ตอนที่ 743 พวกเราพอพอกัน
ในวันรุ่งขึ้น ณ ห้องพักธรรมดาในเมืองหลวงห้องหนึ่ง
โจวโร่หลินลุกขึ้นจากเตียง เธอรู้สึกคอแห้งจึงได้ดื่มน้ำเข้าไปหนึ่งแก้วใหญ่ จากนั้นลุกไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน เมื่อเธอเงยหน้ามองเห็นตัวเองในกระจกเธอก็ต้องตกใจ!
พระเจ้า!!!
ฟองของยาสีฟันแทบทะลักออกจากปากเธอ
สภาพที่เธอเห็นตัวเองในกระจกนั้นใบหน้าบวมเป่ง ตาทั้งสองเหมือนลูกท้อตอนนี้ตาสองชั้นของเธอบวมจนแทบเป็นชั้นเดียวกัน อีกทั้งยังขอบตาดำคล้ำราวกับถูกใครต่อยหน้ามา
เธอจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเธอร้องไห้ไปนานเท่าไหร่ แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองด่าทอเกาจิ่งอานไปมากเท่าไหร่เช่นกัน ตอนนี้ดวงตาเธอบวม เจ็บคอ ร่างกายรู้สึกไม่สบายมาก
โจวโร่หลินบ่นออกมาทั้งที่มีฟองของยาสีฟันอยู่เต็มปากว่า “ผีบ้าเกาจิ่งอาน! อย่าให้ฉันเจอแกอีกนะ ฉันเจอแกเมื่อไหร่จะอัดให้น่วมเลย ถ้าแกตายไปซะคงทำให้แผ่นดินสูงขึ้น แล้วก็ช่วยขจัดขยะของสังคมด้วย!”
หลังจากบ้วนปากกลั้วคอเรียบร้อยแล้ว เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดแจงเตรียมสิ่งของใส่ลงไปในกระเป๋า สำหรับการเดินทางไปทำงานนอกพื้นที่
โจวโร่หลินรีบโทรไปหาแอนดี้ทันที
ทางด้านของแอนดี้เองก็กำลังเก็บของเตรียมตัวออกจากบ้าน เมื่อเธอเห็นว่าเป็นสายจากโจวโร่หลินก็ยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย
“อยากเลี้ยงข้าวฉันเหรอ?”
โจวโร่หลินหัวเราะเหอะๆแล้วพูดว่า “พี่แอนดี้คะ พี่ทำเกินไปจริงๆ! ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง พี่หลอกฉันเพื่อเกาจิ่งอานผู้ชายเลวๆ ขยะสังคมคนนั้นได้ยังไง? ฉันเชื่อพี่มาตลอดแต่พี่กลับโกหกฉัน”
แอนดี้กำลังก้มลงสวมรองเท้าส้นสูง ตอนนี้เธอชะงักทุกกิริยาท่าทาง “หลอกเหรอ?พี่จะไปหลอกเธอได้ยังไงกัน เมื่อวานเกาจิ่งอานบอกกับพี่เองว่าเขาจะสารภาพรักกับเธอ และดูเขาพูดออกมาจากใจจริงด้วย ไม่อย่างนั้นพี่จะช่วยเขาเหรอ?เป็นอะไรไป เขารังแกเธอหรือไง?”
โจวโร่หลินโอดครวญออกมา “ใช่ค่ะ เขาสารภาพรักกับฉัน แล้วยังให้ฉันได้เห็นฉากเด็ดอีกด้วย มันน่าสนุกมากเลยนะคะเมื่อวาน พี่รอดูข่าวบันเทิงของวันนี้แล้วกัน รับรองว่าสนุกแน่!”
“รอเดี๋ยวสิ! อย่าเพิ่งวางสายไปให้พี่ดูข่าวก่อน อย่าเพิ่งวางนะ” แอนดี้รีบเปิดหน้าเว็บไซต์ดูในขณะที่ยังโทรศัพท์อยู่ เมื่อเธอรีเซตหน้าข่าวก็มีข่าวเด้งออกมาว่า
“ประธานบริษัทอึนเคอ ท่านประธานเกาจิ่งอาน นัดพบหมี่น่ายามค่ำคืน สงสัยว่าฝ่ายหญิงกำลังตั้งท้อง!” (รูปภาพ)
“หมี่น่าตั้งครรภ์ มีความสัมพันธ์กับเกาจิ่งอาน เกาจิ่งอานยื่นช่อกุหลาบสีแดงให้ หมี่น่าหน้าแดงเขินอาย!” (รูปภาพ)
“ผู้หญิงสามัญชนเข้ามาแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ของเกาจิ่งอานและหมี่น่า สงสัยว่าเป็นลูกจ้างของบริษัทฉู่ซื่อ!”
เมื่อแอนดี้เปิดดูข่าว เธอก็ยิ่งทวีความโมโหแล้วพูดว่า “โร่หลิน อย่าได้กังวลใจไป ไม่ต้องร้องไห้นะถ้าเกาจิ่งอานเขารังแกเธอจริงๆพี่จะช่วยเธอแน่นอน!”
โจวโร่หลินเดินลากกระเป๋าออกจากห้องไปอย่างไร้อารมณ์ เธอสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่เพื่อปิดบังใบหน้าเอาไว้ “พี่จะช่วยฉันยังไงคะ? เขาเป็นถึงประธานบริษัท อีกคนหนึ่งก็เป็นดาราสาว ฉันเคยเข้าไปส่องดูแล้ว ผู้หญิงคนที่ชื่อหมี่น่านั่นน่ะมีแฟนคลับเป็นล้านคน เพียงแค่แฟนคลับเธอถ่มน้ำลายมาใส่ฉันก็จมตายแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเกาจิ่งอานเลย”
แอนดี้เอามือกุมหน้าผากแล้วพูดว่า “ต่อให้พี่ช่วยไม่ได้ แต่ลั่วหานต้องช่วยได้แน่นอน เธอไปทำงานอย่างสบายใจเถอะนะไม่ต้องกังวลใจไป พี่จะช่วยเป็นธุระให้เอง ไม่ต้องร้องไห้นะรู้ไหมเด็กดี”
โจวโร่หลินทำหน้ามุ่ย ก่อนจะวางสายไปเธอพูดว่า “พี่แอนดี้คะที่จริงเกาจิ่งอานก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น พี่อย่าให้ไอดอลของฉันลงมือหนักมากนะคะ เกาจิ่งอานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ”
แอนดี้หัวเราะออกมาเบาๆ เธอหมายความว่ายังไงกัน?
——
“แม่งเอ๊ย!ไอ้พวกปาปารัสซีนี่มันมีอยู่ทุกที่จริงๆ” เมื่อเกาจิ่งอานเห็นข่าวเข้าแต่เช้าตรู่เขาก็รีบลุกขึ้นเอามือลูบไปที่ผมอันยุ่งเหยิงจากนั้นเดินเท้าเปล่าไปยังห้องนั่งเล่น
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อพบว่าเป็นสายจากพี่สาว เกาจิ่งอานก็ยิ่งปวดหัว
“ครับพี่ มีอะไรหรือเปล่า?” เกาจิ่งอานถามขึ้นแล้วเอามือกุมหน้า
เกาหยิ่งจือหัวเราะแล้วถามว่า “ทำเรื่องอะไรเอาไว้ กลัวฉันจะรู้หรือไง?”
เกาจิ่งอานพยายามโต้ตอบกลับว่า “พี่ครับ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ กับผู้หญิงคนนี้ก็แค่เล่นๆ ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าเธอจะท้อง และอีกอย่างผมก็เลิกการกระทำแบบนั้นมานานแล้วด้วย”
เกาหยิ่งจือไม่รู้จะพูดยังไง “จิ่งอาน เมื่อก่อนฉันไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ของแกหรอกนะ แต่อย่าลืมไปว่าอะไรที่ทำเอาไว้สักวันก็ต้องย้อนกลับคืนมา แกเป็นคนก่อขึ้นมาจะจัดการยังไงล่ะ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าท้องกับเธอจริงหรือเปล่า ?”
เกาจิ่งอานใช้แรงขยี้ใบที่หน้าของเขาทำให้หน้าตาบูดเบี้ยว “เอิ่ม……จริงครับ ผมเห็นใบตรวจครรภ์ แล้วก็น่าจะเป็นลูกผมจริงๆ”
เกาหยิ่งจือสัมผัสได้ เธอจึงถามขึ้นว่า “ไม่ชอบเธอเหรอ?”
“ก็ไม่ชอบล่ะสิพี่ ผมชอบโจวโร่หลิน ผมอยากแต่งงานกับเธอ ผมเตรียมดอกไม้เตรียมแหวนไว้หมดแล้ว ใครจะรู้ว่าจะมีผู้หญิงออกมาบอกว่าท้องกับผมกลางคันแบบนี้ ให้ตายสิ บัดซบจริงๆ!”
กว่าเขาจะค้นพบรักแท้ กลับต้องมาเผชิญหน้ากับเรื่องราวแบบนี้
เกาหยิ่งจือพยักหน้า “อืม เข้าใจแล้ว”
“พี่ครับ พี่ช่วยผมได้ไหม?” เกาจิ่งอานรีบถามขึ้นเพื่อหวังว่าพี่สาวจะช่วยเขาได้
เกาหยิ่งจือหัวเราะ “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินและมรดกอันมหาศาลของตระกูลเรา ถ้าพี่ไม่ช่วยแกแล้วใครจะช่วย?”
“พี่ครับพี่ เป็นพี่ของผมจริงๆ!”
ในขณะเดียวกัน ณ รีสอร์ทหยีจิ่ง
หลงเซียวกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ที่ในมือเขา เนื้อหาและรูปภาพแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“MBK ร่วมมือกับบริษัทฉู่ซื่อเพื่อเข้าสู่ตลาดเมืองเจียงเฉิง แต่ตู้หลิงเซวียนกลับปรากฏตัวขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกของตระกูลหลงสับสนวุ่นวาย!”
“ตู้หลิงเซวียน ประธานบริษัทหลันเทียนได้ทำความร่วมมือเชิงลึกกับบริษัทฉู่ซื่อในนามของMBK ซึ่งทำลายข่าวลือของตู้และเซียวก่อนหน้านี้”
“บริษัทเสิ่นซื่อพ่ายแพ้ถึงสองครั้ง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงสั่งการอย่างกระตือรือร้นที่จะหามาตรการรับมือ เสิ่นเหลียวที่ได้รับผลกระทบจากข่าวด้านลบหลายต่อหลายครั้งนี้ จะสามารถทนต่อการโจมตีนี้ได้หรือไม่?”
หลงเซียวเปิดiPadและคลิกไปที่อีเมลฉบับล่าสุด “จดหมายรายงานความคืบหน้าของโครงการที่เขียนโดยกู้เยนเซินและไป๋เวย ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาและมาตรการในการรับมือทั้งหมดอย่างละเอียด
อีกทั้งยังระบุด้วยว่าตู้หลิงเซวียนยอมรับวัสดุใหม่ที่หลงเซียวนำเสนอ
ดังนั้นจากสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าบริษัทฉู่ซื่อจะไม่ได้ถูก MBK กดขี่อยู่
เมื่ออ่านข่าวจบ หลงเซียวก็เปิดหนังสือพิมพ์หน้าต่อไป
“เจิ้งเฉิงหลินรู้สึกชื่นชมผลงานที่โดดเด่นของบริษัทฉู่ซื่อ อีกทั้งผิดหวังกับบริษัทเสิ่นซื่อมาก”
“เจิ้งซินไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของคุณนายเสิ่นฉู่ซีหราน ความหมายโดยนัยนี้ ควรค่าแก่การไตร่ตรอง”
หลงเซียวยิ้มขึ้นและจิบชาเบาๆ สองวันมานี้เมืองเจียงเฉิงครึกครื้นจริงๆ
ครืด ครืด! โทรศัพท์ของหลงเซียวสั่นขึ้นสองครั้ง เป็นสายจากทางตำรวจ เขารับสายแล้วพูดว่า “สวัสดีครับผู้อำนวยการหวัง”
“คุณหลงครับ พวกเราทำการปล่อยตัวนักโทษออกจากการควบคุมตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ภรรยาของเขามารอแล้ว ให้พวกเราปล่อยตัวไปได้เลยหรือเปล่า?”
หลงเซียวหันไปดูนาฬิกา นี่เพิ่งจะเป็นเวลาแปดโมงตรง ค่อนข้างเช้าทีเดียว
“ครับ ปล่อยได้เลย”
“รับทราบครับ แล้วก็ขอขอบคุณมากสำหรับความร่วมมือที่ดีในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงจะไม่สามารถจัดการเรื่องราวต่างๆอย่างราบรื่น” ผู้อำนวยการหวังหัวเราะแล้วเอ่ยขอบคุณ
หลงเซียวตอบกลับว่า “ผู้อำนวยการหวังเกรงใจเกินไปแล้วล่ะครับ ต่อไปนี้ถ้ามีปัญหาประเภทนี้อีกติดต่อผมมาได้เลย ในฐานะพลเมืองของเมืองหลวง การรายงานและเปิดเผยพฤติกรรมที่ไม่ดีเป็นสิ่งที่ผมสมควรทำอยู่แล้ว”
โอ้โห!
บังเอิญจริงๆที่ลั่วหานเดินมาได้ยินประโยคนี้พอดี
“ท่านประธานหลงคะ ถ่อมตัวเกินไปแล้วล่ะ ฉันได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆจากคุณตั้งแต่เช้าตรู่เลยทีเดียว มีประโยชน์มากจริงๆ ทำให้ฉันมีความรู้มากขึ้นด้วย”
ลั่วหานเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เตรียมตัวกินข้าวและไปทำงาน เธอยกมือทั้งสองกำขึ้นทำท่าคารวะไปยังหลงเซียว
คนรับใช้นำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ “คุณชาย คุณนายคะ เชิญรับประทานอาหารเช้าค่ะ”
หลงเซียวพูดว่า “วิชาประจบประแจงของคุณก็ไม่เลวนี่ พวกเราพอๆกันแหละครับ”
คนรับใช้ได้ยินประโยคสนทนาของทั้งสองก็แอบหัวเราะ แหม!การที่ได้ยินเจ้านายทั้งสองคนคุยกันแบบนี้ก็นับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งนะ
หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ลั่วหานก็เปิดโทรศัพท์ให้เขาดูแล้วพูดว่า “ข่าวของเกาจิ่งอานค่ะ”
หลงเซียวชายตาไปมองแล้วพูดว่า “เขียนได้ดีนี่”
ลั่วหาน “……”
อืม ดูแล้วเขาคงจะไม่ช่วยเกาจิ่งอานจัดการสินะ
หลงเซียวจัดแจงเสื้อสูทของเขาและพูดออกมาว่า “ช่วงนี้ฟางหลิงหยู้ได้รบกวนคุณอีกหรือเปล่า?”
ลั่วหานเปลี่ยนรองเท้า มือของเธอจับไปที่ชั้นวางรองเท้า หันหลังมามองเขาแล้วถามว่า “ทำไมคะ?”
“ไม่มีอะไรครับ หมากตัวนี้ควรจะหยุดเดินได้แล้ว”
หลงเซียวติดกระดุมเสื้อสูทเม็ดบนสุดของเขา แววตาอันน่าหลงใหลอีกทั้งกลิ่นอายของความสดชื่นลอยมาจากตัวเขา
——
ณ สถานีตำรวจ
โม่หรูเฟยถอดแว่นตากันแดดอันใหญ่ออก เอื้อมมือไปรับรถเข็นของซุนปิงเหวินจากมือของตำรวจแล้วเข็นเขาไปที่ลานจอดรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ซุนปิงเหวินที่นั่งอยู่บนรถเข็นผอมลงมาก หน้าตามีหนวดเครารุงรัง สีหน้าไม่ดีนัก “ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง?”
โม่หรูเฟยไม่ได้พูดอะไรออกมา ขาของเธอยังก้าวไปอย่างรวดเร็วเธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะออกไปจากสถานที่อับโชคนี้
“คุณคิดว่ายังไงล่ะคะ? นี่มันเดือนกว่าแล้ว จะดีไปได้ขนาดไหนเชียว ถ้าฉันไม่หาวิธีเอาคุณออกมา เราสองคนก็จบเห่แน่ วันนี้ราคาหุ้นของบริษัทได้ลงไปถึงจุดต่ำสุด เงินกู้จากธนาคารจะต้องชำระคืนในอีก 10 วันข้างหน้า ห่วงโซ่กองทุนก็ขาด โครงการก็ถูกบังคับให้หยุด ทั้งบริษัทวุ่นวายกันไปหมด คุณกลับไปดูเองเถอะ!”
เห็นได้ชัดว่าโม่หรูเฟยหมดสิ้นความอดทน ไม่อยากแม้แต่ชายตามองเขาด้วยซ้ำไป คนขับรถเข็นซุนปิงเหวินขึ้นรถไป โม่หรูเฟยนั่งอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ซุนปิงเหวินอ่านหนังสือพิมพ์ที่วางขายหลังจากเขาติดคุก เมื่อเห็นภาพที่โม่หรูเฟยคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาจากลั่วหาน แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและความอาฆาต
“ลั่วหานรังแกคุณเหรอ?”
“คุณมีสติหน่อยได้ไหม ตอนนี้คือเวลาที่จะต้องมานั่งสนใจเรื่องพวกนี้เหรอ บริษัทแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่ว่าใครจะรังแกใครก็ช่างมันเถอะ ต่อให้เธอรังแกฉันจริงๆ ต่อให้เธอกดขี่ข่มเหงฉัน คุณมีคุณสมบัติพอที่จะช่วยฉันจัดการเรื่องนี้หรือไง? คุณมีเหรอ?”
โม่หรูเฟยโมโหมาก เธอระบายอารมณ์ออกมาตะโกนใส่ เธอหันออกไปมองนอกหน้าต่างตาแดงน้ำตาคลอเบ้า
ซุนปิงเหวินเอื้อมมือไปโอบเธอ เธอดิ้นรนขัดขืนอยู่สักครู่ จากนั้นซุนปิงเหวินออกแรงกอดรัดเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแล้วพูดว่า” “ขอโทษครับ”
โม่หรูเฟยเหล่มองไปทางเขา และรู้สึกไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เธอเห็นว่าในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
ซุนปิงเหวินลูบไปที่ผมของเธอ เขาจ้องไปยังใบหน้าอันมีเสน่ห์และพูดว่า “ผมจะจัดการความแค้นนี้ให้คุณเอง”
โม่หรูเฟยเช็ดน้ำตาออกจากหน้าแล้วพูดด้วยความเย็นชาว่า “คุณอย่างนั้นเหรอ? หึๆๆๆ!”
ซุนปิงเหวินเอื้อมมือนำผมเธอไปทัดไว้ที่หูจากนั้นจูบลงไปที่หน้าผาก “ใช่ครับ ผมเอง”
……
ณ ห้องทำงานของประธานบริษัทฉู่ซื่อ
แอนดี้เข้ามาเป็นคนแรก เธอนำแก้วกาแฟวางลงบนโต๊ะ จากนั้นอ่านแผนการทำงานของวันนี้ หลังจากอ่านจบเธอก็พูดว่า “ท่านประธานคะ อีกครึ่งชั่วโมงจะมีการประชุมแผนก ฉันจะไปเตรียมเอกสารให้ค่ะ”
หลงเซียวพยักหน้าและจิบกาแฟ “ช่วงนี้บริษัทเสิ่อซื่อกำลังทำโปรเจคอะไรอยู่?”
แอนดี้และจี้ตงหมิงจับตาดูบริษัทเสิ่นซื่ออย่างใกล้ชิด ดังนั้นเธอจึงเข้าใจเรื่องของอีกฝ่ายอย่างดี “เสิ่นซื่อสูญเสียโปรเจคใหญ่ไป สองรายการ ตอนนี้กำลังมุ่งมั่นพัฒนาชุมชนบินหูอยู่ ที่ดินตรงนั้นไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ”
“พื้นที่รอบเมืองเจียงเฉิงจะมีคุณค่าสูงขึ้น เราจะมองข้ามศักยภาพของชุมชนบินหูไม่ได้” หลงเซียวเปิดคอมพิวเตอร์แล้วค้นหาดูแผนที่บริเวณนั้น ตอนนี้ไม่สามารถที่จะทำรถไฟใต้ดินให้ไปถึงที่นั่นได้ แต่ไม่ไกลจากนั้นก็มีทางด่วนระหว่างเมืองที่ตรงไปยังเมืองเจียงเฉิง คาดว่าในอนาคตบรรดาพนักงานต่างมีแนวโน้มที่จะซื้อบ้านบริเวณนี้
แอนดี้พูดว่า “แต่ว่าท่านประธานคะ น่าจะเป็นไปได้ยากเนื่องจากตอนนี้กองทุนหมุนเวียนของบริษัทไม่สามารถจัดการโครงการใหญ่ๆได้แล้ว ทั้งสองโครงการนี้กำลังอยู่ในภาวะเร่งจ่าย”
โถ่!ท่านประธานคะ พวกเราอยู่ที่บริษัทฉู่ซื่อนะไม่ใช่ MBK ได้โปรด……
หลงเซียวยิ้มอย่างแห้งๆแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ผมไม่ได้หมายถึงบริษัทฉู่ซื่อ ผมมีตัวเลือกที่เหมาะสมกว่านี้”
แอนดี้ออกมาจากห้องทำงานครู่เดียว จี้ตงหมิงก็เข้ามาหาเขาหลังจากนั้น 30 วินาที เรื่องที่ต้องจัดการเมื่อเช้ามีมากมายที่จี้ตงหมิงจะต้องให้หลงเซียวตรวจสอบ จี้ตงหมิงเดินเข้าเดินออกแทบทุกแผนกในช่วงเช้า ขาของเขายังไม่ได้พักแม้แต่ก้าวเดียว
“เจ้านายครับช่วงนี้ผมรู้สึกว่า กอบโกยเงินมากขึ้นทุกวันๆ นี่มันสุดยอดเลย”
ประโยคที่พูดคล้ายกับกำลังบอกว่าเขาวุ่นมาก
หลงเซียวมองไปยังกล่องเอกสารใหญ่ที่เขาวางเอาไว้แล้วพูดว่า “มีเงินให้รับก็เป็นเรื่องดี คุณเองก็ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
จี้ตงหมิงคล้ายกับเอาหินทุบหัวตัวเอง เขารีบเปลี่ยนคำพูดว่า “ อ้อ ใช่แล้วครับเจ้านาย เรื่องท่านประธานเกาในวันนี้เห็นข่าวหรือยังครับ ในอินเทอร์เน็ตวุ่นวายกันไปใหญ่เชียว ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับโจวโร่หลินของบริษัทฉู่ซื่อด้วย ในข่าวเหมือนจะบอกว่าเธอเป็นเพียงแค่คู่ขา……น่าสงสารจริงๆ”
“เห็นแล้ว ตอนนี้เขาติดงานอยู่ไม่ได้ออกมาชี้แจง น่าจะกำลังเตรียมงานอยู่” หลงเซียวเอาเอกสารอันบนสุดออกมาดู
จี้ตงหมิงบ่นออกมาพร้อมคำว่า “ก็น่าจะจริงอยู่ ด้วยความสามารถอันน่ามหัศจรรย์ของท่านประธานเกาแล้ว การจัดการข่าวแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ครั้งที่แล้วตอนที่เจ้านายกับคุณนายหย่ากัน เรื่องในตอนนั้นใหญ่โตมากแต่ประธานเกาก็ยื่นมือเข้ามาช่วย เขาจัดการได้ในพริบตา เขาช่างเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง”
ปากกาในมือของหลงเซียวที่กำลังเซ็นชื่อหยุดลง เขาเงยหน้าขึ้นมองจี้ตงหมิง “หมายความว่าครั้งที่แล้วเขาได้ยื่นมือเข้ามาช่วยจัดการเรื่องของข่าวด้านลบในอินเทอร์เน็ตทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?”
จี้ตงหมิงถึงกับเอามือตบหน้าผากตัวเอง “เจ้านายครับ ผมผิดไปแล้วผมควรจะบอกตั้งแต่แรก ครั้งที่แล้วเขาให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด ผมน่าจะบอกตั้งนานแล้วแต่ผมลืมไป ครั้งที่แล้วเขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไม่น้อยเลย อีกครั้งยังปิดทองหลังพระ ไม่ได้ทิ้งชื่อเสียงเรียงนามเอาไว้ และไม่ได้เรียกร้องรางวัลจากเจ้านายเลยใช่ไหมครับ?”
“อืม เขาไม่เคยพูดอะไรกับผมเลย” หลงเซียวเซ็นชื่อของเขาลงบนเอกสารด้วยใบหน้าอันอ่อนโยน
จี้ตงหมิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “เจ้านายครับ ประธานเกาเป็นคนดีจริงๆ”
หลงเซียวจิบกาแฟเข้าไปแล้วพูดว่า “ออกไปก่อนเถอะ ถ้ามีธุระอะไรผมจะเรียก”
“ครับเจ้านาย!”
จากเขามองดูแล้วน่าจะพอได้แล้ว
——
ณ บริษัทอึนเคอ ห้องประธานชั้นบนสุด
เลขาของเกาจิ่งอานก้มตัวลงรายงานตารางงานในวันนี้
จากนั้นก็ยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านประธาน นี่คือตารางงานของวันนี้ แล้วก็อีกครึ่งชั่วโมงมีประชุมค่ะ”
เกาจิ่งอานเงยหน้าอันเคร่งขรึมของเขาขึ้นมองไปที่เลขาฯ ดวงตาอันน่าหลงใหลนั้นมองแล้วถามขึ้นอย่างใจลอยว่า “พวกผู้หญิงนี่ซับซ้อนกันทุกคนเลยหรือไง?”
“คะ?”
เลขาฯของเขาตกใจกลัวจนแทบจะคุกเข่าลงไป “ท่านประธานคะดิฉันทำอะไรไม่ถูกต้องหรือเปล่า ฉันทำอะไรให้ขุ่นเคืองใจกรุณาบอกมาจะปรับปรุงแก้ไขค่ะ!”
ตารางการประชุมมากเกินไป ส่งผลกระทบต่อจิตใจของท่านประธานอย่างนั้นเหรอ?หรืองานมากเกินไปทำให้ท่านประธานเกิดการกดดันหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นเพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่สวยงามไม่เข้าตา?
เกาจิ่งอานหันหน้ามามองเธอด้วยแววตาคล้ายกับมีความรัก “ผู้หญิงชอบอะไรบ้าง?”
เลขาฯสาวหน้าแดง เธอยิ้มแล้วตอบอย่างเขินอายว่า “ผู้หญิงที่ท่านประธานถามหมายถึงประเภทไหนคะ ผู้หญิงก็แบ่งออกเป็นหลายประเภทเหมือนกัน”
ประธานจะชอบเธอเข้าจริงหรือเปล่า? เธอทำงานทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้อย่างบริสุทธิ์ หน้าตาและหุ่นของเธอก็ติดอันดับต้นๆอาจเป็นไปได้ว่าท่านประธานกำลังเครียดที่ตกอยู่ในข่าวลือและต้องการระบายอย่างนั้นเหรอ?
ในสมองของเกาจิ่งอานเต็มไปด้วยภาพของโจวโร่หลิน ทุกฉากในสมองคือท่าทีของเธอ “เอ่อ ลองพูดความคิดเห็นของคุณดูซิ?”
เลขาสาวเอื้อมมือเอาผมไปเหน็บที่หูหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “วิธีการจีบสาวแบ่งออกเป็น 2 ประเภท หากเธอไม่เคยพบกับโลกภายนอกก็ให้พาเธอไปยังพื้นที่ครึกครื้นรุ่งเรือง หากว่าเธอเบื่อกับความแปรปรวนในชีวิตก็ให้พาเธอไปนั่งม้าหมุน ไม่ทราบว่าท่านประธานต้องการที่จะจีบผู้หญิงประเภทไหนคะ?”
เกาจิ่งอานคิดสักครู่และตอบว่า “เธอเหรอ? เธอ……ไม่ได้เห็นโลกภายนอกมากเท่าไหร่นัก แต่เธอก็ฉลาดและเข้าใจทุกอย่างชัดเจน แม้เธอจะไม่ได้มีหัวใจอันกว้างใหญ่เหมือนทะเล แต่ก็มีคลื่นซัดมาทำให้เธอบาดเจ็บเสียใจ เธอเป็นคนข้างที่จะโง่และดื้อรั้นนิดหน่อย เธอค่อนข้างจะหวาดระแวงและเอาแต่ใจ เอาเป็นว่าเธอไม่ได้มีเงินแต่เธอก็ไม่ได้รักมัน เธอเป็นคนดีไม่มองโลกในแง่ร้ายไม่ประจบสอพลอ ไม่โอ้อวด ไม่เจ้าเล่ห์ เธอเป็นคนตรงไปตรงมาและก็กระตือรือร้น……”
คำพูดของเก่าสิ่งอันยกเธอสูงขึ้นตามลำดับ คล้ายกับกำลังจะบินออกจากเก้าอี้ “คนคนนี้พิเศษที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา”
เดิมทีเลขาฯคิดว่าเจ้านายพูดถึงตน แต่เมื่อฟังดูแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความลำบากใจแล้วพูดว่า “ที่จริงการที่ท่านประธานจะจีบผู้หญิงสักคน ไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคอะไรเลย หน้าตาและเสน่ห์ของท่านประธานไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่อยู่ต่อหน้าก็จะต้องวิ่งเข้าใส่แน่”
ท่านประธานของเธอทั้งมีเงินทั้งหน้าตาดี จะต้องใช้เทคนิคอะไรอีกกัน มีแต่ผู้หญิงจะเข้ามาตะครุบน่ะสิ!
เกาจิ่งอานนำเอกสารวางไว้ ครุ่นคิดชั่วครู่แล้วพูดต่อไปว่า “เมื่อก่อนผมก็คิดแบบนี้นะ แต่หลังจากเจอเธอ เสน่ห์ของผมไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไม่ได้ดึงดูดเธอแม้แต่น้อย”
เลขาฯสาวกระแอมออกมาแล้วถามว่า “ท่านประธานคะ ที่คุณพูดไม่ใช่หมี่น่าใช่ไหม?”
“ให้ตายสิ ไม่ใช่!ไม่ใช่แน่! ผู้หญิงหน้าอกโตแต่ไร้สมอง มีคุณสมบัติอะไรให้ผมต้องคิดมากจนปวดหัวแบบนี้?” เมื่อพูดถึงเธอเกาจิ่งอานก็รู้สึกโมโห
พี่ครับ ช่วยจัดการนางมารร้ายคนนี้ให้ผมเร็วๆเถอะ
เลขาฯสาวไม่กล้าที่จะเดาอีกต่อไป “ถ้าอย่างนั้นลองคิดดูว่า เธอชอบคุณหรือเปล่า ถ้าหากว่าเธอชอบคุณแล้วล่ะก็ พยายามดูอีกสักหน่อยนะคะ แต่ถ้าเธอไม่ได้มีสเปคแบบนี้ละก็……”
คงเข้าใจดีนะ
เกาจิ่งอานโยนแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะแล้วพูดอย่างรำคาญใจว่า “โอเค คุณออกไปได้แล้ว!”
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ทำลายความเงียบสงบในห้องทำงาน เกาจิ่งอานเดินออกมาอย่างไม่เต็มใจ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของหลงเซียวจึงได้นั่งลง
“ว่ายังไงครับคุณชายหลง มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่า?” เกาจิ่งอานทำท่าทางจัดการชุดสูทของเขา คล้ายกับว่าหลงเซียวมองเห็นเขาจากสายโทรศัพท์อย่างไรอย่างนั้น
หลงเซียวพูดว่า “บริษัทอึนเคอตอนนี้มีโปรเจคอะไรสำคัญๆไหม?”
“ไม่มีครับ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงซ่อมบำรุง โครงการของสหรัฐฯก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ผมกำลังคัดกรองการลงทุนที่เหมาะสมอยู่”
เกาจิ่งอานคล้ายกับรอฟังคำสั่งสอนของพี่ชาย
“อย่างนั้นก็ดี ที่เมืองเจียงเฉิงมีตัวเลือกหนึ่งไม่เลวเลย ลองดูเอกสารนะ ไม่รู้ว่าบริษัทอึนเคอสามารถรับได้หรือไม่ อย่ากดดันตัวเองให้มากเกินไป หากจะรับก็อย่าให้มีผลกระทบกับการดำเนินงานตามปกติและเงินทุน” เสียงพูดออกมาในประโยคสุดท้ายเขาคล้ายกับเป็นห่วงเกาจิ่งอาน
เกาจิ่งอานงุนงงๆกับสิ่งที่ได้ยิน “พี่! ดีกับผมจริงๆ ผมจะลองประเมินดู เพียงแต่ว่าถ้ามีโปรเจคทำไมคุณไม่ให้บริษัทฉู่ซื่อทำไปล่ะ?