ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 856

ตอนที่ 856

ตอนที่ 856 ปฏิบัติหน้าที่กลางดึก

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง…

โฉหวั่นชิงนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาภายในห้องส่วนตัวของร้านกาแฟ ในสมองของเธอว่างเปล่า มีแค่เสียงสุดท้ายของหลงถิงเพียงอย่างเดียวที่วนเวียนอยู่ในสมองของเธอไม่หยุด

“โทษผิดในฐานะว่าจ้างฆาตกร ไม่มีทางทำให้เธอตายได้”

“ยอมรับว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้ต่างก็เกิดขึ้นเพราะเธอ ยอมรับว่าผู้บงการคือเธอ”

“แบกรับสิ่งนี้เองเลย”

“เสี่ยวจื๋อจะนั่งอยู่บนตำแหน่งประธานคณะกรรมการผู้บริหารบริษัทMBKอย่างมั่นคง เธอให้เขาไม่ได้ สิ่งที่เธออยากจะให้เขาได้ครอบครอง ฉันให้ได้ทั้งหมด”

“อย่าถามฉันว่าเพราะอะไร”

“รับปาก แล้วนับจากนี้ต่อไปอนาคตลูกชายของเธอจะไร้กังวล ไม่รับปาก…ด้วยนิสัยของหลงจื๋อแล้ว เกรงว่าบริษัทMBKคงจะรับเขาไว้ไม่ไหว”

“ต่อให้เขาคือลูกชายของฉัน ฉันก็ไม่มีทางเอารากฐานกิจการที่ลำบากมาทั้งชีวิตให้กับเขาฟรีๆ”

“พูดถึงคุณสมบัติและประสบการณ์พูดถึงความสามารถ ฉันสามารถให้หลงเซียวได้เปรียบเอาบริษัทMBKไป อย่างน้อยที่สุดอนาคตของบริษัทMBK ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นกังวล”

โฉหวั่นชิงปิดหน้าร้องไห้ เสียงร้องควบคุมอยู่ในส่วนลึกที่สุดของลำคอไม่กล้าส่งเสียงออกมา

หรือว่า…ความหมายในการมีอยู่ของเธอ ประโยชน์ในการกลับมาของเธอ สุดท้ายก็เพียงเพื่อมาเป็นตัวตายตัวแทนคนหนึ่งเท่านั้น?

เธอเช็ดน้ำตา คิดย้อนกลับไปถึงคำถามนั้นที่ตนเองเอ่ยถามเขาเป็นอย่างสุดท้าย…

“พี่หลง พี่บอกกับฉันตามตรง พี่เคยรักฉันไหม? เคยรักฉันจริงๆบ้างไหม?”

เธอไม่มีทางลืมสีหน้านั้นตอนที่เขาตอบคำถามของเธอได้ ไม่มีทางลืมไปตลอดกาล

เขาพูดว่า “ความรักสำหรับฉันแล้ว ไร้ค่า เอามาใช้ทำอะไร?”

เธออยากจะถามเขาอีก ถ้างั้นหยวนชูเฟินล่ะ? พี่ก็ไม่ได้รักหล่อนเหมือนกันหรอ?

เสียดายหลงถิงไม่ได้ให้โอกาสกับเธอ

ด้านนอกยังคงเป็นท้องฟ้าที่แจ่มใส ดวงอาทิตย์อันอบอุ่นสาดส่องเข้ามา ส่องสว่างด้านหลังของมือที่ถูกน้ำตาทำให้เปียกชุ่มของเธอ เธอว่างนิ้วนางเอาไว้มายี่สิบกว่าปี ไม่สามารถรอให้แหวนแต่งงานวงนั้นมาถึงได้

เธอนึกว่าตนเองได้ยืนหยัดมาจนถึงที่สุดจนจะได้พบกับแสงสว่างแล้ว ทว่า…สิ่งที่รอคอยมาถึงกลับเป็นฝนพายุที่โหมกระหน่ำ แม้แต่ความหวังสุดท้ายก็ยังดับลง

โฉหวั่นชิงนั่งเงียบๆอยู่ชั่วโมงกว่า เธอนำสาเหตุและผลลัพธ์ของทั้งหมดคิดไตร่ตรองอยู่หนึ่งรอบ ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย มองสถานะและสถานการณ์ที่ประสบของตนเองอย่างชัดเจน

สุดท้าย เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา นิ้วมือกดลงบนตัวอักษรทีละตัวๆ พิมพ์เขียนข้อความๆหนึ่ง…

“ฉันรับปากพี่ค่ะ”

ประเทศจีน มาเก๊า

เจิ้งซิ่วหยาตลอดทั้งคืนนอนไปเพียงแค่สามชั่วโมง รากฐานสุขภาพของเธอดี แต่นอนดึกติดต่อกันเป็นเวลานานก็ยังคงมีเส้นเลือดแดงในดวงตาทั้งสองข้างออกมาให้เห็น

โจวจั่นดึงที่เปิดกระป๋องออก ยื่นเครื่องดื่มบำรุงความสดชื่นให้กับเธอ “ลูกพี่ ไปนอนสักหน่อยเถอะ ฉันเฝ้าดูอยู่ที่นี่ มีการเคลื่อนไหวฉันค่อยเรียกเธอ”

ขาทั้งสองข้างของเจิ้งซิ่วหยายันอยู่บนพวงมาลัยขับรถ ดื่มเครื่องดื่มอึกๆไปคำใหญ่ๆหลายคำ กลิ่นที่ปะทะขึ้นมารุนแรงมาก เธอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยถึงได้กลืนลงไป

“ไม่ต้องหรอก ใครมันจะไปรู้ว่าเหลียงหยู้คุนจะมาเมื่อไร?” ที่ดื่มไปสองสามคำเมื่อสักครู่นี้ของเธอรุนแรงมากจริงๆ เครื่องดื่มกระป๋องนึงคิดไม่ถึงว่าจะเห็นถึงพื้นกระป๋องแล้ว

เขย่าเล็กน้อย ว่างเปล่า

โจวจั่นยังอยากจะให้เธออีกหนึ่งกระป๋อง ถูกเจิ้งซิ่วหยาปฏิเสธเข้า “กระป๋องเดียวก็พอ ดื่มเยอะก็ต้องไปเข้าห้องน้ำ ง่วงสามารถกลั้นได้

ฉี่กลั้นไม่ไหวหรอกนะ”

พอเธอพูดเช่นนี้ โจวจั่นหัวเราะขึ้นมา ตำรวจอาชญากรรมสองคนที่นั่งอยู่ทางด้านหลังก็หัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน

เจิ้งซิ่วหยาทิ้งกระป๋องไป “มือซุ่มยิงเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”

โจวจั่นพลางห่อแซนวิชให้กับเธอพลางตอบคำถาม “เตรียมพร้อมแล้ว แปดทิศทาง แปดมือซุ่มยิง ระยะใกล้ไล่จับ ระยะไกลยิงโจมตี คราวนี้เหลียงหยู้คุนต่อให้มีปีกก็บินออกไปไม่ได้!”

เจิ้งซิ่วหยายังคงมีความไม่ไว้วางใจต่อเรื่องนี้ เพราะเหลียงหยู้คุนไม่ใช่ลูกน้องโจรกระจอกๆ คิดจะจับกุมเขานั้นไม่ง่าย

โจวจั่นเตรียมของกินเสร็จ “รองท้องสักหน่อย กินอาหารเย็นมาหลายชั่วโมงแล้ว หิวแล้วล่ะสิ?”

เจิ้งซิ่วหยาตบไปที่ศีรษะของเขาอย่างหยาบๆ “โอ๊ะ ทำงานเป็นจริงๆนะ รู้ว่าพี่หิวแล้ว ได้ ขอบใจนะ”

โจวจั่นเบ้ปาก บ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันอายุมากกว่าเธอสองสามเดือนแท้ๆ ใครเป็นพี่ใครกัน?”

เจิ้งซิ่วหยาอ้าปากก็กัดคำใหญ่ กินอาหารต่อหน้าพวกโจวจั่น เธอทำตัวเองเป็นผู้ชายไปโดยสมบูรณ์แบบ ไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย

หลังจากคำใหญ่ลงไป แซนวิชถูกเธอกัดออกไปมุมหนึ่ง

“ได้ๆๆ เธอคือพี่สาวฉัน!พี่โจว กิน!” เจิ้งซิ่วหยาหยิบอันนั้นที่อยู่ในมือของโจวจั่นขึ้นมายัดใส่เข้าไปในปากของเขา

โจวจั่นถูกยัดเข้าไปอย่างเร่งรีบ ไม่ทันได้กลืน สำลักจนไอแค่กๆๆออกมา “แม่ง เธอนี่มันป่าเถื่อนจริงๆ!”

เจิ้งซิ่วหยายื่นน้ำแร่ขวดนึงให้กับเขา “พี่โจว เหนื่อยแย่แล้ว ดื่มน้ำๆค่ะ”

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กินแซนวิชอยู่ด้านหลังก็ประสมโรงไปด้วยเช่นเดียวกัน “โจวจั่น คุณตำรวจเจิ้ง พวกคุณสองคนทะเลาะกันแบบนี้ทุกวัน คนที่อยู่รอบๆพอเห็น จะว่าเหมือนคู่รักกันนะครับ”

“ฉิบ!ใครแม่งตาบอดขนาดนี้? ตาข้างไหนเห็นพวกเราเป็นคู่รักกัน? มีโรครีบไปรักษา” แขนข้างหนึ่งโอบคอของโจวจั่นเอาไว้ ทำท่าทาง แบบเพื่อนผู้ชายที่สนิทสนมกัน แทบจะรัดโจวจั่นตาย

“ลูกพี่ เหลียงหยู้คุนไม่ตาย ฉันตายก่อนแล้ว เธอว่าถือว่าเป็นการสละชีพเพื่อชาติหรือถือว่าถูกฆ่าตาย?” โจวจั่นสลัดอุ้งมือปีศาจของเธอออก สงสารตัวเองอยู่พักใหญ่

เจิ้งซิ่วหยากินเสร็จ ดื่มน้ำไปสองสามคำ ปิดฝาขวด “ตายไม่ได้ พี่จะทิ้งผู้ช่วยมือขวาอย่างเธอลงได้ยังไงกัน วางใจเถอะ เธอจะอายุยืนยาว”

เวลาดึกลงเรื่อยๆ ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว เจิ้งซิ่วหยามองดูนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งที่หลายร้อย “แม่ง เหลียงหยู้คุนจะมาหรือไม่มากันแน่? สถานบันเทิงได้เริ่มขึ้น การพนันต่างก็เปิดไปหลายกระดานแล้ว”

โจวจั่นหยิบกล้องส่องทางไกลสำรวจ บริเวณแถวนี้ต่างก็ไม่มีรถยนต์ที่น่าสงสัยเคลื่อนไหว “เหลียงหยู้คุนทำงานถือว่าสุขุมลุ่มลึกเป็นอย่างมาก คราวก่อนเขาถูกหลงเซียวซ้อมไปครั้งหนึ่งที่นี่ คาดว่าคงจะหวาดกลัวอยู่เล็กน้อยแล้วล่ะมั้ง คราวนี้จะต้องระวังมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”

เจิ้งซิ่วหยากอดอก พยักหน้า “เห็นว่า คราวก่อนหลงเซียวต่อสู้กับเหลียงหยู้คุนที่นี่ เป็นเรื่องไม่เบา หากไม่ใช่ต่อมาข่าวถูกระงับลงไป ฉันว่าพอที่จะให้ดังไปครึ่งปี”

โจวจั่นนั้นไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายใน หลงเซียวทำงานไม่เหลือทิ้งร่องรอย ต่อมาอาการบาดเจ็บของเขาก็ปิดซ่อนเอาไว้อย่างดีมาก โลกภายนอกแทบจะไม่รู้ “ฉันกลับซูฮกหลงเซียวจริงๆ ตอนที่กัดกันเองลงมือเหี้ยมพอ”

“สี่ทุ่มครึ่งแล้ว เหลียงหยู้คุนคืนนี้ต้องมาแน่นอน ไม่งั้นฉันแม่งก็รอเก้อแล้ว”

โจวจั่นพิงไปบนเบาะที่นั่งด้านข้างคนขับ เงยหน้ามองเห็นแสงไฟโชติช่วงของเมืองที่ไม่มียามค่ำคืน ทะเลแห่งแสงไฟขยายออกไปสิบลี้ แสงในยามค่ำคืนของเมืองที่ไม่มียามค่ำคืนในคืนนี้สวยงามผิดปกติ

“จะรอเก้อได้ยังไงกัน? เธอดูทิวทัศน์ที่อยู่ด้านนอก ไม่ใช่ว่าดีมากหรอกหรอ?”

ประเด็นสำคัญคือด้านข้างมีเธอนั่งอยู่ ดังนั้นโจวจั่นจึงทะนุถนอมทิวทัศน์ในคืนวันนี้มาก ต่อให้เฝ้ารออีกตลอดทั้งคืน เขาก็ยินดี

เจิ้งซิ่วหยากลับไม่ได้มีอารมณ์ที่ดีสบายๆขนาดนี้ เธอเบ้ปากมองฟ้า “เลิกคิดซะเถอะ ฉันไม่เห็นรู้สึกว่าดี”

สิ่งที่ในใจของเธอคิดกังวลคือถังจิ้นเหยียน เขากลับประเทศแล้ว ขอโทษกับลั่วหานแล้วหรือยัง? จะเจรจายังไงกับหลงเซียว? เสียเปรียบหรือเปล่านะ? ถูกต่อยแล้วหรือยัง?

อารมณ์แบบนั้นของหลงเซียว จะไว้หน้าเขาไหมนะ?

คิดถึงเขามาก อยากจะส่งข้อความ โทรศัพท์หาเขามาก

สูดหายใจเข้าเต็มปอด เจิ้งซิ่วหยาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา พิมพ์เขียนข้อความลงไป

“ลุงถัง ฉันอยู่ที่มาเก๊า ฉันคิดถึงคุณแล้วค่ะ”

ตอนที่ถังจิ้นเหยียนเห็นข้อความนั้นเพิ่งออกมาจากห้องผู้ป่วย คืนนี้เข้าเวรดึก ตอนที่ตรวจห้องผู้ป่วยตั้งใจไปดูอาการผู้ป่วยที่ลั่วหานทำการผ่าตัดเป็นพิเศษอยู่ครู่หนึ่ง

“ยังคงกำลังปฏิบัติหน้าที่? ราบรื่นไหม? ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”

เจิ้งซิ่วหยาแบะปากท่าทางโง่ๆ “ราบรื่นค่ะ ภารกิจสำเร็จฉันก็สามารถกลับประเทศได้แล้ว หลังจากกลับไปฉันอยากทานสปาเก็ตตี้ที่คุณทำ!”

ถังจิ้นเหยียนพิงไปบนรั้ว เหน็บเคสผู้ป่วยเอาไว้แล้วตอบกลับข้อความ “รอคุณกลับมา ผมทำอาหารให้คุณโต๊ะนึง”

ว้าว อบอุ่นจัง!อยากจะบินกลับไปเดี๋ยวนี้จริงๆ

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท