อนที่ 838 วิกฤตของอาการหึง
ในห้องครัว ร่างที่สูงยาวขดอยู่ในพื้นที่เตี้ย ๆ โคมไฟที่โดนควันจนมืดเล็กน้อยห้อยโยกไปมา ซึ่งส่องแสงให้เงาร่างของเขาเฉียงไปอีกฝั่ง
ลั่วหานยืนอยู่หน้าประตูห้องครัว ชื่นชมหลงเซียวที่กำลังรอให้โจ๊กเดือดอย่างเงียบๆ ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนั้นได้ในขนาดนั้น
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงดื้อขนาดนี้เนี่ย ร้านเขาไม่มีโจ๊กแล้วเธอไม่กินก็ได้ อีกอย่างถ้าอยากจะหาโจ๊กร้อนๆ สักถ้วยมันคงไม่ยากใช่ไหม? อย่างมากก็โทรหาผู้ช่วยให้ผู้ช่วยส่งมาให้ก็ได้ หรือว่ากลับไปกินที่บ้านก็ได้ แต่เขา…..เขากลับลงมือทำเอง!
ลั่วหานมองไปที่หลงเซียวที่กำลังต้มโจ๊กอย่างตั้งใจแบบเงียบๆ เขาคอยมองดูนาฬิกาด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างดี และควบคุมขนาดของไฟที่ใช้ในการต้มโจ๊กอย่างเชี่ยวชาญ ภาพที่ดูจริงจังนั้นราวกับว่าเขากำลังทำโปรเจ็กใหญ่มูลค่าหลายร้อยล้าน
ดูไปเรื่อยๆ ลั่วหานก็แสดงรอยยิ้มที่มีความสุขและซึ้งใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอพิงที่ขอบประตูไปไหนไม่ได้
หลงเซียวเปิดฝาหม้อแรงดันออกมา กลิ่นที่หอมหวานโชยเข้าจมูกแล้วลอยไปทั่ว โจ๊กที่ร้อนๆ นี้ดูอบอุ่นมากเป็นพิเศษในตอนกลางคืน
ลั่วหานได้กลิ่นหอมนี้แล้วก็โอบเอวของเขาไว้จากข้างหลัง ผู้ชายที่ถูกเธอกอดไว้นั้นสะดุ้งเล็กน้อย
“คุณสามีคะ คุณทำแบบนี้อยากจะตามใจฉันจนนิสัยเสียจริงๆ เหรอ” ลั่วหานพิงไปที่หลังของเขา เสียงที่นุ่มนวลปะปนไปด้วยความงุนงงที่เพิ่งตื่น
หลงเซียวปิดสวิตช์แล้วเป่าไอร้อนตรงหน้าออก และตักโจ๊กออกมา โจ๊กพุทราจีนและถั่วแดงสองถ้วยเล็กๆ นั้นต้มได้กำลังพอดี
“ตื่นแล้วเหรอ? คุณอยากทานตอนนี้เลยไหม?”
“อืม ฉันหิวพอดีเลย ฉันอยากกินตอนนี้เลย”
เถ้าแก่เอาซาลาเปาเนยนุ่ม ๆ มาให้ มีผักดองโฮมเมดวางอยู่ในจานเล็กๆ ไอร้อนของโจ๊กทั้งสองชามพัดโชยอยู่บนโต๊ะอาหารมันแบ่งแยกตัวจากอากาศที่หนาวเหน็บของข้างนอกเป็นสองฤดู
“วันนี้มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น และฉันเหนื่อยมากจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกมีความสุขมาก มีความสุขเป็นพิเศษ” ลั่วหานคนโจ๊กแล้วชิมไปหนึ่งคำ รสชาติเยี่ยมมาก รสชาติดีกว่าโจ๊กใด ๆ ที่เธอเคยกินมาก่อน!
หลงเซียวหยิบซาลาเปาชิ้นเล็กๆ มา แหวกตรงกลางออกแล้วใส่ผักดองเข้าไปห่อเสร็จแล้วส่งให้ลั่วหาน “เรื่องใหญ่แค่ไหนก็สู้ทำให้ภรรยาของผมกินอิ่มไม่ได้ ตอนนี้ลืมเรื่องพวกนั้นไปก่อน ตั้งใจกินข้าว”
“ได้! ฉันจะกินโจ๊กในหม้อให้หมดเลย! “ลั่วหานกัดซาลาเปานุ่ม ๆ ไปหนึ่งคำ ลิ้นของเธอเต็มไปด้วยรสชาติหอมหวาน เครื่องเคียงที่ธรรมดานี้ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อยจนเกินคำบรรยาย
“ตระกูลเสิ่นจะล้มละลายไปแบบนี้เลยเหรอ? จ้าวฟางฟางกับฉู่ซีหรานจะติดคุกทั้งคู่เลยหรือ?” ลั่วหานกินโจ๊กไปคำใหญ่ๆ
“บริษัทเสิ่นซื่อถูกสำนักงานอุตสาหกรรมและการค้าและสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะยึดไปแล้ว สองสามวันนี้ธนาคารกำลังรวบรวมหุ้นทรัพย์สินของตระกูลเสิ่น อสังหาริมทรัพย์ที่ตระกูล เสิ่นจำนำไว้กับธนาคารจะถูกประมูลขายในไม่ช้านี้ โดยรวมแล้วถือว่าล้มละลายแล้ว”
หลงเซียวกินโจ๊กเป็นเพื่อนเธอไปทีละคำทีละคำ เพราะว่าบรรยากาศในตอนนี้มันอบอุ่นมากเกินไป รสชาติของโจ๊กก็หวานขึ้นมาก
ไม่คาดคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการทำโจ๊กครั้งแรกเป็นอย่างมาก มีพรสวรรค์ที่สุด
ลั่วหานถอนหายใจ “เสิ่นเหลียวเอ๊ย….. เขาเองก็ลำบากเหมือนกันนะ เพิ่งออกมาจากคุกก็ต้องเข้าไปอีกแล้ว ครั้งนี้ติดคุกคงออกมาไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
“นี่ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้กี่ปี ปกติแล้วข้อหากรณีเขาติดคุกสัก20 30 ปีก็ออกมาแล้ว ถ้าเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงอายุ 80 หรือ 90 เขาอาจจะยังสามารถทำธุรกิจบางอย่างได้หลังจากที่เขาได้รับการปล่อยตัวจากคุก” หลงเซียวยิ้มมุมปากองศาของรอยยิ้มนั้นดูร้ายๆ
“ทำไมฉันฟังที่คุณพูดแล้วรู้สึกว่าคุณสะใจที่เขาเป็นแบบนี้?”
“คุณเมียครับ อย่าพูดออกมาตรงๆ สิ ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไร” เขาได้ดีละยังทำตัวเชื่องอีกนะ
ลั่วหานหัวเราะเบา ๆ สองครั้ง “ยินดีด้วยค่ะ มามามา ดื่มโจ๊กชามนี้ให้หมด”
หลงเซียว: “……. ” มองไปที่โจ๊กแล้วมองไปที่เธอ ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามนั้นน่ารักเกินไป เขาอดไม่ได้จริงๆ ก็เลยเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปบีบที่ปลายจมูกของเธอ
“โจ๊กชามนี้ชนไม่ได้ เราชนซาลาเปากันเถอะ”
ซาลาเปาลูกแค่นี้เอง กินได้คำละลูก
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
วันรุ่งขึ้น มีฝนตกเล็กน้อยบนท้องฟ้าในเมืองหลวง ยอดไม้ไหวตามลมหนาวและทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็ดูรกร้าง
หลงเซียวใส่สูทผูกเนกไทเสร็จ ลั่วหานเองก็แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่มองออกไปนอกหน้าต่างในเวลาเดียวกัน ท้องฟ้าสีฟ้าครามออกเป็นสีเทาจนรู้สึกหน่วงๆ ราวกับว่ามีควันปกคลุมไว้
“ช่วงนี้ฝนจะตกทุกวันใช่ไหม?” ลั่วหานยังไม่ได้ออกจากบ้านก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นแล้ว เธอไม่มีความกล้าที่จะไปทำงานเลย
“สามวันถัดจากนี้จะมีฝนตกต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ตกหนัก จะให้คนขับรถไปส่งคุณที่โรงพยาบาลไหม?”
“ฝีมือการขับรถของฉันดีกว่าคนขับรถของคุณอีก คุณไว้ใจให้ฉันนั่งรถของคนขับรถของคุณเหรอ?” ลั่วหานเงยคางขึ้นลง เธอรู้สึกอยากหัวเราขึ้นมาเมื่อนึกถึงโจ๊กและซาลาเปาเมื่อคืนนี้
“ใช่ฝีมือการขับรถดีมาก ถ้าขับไม่เก่งจะไปแข่งรถกับคนอื่นได้ยังไง? หื้ม? ” หลงเซียวโต้กลับไป พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าเขาหลงและตามใจเธอมาก
ลั่วหานตัดสินใจที่จะไม่พูดหัวข้อนี้อีก “คุณได้พบกับแม่ของเสี่ยวจื๋อแล้วหรือยัง? เธอกลับมาแล้ว”
หลงเซียวรู้เรื่องนี้เหมือนกัน แต่เขายังไม่ได้เจอโฉหวั่นชิง
“เมื่อก่อนผมเคยเจอเธอ แต่มันก็หลายปีมาแล้ว หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย ทำไมเหรอ? คุณอยากเจอเธอหรือ?” หลงเซียวใส่นาฬิกาข้อมือเสร็จ เตรียมตัวจะลงไปชั้นล่าง
“ฉันจะไปเจอเธอทำไม? ในฐานะอะไร? ” ลั่วหานหยิบผ้าพันคอจากตู้เสื้อผ้าและเดินลงชั้นล่างพร้อมหลงเซียว
“ที่โฉหวั่นชิงกลับประเทศครั้งนี้ เป็นแผนของหลงถิง ปกติแล้วถ้าไม่ได้ผลประโยชน์หลงถิงจะไม่ทำเช่นนี้ เขามีจุดประสงค์ของเขา”
“เรื่องงานแต่งงานของเสี่ยวจื๋อเหรอ?”
“รวมถึงเรื่องนี้ด้วย แต่มันน่าจะมากกว่านี้”
ลั่วหานครุ่นคิด “ฉันจะรู้สึกว่าช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นเยอะมาก มาไม่หยุดสักที”
เพิ่งเดินไปถึงลานชั้น1 คนรับใช้ก็รีบวิ่งเข้ามาแล้วบอกว่า “คุณหญิงคะ เหมือนว่าฟู้กุ้ยจะไม่สบายหนักนะคะ ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้มันไม่ยอมกินอะไรเลย ดูไม่มีเรี่ยวแรงไม่ลืมตาด้วย สิงโตที่ถูกส่งตัวมาจากสวนสัตว์มันก็ไม่แม้แต่จะมองค่ะ ฉันกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะแย่เอานะคะ”
“เป็นหนักขนาดนั้นเลยเหรอ? เดี๋ยวฉันไปดู”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “เป็นแค่สิงโต แต่เรื่องมากนะเนี่ย ไปหาสัตวแพทย์มายัง?”
“ไปหามาแล้วค่ะ เขาวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ” ลั่วหานเป็นคนพูดออกมาเองเธอยังรู้สึกตลกเลย
“……. ” หลงเซียวเงียบอย่างที่คาดไว้จริงๆ ด้วย
อาการซึมเศร้าพบได้บ่อยในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่สิงโตซึ่งเป็นสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ …… เซอร์ไพรส์นิดหน่อย
หลงเซียวถือร่มไว้แล้วอยู่เป็นเพื่อนลั่วหานที่กำลังดูฟู้กุ้ย ข้างในกรงฟู้กุ้ยมีสิงโตตัวที่มีขนาดเท่ากันนอนอยู่ด้วยกัน สิงโตทั้งสองตัวมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
สิงโตตัวเมียที่อยู่ข้างๆ นอนอยู่ตัวเดียวอย่างเดียวดาย ส่วนฟู้กุ้ยก็เป็นเหมือนนักบวชเต๋าที่มีจิตใจบริสุทธิ์
ถ้ามองเป็นคน ฟู้กุ้ยก็เป็นเกย์ที่ไม่สนใจหญิงสาวดีๆ นี่เอง!
ลั่วหานรู้สึกปวดหัวกับมัน “แบบนี้ก็ไม่ได้ ถ้าอย่างงั้นต้องทำยังไง ฉันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการสั่งสอนสัตว์เลี้ยงเลย”
หลงเซียวนั่งยองๆ อยู่นอกกรง มือข้างหนึ่งของเขาวางไว้บนเข่า มืออีกข้างหนึ่งหนีบเนื้อแกะสดๆ ไว้แล้วยื่นเข้าไป “ฟู้กุ้ยมานี่”
แต่ฟู้กุ้ยไม่มองมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ มันเต็มไปด้วยออร่าแห่งความเย่อหยิ่งหน้าตาของมันดูเหมือนว่ามองทุกอย่างบนโลกนี้เป็นแค่ผุยผง พวกคนธรรมดาๆ อย่ามารบกวนข้าพเจ้านะ
หลงเซียว: “……. ”
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะถูกสัตว์เมิน
ลั่วหานเองก็ลองแล้ว ปรากฏว่าได้ผลเช่นเดียวกัน
“เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ หรือว่าเราจ้างเทรนเนอร์มืออาชีพจากแอฟริกามาฝึกมันอย่างเจาะจงหน่อยไหม? มันเป็นของขวัญที่เจมส์มอบให้ชูชูเราทำมันตายก็ดูไม่ดีมั้ง?”
ลั่วหานรู้สึกเป็นกังวลจริงๆ ถ้ามันตายจริงๆ ด้วยนิสัยของเจมส์เขาต้องอาละวาดลั่นบ้านแน่ๆ
หลงเซียวทิ้งเนื้อลงไป “ก็ได้”
ลั่วหานเม้มริมฝีปากและถือโอกาสนี้พูดว่า “จริงๆ แล้วสัตวแพทย์ก็เสนอวิธีอื่นมาอีกด้วย”
ไม่รู้ว่าหลังจากที่หลงเซียวฟังแล้วจะระเบิดออกมาไหม
“วิธีอะไร”
“ก็คือ….. ให้ฟู้กุ้ยได้เจอกับเจ้านายคนเดิมของเขาอีกรอบ เจ้านายคนเดิมมีความหมายสำหรับเขา บางที ……”
“ไม่ได้ อย่าแม้แต่จะคิด” ลั่วหานยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเขาขัดจังหวะ อย่าว่าแต่ปรึกษาเลย แค่พูดวิธีนี้มามันก็โดนปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาดแล้ว
ลั่วหานยักไหล่ “คุณไม่กลัวฟู้กุ้ยตายไปเหรอ?”
หลงเซียวมองไปที่สายตาที่มีความคาดหวังของลั่วหาน “ก็แค่สิงโต ตายแล้วก็เลี้ยงใหม่ได้ จะหาพันธุ์เดียวกันไม่ยากเลย”
ลั่วหาน: “……. ”
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสงสารฟู้กุ้ยขึ้นมา ไม่น่าล่ะมันถึงอารมณ์ไม่ดี
ลั่วหานตบๆ ไปที่กรง “ฟู้กุ้ย เมื่อกี้นี้เขาแค่ล้อเล่นกับนายนะ นายอย่าคิดจริง พวกเราชอบนายมาก”
หลงเซียว: “……. ”
เขารู้สึกหึงขึ้นมา ความรู้สึกแบบนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
แค่สิงโตตัวเดียวยังสามารถทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตได้ ถ้าเจ้าของสิงโตมา ……
“ลั่วลั่ว คุณให้ความรักกับฟู้กุ้ยเยอะเกินไป แบบนี้มันไม่ดี”
“เราเลี้ยงสัตว์เลี้ยงก็ต้องให้ความรักเขาเยอะๆ ชูชูชอบฟู้กุ้ยมากกว่าฉันอีก เห้ยจริงด้วย ฟู้กุ้ยตายไม่ได้ ชูชูชอบมัน เด็กจะเกิดความรู้สึกพึ่งพาได้ง่ายมาก ถ้าวันหลังไม่ได้เจอมันแล้วเธอจะไม่มีความสุข ฉันจะโทรไปหาผู้ช่วยจี้หน่อย ให้รีบนัดสัตวแพทย์และนักจิตวิทยามา! ”
หลงเซียว: “……. ”
ลูกสาวถูกพิชิตไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?
ความรู้สึกของวิกฤตนี้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ มัน…….ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลยจริงๆ!
หลังจากปลอบฟู้กุ้ยเสร็จ ลั่วหานและหลงเซียวแยกกันขับรถไปทำงาน ทั้งคู่ขับรถไปคนละทาง
หลังจากเพิ่งขับรถออกถนนไป โทรศัพท์มือถือของลั่วหานก็ดังขึ้น
คิดอะไรอะไรก็มาจริงๆ เลย เจมส์โทรมา
ปฏิกิริยาแรกของลั่วหานคือการปฏิเสธ แต่หลังจากไตร่ตรองแล้วการปฏิเสธไม่ใช่วิธีที่ดี เธอจึงต้องฝืนรับโทรศัพท์ขึ้นมา
“คุณหมอแอนนา ถึงเวลาตรวจร่างกายของผมแล้วนะ ห้องของผมเตรียมพร้อมหรือยังครับ? ” เจมส์ดูตื่นเต้นมาก การโทรที่ข้ามมหาสมุทรมาแบบนี้เขาตื่นเต้นจนเหมือนเด็กผู้ชาย
ลั่วหานมองไปที่ที่ปัดน้ำฝนที่ทำงานอยู่นั้น ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกปวดหัวกับเขาขึ้นมา “คุณชายคะ ช่วงนี้ที่บ้านของฉันมีเรื่องนิดหน่อย เราเลื่อนไปสักสองสามวันได้ไหม?”
เจ้าชายคนนี้จะมาจริงๆ หรือ?
ลั่วหานไม่กล้านึกถึงภาพตอนนั้นเลย!
“ทำไมต้องเลื่อนไปสองสามวัน? ตอนนี้กำลังดีเลย ผมดูพยากรณ์อากาศแล้ว เมืองหลวงกำลังฝนตก ผมชอบฤดูฝนที่สุด! ” ดูเหมือนว่าเจมส์จะตัดสินใจแล้ว เขาไม่ได้มาปรึกษาลั่วหาน แต่เขากำลังสั่งเธอ
ลั่วหานจับพวงมาลัยไว้ เธออยากจะบ้านตาย “คุณชายเจมส์คะ คุณ ….. ”
“คุณหมอแอนนา ฝนที่แอฟริกาตกน้อยมาก ผมอยากไปตากฝนที่เมืองหลวง! ตามนี้นะครับ คุณช่วยผมเก็บทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อย แล้วเจอกันที่จีนนะครับ”
เจมส์พูดภาษาอังกฤษยาว ๆ นี้โดยไม่หยุดหายใจเลย เพราะกลัวว่าลั่วหานจะพูดแทรก เขาพูดได้เร็วจนน่าทึ่ง
“ฮาโหล? ฮาโหลๆๆ คุณชายเจมส์… ” ลั่วหานรีบถามกลับไป แต่เธอไม่ได้ยินแม้แต่น้ำเสียงที่วุ่นวายในโทรศัพท์ และเขาก็หายไปเลย
เขาวางโทรศัพท์ไปอย่างหยาบคาย คุณชายเจมส์ทำตัวดื้อๆ แต่ลั่วหานรู้สึกว่าหน้ามืด หัวใจของเธอแตกสลายไปแล้ว