ตอนที่ 911 ลางานไปจดทะเบียนสมรส
เป็นพ่อ!
ที่แท้ทั้งหมดนี่เขาเป็นคนทำทั้งหมด!
ทำไม! ทำไมเขาต้องลงมือแรงขนาดนี้ด้วย ไม่คิดเลยว่าจะผลักแม้แต่แม่ผู้ให้กำเนิดลงเส้นทางแห่งความพินาศ!
ทำไมพ่อถึงสังเวยชีวิตแม่ของตัวเองเพื่อแม่ด้วย?
จนถึงวางสายไปสิบกว่านาที หลงจื๋อยังคงไม่สามารถออกจากความเจ็บปวดอันลึกล้ำได้ เขานั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ คลายปมเนกไท มือทั้งสองข้างเสยผมดีดำขลับ ศีรษะแทบจะมุดหน้าอกอย่างหมดแรง เรียวคิ้วที่สองข้างขมวดเป็นปม
พ่อเป็นตัวการสำคัญของเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้ คนที่ครอบงำทุกคนไว้อยู่ตลอด ไม่คาดคิดว่าจะเป็นพ่อ!
อีกทั้ง……
แม่เป็นฆาตกร!
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึง……
เขายังเชื่อใครได้อีกบ้าง?
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังและดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้หลงจื๋อหลุดจากวังวนความคิด หลงจื๋อเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาที่คั่งไปด้วยเลือดมองเห็นชื่อบนหน้าจอ
รอยยิ้มเย็นเยียบบนมุมปากของเขากดลึกจนกล้ามเนื้อใบหน้าด้านซ้าย ของเขาเผยความเจ็บปวดออกมาอย่างปิดไม่มิด “พ่อ”
“เสี่ยวจื๋อ ที่บริษัทจะเรียกประชุมประธานบอร์ดบริหาร ลูกต้องเตรียมตัวให้พร้อม พ่อเชื่อว่าลูกมีความสามารถ”
ถ้าเกิดเป็นครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า เขาได้ยินคำชมของพ่อคงตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ตอนนี้หลงจื๋อดีใจไม่ออกแม้แต่นิดจริงๆ คนที่เขาปกป้องกลับเป็นคนนั้นที่ใช้มีดแทงข้างหลังเขา!
เป็นคนนั้นที่เอาคำว่ารักมาเป็นข้ออ้างทำร้ายเขาอย่างเจ็บปวดที่สุด!
“ครับ ผมทราบ” หลงจื๋ออดกลั้นความโกรธในอกที่บวมเป่งออกมา รั้นเอาทั้งหมดกลืนลงคอไป
“ดี……” หลงถิงกำโทรศัพท์ อยากพูดว่าฉันเหลือเวลาไม่มากแล้ว ลูกต้องควบคุมทุกสถานการณ์ด้วยตัวเอง แต่คิดหน้าคิดหลังแล้ว ก็พูดเพียงคำเดียวแล้วกดตัดสายไป
เหลียงจ้งซุนรับโทรศัพท์ในมือเขามาวางไว้ “ท่านประธาน คุณนายอยู่ข้างนอก จะให้คุณนายเข้ามาไหมครับ?”
“ประคองฉันขึ้น” หลงถิงใช้แขนข้างเดียวเท้าเตียงผู้ป่วย อยากจะลุกขึ้นก็ไม่มีแรง พอลองแล้วล้มเหลวไปครั้งหนึ่ง เขาก็โมโหเล็กน้อย
เหลียงจ้งซุนเข้ามาประคองเขา นั่งเอนพิงหัวเตียง
หยวนชูเฟินเดินเข้ามา เมื่อเห็นหลงถึง ดวงตาสองคู่ก็ประสานกัน
เหลียงจ้งซุนออกไปจากห้องอย่างรู้ตัว มอบพื้นที่ในห้องผู้ป่วยกับทั้งสองคน
ห้องผู้ป่วยวีไอพีที่ความหรูหราเทียบเท่ากับห้องเพรสซิเดนท์สวีท ในสายตาของหยวนชูเฟิน ที่นี่มืดมิดยิ่งกว่านรก สกปรกยิ่งกว่าหลุมหมักปุ๋ยคอก อัปลักษณ์ยิ่งกว่าซากศพที่เน่าเปื่อย!
หลงถิงวางมือทั้งสองข้างไว้บนผ้าห่ม ฝ่ามือผุดเหงื่อเย็นจากความเจ็บปวดที่กระตุ้น ใบหน้าซีดเซียวของเขาไร้สีเลือด เส้นผมที่ปกติได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้ลู่ลงมาบนหน้าผากอย่างอ่อนแรง
“อาเฟิน ฉันไม่คิดเลยว่าเธอยังเต็มใจมาเยี่ยมฉันอยู่”
ถึงฉันจะบอกให้เธอมาเองก็เถอะ
หยวนชูเฟินไม่ได้เกรงใจเขา และภาษายิ่งไร้ความสุภาพ “อยากฆ่าฉันเหรอ?”
หลงถิงส่ายหัว “ไม่ ฉันไม่เคยคิดอยากฆ่าเธอ ไม่เคยมีเลย”
“แต่สิ่งที่คุณทำ มันโหดเหี้ยมกว่าฆ่าฉันอีก! คุณหลอกฉัน หลอกใช้ฉัน ความแค้นหลายปีมานี้ ฉันเก็บซ่อนไว้ตรงนี้ทั้งหมด! ไม่เคยลืมแม้แต่นาทีเดียว!”
หยวนชูเฟินชี้นิ้วที่สั่นเครือมาที่หน้าอกตัวเอง
หลงถิงอ้าปากครึ่งหนึ่ง แล้วกลืนความเย็นลงก่อนกล่าว “ฉันปฏิบัติกับเธอยังไง เธอรู้ดี”
“ฉันต้องรู้อยู่แล้ว เพื่อให้ฉันเสียความทรงจำ ก็ใส่ของลงไปในยาของฉัน เพื่อให้ได้ตัวฉัน คุณก็ฆ่าเส้าเอิน คุณเตะเซียวเอ๋อของฉันออกไป แล้วยังให้โฉหวั่นชิงต้องโทษประหารชีวิตแทนฉัน ทั้งหมดนี้ ฉันรู้มาหมดแล้ว!
หลงถิง ใจของคุณเป็นเนื้อจริงๆ หรือเปล่า ถึงกล้าทำเรื่องไร้มโนธรรมแบบนี้ออกมาได้!”
หยวนชูเฟินโกรธเกรี้ยว ร่างกายก็ไม่แข็งแรงมากจริงๆ ยืนตรงไม่ไหวล้มลงนั่งบนโซฟาช้าๆ ขมวดคิ้วแน่นละสูดหายใจเข้าลึกอย่างลำบาก
หลงถิงเข้าไปปลอบให้สงบ แต่ตัวเองลุกไม่ขึ้น จึงได้แต่อดทนอย่างเจ็บปวดใจ “อาเฟิน ขอโทษ”
หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดเขาก็พูดขอโทษออกมาได้ แต่ว่าสายเกินไปแล้ว
หยวนชูเฟินหัวเราะเยาะ “คุณเก็บไว้พูดกับเส้าเอินเถอะ ไปพูดในศาล”
“เธอจะมองฉันชื่อเสียงป่นปี้จริงๆ เหรอ?” ในใจหลงถิงร้อนรน ดิ้นรนโน้มตัวไปข้างหน้า มือคว้าผ้าปูที่นอนจนยับ ก็ยังลุกขึ้นไม่ได้
“ใช่! ฉันแก้แค้นเพื่อเส้าเอิน”
หลงถิงปิดตาลง คอที่มีผิวหนังย้วยจนสามารถมองเห็นลูกกระเดือกขยับขึ้นลงได้ “ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่ามู่เส้าเอิน”
“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า!”
จบแล้ว หยวนชูเฟินระเบิดหัวเราะ หัวเราะจนน้ำตาเอ่อล้นดวงตา เธอก็ไม่รีบร้อนจะไปเช็ด มองเขาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “คุณคิดว่าใครจะเชื่อกำโกหกของคุณ? ก่อนจะขึ้นศาล พวกเราอย่าได้เห็นหน้ากันเลยดีกว่า”
โดยไม่รีรอ หยวนชูเฟินหมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์
หลงถิงปวดหัวจะเหมือนจะระเบิดออกมา ไหลตัวเข้าผ้าห่ม
……
“แม่ ฉันไปส่งกลับบ้านค่ะ”
ลั่วหานที่รอหยวนชูเฟินอยู่ข้างนอกพอเห็นเธอออกมาก็รีบไปคล้องแขน
“ไม่ต้องหรอก เธอไปทำงานเถอะ ฉันจะไปคุยกับลุงส้งของเธอสักหน่อย”
ลั่วหานไม่วางใจ “แม่ ร่างกายคุณอ่อนแอเกินไป รอร่างกายพักฟื้นแล้วค่อยมา หรือไม่ก็ให้ฉันพาลุงส้งไปบ้านของคุณ? คุณพักที่รีสอร์ทหยีจิ่งเขาเดินทางสะดวกมาก”
หยวนชูเฟินส่ายหัวเบาๆ “ให้ฉันไปดีกว่า ใครจะรู้ว่าฉันจะยังรอวันพรุ่งนี้ได้อีกไหม?”
ลั่วหานยังคงดื้อรั้น ไปส่งหยวนชูเฟินที่ออฟฟิศของส้งชิงเซวี๋ยนด้วยตัวเอง
ถังจิ้นเหยียนกำลังคุยแนะนำยาใหม่กับส้งชิงเซวี๋ยน เดินสลับเข้าออกกับลั่วหาน
“ลั่วหาน? คุณ……คุณนายหลง…….” ถังจิ้นเหยียนเจอหยวนชูเฟินอย่างกะทันหัน รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
หยวนชูเฟินมองถังจิ้นเหยียนอย่างละเอียด “คุณคือรองผอ.คนปัจจุบันของหวาเซี่ย?”
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้าอย่างเคารพ “ใช่ครับ คุณนาย”
หยวนชูเฟินอยากพูดอะไร หลังลังเลอยู่ครู่ก็ไม่ได้พูดออกมา “อืม ก็ดี”
ลั่วหานฟังความหมายแฝงของหยวนชูเฟินออก ไม่ได้พูดออกมา
เธอเข้าประตู ลั่วหานและถังจิ้นเหยียนเดินไปที่ระเบียงด้วยกัน
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้เจอลั่วหานหลายวันแล้ว เธอขอลาสามวันไปจัดการเรื่องที่บ้าน เขาก็ไม่ได้ถามมาก
“สภาพคุณดูไม่ค่อยดี เหนื่อยแย่เลยสินะ? ถ้างั้นคุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านอีกสักสองสามวันไหม? คนไข้ฉันจะให้หวาเทียนกับซีเหวินมาดูแลแทน” ถังจิ้นเหยียนเป็นห่วงเป็นใยอย่างเป็นธรรมชาติ
ลั่วหานไหวไหล่ กางมือและหุบลงทั้งสองข้างในกระเป๋าเสื้อกว้าง “ก็เหนื่อยจริงๆ แหละ ดีที่พอมีเค้าเรื่องอยู่บ้าง หนึ่งอาทิตย์ให้หลังจะขึ้นศาล”
ถังจิ้นเหยียนล้วงกระเป๋าเสื้ออย่างทำตัวไม่ถูก เสื้อกาวน์สีขาวสะอาดถูกลมพัดปลิวพลิ้ว “ฉันทำอะไรได้บ้าง?”
“ถ้าเกิดพ่อของคุณมาเป็นพยานให้ได้……ฉันรู้ว่าข้อเรียกร้องนี้มันเกินไป……อีกทั้ง พ่อของคุณยังไม่ฟื้น ตอนนี้ในมือของพวกเราก็มีแค่พยานวัตถุ แล้วก็หลักฐานยังไม่มากพอจะยืนยันว่าหลงถิงเป็นเบื้องหลังฆาตกร จำเป็นต้องมีคนมาเป็นพยานปากที่ชั้นศาล”
ลั่วหานยิ้มตาหยีพูดแกมล้อเล่น
ให้พ่อของถังจิ้นเหยียนมาเป็นพยาน ก็เท่ากับว่าให้เขามอบตัวด้วย เธอโง่จริงๆ ทำไมถึงมาพูดแบบนี้ต่อหน้าถังจิ้นเหยียนได้!
“คุณไม่ต้องรู้สึกขอโทษหรอก……ใช่สิ พรุ่งนี้เช้าฉันจะบินไปอเมริกา”
ลั่วหานคิด สถานการณ์ปัจจุบันของถังจิ้นเหยียนน่ากระอักกระอ่วน ไปจากที่นี่ก็ดี “อื้ม เดินทางปลอดภัยนะ ถึงที่นั่นแล้ว ฝากทักทายแม่คุณด้วยล่ะ”
“แน่นอน”
ถังจิ้นเหยียนกลับออฟฟิศตัวเองไป ลั่วหานหัวไปทางหน้าต่างมองออกไปข้างนอก ร่างเพรียวบางถูกเงาสะท้อนเป็นรูปร่าง
ฉันพลัน……
คิดถึงเขา คิดถึงมากๆ
เขาไปออสเตรเลียสองวันแล้ว แต่เธอรู้สึกเหมือนมันผ่านไปเดือนนึง
ลั่วหานค้นโทรศัพท์ ส่งข้อความไปหาหลงเซียว
“ธุระราบรื่นดีไหม?”
ตามปกติแล้ว ความไวที่เขาจะตอบกลับข้อความของเธอไม่เกินสามสิบวินาที แต่ครั้งนี้รอมาหนึ่งนาทีแล้วยังไม่ได้ข้อความตอบกลับ
รออีกสองนาที ก็ยังไม่มี
จนเธอกลับออฟฟิศไป ดูเคสผู้ป่วยเสร็จ โทรศัพท์ก็ยังคงเงียบงันไม่มีปฏิกิริยาใด
นี่มันแปลกแล้ว
งานต่อมา ลั่วหานไม่มีสมาธิจดจ่อ เดี๋ยวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ผลสุดท้ายยิ่งดูมากก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น ชุดความคิดที่ไม่ดีหลายอย่างปรากฏขึ้นภายในหัวของเธอ จนทำเอาตัวเองตกใจไม่น้อย
สุดท้ายก็อดไม่ได้ ลั่วหานโทรไปหากู้เยนเซิน
ไม่รู้ว่ากู้เยนเซินกำลังทำอะไร หลังรับสายแล้วสายทั้งนั้นก็เสียงดังวุ่นวาย ได้ยินแต่เสียงดังจี่ๆ ของกระแสไฟฟ้า ลั่วหานเอาโทรศัพท์ออกห่างเล็กน้อย “คุณชายกู้ ได้ยินฉันพูดรึเปล่า?”
“ได้ยิน ฉันอยู่ที่โรงงานน่ะ สัญญาณไม่ค่อยดี……”
ตอนที่กู้เยนเซินพูด ไม่รู้ว่าคนรับผิดชอบโรงงานคนไหนกำลังตอบคำถามอยู่ “ยาชุดเดียวกันได้ถูกส่งออกไปตามออเดอร์เดิมแล้ว อ้อใช่ เครื่องจักรที่ผิดปกติอยู่ด้านในตัวอาคารโรงงาน…….ประธานกู้……”
“รอแป๊บ ฉันคุยโทรศัพท์ก่อน——หมอฉู่ว่ามา มีอะไร?”
กู้เยนเซินใช้ไหล่หนีบโทรศัพท์ มือขวาขีดเขียนลายเซ็น
“หลงเซียวติดต่อคุณไปรึยัง?” ลั่วหานโฟกัสฟังโทรศัพท์เต็มที่ เสียงดังจอแจมาก เสียงของกู้เยนเซินเหมือนถูกบีบเล็กลง
“ไม่นะ เขาไม่ได้ไปออสเตรเลียแล้วเหรอ? ไม่เป็นไรหรอก เขาเก่งกาจขนาดนั้น ฉันยังไม่เคยเห็นใครจะทำอะไรเขาได้เลย” นอกจากคุณเองหมอฉู่
ลั่วหานนึกไปถึงครั้งที่แล้วที่เขาถูกยิง ก็ยากที่จะไม่หวาดผวา “คุณทำงานเถอะ ฉันวางแล้ว”
ตัดสาย ประตูห้องทำงานของลั่วหานก็ดังขึ้น
หลินซีเหวินโผล่หัวเข้ามามองด้านใน “พี่ลั่ว สะดวกไหม?”
“ทำไมเหรอ?”
ใบหน้าของหลินซีเหวินเต็มไปด้วยความสุข มีความสุขราวดอกกุหลาบแดง “พี่ลั่ว ฉันไปดูตารางผ่าตัดมาแล้ว วันมะรืนตอนเช้าฉันไม่มีผ่าตัด ก็เลยมาบอกคุณก่อนล่วงหน้า ว่าฉันจะขอลาหยุดวันมะรืน ฮิฮิฮิ”
“ได้แน่นอน” ลั่วหานตอบตกลงอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เรื่องขอลาหยุดแบบนี้ ปกติก็ไม่ได้เข้มงวดอยู่แล้ว โดยเฉพาะหลินซีเหวิน
หลินซีเหวินเอียงหัวออดอ้อน “คุณจะไม่ถามฉันเหรอว่าทำไมถึงลา?”
“ทำไมล่ะ?” ลั่วหานยังคิดถึงหลงเซียวอยู่ ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“ฉันไปจดทะเบียนสมรสกับหลงจื๋อ! ฮ่าฮ่าฮ่า แปลกใจไหม? ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน นึกว่าต้องหมั้นก่อน ชุดแต่งงานกับโรงแรมก็เลือกไว้หมดแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าพ่อของเขาจะป่วย คือนั่น……จากสภาะร่างกายของพ่อเขาแล้ว ฉันก็เข้าใจทั้งหมด……เพราะงั้นพ่อแม่ฉันก็เลยเสนอให้ไปจดทะเบียนสมรสก่อน พ่อเขาก็เห็นด้วยแล้ว
ฉันยังไงก็ได้ ไม่หมั้นก็ไม่หมั้น ลดเรื่องยุ่งยากไปได้เยอะ!”
จากปฏิกิริยาของหลินซีเหวิน ไม่เห็นความเสียใจที่พลาดพิธีหมั้นเลยแม้แต่น้อย กลับกันเธอดีใจที่ได้จดทะเบียนสมรสโดยตรง แม้จะไม่มีงานแต่งก็โอเค
ใช่ ลั่วหานแปลกใจมาก ทำไมจู่ๆ หลินเหว่ยเย่กับคุณนายหลินถึงตกลงที่จะให้ลูกสาวแต่งงานกับหลงจื๋อลวกๆ แบบนี้?
ท่าทีของพวกเขาก่อนหน้านี้เผด็จการมาก
“ดีมากเลยนี่! ยินดีกับคุณแล้วก็หลงจื๋อด้วย รับปากคุณว่างานแต่งงานใหม่จะต้องรักษาคำสัญญา วิลล่าหนึ่งหลัง ฉันยังไม่ลืม” ลั่วหานจิ้มๆ หัวตัวเอง เป็นเชิงว่าไม่ได้ท้องหนึ่งครั้งแล้วโง่ไปสามปี
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ลืมไม่ลืม! ฉันจะเลือกหลังที่แพงที่สุดแน่!”
“นั่นอย่าเลย ช่วงนี้ฉันจนมากนะ” ลั่วหานฟ้องทุกข์
“ไม่สนๆ ฉันไม่สนหรอก!”
หลินซีเหวินระริกระรี้เหมือนนกกระจอกบินออกไปจากห้องทำงาน นกกระจอกตัวน้อยออกจากห้องมาก็เจอพยาบาลของแผนกศัลยกรรมทรวงอกขวางทางไว้
“หมอหลิน คุณรู้เรื่องการคัดเลือกหนุ่มรูปงามของเมืองหลวงบนอินเทอร์เน็ตหรือเปล่า? สามีในอนาคตของคุณได้ที่สองล่ะ! ไม่นึกเลยว่าจะชนะตู้หลิงเซวียนได้ในเสี้ยววิ ว่ามา คุณได้ขายเสียงให้เขารึเปล่า?”
“ตอนเช้ายังเป็นตู้หลิงเซวียนนำอยู่เลย แล้วก็ถูกผู้ชายของคุณพลิกเอาได้ ว้าาา ประธานของMBKมีวงแหวนส่องแสงรัศมีของตัวเองนะเนี่ย!”
“คุณชายรองค่าตัวหลายแสนล้าน หมอหลินของพวกเราเป็นภรรยาของเศรษฐีแสนล้านแล้ว! เลี้ยงข้าวๆ!”
หลินซีเหวิน “…….”
ชิท ทำไมฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย?
พลาดอะไรไป?!