ตอนที่ 789 สามีสุดหล่อ ขอมองอีกนิด
เมื่อมองเห็นรถพี่เลี้ยงขับไกลออกไป กู้เยนเซินก็ยกมือขึ้นกุมศีรษะด้วยท่าทางหดหู่พูดว่า “ที่รักครับ ผมทำอะไรให้คุณชายหลงขุ่นเคืองกันเนี่ย?ทำไมเขาต้องรังแกผมแบบนี้ด้วย?”
ไป๋เวยตบลงที่หลังของเขาอย่างสิ้นหวังแล้วพูดว่า “พวกเรามาสายและบังเอิญพบกับตอนที่ท่านประธานจะกลับบ้านไปกับภรรยา เขาจึงได้ผลักงานเหล่านี้ให้แก่คุณ เขาก็เพียงแค่อยากจะหาใครมารับบาปแทนเท่านั้นแหละค่ะ คุณทำใจเสียเถอะ”
กู้เยนเซินพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “คราวหน้าผมจะขยี้เขาบ้าง!”
ไป๋เวยมองดูนาฬิกาแล้วพูดว่า “ใกล้จะถึงเวลาประชุมแล้วค่ะ จากที่นี่ไปยังบริษัทต้องใช้เวลาประมาณสามสิบนาที เดี๋ยวฉันจะขับรถเอง คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนอยู่บนรถแล้วกันนะคะเพื่อที่จะได้ไปให้ทันประชุม”
“ให้ตายสิ! ผมนี่น่าสงสารจริงๆ ที่รักครับพวกเราหนีกลับอเมริกากันเถอะ แล้วไปใช้ชีวิตแสนสุขของพวกเราที่นั่น”
ไป๋เวยชายตามองเขา กลับอเมริกาเหรอ? เธอยอมกลับมาทำงานที่ประเทศจีนดีกว่า เวลาเพียงไม่กี่วันที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านแม่สามี เธอกลัวมันมากพอแล้ว
เนื่องจากพ่อและแม่ของเธอจากไปเร็ว แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับความรักจากพ่อและแม่ แต่เธอก็ไม่เคยถูกใครมาบังคับ
เธอไปไหนมาไหนตามอำเภอใจตนเองตลอดคล้ายกับนกป่า จู่ๆต้องเผชิญหน้ากับตระกูลใหญ่อย่างกู้เยนเซิน
พระเจ้า! เธอแทบจะเป็นลม……
นี่ทำให้เธอต้องคิดอย่างหนักว่าจะแต่งงานกับเขาดีหรือไม่
กู้เยนเซินเห็นเธอเหม่อลอยจึงได้เอื้อมมือไปจับที่มือของเธอแล้วถามว่า “ที่รัก คิดอะไรอยู่ครับ?”
“คุณ……”
กู้เยนเซินหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมมือไปโอบที่เอวของเธอถามว่า “คิดถึงผมเรื่องอะไรกัน ผมจะให้ความร่วมมือเต็มที่เลย!”
“หึๆๆๆ คุณช่วยอยู่ห่างจากฉัน 100 เมตรได้ไหม?”
กู้เยนเซิน “……”
——
เมื่อรถพี่เลี้ยงกลับมาถึงบ้าน ป้าหลันก็เข็นรถเข็นเด็กเพื่อไปยังห้องทารก ลั่วหานยังคงโทรไปที่หมายเลขของถังจิ้นเหยียนแต่ผลปรากฏก็เป็นเหมือนเดิม โทรไม่ติด……
มันแปลกมากจริงๆ!
โทรศัพท์ของเจิ้งซิ่วหยาก็ไม่อาจติดต่อได้เช่นกัน
ครืด ครืด โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงหลงเซียวสั่นขึ้น
เป็นเบอร์ของจางหย่ง หลงเซียวจึงได้ปลีกตัวออกมาทำเป็นเดินขึ้นไปชั้นบน รับสายแล้วพูดว่า “ว่ายังไง?”
“เจ้านายครับผมพบแล้ว ตอนนี้ถังจิ้นเหยียนและเจิ้งซิ่วหยาทั้งสองคนอยู่ที่อเมริกา เพิ่งลงจากเครื่องเมื่อสักครู่ เนื่องจากสองวันนี้ที่นิวยอร์กมีพายุฝน จึงทำให้เที่ยวบินของทั้งสองล่าช้า และมีเหตุฉุกเฉินต้องลงจอดครั้งหนึ่งระหว่างทาง ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะถึงสนามบินนิวยอร์ก”
“อืม มีอะไรอีกไหม?”
หลงเซียวเปิดประตูห้องหนังสือและล็อกกลอนจากด้านใน จากนั้นปลดเนกไทออก
จางหย่งมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏข้อมูลของเจิ้งซิ่วหยาและถังจิ้นเหยียนแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผมสามารถตรวจสอบเลขที่ไฟลต์บินของพวกเขาได้ และให้คนในนิวยอร์กไปสืบหาต่อแล้ว แต่ว่ามองดูไปทั้งสองคนก็ไม่มีเรื่องอะไรผิดปกตินะครับ เหมือนกับแค่กลับไปเยี่ยมคนทางบ้านเท่านั้นเอง”
หลงเซียวขมวดคิ้วขึ้น “ไม่ใช่แน่ ถ้าถังจิ้นเหยียนเพียงแค่ต้องการกลับบ้าน เขาจะต้องบอกล่วงหน้าเพราะเขารู้ดีว่าวันนี้เป็นวันครบรอบ 1 เดือนของชูชู”
จางหย่งครุ่นคิด “จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ ผมคิดว่า……เดี๋ยวนะครับ! ทางอเมริกาส่งข้อมูลมา” จางหย่งเปิดดูข้อมูลที่ถูกส่งมา “ถังจิ้นเหยียนและเจิ้งซิ่วหยาไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พ่อของถังจิ้นเหยียนป่วยหนัก!”
ป่วยหนักอย่างนั้นหรือ ทำไมถึงกะทันหันจริง
“ป่วยเหรอ?”
จางหย่งมองไปยังข้อความที่ส่งมา “เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 7:00 น. ของเมื่อวานนี้ ถังจงรุ่ยขับรถกลับบ้านออกจากโรงเรียนไป ในระหว่างนั้นถูกรถบรรทุกชนเข้า”
“มีอันตรายถึงชีวิตไหม?”
“ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู ยังไม่พ้นขีดอันตรายครับ”
“คนขับรถบรรทุกล่ะ หนีไปแล้วหรือเปล่า?”
“เปล่าครับ คนขับรถบรรทุกพาเขามาส่งที่โรงพยาบาล และยินดีรับผิดชอบทั้งหมด”
“อ้อ”
หลงเซียวเปิดคอมพิวเตอร์และเข้าสู่หน้าอินเทอร์เน็ตของอเมริกาเพื่อค้นหาข่าวรถชน แต่เนื่องจากไม่ใช่บุคคลสำคัญอะไร ถึงไม่ได้รับความสนใจจากอุบัติเหตุครั้งนี้มากนัก
รถบูอิคที่เขาขับนั้น ด้านหน้าถูกชนจนผิดรูป ไฟด้านหน้ากระจัดกระจาย ถุงลมนิรภัยทำงานป้องกันเขาได้ทันเวลา แต่ก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงเรื่องราวน่าสลดนี้ได้
บนใบหน้าของถังจงรุ่ยถูกทำให้เบลอ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นรอยเลือดได้อย่างชัดเจน ที่ศีรษะถูกกระแทก มีความเสี่ยงถึงชีวิต
ไม่แปลกใจที่ถังจิ้นเหยียนรีบบินไปนิวยอร์กโดยไม่บอกไม่กล่าวเขาสักคำ เรื่องนี้เขาคงไม่อยากให้ลั่วหานรู้
“ก๊อกๆ!”
ประตูในห้องทำงานถูกเคาะขึ้น “หลงเซียวคะ”
“จับตามองต่อไป ถ้ามีอะไรโทรหาผมทันที”
“ครับเจ้านาย” จางหย่งอยากจะพูดคุยเกี่ยวกับตู้หลิงเซวียนไอ้สาระเลวนั่นสักหน่อย แต่เจ้านายของเขาคล้ายกับว่ามีธุระเขาจึงได้รีบวางสาย
หลงเซียวเปิดประตูออก มองเห็นลั่วหานมีสีหน้าเป็นกังวลยิ่งไม่อยากให้เธอรับรู้ความจริง “มีอะไรหรือครับ?”
ลั่วหานรวบผมยาวของเธอไปไว้ที่ข้างหูแล้วพูดอย่างอึดอัดว่า “ฉันยังติดต่อจิ้นเหยียนไม่ได้เลยค่ะ การที่เขาไปโดยไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้ ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณรู้จักผู้คนมากมายช่วยฉันตรวจสอบหน่อยได้ไหมคะ?”
“ครับ เดี๋ยวผมจะให้คนไปตรวจสอบดู คุณไม่ต้องกังวลใจไปหรอก วันนี้เหนื่อยมามากแล้วคุณหลับพักผ่อนสักหน่อยเถอะ” หลงเซียวใช้นิ้วของเขาปาดเหงื่อบนหน้าผากของเธอ แล้วเอื้อมไปโอบที่เอว
ลั่วหานส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะฉันไม่เหนื่อย ฉันกลัวว่าจิ้นเหยียนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแต่ไม่บอกฉัน นิสัยของเขาเป็นแบบนี้มาตลอด เวลามีเรื่องอะไรมักจะไม่บอกให้คนอื่นรู้ ชอบเก็บเอาไว้คนเดียว อุ๊บ!……”
ในขณะที่เธอกำลังร้อนรนใจ ริมฝีปากที่พูดไม่หยุดของเธอนั้นก็ถูกริมฝีปากของเขาประกบเข้า ทั้งอ่อนโยนแต่ก็ทรงพลัง เขาจูบจนกระทั่งเธอไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดถึงเรื่องถังจิ้นเหยียนอีก หลงเซียวจึงปล่อยเธอแล้วใช้สายตาดุเธอ “ลั่วลั่วครับ สามีของคุณยืนอยู่ตรงนี้ คุณยังเป็นห่วงผู้ชายคนอื่นได้ยังไง นี่เป็นข้อห้าม!”
ลั่วหานไม่ได้คิดอะไรมาก เธอตอบกลับไปว่า “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ จิ้นเหยียนเป็นเพื่อนของฉัน ฉันติดหนี้เขาเยอะเหลือเกิน”
“สิ่งที่คุณติดค้างเขา ผมจะคืนให้คุณเอง แต่คุณจะต้องให้สัญญากับผมว่าจะไม่แสดงความสนใจผู้ชายคนอื่นมากเกินไป ไม่อย่างนั้น……ผมจะโกรธแน่”
เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไร? จะลงโทษเธอ หรือจะให้เธอตัดขาดจากเขา? ไม่ได้แน่! ดังนั้นเธอจึงต้องเก็บความรู้สึกกังวลนี้ไว้ในใจเท่านั้น
ลั่วหานฟังจบก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ค่ะ ฉันไม่พูดแล้ว ฉันจะรอข้อความจากคุณนะ”
“คงไม่มีเรื่องอะไรหรอก ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมก็จะช่วยเขาจัดการเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน เรื่องคน หรือเรื่องไหนๆก็ให้เขาได้”หลงเซียวแสดงท่าทางเป็นพ่อพระออกมา
ลั่วหานจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ งั้นฉันขอไปพักผ่อนสักครู่”
เธอเหนื่อยมากแล้วจริงๆ
“ผมไปเป็นเพื่อนครับ”
เพราะกลัวว่าเธอจะคิดมากอีก ดังนั้นหลงเซียวจึงได้ถือNotebookเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง และประคองลั่วหานกลับไปยังห้องนอน ลั่วหานยังใส่ชุดราตรี เธอยืนหันหลังให้หลงเซียวแล้วเอื้อมมือไปรูดซิปที่ด้านหลัง แต่ว่าผมติดเข้าไปอยู่ในซิป จึงทำให้เธอใช้แรงดึงเสียจนเจ็บหัว
มือของหลวงเสียกำลังพิมพ์ไปที่แป้นคีย์บอร์ด แต่เมื่อเห็นท่าทางของเธอที่บิดไปมาจึงลุกขึ้นเดินไปแล้วพูดว่า “ผมช่วยครับ”
เขาช่วยเธอรูดซิปลงมาด้วยความระมัดระวัง ไม่มีผมหลุดออกมาแม้แต่เส้นเดียว เมื่อซิปถูกรูดลงมาก็เผยถึง ไหล่ที่สวยงามของเธอ มองลงมาที่ ไหปลาร้าและเอว……
หลงเซียวอดไม่ได้ที่จะนำมือร้อนดั่งไฟของเขาเอื้อมไปสัมผัสที่ผิวหนังของเธอแล้วพูดว่า “ลั่วลั่ว ให้ผมนอนเป็นเพื่อนคุณสักพักดีไหม?”
ลั่วหานถอดชุดออกแล้วสวมชุดนอนลงไป “คุณแน่ใจว่าคุณไหวเหรอคะ?”
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะทำอะไร แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาไม่พร้อม แขนของเขาไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ หลังของเขายังคงบาดเจ็บจะใช้แรงหักโหมไม่ได้
หลงเซียวหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาพูดออกมาอย่างหดหู่ว่า “ไม่มีปัญหาหรอกครับเพียงแต่ว่า…… เอาล่ะผมไม่ล้อคุณเล่นแล้ว ไปนอนเถอะครับผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”
จากนั้นลั่วหานก็ซุกตัวเข้าไปในเตียงนอนแต่เธอยังไม่ได้หลับตาลง นอนจ้องไปที่หลงเชียว
“ ไม่หลับเหรอครับ?”
“ยังไม่ง่วงค่ะ คุณทำงานของคุณไปเถอะ ฉันนอนมองอยู่อย่างนี้แหละ” ลั่วหานนำผ้าห่มมาเกยคางเอาไว้ แล้วตะแคงมองดูเขา เขามองไปที่คอมพิวเตอร์ แสงไฟจากหน้าจอกระทบไปที่ใบหน้าของเขา ทำให้ผิวพรรณสว่างขึ้น
“คุณหลับตาลงเถอะครับ ผมกลัวว่าคุณยิ่งมองยิ่งไม่ง่วง” หลงเซียวยิ้มแล้วเปิดอีเมลขึ้นมา
“อีกสักพักก็หลับแล้ว ตอนนี้ให้ฉันมองคุณไปก่อนไม่ได้เหรอ?” ลั่วหานมองดูเขาแล้วหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ราวกับความฝัน
และเมื่อมองไปที่แหวนแต่งงานในมือของทั้งสอง เธอก็ตื่นจากความฝันมาสู่ความจริง ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง!
“สามีคุณหล่อขนาดนี้ยิ่งมองยิ่งกระตุ้นฮอร์โมนนะครับ ต่อให้หลับแล้วคุณก็อาจจะ ฝันถึง……เอาล่ะหลับตาลงแล้วนอนได้แล้วครับ”
“พ่อชูชู คุณนี่หลงตัวเองจริงๆ”
“แม่ชูชู คุณก็ไม่เบา”
ผ่านไปสักพัก หลงเซียวหันกลับไปมองดูเธอ จึงได้รู้ว่าลั่วหานนอนหลับไปแล้ว
เขาจึงเดินไปคลุมผ้าห่มให้เธอ และโทรศัพท์ของหลงเซียวก็สั่นขึ้นอีกครั้ง
เขาเดินไปที่หน้าต่างแล้วพูดว่า “ว่ายังไง”
“พ่อของถังจิ้นเหยียนถูกกระทบกระเทือนที่บริเวณศีรษะ ทำให้มีเลือดออกในสมองมาก ตอนนี้สภาพค่อนข้างแย่ เมื่อสักครู่หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญอย่างถังจิ้นเหยียนก็แทบจะเป็นบ้า เกรงว่าพ่อของถังจิ้นเหยียนจะตกอยู่ในสภาวะไม่ดีเท่าไหร่”
หลงเซียวนำมือนวดไปที่หัวคิ้ว”อืม”
“เจ้านายครับ แม่ของถังจิ้นเหยียนให้พวกเขากลับบ้านไป หมายความว่าต้องการให้พ่อลูกพบกันครั้งสุดท้ายหรือเปล่า” จางหย่งส่งรูปภาพมารูปหนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย
——
ณ ตระกูลหลง
หลงถิงดึงเนกไทของเขาออกด้วยความโมโห เขาอยากจะระบายความเครียดออกมา แต่เห็นแก่หยวนชูเฟินที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาจึงได้เก็บอารมณ์เอาไว้แล้วพูดว่า”ป้าหลัน ส่งคุณนายไปพักผ่อน”
หยวนชูเฟินรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงเดินกลับไปห้องก่อน
หลงจื๋อวางกุญแจรถแล้วรีบกลับไปยังห้องของเขา เดิมทีหลงถิงต้องการจะรั้งเขาไว้แล้วด่าระบายอารมณ์ แต่โทรศัพท์กลับดังขึ้นเสียก่อน
เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์ขึ้นหน้าจอ หลงถิงก็รีบเดินไปที่ชั้นสองด้วยความโมโห เขาปิดประตูไม้ดังปึง “เห็นข่าวหรือยัง?”
หลินเหว่ยเย่กำลูกวอลนัทไว้ในมือแล้วเสียดสีกันไปมา ส่งเสียงดังเป็นระยะๆ “เห็นแล้ว!หลงเซียวมันโหดมากจริงๆ ปิดปากของคุณเสียสนิทเลย”
หลงถิงดึงเนกไทของเขาออกแล้วโยนมันลงบนเก้าอี้ทำงาน มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าสะเอว เขาหงุดหงิดคล้ายกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ “หลงเซียวมันถอยออกมาก่อนเพื่อที่จะโจมตีใหม่ ไม่เพียงแต่ยกระดับตัวเองขึ้นสูงเท่านั้น อีกทั้งยังได้ผลประโยชน์ไปมากมาย”
หลินเหว่ยเย่ยิ้มเยาะ “คุณหมายถึงเรื่องฉู่ลั่วหานและตู้หลิงเซวียนเหรอ?เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสองคนกัน?”
“ตู้หลิงเซวียนถูกลั่วหานเล่นงานเข้าเต็มเปา ลั่วหานใช้แผนการสกปรกนะสิ!” ระหว่างทางกลับบ้าน หลงถิงและตู้หลิงเซวียนติดต่อกันทางข้อความ หลังจากรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วหลงถิงก็โมโหยิ่งกว่าตู้หลิงเซวียนเสียอีก
หลินเหว่ยเย่ยังคงถูลูกวอลนัทอยู่ในมือ “สองสามีภรรยานั่นจัดการยากจริงๆ”
“ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ช่างมันเถอะไม่พูดแล้ว” เมื่อหลงถิงนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
หลินเหว่ยเย่ยิ้มแล้วพูดว่า “มีข่าวดีมาบอก บางทีอาจจะทำให้คุณยิ้มได้”
“เหรอ? ยังจะมีข่าวดีอะไรอีก?”
“เฉียวจื้อ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้อยู่ในขีดอันตราย”
หลงถิงยืดตัวขึ้น “เฉียวจื้อ? คุณหมายถึงถังจงรุ่ย?”
“อืม เมื่อวานตอนบ่าย อุบัติเหตุทางรถยนต์ค่อนข้างแรง ศีรษะได้รับผลกระทบโดยตรง ตอนนี้อาการ 50:50 ทีมแพทย์ได้เข้าช่วยเหลือฉุกเฉินสองครั้งแล้ว” น้ำเสียงของหลินเหว่ยเย่ค่อนข้างจะมีความสุข”
หลงถิงเผยอริมฝีปากขึ้น “พระเจ้าช่วยฉันจริงๆ!”
“ถังจงรุ่ย พยายามหลีกเลี่ยงพวกเรามาตั้งแต่เกิดเรื่องในปีนั้น คนคนนี้……ไม่ใช่ตระกูลเดียวกับผม” ลูกวอลนัทสองลูกในมือของหลินเหว่ยเย่ปะทะกันอย่างแรง
ใบหน้าของหลงถิงมืดมนลง เป็นเวลาเนิ่นนานในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เพียงแค่เขาตายไปซะ เรื่องในตอนนั้นก็จะไม่มีใครพูดถึงมันอีก มีผม มีคุณ และเบื้องบนที่รับรู้!”
หลินเหว่ยเย่ตอบกลับมาว่า “ฟ้ามีตา ตอนนี้เราถูกกำหนดให้พักผ่อนแล้ว”
“ฮ่าๆๆ”หลงถิงหัวเราะขึ้น แต่เขาก็เกิดความสงสัยจึงถามว่า “รถชนครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุหรือ?”
หลินเหว่ยเย่ยิ้มออกมาเบาๆ “ไม่ว่าจะเป็นยังไงมันสำคัญเหรอ? พวกเราต้องการแค่ผลลัพธ์เท่านั้น!