ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 747

ตอนที่ 747

ตอนที่ 747 แฟนเก่า แฟนใหม่

เวลาสองทุ่มตรง ณ ร้านอาหารหรงเหยียน

โจวโร่หลินลงจากรถแท็กซี่ ด้านหน้าของเธอก็คือร้านต้นตำรับของหรงเหยียน อาคารหลังนี้ตั้งอยู่ที่ชานเมืองบรรยากาศเงียบสงบ แต่เมื่อถึงยามค่ำคืนก็จะมีผู้คนเดินทางมาจำนวนมาก อีกทั้งด้านนอกของลานจอดรถเต็มไปด้วยรถหรูเช่น Ferrari และ Bentley ราคาหลายล้าน ส่วน BMW และ Audi แทบจะไม่มีเลย

เธอน่าจะเป็นคนเดียวที่นั่งแท็กซี่มาละมั้ง

โจวโร่หลินสวมเสื้อคลุมสีเขียวลายทหารทรงยาว เมื่อเข้าไปในร้านบริกรก็เดินมาช่วยเธอถอดเสื้อคลุมออก โจวโร่หลินถอดเสื้อคลุมออกอย่างเคอะเขินและมอบให้แก่บริกร

บริกรสุดหล่อยิ้มแล้วถามเธอว่า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณอยู่โต๊ะไหน?”

โจวโร่หลินลืมชื่อห้องและหมายเลขไปอย่างสนิท เธอพูดว่า “รอสักครู่นะคะ……ขอโทษด้วย”

บริการพยักหน้ายิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ ถามเพื่อนคุณดูก่อนก็ได้”

โจวโร่หลินเปิดโทรศัพท์ดูข้อความแล้วตอบว่า “นี่ค่ะ”

บริกรมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์แล้วพูดว่า “ครับ กรุณาตามผมมา”

เนื่องจากห้องนั้นอยู่ในโซนส่วนตัวชั้นบนสุด บริกรกลัวว่าเธอจะไม่สามารถหาเจอด้วยตนเอง จึงนำพาเธอไปอย่างสุภาพ

โจวโร่หลินอดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่าที่นี่เป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์จริงๆ ขนาดบริกรก็ยังดูสุภาพมาก เธออยากจะทำความรู้จักกับเจ้าของร้านใหญ่แบบนี้จริงๆ

เธอเดินไปคิดไปจนกระทั่งมาถึงหน้าห้อง

บริการเดินกลับออกไป โจวโร่หลินรู้สึกเขินอายไม่กล้าเข้าไปด้านใน ห้องนั้นใหญ่โตมาก ด้านในมีคนนั่งอยู่จำนวนไม่น้อย ล้วนเป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัยของเธอ แต่ละคนนั้นเธอจำพวกเขาได้ดี ทั้งหลายกำลังนั่งสนทนากันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานเลี้ยงรุ่นต่างๆหรือใครเลิกกับใครแต่งงานกับใครอีกทั้งประโยคที่ว่าไม่เมาไม่กลับ!

คนที่เสียงดังที่สุดในนั้นก็คือรูมเมทของโจวโร่หลินนั่นเอง เธอชื่อว่าหมิงเม้ย รูปร่างหน้าตาของเธอเหมือนกับชื่อ สวยงามและค่อนข้างเป็นกันเอง ดูเป็นมิตรยิ่งนัก

ตอนนี้ทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ของบริษัทแห่งหนึ่ง ทำให้เธอมีความสามารถด้านการพูดเพิ่มขึ้น

“อ้าว โร่หลิน!ทำไมไม่เข้ามาล่ะ ตั้งใจจะยืนอยู่ข้างนอกเลยหรือไง รีบมาเร็วๆเข้ากำลังรอเธออยู่เลย” หมิงเม้ยมองออกมาที่ประตูเป็นพักๆ หลังจากที่เธอมองอยู่หลายครั้งในที่สุดเธอก็พบเจอกับคนที่เธอรอคอยมาแสนนาน

หมิงเม้ยเดินเข้ามาและกอดแขนของโจวโร่หลินพูดเอ่ยชมขึ้นว่า “โร่หลิน เธอทำให้ฉันตาสว่างจริงๆ บริษัทฉู่ซื่อเงินเดือนดีขนาดนี้เลยเหรอ? ชุดแพงขนาดนี้ซื้อโดยไม่ต้องคิดล่วงหน้า พระเจ้า!!! ว่าแต่ชีวิตการเป็นอยู่เธอดีขนาดนี้จะไปกลัวอะไรกัน เผยเสน่ห์ของเธอออกมา ทำให้คนอื่นหัวหดไปเลย!”

โจวโร่หลินใช้กระเป๋าถือในมือตบไปที่บ่าของเธอเบาๆแล้วพูดว่า “ไร้สาระน่า ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเลย!”

หมิงเม้ยพูดออกมาด้วยเสียงอันดังและทำสำออยว่า “โอ๊ย!กระเป๋าแบรนด์เนมตีใครเข้าก็เจ็บนะคะ ช่วยเบามือให้หน่อยได้ไหม?”

หมิงเม้ยพาเธอเข้าไปด้านใน หลายคนมองมายังเธอเนื่องจากชุดที่เธอสวมใส่อยู่นั้นช่างดึงดูดและแวววาว

โจวโร่หลินเบ้ปาก เอามือเท้าสะเอวพูดว่า “มองอะไรกัน?จำฉันไม่ได้หรือไง ฉันสวยขึ้นหรือว่ายังไงกันคะ ฉันไม่ได้ทำศัลยกรรมนะ แม้แต่ไฮยาลูโรนิคก็ไม่ได้ฉีด นี่มันสวยธรรมชาติค่ะ”

เพื่อนชายคนหนึ่งยกนิ้วโป้งขึ้นแล้วพูดว่า “โจวโร่หลิน คิดไม่ถึงนะว่าคุณจะเป็นคนที่มีศักยภาพซ่อนอยู่มากที่สุดในกลุ่มพวกเรา ผมรู้ว่าคุณมีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่ตอนแรกละก็ ผมคงจะไปตักน้ำร้อนให้คุณทุกวันตอนหน้าหนาว แล้วก็ซื้ออาหารเช้าไปส่งที่หอคุณทุกวันแน่!”

โจวโร่หลินทำท่าทางเหมือนเจ้าหญิง เธอเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า

“คิดว่าถ้าคุณตักน้ำร้อนให้ฉันแล้วก็ส่งอาหารเช้าทุกวัน ฉันจะคบกับคุณอย่างนั้นเหรอ?ตื่นซะทีเถอะ!”

เพื่อนผู้หญิงคนที่นั่งข้างๆพูดมาว่า “เจ้าอ้วนเอ๊ย! หัดเจียมตัวเองซะบ้าง ตอนนั้นโจวโร่หลินคบกับอากวางสวีทกันหวานซึ้ง คิดว่าตัวเองจะแทรกกลางเข้าไปได้หรือไง? ส่งอาหารเช้าทุกวันแล้วยังไงล่ะ อากวางขับรถVolkswagenเข้าใจไหม? เขาไปรับไปส่งทุกวัน แกมีอะไรไปสู้กับเขาเหรอ?”

โจวโร่หลินฝืนยิ้มออกมา

ในตอนนั้นพวกเขาทุกคนล้วนมีจิตใจที่บริสุทธิ์ ทุกอย่างเรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่รถVolkswagenคันหนึ่งก็รู้สึกว่าหรูหราแล้ว ตอนที่เขาขับมาจอดที่ใต้หอพัก ทุกคนล้วนมุงเข้ามาดู ตอนนี้นึกย้อนไปมันช่างไร้สาระจริงๆ

แต่ความไร้เดียงสาในวัยนั้นช่างดีจริงๆ พวกเธอยังไม่ทันได้รู้จักกับความเยือกเย็นของสังคมมนุษย์ ยังไม่รู้ว่าโลกนี้เป็นอย่างไร คิดเพียงแค่จับมือแล้วเดินไปด้วยกันก็คงจะเดินไปถึงจุดหมาย……

แต่ตอนนี้ล่ะ?

ทั้งเธอและคนรอบข้างล้วนถูกสังคมขัดเกลาจนหมดสิ้น สุดท้ายแล้วแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง แต่ก็อาจจะเดินไปไม่ถึงจุดหมายเหมือนกัน

เมื่อหมิงเม้ยเห็นว่าโจวโร่หลินสีหน้าเปลี่ยนไป เธอก็ค้อนไปที่เพื่อนคนนั้น

“ของกินมากมายขนาดนี้ไม่จับยัดใส่ปากเข้าไปล่ะ จะให้ฉันสั่งเปาะเปี๊ยะให้สักจานเป็นพิเศษไหม?”

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มออกมาอย่างเก้ๆกังๆแล้วพูดว่า “โทษทีนะโร่หลิน……”

โจวโร่หลินยิ้มกว้าง เธอพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมันผ่านไปตั้งนานแล้ว การที่เรามารวมตัวกันครั้งนี้ก็เพื่อต้องการรำลึกถึงเรื่องราวในอดีตไม่ใช่หรือไง?”

พวกเขาพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งเงียบเสียงลง หมิงเม้ยมองตามไป บรรยากาศด้านนอกดูอึดอัดขึ้นมา

โจวโร่หลินเองก็หันไปมองเช่นกัน อากวางในชุดเสื้อกั๊ก Armani สีน้ำตาล เสื้อสีขาวกางเกงสีน้ำตาล แม้ว่าเขาจะถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกแล้วแต่ เขาก็ทำให้โจวโร่หลินใจเต้นรัว

แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับมันมากนักก็ตาม

อากวางมองไปที่โจวโร่หลิน เขาเองก็ตกตะลึงเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเธอในที่นี้

คนอื่นรอดูอย่างเงียบๆ เขาไม่รู้ว่าอดีตคู่รักสองคนนี้บังเอิญมาเจอกันได้อย่างไร!

อากวางยิ้มขึ้นด้วยสีหน้าค่อนข้างอึดอัดใจแล้วถามว่า “โร่หลิน คุณมาด้วยเหรอ?”

โจวโร่หลินแสร้งยิ้มแล้วถามขึ้นว่า “ทำไมคะ?ไม่ต้อนรับฉันหรือว่ากลัวว่าฉันจะมากินข้าวฟรีกัน?”

“ไม่ครับ ไม่ใช่!ผมหมายถึงว่าการที่คุณเดินทางมาร่วมงานด้วยผมดีใจมากจริงๆนะ”

ใช่!เขาดีใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเธอสวมชุดที่สดใส การเคลื่อนไหวและอารมณ์ของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงรอยยิ้มนั้นสวยงาม โจวโร่หลินในรูปลักษณ์นี้ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก

ทั้งสองเดินเข้าสู่ที่นั่ง เพื่อนๆจงใจทำให้พวกเขานั่งอยู่ด้วยกัน ระยะห่างที่ว่าเพียงเอื้อมมือไปก็สามารถสัมผัสกันได้แล้ว

อากวางทักทายกับทุกคนด้วยคำพูดที่สุภาพ จากนั้นเขาก็หันความสนใจไปที่โจวโร่หลิน พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพก่อนว่า “ได้ยินว่าคุณทำงานอยู่ที่บริษัทฉู่ซื่อใช่ไหม? เป็นบริษัทที่ไม่เลวเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้คุณชายหลงเป็นคนจัดการดูแลด้วยตัวเอง ทำโปรเจคใหญ่ๆหลายโปรเจคทีเดียว อยู่ที่ต่างประเทศผมได้ยินชื่อเสียงของบริษัทนี้บ่อยๆ เขาเป็นพ่อมดแห่งวงการธุรกิจจริงๆ!”

ในมือโจวโร่หลินถือน้ำเปล่าอยู่หนึ่งแก้ว เธอหมุนมันไปมาแล้วพูดว่า “คุณได้ยินมาไม่น้อยเลยนะคะ “

ได้ยินมาจริงๆอย่างนั้นเหรอ? หึๆ!

อากวางยื่นแก้วน้ำส้มให้แก่เธอแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนคุณชอบดื่มนี่ผมจำได้ ที่ร้านหรงเหยียนนี้เขาทำอาหารได้รสเลิศทีเดียว”

ใช่! เมื่อก่อนเธอชอบดื่มน้ำส้มมาก เธอชอบกินป๊อปคอร์น และชอบขนมแพนเค้กของเมืองซันตงที่หน้าโรงเรียน ชอบเกี๊ยวข้าวโพดในโรงอาหารที่สาม เธอชอบเดินไปรอบๆทะเลสาบในโรงเรียนโดยมีเขากุมมือไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเดินกี่รอบก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

แต่ว่าตอนนี้……เธอมองไปที่น้ำส้มแก้วนั้นแล้วเอื้อมมือเลยไปหยิบน้ำบ๊วยมาแทน “ตอนนี้ฉันไม่ชอบดื่มมันแล้วค่ะ”

มือของอากวางชะงักลง แล้วถามว่า “คุณโกรธผมอยู่เหรอ?”

โจวโร่หลินดื่มน้ำบ๊วยเข้าไป มันช่างเปรี้ยวเสียจนเข็ดฟัน

“โกรธหรือคะ? ฉันโกรธคุณทำไม ไม่นี่!” โจวโร่หลินยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ จากการดูแลอย่างพิถีพิถันเป็นเวลาสองชั่วโมงของช่างเสริมสวย ทำให้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธออยู่แล้วขาวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

หมิงเม้ยและคนอื่นๆทำเป็นกินข้าวและพูดคุยกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาแอบมองดูทั้งสองคน ติดตามว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปเหมือนดูซีรีส์

จนถึงตอนนี้เหมือนกับว่าอากวางจะยังไม่ได้ทำผลงานเลยแม้แต่น้อย

ในตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือของอากวางก็ดังขึ้น เมื่อเขามองไปที่หน้าจอก็พูดขึ้นว่า “ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์สักครู่”

ในห้อง VIP ข้างๆ เกาจิ่งอานนั่งอยู่ที่โซฟา เมื่อเขาเห็นว่าอากวางเดินจากไป แววตาของเขาก็จมดิ่งลง

แม่งเอ้ย! ไอ้บ้านี่ก็คือแฟนเก่าของโจวโร่หลินที่เธอยังคิดถึงอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นสินะ?

“โจวโร่หลิน คุณตาบอดหรือเปล่า?ผู้ชายแบบนี้คุณยังจะมัวเก็บมันไว้ทำไม!”

“ผมดีกว่ามันเป็นร้อยเป็นพันเท่า!”

เมื่อได้ยินประโยคที่ทั้งสองคนสนทนากัน อารมณ์ของโจวโร่หลินก็ดีขึ้นไม่น้อย

“คุณต้องเข้มแข็งไว้นะโจวโร่หลิน อย่าล้มเลิกกลางคัน”

หลังจากที่เขาเดินออกไป หมิงเม้ยก็ตรงเข้ามาแล้วพูดว่า “โร่หลินเธอเก่งจังเลย เหยียบเขาแหลกเลย เมื่อกี้ที่ฉันเห็นนะ สีหน้าของเขามันแย่มากเลยล่ะฮ่าๆๆ เอาต่อเลยนะ ฉันบอกแล้วว่าเธอคิดถูกแล้วที่มา”

โจวโร่หลินยืดหลังตรงแล้วพูดว่า “แน่นอน ตอนนี้ฉันไม่ธรรมดานะ”

แม้ว่าของทุกชิ้นบนตัวเธอตอนนี้ไม่มีสิ่งใดที่เธอซื้อมาด้วยตัวเองก็ตาม

ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที ด้านนอกก็มีผู้หญิงผมยาวสุดเซ็กซี่เดินตรงเข้ามา แต่งหน้าอย่างประณีต ทรงผมงดงาม ท่าทางเดินเข้ามาอย่างชาญฉลาด เสื้อผ้าที่ถูกคัดเลือกมาดูแล้วช่างมีเสน่ห์

ยิ่งไปกว่านั้นคนคนนี้รู้สึกคุ้นตาจัง!

โจวโร่หลินจำเธอได้ทันที

ตี้ฟานนี!

หญิงสาวคนนั้นมองไปรอบๆแล้วถามขึ้นว่า “ขอโทษนะคะ พวกคุณเป็นเพื่อนของพี่กวางหรือเปล่า?”

เพล้ง!

เพล้ง!

เพล้ง!

บัดซบจริง! ใครกล้าเชิญแฟนของอากวางมาด้วยกัน ให้ตายสิ!

หมิงเม้ยวางท่าแล้วถามขึ้นว่า “เจ๊คะ!เจ๊เป็นใครกัน?”

เจ๊เหรอ?!

คำที่เธอใช้เรียกนั้นทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา สีหน้าของหญิงสาวคนนั้นดูไม่พอใจเท่าไหร่

“ฉันเป็นแฟนของพี่กวาง พอดีรถติดเลยมาสาย” สาวตี้ฟานนี ผมยาวปลิวไสว ท่าทางของเธอทุกทีนิยายบทงดงามราวเทพธิดาเหมือนกับกุลสตรี

ช่างแตกต่างกับผู้หญิงที่แสร้งทำตัวรวยแบบโจวโร่หลินเสียจริงๆ

เพื่อนสนิทคนหนึ่งของอากวางเดินหน้าขึ้นไปทักทายว่า “พี่สะใภ้ครับ เชิญเข้าไปด้านในเถอะ เมื่อสักครู่อากวางไปรับโทรศัพท์รอสักครู่นะครับ”

หญิงสาวเดินเข้าไปด้วยท่าทางสง่างาม เธอขยับเก้าอี้มานั่งทางด้านซ้ายของอากวาง ถ้าเป็นแบบนี้อากวางคงจะกอดซ้ายทีขวาทีก็ทำได้อย่างแน่นอน

หญิงสาวนั่งลง เธอยังคงรักษารอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ไว้ ท่าทางและอารมณ์ของเธอราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนโสดหลายๆคนยากที่จะควบคุมตัวเองได้

เมื่อเธอเดินเข้ามาด้านในก็มองเห็นโจวโร่หลิน เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าโจวโร่หลินเป็นใคร สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจนั่นคือที่คอของโจวโร่หลิน! สร้อยเส้นนั้นเป็นเส้นที่เธอโดนแย่งไปต่อหน้าต่อตา!”

“บังเอิญจังนะคะ ไม่คิดว่าจะเจอกันอีก”

ตี้ฟานนี เอ่ยขึ้นกับโจวโร่หลินก่อน แต่ประโยคนี้มันช่าง……

บรรดาพวกที่นั่งกินข้าวอยู่พากันอ้าปากค้าง

โจวโร่หลินแสร้งยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ค่ะบังเอิญจริงๆ”

หญิงสาวคนนั้นมองไปที่คอของเธอแวบหนึ่ง “ไม่ทราบว่าคุณซื้อมันมาได้ยังไงคะ?”

อะไรกัน?! แฟนเก่าและแฟนใหม่กำลังคุยกันเรื่องเครื่องประดับงั้นเหรอ?

โจวโร่หลินยิ้มแล้วถามว่า “สำคัญด้วยเหรอคะ?”

สาวสวยยิ้มอย่างเย็นชา เธอรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย “ใช่ค่ะ ไม่สำคัญเลยมันเข้ากับคุณได้ดีนะคะ”

หลังจากเธอพูดจบ เธอก็สะบัดที่คอ เผยให้เห็นสร้อยLimitedของChloe เป็นเพชรรูปหยดน้ำที่สะดุดตา

“โอ้โห!สวยจังเลย!”

ตี้ฟานนี อมยิ้มเล็กน้อย “พี่กวางซื้อให้ฉันค่ะ เดิมทีฉันจะซื้อสร้อยที่คุณคนนี้ใส่อยู่แต่ซื้อมาไม่ได้ พี่กวงไม่อยากให้ฉันเสียใจก็เลยซื้อเส้นนี้มาให้ฉันแทน”

ทุกคนมองออกถึงความแตกต่างของทั้งสองชิ้นนี้ นี่มันเป็นของของChloeเชียวนะ!

โจวโร่หลินกัดฟันกรอด แม่งเอ๊ย!

“หมิ่นหมิ่น!”

อากวางกลับมาได้ทันเวลาพอดี เป็นจังหวะเดียวกับที่โจวโร่หลินกำลังรังแกแฟนใหม่ของเขา

หมิ่นหมิ่นอย่างนั้นเหรอ? แหวะ!อยากจะอ้วก ช่างสะอิดสะเอียน!

เหอหมิ่นตรงเข้าไปควงแขนของอากวางไว้ เธอยิ้มอย่างนุ่มนวลและพูดว่า “ที่รักคะ!”

พรวด!

น้ำบ๊วยในปากของโจวโร่หลินพุ่งพรวด

ออกมา

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท