ตอนที่ 844 เป็นคางคกก็อย่าคิดจะกินเนื้อหงส์เลย
ตอนที่เห็นถังจิ้นเหยียน ลั่วหานก็กำลังเตรียมออกไปราวน์วอร์ด ทั้งสองพบกันโดยบังเอิญที่หน้าประตู
ลั่วหานก้มหน้าเห็นเพียงรองเท้าหนังสีดำของถังจิ้นเหยียน มองไล่ขึ้นบนถึงเห็นชุดสูทของเขา แต่หน้าอกเปียกชื้นเป็นวงกว้าง
มองสูงขึ้นอีก เป็นถังจิ้นเหยียนที่ใบหน้าไม่ได้อ่อนโยนนุ่มนวล แต่กลับโศกเศร้าเจ็บปวด โดยเฉพาะดวงตาที่ไม่ได้เจอหลายวันคู่นั้น เสียใจ เจ็บปวด ราวเพิ่งผ่านฝนห่าใหญ่มา
“จิ้นเหยียน? คุณ……กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
กรอบตาของถังจิ้นเหยียนเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นลั่วหาน อารมณ์ที่กลั่นมาตลอดทาง ลมหายใจที่แน่นขนัด ในที่สุดก็ระเบิดออกมา
เขาพลิกมือปิดประตูห้องออฟฟิศ ตอนที่อีกฝ่ายยังไม่ทันระวังตัว ถังจิ้นเหยียนก็ก้มหัว “ขอโทษ”
คำกล่าวขอโทษนี้มาอย่างกะทันหัน ลั่วหานไม่ทันได้เตรียมตัว แต่มีบางอย่างเข้ามาในความคิดของฉันอย่างรวดเร็ว “จิ้นเหยียน ทำไมคุณ……”
“ฉันรู้แล้ว พ่อของฉันมีส่วนร่วมในคดีฆาตกรรมหมู่ของตระกูลมู่ เป็นหนึ่งในฆาตกรที่ฆ่าบิดาผู้ให้กำเนิดของหลงเซียว การตายของตระกูลมู่พ่อฉันมีส่วนต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตามหลักเหตุผลแล้ว ฉันติดคำกล่าวขอโทษคุณไว้”
ถังจิ้นเหยียนก้มหัวอย่างหนัก จากร่างกายสู่จิตวิญญาณดูเตี้ยลงไปมาก เขาเคารพมือทั้งสองข้างแนบกับขา ท่าก้มโค้งขอโทษของเขาช่างทำให้คนเห็นเจ็บปวดใจ
ลั่วหานกลืนน้ำลายจากจิตใต้สำนึก “จิ้นเหยียน นี่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ ไม่ใช่ความผิดของคุณ เพราะงั้นคุณไม่จำเป็นต้องขอโทษฉัน”
ถังจิ้นเหยียนกลับไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้ “พ่อของฉันยังอยู่ICU ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดได้หรือเปล่า แต่ประโยคขอโทษนี้ ตระกูลถังต้องชดใช้ให้ตระกูลมู่ ลั่วหาน ฉันขอโทษแทนพ่อของฉันจากความตั้งใจจริง”
ลั่วหานวางเอกสารประวัติคนไข้ มือทั้งสองข้างประคองแขนของถังจิ้นเหยียน “จิ้นเหยียน เรื่องมันผ่านไปแล้วเราไม่ต้องไปพูดถึงมัน ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ”
ขอบตาของถังจิ้นเหยียนร้อนผ่าว ลื่นลูกใหญ่ขึ้นๆ ลงๆ ในใจไม่สงบลงง่ายๆ “ถ้าพ่อของฉันตื่นขึ้นแล้ว ฉันจะเกลี้ยกล่อมให้เขามาขอโทษพวกคุณ ถ้าเกิดเป็นไปได้ ฉันจะให้เขามอบตัว”
ลั่วหานรู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องนี้อย่างมาก “จิ้นเหยียน พ่อคุณก็อายุขนาดนี้แล้ว เรื่องความจริงในอดีตก็……อีกทั้งพ่อของคุณยังเป็นศาสตราจารย์ ชื่อเสียงทั้งชีวิตคงจบสิ้น”
ถังจิ้นเหยียนกลืนลมหายใจที่เจ็บปวดลงไป “นี่เป็นความผิดของเขา เขาต้องออกมายอมรับ ความสำเร็จของเขาในวันนี้ หากขึ้นอยู่กับการเหยียบย่ำหรือแม้กระทั่งทำร้ายชีวิตผู้อื่น งั้นความสำเร็จทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นของเขา”
ลั่วหานอ้าปากค้างอย่างแปลกใจ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก ถังจิ้นเหยียนคิดอย่างนี้หรอกเหรอ?
ถ้างั้น……เขารู้เรื่องบุญคุณความแค้นของถังจงรุ่ยกับตระกูลฉู่หรือเปล่า?
ลั่วหานไม่ใจแข็งพอ เธอไม่พูดถึงบริษัทฉู่ซื่อแม้แต่คำเดียว “ทั้งหมดนี้รอพ่อคุณตื่นก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ โอเคไหม?” ลั่วหานดึงทิชชูออกมาสองสามแผ่น ช่วงถังจิ้นเหยียนเช็ดคราบน้ำที่เสื้อ
ถังจิ้นเหยียนรับทิชชูมา มือของเขาสั่นอย่างชัดเจน เพราะใช้แรงมากเกินไป ทิชชูจึงถูกเช็ดจนขาดเป็นเศษติดกับเสื้อ ชุดสูทสีดำเลอะเศษกระดาษสีขาวจำนวนมาก
“ฉันจะไปพบหลงเซียว ไปขอโทษต่อหน้าเขา”
ลั่วหานทนมองต่อไม่ไหว ยึดกระดาษทิชชูมา “จิ้นเหยียน คุณอย่าเป็นแบบนี้ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณไม่ควรแบกรับมากขนาดนี้ มองฉัน พวกเราไม่มีใครจะโทษคุณเลย คุณยังคงเป็นเพื่อนของพวกเรา เรื่องนี้ไม่มีใครเข้ามาเปลี่ยนได้ รับปากฉัน อย่าให้ความโกรธแค้นของรุ่นก่อนมากระทบความสัมพันธ์ของพวกเราเลย”
ดวงตาสีแดงเข้มของถังจิ้นเหยียนแอบมีน้ำตาคลอ “ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นแล้ว ความเสียหายก็เกิดขึ้นแล้ว ฉันทำไม่ได้”
“ทำไม่ได้ก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดของคุณก็อย่าเป็นแพะรับบาปเลย แม้เป็นพ่อคุณก็ไม่ได้” ลั่วหานม้วนทิชชู โยนเข้าถังขยะอย่างแม่นยำ
เสียง “กึง” ปลุกสติถังจิ้นเหยียน สายตาที่หวั่นไหวอยู่ลึกๆ ไร้ความมั่นคงไปชั่วขณะ มองไปที่ด้านหลังของลั่วหาน ครู่ใหญ่ถึงจะหันกลับมามองที่หน้าของลั่วหาน แต่กลับไม่กล้ามองที่ดวงตาของลั่วหานตรงๆ
“ตระกูลมู่ถูกฆ่าทั้งตระกูลภายในคืนคืนเดียว ความแค้นที่ฆ่าพ่ออยู่ร่วมโลกกันไม่ได้” ถังจิ้นเหยียนไม่อาจจินตนาการถึงรสชาตินั้น แต่คนปกติคนไหนบ้างไม่อยากล้างแค้นให้คนที่ถูกฆ่า?
อีกทั้ง คนคนนั้นคือหลงเซียว
แทบจะเป็นสัญชาตญาณ ถังจิ้นเหยียนจินตนาการได้ถึงภาพที่หลงเซียวจ่อปากกระบอกปืนไปที่หัวพ่อของเขา
ฉากนี้มากพอจะทำให้เขากลัวจนตัวสั่น
ต่อหน้าถังจิ้นเหยียน ลั่วหานพูดคำที่โหดร้ายออกไปไม่ได้ ถ้อยคำเด็ดขาดที่มักไว้พูดกับคู่ต่อสู้ล้วนปลิวหายไปกับสายลม เหลือเพียงความโอบอ้อมอารีและความเจ็บปวดใจอย่างมาก
“จิ้นเหยียน ฉันรับคำขอโทษของคุณ และฉันก็เชื่อว่าหลงเซียวก็จะให้อภัยคุณ ถ้าเกิดความแค้นแต่เก่าก่อนสลายไปได้ ไม่มีใครเต็มใจคว้าไว้ไม่ยอมปล่อยหรอกนะ”
สีหน้าเจ็บปวดเศร้าหมองของถังจิ้นเหยียนถูกคำพูดของเธอละลายไปกว่าครึ่ง “ลั่วหาน ขอบคุณนะ”
ลั่วหานพ่นลมถอนหายใจ ในที่สุดสายที่ตึงในใจก็คลายลง “ถ้าขอบคุณฉันจริงๆ ก็ต้องแย่งชิงตำแหน่งรองผอ.ของหวาเซี่ยมาให้ได้ แล้วก็ ให้พ่อของคุณดูแลอาการป่วยดีๆ ถึงแม้จะขอโทษกับตระกูลมู่ ก็ต้องให้เขามาขอโทษด้วยตัวเอง คนอื่นไม่ได้”
“โอเค ฉันรับปากคุณ” หน้าผากของถังจิ้นเหยียนมีเหงื่อเย็นไหลออกมา เคร่งเครียดกังวลจนเหงื่อออกเต็มฝ่ามือ
“เกาหยิ่งจือกลับมาแล้ว อาการของเธอดีขึ้นมาก สภาพจิตใจก็ปรับได้ดี คุณไปเยี่ยมเธอได้”
สรุปประเด็นหนักได้ สีหน้าของลั่วหานก็เบาลง
ถังจิ้นเหยียนแปลกใจเล็กน้อย “ดีขึ้นแล้ว? ไม่ใช่ว่าเธอ……ถ้าอย่างนั้น เซลล์มะเร็งถูกกำจัดหมดแล้วเหรอ?”
ลั่วหานโค้งมุมปาก “ราบรื่นขนาดนั้นที่ไหนล่ะ? ยังต้องบำบัดอยู่ รักษาให้หายทิ้งได้ไหมต้องดูหลังจากนี้ด้วย แต่ว่าการป่วยครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเธอมาก คุณไปดูก็จะรู้”
เป็นเช่นนั้น เมื่อถังจิ้นเหยียนได้เห็นเกาหยิ่งจือ ก็เชื่อคำพูดของลั่วหานหมดใจ
เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก บรรยากาศ นิสัย พฤติกรรมคำพูด ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เย็นชากับทุกคน ตอนนี้เธออ่อนโยนขึ้นมาก ชอบยิ้มแล้ว
เกาหยิ่งจือทำการตรวจร่างกายครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย วันนี้วันที่สอง หลังเสร็จสิ้นแล้วก็กลับบ้านได้
เธอรินน้ำให้ถังจิ้นเหยียน จัดรวบชุดผู้ป่วยนั่งอยู่บนโซฟา “คุณเห็นฉันแล้ว แปลกใจมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ แปลกใจมาก”
เกาหยิ่งจือยิ้มอ่อน “หมอถัง ฉันก็แปลกใจมากเหมือนกัน ในใจของฉันยังวางคุณไม่ลง แต่ว่าฉันก็รู้ตัวดี คุณไม่ใช่ของฉัน”
“ฉัน……” ถังจิ้นเหยียนยกน้ำขึ้นดื่ม ใช้แก้วน้ำบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง
เงาร่างเล็กของเถียนเถียนแอบมองมาจากด้านนอกห้องผู้ป่วย ดวงตากลมโตขี้กลัวจ้องมองถังจิ้นเหยียน ราวกับเจอศัตรูอย่างไงอย่างงั้น
เกาหยิ่งจือเห็นเงาเล็กตรงหน้าประตูแล้ว ลุกขึ้นพาเถียนเถียนเข้ามาในห้องอย่างอ่อนน้อมเป็นกันเอง “เถียนเถียน เรียกลุงถัง”
ถังจิ้นเหยียนตื่นตระหนก “เธอไม่ใช่ลูกสาวของหวังเค่ยเหรอ? ทำไมถึงอยู่ที่นี่?”
เถียนเถียนหลบอยู่ในอ้อมอกของเกาหยิ่งจือ ดวงตาโตใส่ซื่อบริสุทธิ์มองเขา “ลุงถัง……”
“เรื่องมันยาวน่ะ”
เกาหยิ่งจือช่วยเถียนเถียนติดกิ๊บที่เบี้ยวใหม่อย่างเอ็นดู นิ้วมือหวีผมเปียของเธอ “เถียนเถียนออกไปเล่นข้างนอกก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเรามากินข้าวเที่ยงด้วยกัน”
เถียนเถียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อื้อ! หนูไปเล่นกับน้องชายรอคุณน้า!”
เด็กน้อยออกจากห้องผู้ป่วยไป เกาหยิ่งจือก็พูดขึ้นต่อ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ถังจิ้นเหยียนก็ฟังเพลงประกอบแปลกๆ นี้เงียบๆ จนจบ พยักหน้าอย่างทอดถอนใจกับบรรยากาศอันยาวนาน “ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ได้”
“บางทีพระเจ้าอาจจะไม่ใจแข็งพอมั้ง? รู้ว่าฉันมีลูกไม่ได้ เลยให้ฉันลองได้ใช้ชีวิตของการเป็นแม่”
ถังจิ้นเหยียนได้ยินก็ปวดใจ “ฉันเข้าใจสภาพการณ์ของอานอาน เขาก็เป็นเด็กที่มีชีวิตยากลำบาก ฉันเชื่อว่าเขาอยู่กับหวังเค่ยจะต้องแข็งแกร่งกว่าอยู่กับจ้าวฟางฟางมาก”
เกาหยิ่งจือยิ้มขืน “ฉันโลภมากไปหรือเปล่า ตอนแรกแค่ร่วมมือกับหวังเค่ยแสดงละคร แต่ตอนนี้กลับต้องการมากกว่านั้น บางครั้งมองอานอานกับเถียนเถียน บางครั้งถึงกับคิดไปเรื่อย ว่าถ้าเกิดพวกเขาเป็นลูกของฉันจริงๆ จะดีขนาดไหนกัน”
“คุณ……เต็มใจไหม”
ความหมายของถังจิ้นเหยียนคือ คุณเต็มใจอยู่กับหวังเค่ยหรือ? ยังไงนั่นก็เป็นลูกของเขา
เกาหยิ่งจือเค้นยิ้ม “ไม่เคยคิด”
ทั้งสองคนไม่ค่อยเหมาะจะคุยประเด็นนี้ คุยไปคุยมาก็เริ่มอึดอัด
“พี่ ลุกขึ้นมาทำไม? นอนเร็วนอน”
เกาจิ่งอานและโจวโร่หลินที่ไปเอาผลแล็บเสร็จเดินเข้ามาทีละคน ใครจะรู้ว่าเข้าห้องมาก็เจอกับถังจิ้นเหยียน
เกาจิ่งอานไอแค่กๆ “หมอถังก็อยู่ด้วยเหรอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
โจวโร่หลินช่วยประคองเกาหยิ่งจือขึ้นเตียงอย่างมีสติ วางผลไม้ที่ซื้อมาไว้ แล้วก็เข้าไปล้างแอปเปิลข้างใน
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้ายิ้มอ่อน “เพิ่งกลับมาวันนี้ ได้ยินจากพี่สะใภ้คุณมาว่าพี่สาวคุณอยู่ที่นี่ ก็เลยมาเยี่ยม”
เกาจิ่งอานเงยหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ “พี่ฉันตอนนี้ดีขึ้นมาก”
ถังจิ้นเหยียนวางแก้วน้ำ “คุณเกา ออกมาคุยกันหน่อยได้ไหม”
ชายสองคนเดินไปที่ระเบียง เกาจิ่งอานกำหมัด อดทนไม่บุ่มบ่ามเข้าไปชกถังจิ้นเหยียน
“ไม่ง่ายเลยกว่าพี่ของฉันจะรอดมาได้ คุณอย่ามารบกวนเธออีกเลย ให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไปเถอะ”
เขามองออกว่าเกาจิ่งอานกำลังพยายามควบคุมตัวเอง
“ฉันรู้สึกขอโทษอย่างมาก”
เกาจิ่งอานขมุบขมิบปากเป็นคำว่า “ชิท” “ถังจิ้นเหยียน คุณเป็นแบบนี้มันน่ารำคาญจริงๆ! ฉันแม่งอย่างชกคุณแต่ก็ทำไม่ลง! พอแล้วพอแล้ว ยังไงคุณก็มีผู้หญิงแล้ว พี่ฉันก็เกือบตัดใจจากคุณได้แล้ว คุณรีบๆ หายไปจากชีวิตพี่ฉันก็พอ”
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้าเป็นเชิงรับปาก “อีกอย่าง พี่ของคุณกับหวังเค่ย……พี่ของคุณชอบเด็กๆ มาก เธอสนิทสนมกับเถียนเถียนมากๆ ถ้าเกิดเป็นไปได้ ฉันก็หวังให้มีคนมาดูแลพี่สาวของคุณ”
“ชิท! คุณอย่าบอกฉันนะว่าคนคนนั้นคือหวังเค่ย! เป็นไปไม่ได้!” เกาจิ่งอานปฏิเสธไปตรงๆ
เรื่องนี้ถังจิ้นเหยียนไม่มีสิทธิ์ไปพูด เพียงแต่หวังว่าเกาหยิ่งจือจะมีความสุขเท่านั้น “หวังเค่ยก็เป็นคนไม่เลว เขาจริงใจมาก ดูแลคนเป็น พี่ของคุณ……”
“เป็นไปไม่ได้! พี่ของฉันเป็นคนยังไง! พี่ของฉันเป็นทองพันชั่งของบริษัทอึนเคอ! เป็นหุ้นส่วนใหญ่อันดับสองบริษัทอึนเคอ เป็นนักเรียนดีเด่นของฮาร์วาร์ด กุลสตรีชื่อดังของเมืองหลง ถึงแม้พี่ของฉันจะป่วย เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุด หวังเค่ยกระจอก! เขาก็แค่โปรแกรมเมอร์ธรรมดาๆ! เขาอยากคบกับพี่สาวของฉัน? ฝันไปเถอะ!”
เกาหยิ่งจือเป็นครอบครัวคนเดียวของเกาจิ่งอาน ถึงแม้พี่สาวที่เขารักทะนุถนอมจะทำอะไรผิด ถึงแม้จะมีจุดด่างพร้อยในชีวิต ก็ไม่มีทางลดตัวเองลงไปแน่!
ความสามารถที่มาจากกรรมพันธุ์,พันธุกรรม เกาจิ่งอานจะไม่ให้ใครหน้าไหนมาทำให้พี่สาวของเขาแปดเปื้อน!
ถังจิ้นเหยียนวางตัวไม่ถูกเพราะคำพูดระบายอารมณ์ของเขา “คุณเกา พูดอย่างนี้ไม่ได้นะ ความรักบางทีก็ไม่ได้ดูที……”
“ไม่ได้! หวังเค่ยปีนบันไดขึ้นมาก็ไม่มีทางถึงกระจกห้องของพี่สาวฉันได้! อย่าแม้แต่จะคิด อย่าคิดไปเองว่าพี่ของฉันใจอ่อนยอมช่วยเขา แล้วก็จะทำตัวเป็นคางคกกินเนื้อหงส์!”
คำพูดพวกนี้ เข้าหูหวังเค่ยที่เดินมาถึงมุมเลี้ยวทุกถ้อยคำไม่มีตก
ในมือเขาหิ้วผลไม้และของบำรุงที่เพิ่งซื้อมา อยากมาเยี่ยมเกาหยิ่งจือ ขอบคุณที่เมื่อวานเธอออกตัวช่วยเขา
แต่เขาไม่คิดเลยว่า จะถูกสาดน้ำเย็นใส่หัวไปเสียก่อน