของเขา เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“คุณรู้เมื่อไหร่ คุณรู้ได้อย่างไร! พูด! ” ท่าทางน่ากลัวเหมือนหญิงป่าเถื่อน หลินซีเหวินกดหลงจื๋อบนโซฟา นั่งทับหน้าท้องของเขา ก้มลงบีบคอเขา

“อันที่จริงก็ไม่นานนัก……” หลงจื๋อยิ้มสำนึกผิด

หลินซีเหวินเข้าใกล้ใบหน้าของเขา ลมหายใจจากริมฝีปากพ่นลงบนใบหน้าเขา “คุณ……อื้ม!”

“ยังอยากถามอีกไหม ถามหนึ่งครั้ง ผมก็จะจูบคุณหนึ่งครั้ง” กลิ่นอายของหลงจื๋ออยู่เหนือเธอมากกว่า ทำให้หลินซีเหวินยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย

หลงจื๋อเห็นว่าเธอไม่งอแงอีก จึงพูดว่า “ตอนนี้เรามีวิธีแก้ปัญหา 2 วิธี วิธีแรก ผมจะพาคุณไปพบพ่อแม่ของคุณ ในเมื่อผมต้องการอยู่กับคุณ ผมก็จะไม่ปล่อยให้คุณเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ตามลำพัง ถ้าคุณเห็นด้วยก็พยักหน้า”

หลินซีเหวิน “……”

หลงจื๋อเกาหัวด้วยความลำบากใจในเวลาเดียวกัน “แต่ว่า ด้วยความที่แม่ยายในอนาคตของผมร้ายกาจขนาดนี้ ผมจึงต้องหาตัวช่วย โดยให้พี่สะใภ้ใหญ่ไปด้วยกัน เป็นยังไง?

หลินซีเหวิน “……ไม่มีทาง? เธอหย่าแล้วนะ? ”

หลงจื๋อครุ่นคิด “ก็ใช่ แต่ไม่เป็นไร พี่สะใภ้ผมเป็นเทพสงคราม หย่าแล้วก็ยังร้ายกาจเหมือนเดิม ผมจะโทรหาเธอเดี๋ยวนี้เลย!”

หลินซีเหวินจิ้มศีรษะเขาโดยไร้คำพูด “ฉันว่านะหลงจื๋อ คุณออกอาการขนาดนี้ คุณกลัวแม่ฉันขนาดนั้นเลยเหรอ? ”

“ไร้สาระน่า มีลูกเขยคนไหนบ้างไม่กลัวแม่ยาย อย่าว่าแต่ผมเลย แม้แต่พี่ใหญ่ของผมก็กลัวแม่ของพี่สะใภ้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มอบเงินให้บริษัทเฉียวซื่อมากขนาดนั้น”

ซวยแล้ว!

เมื่อกี้หลงจื๋อดูเหมือนจะพลาดบางอย่างไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“เงิน? พี่ใหญ่คุณให้เงินพ่อบุญธรรมหมอฉู่? ”

“อ๊าา……ฮ่าฮ่า เรื่องมันนานมากแล้ว ลืมไปเถอะๆ ๆ! ” หลงจื๋อแสร้งทำตัวกลบเกลื่อน ในใจร้องว่าแย่แล้ว พี่ใหญ่ห้ามไม่ให้เขาพูดนี่นา ถุยๆ ๆ!

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท