แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 746 แอบปกป้องเธอ
ร้านอาหารหรงเหยียน……
งานเลี้ยง……
แฟนเก่า……
ไม่ว่าจะเป็นคำไหนที่โผล่เข้ามาในสมองของเธอก็ทำให้เธอปวดหัวได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งสามคำนี้ปรากฏขึ้นพร้อมกันจะฆ่าเธอหรือยังไง?
โจวโร่หลินวางสายลง เธอรู้สึกเหมือนวันสิ้นโลกใกล้จะมาถึงแล้ว
สำหรับเรื่องของอากวางนั้นโจวโร่หลินยังไม่อาจจะข้ามผ่านมาได้ เธอยังเก็บไว้ในใจเสมอ เนื่องจากเป็นรักครั้งแรก มันประทับไว้ในใจของเธอตลอดมา คล้ายกับรอยสักที่ลึกเข้าไปด้านใน แม้วันเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่ทุกครั้งที่นึกถึงก็ยังเจ็บอยู่ในใจ
โจวโร่หลินนั่งบนลงชักโครก เธอหลับตาลงแล้วนึกถึงรอยคล้ำที่ใต้ดวงตาขนาดใหญ่ของเธอ มือของเธอห้อยตกลงมา ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
ติ๊ง!
เสียงWechatดังขึ้นจากโทรศัพท์
“ที่รัก คืนนี้อย่าลืมแต่งตัวสวยๆนะ เจอหน้าแฟนเก่าทั้งทีจะต้องแทงใจเขาให้ได้นะรู้ไหม! ฉันอยู่ข้างเธอและสนับสนุนเธอตลอดนะ! เดี๋ยวจะแนะนำให้ระดับระดับไฮเอนด์ให้ ไม่ต้องรักฉันมากขนาดนั้นก็ได้นะ”
โจวโร่หลินหัวเราะฮ่าๆ เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของเธอสุดยอดจริงๆ แม้แต่เรื่องที่เธอเดินทางมาทำงานนอกพื้นที่ไม่ได้เอาชุดสวยๆมาก็ถูกรู้เข้าจนได้
“ฉันอยากจะซุกเข้าไปในตู้เย็นเพื่อสงบสติอารมณ์จริงๆ” โจวโร่หลินตอบกลับไป เมื่อเธอหันไปมองที่กระจกเธอก็แทบจะบ้าคลั่งเพราะรอยดำคล้ำใต้ขอบตา
ให้ตายสิ ต้องซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดไหนกัน!!!
เธอหยิบของออกจากกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว โจวโร่หลินพบว่าเธอไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสมเลยแม้แต่ชุดเดียว พระเจ้า! เธอเดินทางมาเพื่อเจรจาทางธุรกิจ ไม่ได้มาเที่ยวเล่นสักหน่อย
โจวโร่หลินแจ้งกับเพื่อนร่วมงานในบริษัทว่าในคืนนี้เธอจะเดินทางออกไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อน ไม่อยู่ที่โรงแรม จากนั้นเรียกแท็กซี่ไปยังจุดหมาย
ระหว่างที่เธอนั่งแท็กซี่ไป ตลอดทางเธอเห็นร้านค้าและอสังหาริมทรัพย์ที่มีโลโก้ของบริษัทเซิ่งซื่ออยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ เสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ร้านขายของเล่น……มีทุกอย่างที่ต้องการจริงๆ
โจวโร่หลินคิดอยู่ในใจว่าเมืองAนี้ได้ถูกบริษัทเซิ่งซื่อซื้อไปหมดทุกอย่างแล้วหรือไง? ให้ตายสิ! ทำไมถึงมีเงินมากมายขนาดนี้ แทบจะทำให้เธอตาบอดเลยจริงๆ
เมื่อเดินทางมาถึงห้างฯ หลังจากที่โจวโร่หลินชำระเงินค่าแท็กซี่เรียบร้อยแล้วเธอก็มองดูไปที่ห้างสรรพสินค้านี้ ใจเธอรู้ได้ทันทีว่าของที่นี่คงจะแพงมาก
ด้วยเงินเดือนของเธอในตอนนี้ ค่าตอบแทนถึงสองเดือนคงสูญสิ้นไปแน่ๆ เมื่อคิดๆดูก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
ชั้นหนึ่งภายในห้างเต็มไปด้วยสินค้าร้านแบรนด์เนมชั้นนำจากต่างประเทศมากมาย ดูเหมือนว่าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทั่วประเทศแบบนี้ ชั้น1มักจะมีไว้สำหรับครอบครัวคนรวย ส่วนกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปจะลงไปที่ชั้น B1 B2 หรือขึ้นไปยังชั้น 5 เพื่อหาอาหารกิน อย่างโจวโร่หลินนี้เธอคุ้นเคยกับศูนย์อาหารมากที่สุด
แต่ในคืนนี้เธอจะต้องไปเจอกับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและแฟนเก่า ตามปกติแล้วเธอลงโพสต์ทีไรมักจะแสดงให้เห็นถึงชีวิตการเป็นอยู่อย่างแสนสุขสบายของเธอ ถ้าเธอแต่งตัวไปอย่างเรียบง่ายก็คงจะขายหน้ามาก
เธอกัดฟันกระทืบเท้าและตัดสินใจที่จะใช้จ่ายมัน!
โจวโร่หลินสวมแว่นตาดำเพราะสามารถบดบังรอยคล้ำใต้ตาของเธอได้ แต่หากเธอจะใส่แว่นตาดำเข้าไปในห้างสรรพสินค้าก็คงจะแปลกมาก อีกทั้งในวันนี้เธอสวมเสื้อผ้าค่อนข้างสบายตัว เป็นเสื้อแขนสั้นหลวมๆคู่กับกางเกงขายาวเก้าส่วนสีดำ รองเท้าส้นเรียบ มองยังไงก็ไม่ต่างจากนักศึกษา
โจวโร่หลินเหลือบไปเห็นชุดเกาะอกสีขาวที่ตู้ ของร้าน Versaceที่ใส่ไว้ในหุ่นโชว์ ตรงชายกระโปรงชุดสีขาวบริสุทธิ์นั้นถูกประดับไปด้วยดอกไม้ปักด้วยมือ เป็นดอกยิปโซอย่างที่เธอโปรดปราน
กลีบดอกไม้กระจัดกระจายคล้ายกับดวงดาวของท้องฟ้ายามค่ำคืน ช่วยเติมเต็มและเข้ากับสีขาวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความทรงจำระหว่างเธอกับอากวางเกี่ยวกับดอกยิปโซอยู่ด้วย
ตอนที่ทั้งสองกำลังจีบกันอยู่ มีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเขาเดินผ่านร้านขายเครื่องประดับ โจวโร่หลินมองไปเห็นสร้อยข้อมือรูปดอกยิปโซ แต่เธอไม่กล้าที่จะพูดออกไปกับอากวาง เธอเพียงแค่ยืนดูอยู่ข้างหน้าประมาณหนึ่งนาที แต่อากวางกลับไม่ได้รู้สึกว่าเธอชอบอะไรเป็นพิเศษ
ต่อมาอากวางได้ซื้อจี้รูปดอกกุหลาบสีแดงที่ดูหรูหราให้กับเธอและบอกว่ามันเข้ากับเธอได้ดีจริงๆ ในตอนนั้นเธอรู้สึกว่าทุกอย่างที่อากวางพูดมานั้นถูกต้อง ถ้าเขาบอกว่ามันเหมาะสมกับเธอมันก็คงจะเหมาะสม
แต่ว่าในใจของเธอยังไม่เคยลืมดอกยิปโซนั้นได้เลย
ต่อมาเธอพูดกับอากวางอย่างลอยๆว่า “ที่รักคะ ฉันว่าดอกยิปโซก็สวยเหมือนกันนะคุณไม่คิดว่าอย่างนั้นเหรอ?”
อากวางกำลังขับรถเขาจึงตอบออกมาว่า “ของเชยๆแบบนั้นไม่เหมาะกับบุคลิกของคุณหรอก”
หลังจากที่เธอได้คิดไปต่างๆนานา โจวโร่หลินก็เดินมาถึงด้านหน้าของร้านอย่างไม่รู้ตัว เธอยืนจ้องมันอยู่สักพักจนพนักงานสังเกตเห็นเธอ
พนักงานขายกระซิบกระซาบกันจากนั้นทั้งสองก็หัวเราะ
โจวโร่หลินเดินเข้าไปในร้านแล้วถามว่า “ชุดนี้มีไซซ์ S ไหมคะ?”
พนักงานขายคิดไม่ถึงว่าเธอจะเดินเข้ามาจริงๆ จึงตอบเธอไปว่า “มีค่ะ ตัวที่หุ่นโชว์ใส่อยู่คือไซซ์ S ค่ะแต่นี่เป็นชุดสำหรับโชว์คุณจะลองไหม?”
นั่นหมายความว่าถ้าคุณลองแล้วไม่ซื้อ พวกเราก็จะต้องใส่มันเข้าไปในหุ่นด้วยความยากลำบากอีกครั้งหนึ่ง
พนักงานสาวอีกคนหนึ่งเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีว่า “คุณผู้หญิงคะ ชุดนี้ราคา 68800หยวน”
พระเจ้าช่วย!
งบประมาณของโจวโร่หลินคือ 20,000 หยวน ให้ตายสิเธอซื้อไม่ได้แม้กระทั่งชุดๆเดียว นี่มันน่าเจ็บใจจริงๆ!
“อ๋อ ค่ะไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่ลองถามดูก็ไม่ได้ชอบอะไรมากนัก ไม่จำเป็นต้องลองหรอกค่ะ” โจวโร่หลินกำลังจะเดินออกไปจากร้าน ในใจก็ยังตำหนิตัวเองว่าให้ตายสิ ตาของเธอช่างแหลมคมจริงๆ
เมื่อเธอเดินออกมาจากร้านพนักงานสองคนนั้นก็คุยกัน
“เห็นยืนมองอยู่ตั้งนาน คิดว่าจะไม่กล้าเข้ามาซะอีก”
“คิดไม่ถึงว่าเข้ามาแล้ว ยังกล้าที่จะขอลองชุดใหม่ล่าสุดของพวกเราอีก ฉันละกลัวเหลือเกินว่าเธอจะขอลอง ชุดนี้ยิ่งเป็นรอยง่ายอยู่ด้วย ทุกครั้งที่ฉันไปจับก็ยังกลัวเลย”
“ช่างมันเถอะ ยังไงเธอก็ไม่มีปัญญาซื้อ!”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน ชายรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสีดำก็เดินเข้ามาในร้าน บรรยากาศภายในร้านสว่างไสวในทันที
เกาจิ่งอานสวมเสื้อลำลองขนแกะและกางเกงขายาว แต่เมื่อพวกเธอมองไปดูก็รู้ว่านี่คือชุดArmaniรุ่นLimited กางเกงและรองเท้าทั้งหมดเป็นงานทำมือของArmani เขาเป็นพวกที่อยู่ชั้นบนของพีระมิดแน่ “คุณผู้ชายคะ ไม่ทราบว่ามีอะไรที่พอให้ฉันช่วยได้ไหม?”
พนักงานขายเปลี่ยนสีหน้าไปอย่างรวดเร็วราวกับหลังมือเป็นหน้ามือ เธอโค้งเคารพและยื่นมือเชิญให้เกาจิ่งอานเข้าไปในร้าน
เกาจิ่งอานมองดูสินค้าในร้านด้วยท่าทางเบื่อหน่ายราวกับว่าไม่มีสินค้าตัวไหนที่ถูกใจเขาเลย “เอากระโปรงทั้งหมดในร้านนี้ใส่ถุงให้ผมด้วย”
ตาของพนักงานขายเป็นประกาย “ทั้งหมดนี้เลยเหรอคะ?”
“ใช่” เกาจิ่งอานพยักหน้า
“ได้ค่ะคุณผู้ชาย ดิฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ คุณผู้ชายคะจะดูอย่างอื่นอีกหรือเปล่า รองเท้าและกระเป๋าก็มีรุ่นใหม่ล่าสุด รองเท้าส้นสูงสีเบจคู่นี้เข้ากันได้ดีกับกระโปรง แฟนของคุณสวมเข้าด้วยกันคงจะสวยมาก”
เกาจิ่งอานมองไปที่รองเท้าแล้วตอบว่า “ครับ ช่วยคิดเงินให้ผมด้วย”
“ได้ค่ะ กระเป๋าด้วยไหมคะ? มีทั้งกระเป๋าถือและกระเป๋าสะพายที่เป็นสีโทนเดียวกันเหมาะสำหรับงานปาร์ตี้และงานเลี้ยงในครอบครัว รุปแบบที่ออกมาใหม่นี้เรียกว่าฟานซิงเป็นชุดที่สาวๆทุกคนใฝ่ฝันอยากจะได้นะคะ มีเพียงแค่ใบเดียวเท่านั้นค่ะ มัน……”
เกาจิ่งอานมองไปที่เธอด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า “คุณพูดมากไปแล้วนะ!”
“ขอโทษค่ะ ดิฉันจะจัดให้เดี๋ยวนี้”
เกาจิ่งอานเดินออกมาจากร้านมือของเขาถือถุงใหญ่ๆอยู่สามถุง เขาเดินตรงมายังโจวโร่หลินที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เห็นได้ชัดว่าเธอถูกราคาของชุดเหล่านี้ทำให้ตกใจกลัวและเดินออกมาด้วยความผิดหวัง
เกาจิ่งอานรักษาระยะห่างกับเธอ เขามองเห็นโจวโร่หลินเดินเข้าไปในร้านอีก5-6ร้านและเดินออกมาด้วยมือเปล่า
แม้จะอยู่ในระยะทางที่ห่างกัน แต่เกาจิ่งอานสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าที่ออกมาจากร่างกายของเธอ ในนั้นหัวใจของเขาก็ห่อเหี่ยวตามไปด้วย
เกาจิ่งอานเดินเข้าไปในร้านที่เมื่อสักครู่เธอยืนดูอยู่นานที่สุด
“ผู้หญิงคนเมื่อสักครู่ชอบชุดไหนเหรอ?” เกาจิ่งอานถามผู้จัดการร้านด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
เมื่อผู้จัดการร้านเห็นถุงที่เขาถืออยู่ในมือด้วย สายตาอันเฉียบแหลมจึงพูดขึ้นว่า “ต่างหูทองคำขาวคู่นี้ ที่จริงฉันคิดว่ามันเข้ากับเธอมาก แต่ว่าราคา……”
“คิดเงินให้ผมด้วย”
ผู้จัดการร้าน “……ได้ค่ะ”
เกาจิ่งอานเดินออกมาจากร้านแต่เขามองไม่เห็นโจวโร่หลินแล้ว ในใจเขานึกไปว่าเธออาจจะออกไปจากที่นี่แล้วหรือเปล่า?
แต่ว่าเครื่องประดับยังซื้อไม่ครบเลย แล้วเธอไปที่ไหนกัน?
หัวใจของโจวโร่หลินถูกกระตุ้นอย่างมาก เธอเศร้าอย่างไม่เป็นตัวเอง
บ้าจริง! เธอจะต้องจะต้องซื้ออะไรสักอย่าง ที่ทำให้โดดเด่นพอในงานเลี้ยงให้ได้ เธอเพิ่มงบประมาณเป็น 30,000 หยวน รูดบัตรเครดิตเพิ่มก็ได้!
ตรงหัวมุมเป็นร้านตี้ฟานนีขนาดใหญ่ ความแตกต่างก็คือตี้ฟานนีนี่ร้านนี้ขายเฉพาะเครื่องประดับระดับไฮเอนด์เท่านั้น ซึ่งดูจากคุณภาพและราคาแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซื้อของสักชิ้นในราคา1-2000หยวน
โจวโร่หลินรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปด้านใน คริสทัลและเพชรที่อยู่ตรงหน้าเธอเหมือนประตูแห่งสวรรค์ มันหรูหราเกินคำบรรยาย อีกทั้งมุมด้านล่างที่เขียนราคาเอาไว้ก็ไม่กี่หยวน……! โอ้! ไม่ นี่มันไม่ใช่เงินสกุลเงินหยวนแต่เป็นดอลลาร์สหรัฐ!”
โจวโร่หลินเดินไปรอบๆเคาน์เตอร์เป็นครึ่งวงกลม ทันใดนั้นเธอก็ถูกสร้อยคริสทัลสีม่วงดึงดูดเข้า ชื่อของสร้อยเส้นนี้ก็คือฟานซิงเช่นกัน เหมือนกับกระโปรงชุดนั้นที่เธอไม่มีปัญญาซื้อ!
ในเมื่อเธอไม่สามารถซื้อชุดกระโปรงได้ จะต้องซื้ออันนี้ไปให้ได้!
“ฉันขออันนี้ค่ะ”
“อันนี้”
เสียงสองเสียงพูดประสานขึ้นพร้อมกัน นิ้วชี้นิ้วนิ้วชี้ไปที่ตู้กระจกในเวลาเดียวกัน โจวโร่หลินเงยหน้าขึ้นมองพบว่าตรงหน้าเธอเป็นหญิงสาวผมยาว ผมของเธอดัดเป็นลอนสลวยสวมชุดกระโปรงคอวี ประดับด้วยเสื้อกันลมสีชมพูอ่อน พร้อมกระเป๋าถือรุ่นใหม่ล่าสุดของChloe การแต่งตัวของเธอดูก็รู้ว่าเป็นเศรษฐี
ถ้าโจวโร่หลินเทียบกับเธอแล้วกลายเป็นสาวบ้านนอกในทันที
ดวงตาของพนักงานขายเป็นประกายขึ้นทันที รีบพูดประจบประแจงกับหญิงสาวผมยาวว่า “คุณผู้หญิงคะ แววตาของคุณดีมากจริงๆ นี่คือสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งถูกส่งมาทางเครื่องบินในวันนี้ ตู้โชว์ในร้านทั่วไปยังไม่มีเลยนะคะ”
โจวโร่หลินถอนหายใจออกมา บรรดาพนักงานขายของนี่ถูกสอนมาจากอาจารย์คนเดียวกันใช่หรือเปล่า? หนังสือเรียนคงเป็นเล่มเดียวกันสินะ บทพูดที่พูดออกมาจะเปลี่ยนบ้างหน่อยไม่ได้หรือไง!
สาวผมยาวคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ค่ะ ช่วยห่อให้ฉันด้วย”
โจวโร่หลินไม่อยากจะไปแย่งด้วย จึงได้ขยับแว่นตากันแดดของเธอแล้วพูดออกมาว่า “ช่วยเอาแบบเดียวกันมาให้ฉันด้วยค่ะ”
พนักงานขายใส่สร้อยลงไปในกล่องยิ้มแล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะคุณผู้หญิง ของชิ้นนี้มีเพียงชิ้นเดียว สำหรับชิ้นต่อไปจะต้องรออีกหนึ่งเดือน และนี่เป็นรุ่นที่ต้องชำระเงินล่วงหน้าค่ะ”
อะไรนะ?
โจวโร่หลินรู้สึกอัดอั้นใจมานาน ในที่สุดก็ทนไม่ไหว
“เราสองคนเห็นสินค้าชิ้นนี้พร้อมกัน ทำไมคุณขายให้เธอแต่ไม่ขายให้ฉัน? คิดว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อหรือไง”
ฉันมีงบประมาณตั้ง 30,000 หยวน นี่ราคาแค่หมื่นแปดคิดว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อหรือไง ให้ตายสิบ้าจริง!
พนักงานขายยิ้มและพูดว่า “ขอโทษนะคะทั้งสองท่านใครมีบัตร VIP ของพวกเราไหม?”
หรือบัตร VIP เหรอ?
โจวโร่หลินเช็ดหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มี ฉันเพิ่งจะมาจากเมืองหลวง”
หญิงสาวผมยาวยิ้มแล้วพูดว่า “น้องคะ บัตรVIPของร้านตี้ฟานนีเป็นแบบนานาชาติสามารถใช้ได้ทั่วโลก บัตรประจำตัวหนึ่งใบสามารถทำบัตร VIP ได้เพียงแค่ใบเดียวเท่านั้น และมีสิทธิ์ที่จะซื้อสินค้าจำนวนจำกัดก่อนได้”
เมื่อพูดจบเธอก็หยิบบัตรสีโรสโกลด์ออกมาจากกระเป๋าโดยไม่ได้มองโจวโร่หลินอีก “รูดบัตรค่ะ”
อ๊าก! โจวโร่หลินโมโหมาก “เดี๋ยวค่ะ ฉันจะทำบัตรตอนนี้ ฉันนำบัตรประชาชนมาด้วย”
พนักงานขายและหญิงสาวคนนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า “น้องคะ เหมือนว่าน้องจะยังไม่เข้าใจกฎของร้านตี้ฟานนีใช่ไหม การที่จะทำบัตร VIP ได้จะต้องมียอดซื้อหนึ่งแสนเป็นต้นไปค่ะ”
โจวโร่หลินชะงักการหยิบบัตรประชาชนออกมาทันควัน
สาวผมยาวคนนั้นยืนพิงไปที่เคาน์เตอร์ แล้วพูดว่า “น้องคะ เพิ่งจะเรียนจบมาใช่ไหม? ไปดูร้านข้างๆได้นะ วันนี้มีโปรโมชั่นอยู่น่าจะเหมาะสมกับน้องมากกว่า”
โจวโร่หลินอยากจะฆ่าเธอด้วยสายตาจริงๆ ถ้าเธอสามารถถอดแว่นตาดำออกมาได้ละก็
โจวโร่หลินฟันกรอดๆ หัวใจของเธอจมสู่ก้นบึ้ง คุณภาพชีวิตของเธอคงจะอยู่ในระดับเด็กๆเท่านั้น การที่เธออยากจะเรียนแบบบรรดาคุณนายมันคงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับเธอจริงๆ
โจวโร่หลินเอากระเป๋าตังค์ของเธอใส่เข้าไปในกระเป๋าแล้วหันหลังออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เธอเดินออกมาจากร้านด้วยความสิ้นหวังและพึมพำอยู่ในใจว่า “ฉันจะไม่มาร้านพรรคนี้อีกแล้ว!”
“บัตรสมาชิกของที่นี่คงจะแบ่งเป็นหลายระดับสีนะครับ?”
ในขณะที่สาวผมยาวกำลังจะจ่ายเงิน เสียงของเกาจิ่งอานก็ดังขึ้น รูปร่างสูงใหญ่ของเขาพิงไปที่หน้าเคาน์เตอร์อย่างเป็นกันเอง มือของเขาถือบัตร VIP สีทองอยู่
“ใช่ค่ะคุณผู้ชาย มีแบ่งเป็นหลายระดับ” พนักงานขายมองเห็นบัตรสีทองใบนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง ให้ตายสิ!นี่มันเป็นสมาชิกระดับเพชรจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่าสิบล้านถึงจะทำบัตรนี้ได้ เขาเป็นลูกค้าระดับ Super VIP อย่างแน่นอน!
เกาจิ่งอานนำบัตรใบนั้นวางลงที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วพูดว่า “สร้อยเส้นนี้เป็นของผม”
“แน่นอนค่ะ คุณเป็นสมาชิกระดับเพชรผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงแค่สมาชิกระดับซิลเวอร์”พนักงานขายยื่นสร้อยเส้นนี้ไปให้กับเกาจิ่งอานแล้วยิ้มอย่างสุภาพ
หญิงสาวคนนั้นชอบมองมาแล้วกัดฟันพูดว่า “คุณผู้ชายคะ ใครมาก่อนก็ได้ก่อนสิ!”
เกาจิ่งอานหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าตังค์แล้วถามว่า “คุณชำระเงินแล้วเหรอ?”
“ฉันกำลังจะชำระเงินค่ะ แต่คุณเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน”ผู้หญิงคนนั้นจ้องเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เกาจิ่งอานทำตาปรือราวกับยังไม่ตื่น เขาพูดต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามนี้แหละ!”
“นี่คุณ!”
โจวโร่หลินซื้อไอศครีมแซนด์วิชข้าวเหนียวจากตู้ขายอัตโนมัติของร้านไอติมยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง จากนั้นนั่งลงตรงบันไดและกัดเข้าไปคำใหญ่
เจ็บปวดหัวใจจริงๆ!
ความหดหู่และคับแค้นในใจไม่อาจจะระบายออกมาได้ เนื่องจากสิ่งที่เธอปรารถนาอย่างแรงกล้าไม่สามารถสำเร็จได้เลยแม้แต่อย่างเดียว ความคับแค้นใจแบบนี้เธอจะพูดออกมาได้ยังไง
ถ้าจะให้พูดตามตรงก็เพราะเธอรักในความหรูหราฟุ้งเฟ้อไม่ใช่เหรอ? เหอะๆ!
เธอจะจัดการกับความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้นี้ยังไงกัน?
โจวโร่หลินกัดไอติมเข้าไปอีกคำใหญ่ ด้านในมีไส้พุทราแดงอยู่ กลิ่นหอมหวานละลายในปากรู้สึกเหมือนกับกินบ๊ะจ่างไส้พุทรา
ตื๊ด ตื๊ด! เสียงโทรศัพท์ของโจวโร่หลินดังขึ้น เป็นสายจากเพื่อนร่วมงานเธอนั่นเอง
“โร่หลิน เธออยู่ไหนน่ะ?กลับมาที่โรงแรมด่วนเลยนะ เรามีประชุมเร่งด่วน กลับมาให้ถึงภายในครึ่งชั่วโมง!”
อะไรนะ?
นี่เธอยังซวยไม่พออีกเหรอ ทำไมต้องตอกย้ำเธอเพิ่มขึ้นกัน?
ตายๆๆ!!!
“โอเค ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”
โจวโร่หลินพูดจบก็กินไอติมเข้าไปจนหมดและรีบวิ่งออกไปจากห้างสรรพสินค้า
เกาจิ่งอานยืนอยู่ด้านนอกประตู เขาหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นโจวโร่หลินวิ่งออกไป สาวน้อยคนนี้ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้กัน
แต่ว่าดวงตาทั้งคู่ของเธอเป็นอะไรไป?
โจวโร่หลินไม่กล้าที่จะรีรอแม้แต่ครึ่งนาที แต่เธอก็กลับมาถึงโรงแรมช้าไปกว่า10นาที เธอวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบและถือเอกสารของโครงการไว้ในมือเดินตรงเข้าไปยังห้องสวีท จากนั้นเปิดประตูและวางเอกสารไว้บนโต๊ะ
ขณะเดียวกันเสียงกริ่งของประตูก็ดังขึ้น โจวโร่หลินรีบทำท่าหยิบเอกสารเพื่อเปิดออกดูแล้วพูดว่า “มาแล้วค่ะ มาแล้วค่ะ!ฉันขอหาปากกาสักครู่”
เมื่อประตูถูกเปิดออก โจวโร่หลินก็ตกตะลึง “นี่คือ……”
พนักงานโรงแรมท่าทางอ่อนโยนและพูดว่า “คุณโจวคะ นี่คือของของคุณค่ะ”
หา!?
โจวโร่หลินมองไปที่ถุงกระดาษน้อยใหญ่มากมาย แต่ละถุงด้านหน้าล้วนเป็นโลโก้แบรนด์ระดับนานาชาติ เธอตกตะลึงและถามว่า “ใครเป็นคนส่งมาค่ะ?”
พนักงานบริการส่ายหัวแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ฉันไม่อาจจะบอกได้ค่ะ แต่ผู้รับเป็นชื่อของคุณโจวอย่างแน่นอน คุณผู้หญิงช่างโชคดีจริงๆ”
โจวโร่หลินสับสนงุนงงมาก เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอพยักหน้าและรับของเหล่านั้นไป โจวโร่หลินแอบหนีกลับมาที่ห้อง เธอเปิดถุงออกดู พระเจ้า!นี่ฉันเจอเข้ากับซานตาคลอสหรือโดราเอมอนกันแน่ นี่มันคืออะไรกัน?
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งของที่เธออยากได้ แต่ไม่มีปัญญาซื้อ
แม้แต่สร้อยเส้นนั้นที่เธอถูกคนอื่นแย่งไปต่อหน้าต่อตาก็รวมอยู่ที่นี่ด้วย
โจวโร่หลินทรุดลงไปนั่งที่พื้น ดวงตาทั้งสองข้างของเธอมองไปรอบๆตัว นี่มีคนติดเครื่องดักฟังไว้หรือเปล่า?
ในขณะที่โจวโร่หลินกำลังงงอยู่นั้น เสียงกริ่งในห้องพักของเธอก็ดังขึ้น
เธอตกตะลึงและเดินไปเปิดประตู “พวกคุณคือ……”
พนักงานในร้านเสริมสวยสปาสามคนยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “คุณโจวคะ คุณนัดทำทรีทเม้นท์หน้าในร้านของเราไว้ ให้เริ่มเลยไหมคะ?”
อะไรนะ? อะไรกัน!?
เธอนัดทำทรีทเม้นท์หน้าไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มันเรื่องตลกชัดๆ!
โจวโร่หลินยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “พวกคุณน่าจะเข้าใจอะไรผิดไปแล้วค่ะ ฉันไม่ได้จองไว้”
ผู้หญิงคนแรกยื่นใบการจองให้เธอดูแล้วพูดว่า “คุณโจวคะ เบอร์โทรศัพท์ของคุณคือ……ไม่ผิดใช่ไหม?”
โจวโร่หลินเบิกตากว้าง “ฉัน ฉันไม่รู้ค่ะ”
พูดไปพูดมาคนทั้งสามนั้นก็เดินเข้ามาในห้อง และจับเธอนอนราบไปบนโซฟา “คุณโจวคะ ทั้งหมดนี้จะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงสำหรับการดูแลดวงตาและใบหน้าของคุณเป็นหลัก คุณสามารถฟังเพลงสบายๆเพื่อพักผ่อน หรือหลับสักหน่อยก็ได้”
โจวโร่หลินสับสนงงมากจริงๆ จะให้เธอผ่อนคลายได้ยังไง?ตอนนี้ในสมองของเธอมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด!?
“รอก่อนนะคะ ฉันขออนุญาตโทรหาผู้จัดการของฉันก่อน พวกเรามีประชุมกัน”
ติ๊ง!
ข้อความจากผู้จัดการส่งมาได้จังหวะพอดี “การประชุมถูกยกเลิก คุณพักผ่อนให้ดี”
หา?อะไรนะ! เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ณ ห้องสูทข้างๆ
เกาจิ่งอานนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความโล่งใจ เขายกกาแฟขึ้นมาจิบ
โดยมีผู้จัดการฝ่ายการเงินของบริษัทฉู่ซื่อนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา “ท่านประธานเกาถ้าต้องการจะซื้อของขวัญให้เสี่ยวโจว สามารถพาเธอไปซื้อได้ด้วยตัวเอง ทำไมต้องวางแผนการขนาดนี้ด้วย?”
เกาจิ่งอานหมุนแก้วกาแฟและตอบไปว่า “ถ้าผมพาเธอไปซื้อตรงๆเธอคงไม่รับของจากผมแน่ และอาจจะหนีไปเมื่อเห็นผมด้วยไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าผมไม่อยากทำเหรอ ว่าแต่คืนนี้เธอมีปาร์ตี้อะไร?”
“อ๋อ ใช่! วันนี้เธอบอกกับพวกเราว่าจะมีงานเลี้ยงแต่มองดูแล้วเธอให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงนี้มาก น่าจะเป็นงานเลี้ยงที่สำคัญทีเดียว เหอะๆหนุ่มสาวก็แบบนี้”
เกาจิ่งอานพยักหน้า เขานำนิ้วมือเคาะไปที่เข่าแล้วเพิ่มพึมพำว่า “งานเลี้ยงอย่างนั้นเหรอ…”
งานเลี้ยงที่ทำให้เธอยอมสละเงินได้มากขนาดนี้น่าจะไม่ธรรมดา
เกาจิ่งอานเดินมาที่หน้าต่างหยิบโทรศัพท์โทรหาผู้ช่วยของเขาแล้วพูดว่า “ช่วยเตรียมของให้ผมหน่อย ผมจะใช้ในคืนนี้ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดจะต้องหามาให้ได้!”
หลังจากวางสาย เกาจิ่งอานก็ยกแก้วกาแฟขึ้นแล้วพูดว่า “วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ไว้วันหลังผมจะชวนคุณมาดื่มด้วยกัน”
ผู้จัดการพยักหน้าแล้วตอบออกมาว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากจะเห็นบริษัทฉู่ซื่อแต่งงานกับบริษัทอึนเคอจริงๆ ผมขออวยพรให้ประธานเกาและเสี่ยวโจวประสบความสำเร็จในเร็ววันนะครับ!”
ในเร็ววันอย่างนั้นเหรอ? แน่นอน!
เกาจิ่งอานยกกาแฟขึ้นดื่ม แววตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มสวยงามดุจดอกท้อ