ตอนที่ 880 ฟัง เสียงหัวใจที่แตกสลาย
ไม่มีการช็อก ไม่มีลนลาน ไม่มีการเคลื่อนไหวของอารมณ์ใดๆเกิดขึ้น
ในตอนหลังจากที่หลงถิงได้รับคำตอบ ความรู้สึกส่วนใบหน้าแข็งทื่อกลายเป็นกระจกเงาที่นิ่งสงบราวกับน้ำขัง ในหนึ่งนาทีต่อมา เขาไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
หลินเหว่ยเย่กับเหลียงจ้งซุนรอคอยเขาพูดอะไรหน่อยอย่างร้อนรุ่มใจ กลัวข่าวนี้กะทันหันมากจนเกินไปกระตุ้นไปถึงหัวใจของเขา หลินเหว่ยเย่ตบหัวไหล่ของเขาเบาๆ “พี่ใหญ่…”
หลงถิงยิ้มขึ้นอย่างราบเรียบ สายตาที่เยือกเย็นรวมกันอยู่บนใบตรวจ ด้านบนคือข้อสรุปโรคที่เขียนออกมาด้วยภาษาจีนภาษาอังกฤษ นั่นคือตัวอักษรไม่กี่ตัวที่เขาคุ้นเคยจนคุ้นเคยไม่ได้อีก
ก่อนหน้านี้ เขาเคยเห็นบนใบประวัติผู้ป่วยของหยวนชูเฟิน
ไม่ช้า ใบหน้านิ่งสงบของหลงถิงก็ถูกรอยยิ้มที่ใกล้เคียงกับศูนย์องศามาแทนที่ เขาหัวเราะประชดประชันหึหึออกมาจากมุมปาก หัวเราะจนท้องกระเพื่อม “เวรกรรม…หึหึ เวรกรรมน่ะสิ!”
หลินเหว่ยเย่กดไหล่ของเขาเอาไว้อย่างร้อนใจ “พี่ใหญ่ นี่ไม่ใช่โรคที่รักษาไม่ได้ ขอเพียงแค่ควบคุมเอาไว้ให้ดี ก็สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ ด้วยมาตรฐานการรักษาพยาบาลในตอนนี้ พวกเราจะต้องสกัดความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุดไม่ให้เจริญเติบโตขึ้นได้อย่างแน่นอน”
หลินเหว่ยเย่ไม่หวังให้หลงถิงกลายเป็นผู้ป่วยโรคหลงๆลืมๆขึ้นมาจริงๆเป็นธรรมดา เขาเคียงบ่าเคียงไหล่กับหลงถิงมานานหลายปี ตอนนี้ทั้งสองตระกูลกำลังจะมีการสมรสเกี่ยวดองกัน บริษัทหลินซื่อและบริษัทMBKจะร่วมมือกันกลายเป็นธุรกิจที่แกร่งที่สุดในเมืองหลวง
จุดที่สำคัญในการเจริญเติบโตนี้ เขาไม่อาจให้หลงถิงท้อถอยไปได้
เหลียงจ้งซุนไม่กล้าแทรกปากในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่ ทำได้เพียงตั้งใจฟัง วิเคราะห์อย่างจริงจังอยู่ด้านข้าง
หลงถิงค่อยๆขยำใบตรวจที่อยู่ในมือจนกลายเป็นก้อน กระดาษที่ขาวสะอาดกลายเป็นก้อนกลมเล็กๆสีขาวอยู่ในฝ่ามือ กระดาษที่ยับยู่ยี่มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน พอเขาคลายมือ กระดาษก็ตกลงบนพื้น เขายกเท้าขึ้นออกแรงบดขยี้ลงไป
“คิดไม่ถึง ว่าโรคแบบนี้จะมาถึงตัวฉัน” หลงถิงเย้ยหยันตัวเองอย่างประชดประชัน “ในตอนแรกฉันนึกว่าอาเฟินจะเป็นภาวะแทรกซ้อน ยังคิดอยู่ว่ารอเธอป่วยจริงๆคงจะดียิ่งกว่าด้วยซ้ำ ฉันจะได้ดูแลเธอ แต่ต่อมารู้ว่า ก้อนเลือดภายในสมองของเธอถูกเคมีบำบัดทิ้งไปเศษสองส่วนสาม ระบบประสาทไม่ได้รับผลกระทบ ฉันถึงใช้ยาช่วยเธอลบเลือนความทรงจำ”
พูดถึงตรงนี้ หลงถิงหัวเราะส่งเสียงออกมา เขาชี้ไปยังเครื่องมือแพทย์ที่เยือกเย็นใหม่เอี่ยม “คิดไม่ถึงเลยคิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าสวรรค์จะล้อเล่นแบบนี้กับฉัน!”
“พี่ใหญ่ พี่ไม่เป็นไรใช่หรือเปล่า?” หลินเหว่ยเย่เริ่มร้อนอกร้อนใจ หลงถิงคงจะไม่ได้รับผลกระทบเริ่มสติเลอะเลือนตั้งแต่ตอนนี้หรอกมั้ง?
ความรู้สึกของหลงถิงระเบิดก็เพียงแค่เวลาสั้นๆสองสามนาทีเท่านั้น หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็กลับคืนสู่สภาพสงบเยือกเย็น พิงไปบนโซฟา นวดคลึงขมับที่ตึงเครียดของตนเอง “หลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์ ฉันจะส่งมอบตำแหน่งประธานคณะกรรมการให้กับหลงจื๋อ เขาคือลูกเขยของแก ควรจะทำยังไง ฉันก็ไม่ต้องพูดมากแล้ว”
มุมริมฝีปากของหลินเหว่ยเย่ยกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ รอยยิ้มหายไปในตอนที่ยังไม่ได้ถูกคนมองเห็น “พี่ใหญ่วางใจเถอะ เสี่ยวจื๋อคือลูกเขยของผม ก็คือลูกชายของผมด้วยเช่นเดียวกัน
หลงถิงยกเปลือกตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน สายตาที่นิ่งสงบทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังในการมองทะลุผ่านสืบเสาะสายตาของเขา “หวังว่าแกจะพูดได้ทำได้”
หลงถิงโล่งอก “หมอหวัง พูดมาเถอะ ผมควรทำอะไร?”
“ท่านประธาน พวกเราตอนนี้เริ่มทำการรักษาด้วยยา ท่านจำเป็นต้องเลิกเหล้า หยุดทานยานอนหลับ หยุดฉีดยากล่อมประสาท ยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นในปริมาณมากอาจจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันและระบบต่อมไร้ท่อของท่านได้ หากท่านไม่หยุด ฤทธิ์ยาก็จะไม่สามารถเกิดประสิทธิผลได้อย่างเต็มที่” หมอหวังอธิบายอย่างเป็นกังวล
เขารู้ว่าหลงถิงยากมากที่จะทำได้
หลงถิงขยิบตาด้วยความเจ็บปวด “จำเป็นต้อง?”
หมอหวังพยักหน้า “ครับ ท่านจำเป็นต้องเลิกให้หมด”
หลงถิงคิดเล็กน้อย “ไม่ได้”
“ผมแนะนำให้ท่านเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับมาช่วยในการนอนหลับของท่าน แต่การพึ่งพาอาศัยยาจะทำลายสุขภาพของท่าน ขอความกรุณาให้ท่านระมัดระวังอย่างรอบคอบ” หมอหวังก้มศีรษะลงต่ำ ร้องขอด้วยคำอ้อนวอน
เหลียงจ้งซุนโน้มตัวเอ่ยขึ้นเบาๆ “ท่านประธาน หมอหวังพูดถูก ท่านไม่สามารถพึ่งพายาได้อีกต่อไป ท่านจำเป็นต้องให้ความร่วมมือในการรักษา ผมจะหาผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับที่สุดยอดที่สุดในอเมริกาให้กับท่าน เรื่องนี้ผมจะจัดการให้อย่างเหมาะสม”
สายตาที่เหลือของหลินเหว่ยเย่เหลือบมองปฏิกิริยาตอบสนองของหลงถิง “พี่ใหญ่ คำแนะนำของผู้ช่วยเหลียงผมเห็นด้วย”
หลงถิงในเวลานี้ได้เหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากโต้แย้งมากจนเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก “อืม ไปจัดการเถอะ”
รีสอร์ทหยีจิ่ง
“อ๊าก หัวใจของผม หัวใจของผม…เจ็บหัวใจมาก” เจมส์นอนคว่ำลงบนโซฟากุมหน้าอกเอาไว้ร้องทุกข์โหยหวน ท่าทางน่าสงสารเหมือนกับเด็กที่ถูกทอดทิ้งไม่มีผิด
อิสซาดึงแขนข้างหนึ่งของเขาขึ้นอย่างจนปัญญา “เจมส์ ลุกขึ้นมา”
เจมส์ถือโอกาสกอดขาของอิสซาเอาไว้ ซุกลงบนขาของเธอร้องไห้ฮือๆเสียงดัง “พี่ ได้ยินเสียงอะไรแล้วหรือยัง?”
อิสซามองซ้ายมองขวา ดึกดื่นขนาดนี้ ไม่มีเสียงอะไรแล้ว เธอแม้แต่เกมก็ยังไม่เล่นแล้วโอเคไหม!
“เสียงอะไร?”
เจมส์กุมหน้าอกเอาไว้ “คือเสียงหัวใจที่แตกสลายของผม!”
shi、t!
อิสซาสองมีประสานกัน กระชากเจมส์ไปบนโซฟาได้อย่างง่ายดาย มือข้างหนึ่งดันไหล่ของเขาเอาไว้ อีกข้างหนึ่งกดไปที่ขาของเขา “เจมส์ เธออายุเท่าไรแล้ว?”
“เกี่ยวอะไรกับผมอายุเท่าไร?”
เจมส์ปวดใจมาก ครั้งแรกที่เขามอบดอกไม้ให้กับผู้หญิง คิดไม่ถึงว่าจะถูกทิ้ง!ถูกทิ้ง!
“นางฟ้าของเธออายุมากกว่าเธอมากโข รอเธอโตแล้ว หล่อนก็แก่ กลายเป็นยายป้าหน้าเหลือง รูปร่างไม่เหมือนเดิม ผิวหย่อนยาน หิ้วถุงใต้ตาขนาดใหญ่สองลูกทุกวัน เธอลองดูผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเหล่านั้นบนท้องถนน จุ๊ๆๆ เธอว่าเธอ เจอเข้ากับผู้หญิงแบบนี้ทั้งวัน เธอยังจะมีความต้องการได้อยู่อีกหรอ?”
สายตาของอิสซาเลื่อนลงไปด้านล่าง ล็อคบริเวณระหว่างขาของเขา
เจมส์หดเกร็งขาในทันที อุทานด้วยความประชดประชันอย่างไม่แยแส “พี่ พี่ช่างคิดตื้นจริงๆเลย!ความรู้สึกที่ผมมีต่อนางฟ้าคือความชื่นชมทางจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ ผมไม่ถือสาความรักที่ไร้ความสมบูรณ์แบบ เธอคือsoulmateของผม(เนื้อคู่ทางจิตวิญญาณ)”
เจมส์มองออกไปยังโคมไฟคริสตัลอย่างตั้งตารอคอย วาดแผนอนาคตที่งดงามให้กับตัวเอง
“พรวด!!”
เสียงพ่นน้ำขัดจังหวะจินตนาการของเจมส์อย่างไร้เยื่อใย ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมองบันไดที่บนชั้นสอง ลั่วหานกำลังถือถ้วยชาไออย่างรุนแรง
“ขอโทษค่ะขอโทษ เมื่อครู่นี้ฉันฟังเข้าชายเล่าเรื่องราวเทพนิยายมาโดยตลอด ช่างซาบซึ้งจริงๆ เลยทนไม่ไหว คุณต่อค่ะ ต่อ ไม่ต้องเกรงใจ พวกเนื้อคู่ทางจิตวิญญาณอะไร พูดสิคะ”
ใบหน้าของเจมส์เก้อเขินจนเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว “แอนน่า คุณค่อนข้างที่จะชอบผมใช่หรือเปล่า?”
“อันนี้…” ลั่วหานพยักหน้า “ได้อยู่มั้งคะ บ๊องๆ น่ารักดี”
อิสซาเช็ดดวงตาด้วยความเห็นใจ “เจมส์ ยอมแพ้ซะเถอะ”
“ผมไม่!น่ารักก็คือรักรูปแบบหนึ่ง!”
แม่งเอ๊ย!
อิสซาเรียกได้ว่าอยากจะฆ่าเขาให้ตายจริงๆ!
มาประเทศจีนตั้งไกลเพื่อมาเสียหน้า ช่างทำให้ชื่อเสียงราชวงศ์ของประเทศMป่นปี้จริงๆ!
“เธอมานี่!” อิสซาลากเจมส์อย่างใช้ความรุนแรง พยายามลากเขาเข้าไปในห้อง
“ปึ้ง!”
ประตูถูกเธอปิดอย่างหยาบคาย ตามมาก็คือเสียงร้องโหยหวนอีกระลอก
ลั่วหานสะดุ้งทีหนึ่ง “ป่าเถื่อน…จริงๆ”
หลงเซียวผลักประตูออก เขาที่สวมชุดนอนทั้งตัวพิงลงบนแผ่นหลังของลั่วหาน “ทำไมยังไม่นอน?”
ลั่วหานนำถ้วยชาวางลงบนมือของเขา “ฉันนอนไม่หลับ คุณล่ะคะ?”
“เจมส์เมื่อสักครู่นี้สารภาพกับคุณ ตื่นเต้นมาก?” ลมหายใจของหลงเซียวรดลงบนซอกคอของเธอ ร้อนๆชื้นๆ ค่อนข้างที่จะเริ่มชา
ลั่วหานหัวเราะพรืด “ทุกวันเขาต้องบ้าสิบนาที คงจะเป็นผลข้างเคียงของยา อย่าถือสากับคนที่เป็นผู้ป่วย”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “เจมส์ไม่ใช่ผู้ป่วยธรรมดา เขาชอบคุณ ชัดเจนมาก”
“เอาล่ะค่ะ ดึกดื่นอย่าทานยาบำรุงเลย” ลั่วหานพลิกตัวใช้มือปิดปากของเขาเอาไว้
“ยาบำรุง? ยาบำรุงอะไร?” หลงเซียวขมวดคิ้ว
ลั่วหานโค้งมุมริมฝีปากหัวเราะคึกคักอย่างชั่วร้าย “ก็คือ…ยาบำรุงของคุณ น้ำส้มสายชู…คือสิ่งที่จำเป็นในชีวิตของคุณ do、 you?”
คิ้วยาวของหลงเซียวโค้งกลับ รอยยิ้มเล็กน้อยภายในดวงตากลายเป็นความรักที่นุ่มนวล “ดังนั้น คุณหาเจ้าเด็กนี่มา เพื่อบำรุงร่างกายให้กับผม?”
เดี๋ยวๆ ดูเหมือนสไตล์การวาดไม่ถูกแล้ว
“ใช่แล้วค่ะ ฉันมีเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งจะพูดกับคุณ คุณอย่าเพิ่งก่อกวนก่อน”
หลงเซียววางแก้วน้ำลง ปลดชุดนอนของเธอออกทีละนิด กดลั่วหานไว้ระหว่างเตียงและตนเองอย่างง่ายดาย “เรื่องสำคัญอะไร? ผมไม่คิดว่าตอนนี้ยังมีเรื่องอะไรที่สำคัญไปกว่าเรื่องที่ผมกำลังจะทำ”
ฝ่ามือของลั่วหานยันใบหน้าของเขาเอาไว้ไม่ให้เขากดลงมา “เจิ้งเฉิงหลินจะมารักษาตัวที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยค่ะ”
การเคลื่อนไหวของหลงเซียวหยุดลงจริงๆ “จากนั้นล่ะ?”
“ฉันคือหมอเจ้าของเคสของเขา” ลั่วหานเงยหน้าอ้าปากอย่างได้ใจ
คิดไม่ถึงว่ายังจะภูมิใจมาก? เธอเอาความอารมณ์ดีมาจากที่ไหนกัน?
หลงเซียวใช้นิ้วมือวาดเค้าโครงส่วนใบหน้าของเธอ “คุณรับปากแล้ว?”
ลั่วหานบิดร่างกายเล็กน้อย “ในฐานะภรรยาของคุณ ฉันปฏิเสธที่จะดูอาการให้กับเขา แต่…ในฐานะที่เป็นหมอฉันมีจรรยาบรรณพื้นฐานของอาชีพค่ะ”
….
การเคลื่อนไหวของเจิ้งเฉิงหลินรวดเร็วมาก วันที่สองก็ย้ายจากโรงพยาบาลเจียงเฉิงมาถึงยังหวาเซี่ย พักเข้าสู่ห้องผู้ป่วยVIPชั้นบนสุดภายใต้การดูแลตลอดเส้นทางของคณบดีเฉิน
ผู้ที่มาเป็นเพื่อนในการรักษาดูอาการของเขายังมีเจิ้งซิน
เจิ้งซินเห็นลั่วหานอีกครั้ง ความเย่อหยิ่งที่จะประกาศสงครามลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เปลี่ยนเป็นสุภาพมีมารยาทมากเป็นพิเศษ
“หมอฉู่ อาการคุณพ่อฉันเป็นยังไงบ้างคะ? คุณบอกฉันอย่างละเอียดได้หรือเปล่า?”
เจิ้งซินเหมือนกับลูกหลานธรรมดาทั่วไป ในตอนที่พ่อแม่ป่วยหนักก็คิดอยากจะประจบเอาใจหมอเจ้าของเคสอย่างเต็มความสามารถ คำพูดและการกระทำต่างก็แฝงไปด้วยความตั้งใจประจบสอพลอเล็กๆน้อยๆ
ลั่วหานถือปากกาเอาไว้เขียนตัวอักษรสองสามบรรทัดบนใบประวัติผู้ป่วยด้วยความรวดเร็ว ฟอนต์ที่เป็นลักษณะพิเศษของหมอคนอื่นๆดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อย “ก่อนหน้านี้การตรวจเช็คที่ทำที่เจียงเฉิงคุณต่างก็รู้ ผลการตรวจล่าสุดจะออกมาในสิบชั่วโมง พ่อของคุณคือผู้ป่วยVIP พวกเราจะดูแลเขาก่อนเป็นอันดับแรก”
ลั่วหานในการทำงานใจเย็นยุติธรรมมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก พูดจบเนื้อหาสำคัญด้วยความเร็วสบายๆ
เจิ้งซินตื่นเต้นจนอยากจะดึงชายชุดกาวน์ของลั่วหานเอาไว้ แต่อดทนเอาไว้ได้ “หมอฉู่ คุณคือหมอที่คุณพ่อของฉันไว้วางใจมากที่สุด หวังว่าคุณจะรักษาคุณพ่อของฉันอย่างเต็มความสามารถ”
ลั่วหานพับแฟ้มผู้ป่วยลง เหน็บไว้ใต้รักแร้ “คุณเจิ้ง คำพูดนี้ของคุณหมายความว่ายังไง? กลัวว่าฉันจะไม่ตั้งใจรักษาให้กับคุณพ่อของคุณ?”
“ฉัน…” เจิ้งซินค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ ในใจของเธอคือคิดอย่างนั้นจริงๆ ถึงอย่างไรในตอนแรกคนที่ทำให้ลั่วหานเกิดความลำบาก คือเธอ
ลั่วหานชักสีหน้าเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ในเมื่อฉันคือหมอที่คุณพ่อของคุณไว้วางใจมากที่สุด คุณเจิ้งยังกังวลอะไรอีก?”
บนใบหน้าของเจิ้งซินอึดอัดใจเป็นอย่างมาก “ขอโทษค่ะ เป็นฉันที่คิดมากเกินไป”
สายตาของลั่วหานผ่านใบหน้าของเธอไปอย่างนิ่งเฉย “ผู้อำนวยการเจิ้ง คุณพักผ่อนให้ดี มีเรื่องอะไรหาฉัน”
เจิ้งซินเดินออกจากประตูตามฝีเท้าของลั่วหาน “หมอฉู่ รอก่อนค่ะ”
ลั่วหานหยุดฝีก้าวลง “ยังมีธุระ?”
เจิ้งซินเปิดปุ่มปิดกระเป๋าออก หยิบกล่องกำมะหยี่สีดำออกมา ยัดใส่ให้กับลั่วหาน “อันนี้ ให้คุณค่ะ”
ลั่วหานถือกล่องเล่นในมือ ไม่ได้เปิดออก “อะไรคะ?”
“ของขวัญเล็กๆ ไม่ได้แสดงถึงความจริงใจมากพอ หวังว่าคุณจะรับเอาไว้” เจิ้งซินพยายามแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่ทว่า…การหลบสายตาอย่างรวดเร็วของเธอยังคงทรยศหักหลังเธอ
ลั่วหานเขย่ากล่องเล็กน้อย เบามาก คงจะเป็นเครื่องประดับ “คุณเจิ้ง กฏของโรงพยาบาลเรา หมอไม่สามารถรับซองแดง ไม่สามารถรับของขวัญได้ ทำผิดกฏจะถูกไล่ออก ยังไงคุณก็เอากลับไปเถอะค่ะ