ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 940

ตอนที่ 940

ตอนที่ 939 จดหมายลา

ศพของจ้าวฟางฟางถูกวางไว้อยู่ที่ห้องเก็บศพ ผ้าสีขาวบริสุทธิ์ปิดคลุมร่างที่ไร้ซึ่งอุณหภูมิไว้อยู่

ยังไม่ทันเดินเข้าไป สีหน้าของหวังเค่ยก็ซีดขาวมาก เขามองไปยังร่างที่ไร้ซึ่งวิญญาณอยู่ครู่หนึ่ง แทบจะไม่เชื่อว่าจ้าวฟางฟางจะมาถึงจุดนี้ได้

เขาพยายามนึกให้ตนเป็นคนที่ปล่อยวางทุกอย่างได้ เดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะเปิดผ้าขาวออกทอดมองไปยังหญิงที่ตนเคยรัก

แต่เมื่อยิ่งเข้าไปใกล้ ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิเย็นเฉียบของร่าง เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

เกาหยิ่งจือดึงมือเขาไว้ มืออุ่นนั้นกุมมือที่เย็นเฉียบของเขาไว้อยู่ “เข้าไปเถอะ ถือว่าเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย อย่างน้อยก็เคยเป็นภรรยากัน ควรจะบอกลาบ้าง”

หวังเค่ยก้มหน้าลง “ขอโทษ……”

“ขอโทษฉันทำไม? ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย”เกาหยิ่งจือยิ้มอ่อนๆ และปลอบใจเขา

ด้านล่างผ้าขาว ใบหน้าของจ้าวฟางฟางไร้ซึ่งสีเลือดแล้ว เลือดแข็งตัวลงใบหน้าออกเธอก็มีสีเทาคล้ำ

เธอผอมลงไปมาก กระดูกโหนกแก้มปูดออกมา ถุงใต้ตาโตมาก ถ้าหากมีชีวิตอยู่ คงจะมีสภาพที่ทรุดโทรมพอควร หรือว่า……ตอนที่มีชีวิตอยู่อาจจะมีชีวิตอย่างตายทั้งเป็น

หวังเค่ยมองไปยังจ้าวฟางฟาง ก่อนจะกลืนน้ำลาย คำพูดติดขัดอยู่ในลำคอเอ่ยออกมาไม่ได้ ใบหน้ากลัดกลั้นบางอย่างเอาไว้ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา

เขากดความรู้สึกตัวเองลง ไม่ให้ตนเองเปล่งเสียงออกมา

แต่เมื่อเขายิ่งทำแบบนี้ เกาหยิ่งจือยิ่งปวดใจ จนอยากจะรับความรู้สึกนี้แทนเขาไว้ เกลียดที่ตนไม่สามารถรับความทรงจำมาไว้ได้แทน

เกาหยิ่งจือไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับจ้าวฟางฟางมากนัก ต่อมาไปหารูปของจ้าวฟางฟาง รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงสวยตามมาตรฐานคนหนึ่ง หลังจากคลอดลูกแล้วก็ยังรักษาตัวได้ดี ดูเหมือนผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานมีลูกมาก่อน

ได้รับความรักจากเสิ่นคั่วนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

“คุณทำแบบนี้ทำไม?”

ผ่านไปเนิ่นนาน หวังเค่ยสงบสติอารมณ์ลง ก่อนจะเอ่ยออกมาหนึ่งคำ แต่คนนั้นไม่ได้รับรู้และมีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ

เกาหยิ่งจือรีบปลอบ “บางทีการจากไปอาจจะเป็นวิธีปลดปล่อยตัวเองของเธอก็ได้ คุณก็พยายามจนสุดความสามารถแล้ว หลังจากนี้ก็เลี้ยงลูกทั้งสองคนดีๆ เติมเต็มความหวังของเธอ”

หวังเค่ยปัดน้ำตาออก ก่อนจะปิดผ้าขาวลง “ไปกันเถอะ”

ของที่เหลือทิ้งไว้ของจ้าวฟางฟางช่างเรียบง่ายนัก จดหมายหนึ่งฉบับ และเครื่องประดับติดตัว เป็นของที่ถูกยึดไว้ก่อนติดคุก

ตระกูลเสิ่นถูกตรวจสอบ ทรัพย์สินที่มีมูลค่าทุกอย่างล้วนทุกลิดรอน สุดท้ายสิ่งที่หลงเหลืออยู่ ก็คงจะเป็นสิ่งที่เธอพกเข้าไปก่อนเข้าตระกูลเสิ่น

หวังเค่ยหยิบสร้อยเส้นบางมาวางไว้บนมือตน ก่อนจะมองเพชรเม็ดเล็กบนสร้อย เขาคุ้นเคยกับมันมาก……สร้อยเส้นนี้เป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานหนึ่งปีที่เขามอบให้เธอ ด้านหลังกะรัตเพชรมีชื่อย่อของจ้าวฟางฟางสลักไว้อยู่

“ไม่นึกว่าเธอจะยังสวมไว้อยู่” หวังเค่ยกำมือแน่น ในใจมีความรู้สึกมากมาย

เกาหยิ่งจือลูบไหล่เขาเบาๆ “บางที ในใจของเธอยังมีคุณอยู่”

หวังเค่ยส่ายหน้า เขาไม่เชื่อว่าจ้าวฟางฟางจะยังชอบเขาอยู่ อย่างน้อยก็ไม่เชื่อว่าจ้าวฟางฟางจะชอบเขาเหมือนแต่ก่อน

หวังเค่ยอ่านจดหมายลา เกาหยิ่งจือเอ่ยขึ้นมาทันที “เดี๋ยวฉันออกไปรอคุณข้างนอกนะ”

จดหมายลาของจ้าวฟางฟางเขียนได้เรียบร้อย เป็นระเบียบ ดูออกว่าทุกตัวอักษรนั้นเขียนอย่างตั้งใจ ทะลุตัวอักษรไปก็ยังมองออกว่าคนเขียนนั้นแนบตัวลงกับโต๊ะตอนเขียน

“หวังเค่ย ฉันเชื่อว่าคุณจะมาดูฉันเป็นครั้งสุดท้าย……

แต่ว่า ตอนที่คุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันก็คงจากไปตลอดการแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นผลของการกระทำ ที่ฉันมีวันนี้ล้วนเป็นเพราะฉันทำตัวเอง ฉันยอมรับ”

หวังเค่ยปล่อยวางลง เรื่องในอดีตผุดขึ้นมามากมาย ความสุขในตอนนั้นก็เหมือนกับแสงเงา ที่เข้ามาฉายซ้ำๆ

“ชีวิตนี้ได้รู้จักคุณ แต่งงานกับคุณ ได้รับการดูแลจากคุณ ได้คลอดลูกให้คุณ ล้วนเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุด เป็นสิ่งที่ฉันควรพึงพอใจที่สุด มันคุ้มค่าแล้ว……ฉันไม่มีสิ่งที่เสียใจภายหลัง”

ส่วนตรงกลางเธอเขียนเกี่ยวกับความเสียใจที่แต่งงานกับเสิ่นคั่ว เธออยากจะเดินจากไปจากโคลนตมตั้งหลายครั้ง แต่เธอก็ตกอยู่ในหลุมนั้น ควบคุมตัวเองไม่ได้ รอจนถึงเธอมีสติตื่นจากสิ่งที่เป็นดั่งความฝันแล้ว โชคชะตาก็ไม่ได้ให้โอกาสเธอพลิกตัวแล้ว

“ถึงแม้ว่าฉันจะมีสิ่งมากมายที่ปล่อยวางไม่ได้ อยากจะกลับไปเริ่มใหม่กับคุณ แต่……เป็นไปไม่ได้แล้ว

คุณเป็นผู้ชายที่ดีมาก หลังจากนี้คงจะได้พบกับผู้หญิงที่รักคุณจากใจจริง ไม่ได้เห็นแก่เงินของคุณ รักในตัวตนของคุณ แบบนั้นฉันที่อยู่ในที่ๆ มองไม่เห็นก็จะดีใจไปกับคุณด้วย

ให้คุณเลี้ยงดูเถียนเถียน ฉันวางใจมาก คุณต้องเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนมีความสามารถ ถ้าหากเป็นไปได้ ในอนาคตอย่าให้ลูกรู้เรื่องราวเกี่ยวกับฉัน ฉันไม่อยากทำให้ชีวิตของลูกต้องมีมลทิน

ส่วนอานอาน……ที่จริงฉันอยากบอกคุณตั้งนานแล้ว อานอานมีเลือดเนื้อของคุณอยู่ ก่อนที่ฉันจะแต่งงานกับเสิ่นคั่วก็ได้ตั้งครรภ์แล้ว แต่ว่าฉันไม่แน่ใจ……จนเมื่ออานอานป่วยหนัก ฉันถึงรู้ความจริง

หวังเค่ย ลูกสาวทั้งสองคนนี้เป็นลูกของเรา หวังว่าคุณจะทำดีกับพวกเธอและทำดีกับตนเองนะ

ฉันไปก่อนแล้ว ความเสียใจของฉันมากมายล้วนไปแก้ไขอะไรไม่ได้ หวังว่าภายหลังคุณจะไม่หลงเหลือเรื่องที่เสียใจภายหลัง และมีชีวิตต่ออย่างมีความสุข ฉันรักคุณ……แต่ฉันรู้ดีว่าฉันไม่เหมาะสม แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป คนที่ฉันรักคนเดียวในชีวิตนี้ มีแค่คุณ รับปากฉันว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างดี

จ้าวฟางฟาง จดหมายอำลา”

หลังจากอ่านจดหมายลาจบ น้ำตาของหวังเค่ยก็ไหลรินกระดาษไปไม่รู้กี่ครั้ง ทำให้ตัวอักษรเลอะไปหมด กระดาษบางสองแผ่นแต่กลับรู้สึกหนักเหมือนพันกรัม

ที่แท้อานอานเป็นลูกของเขา ที่จริงแล้วเขาเข้าใจเธอผิด เมื่อมองย้อนกลับไป ทั้งสองล้วนเข้าใจผิดกันไปมาก

คนตายไม่สามารถย้อนกลับมาได้ มีแค่คนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นที่จะสานต่อความหวังและตั้งใจในการใช้ชีวิตต่อไป

“ผมรับปากคุณ ผมจะตั้งใจใช้ชีวิต เลี้ยงดูลูกทั้งสองของเรา……ผมจะบอกพวกเขา ว่าพวกเขามีแม่ที่ดี”

——

บาดแผลของโจวจั่นไม่ได้ร้ายแรงแล้ว แค่ดูแลอีกหน่อยก็กลับไปทำงานได้ ความรู้สึกผิดของเจิ้งซิ่วหยาลดลงไปครึ่งหนึ่ง หลังจากพาโจวจั่นออกนอกโรงพยาบาลแล้ว เจิ้งซิ่วหยาก็โทรสายไปหาถังจิ้นเหยียน

ตอนนี้ที่อเมริกาเป็นตอนพลบค่ำ แต่เจิ้งซิ่วหยาไม่สนใจแล้ว เธอคิดถึงเขามาก อยากได้ยินเสียงของเขา หรือแม้แต่เสียงรอสายของเขา

ถังจิ้นเหยียนยังไม่นอน เขาเฝ้าอยู่ที่ห้องป่วยของพ่อ พลิกตำราแพทย์อ่านข้ามคืน และจัดระเบียบรายชื่อหมอผู้รักษาอาการ เผื่อจะค้นพบสิ่งใหม่ๆ

“ซิ่วหยา มีอะไรเหรอ?”

เจิ้งซิ่วหยาหมอบตัวลงไปกับพวงมาลัยรถ รถยังจอดอยู่ที่หนาโรงพยาบาล แต่เธอไม่อยากออกตัว “จิ้นเหยียน เขาฟื้นตัวได้ดีเลย ด้านบนมอบรางวัลให้เขาอย่างงามเลย ถือว่าฟาดเคราะห์และได้ทรัพย์”

ถังจิ้นเหยียนวางประวัติคนไข้ลง ก่อนจะไปริมหน้าต่าง ค่ำคืนที่มืดสนิทและครึกครื้นของนิวยอร์ก “อย่างงั้นก็ดีแล้ว คุณไม่ต้องรู้สึกผิดแล้ว เขาจะดียิ่งกว่าแต่ก่อนมาก รู้ไหม?”

เจิ้งซิ่วหยาพยักหน้าหนักๆ แต่ว่าเขาก็มองไม่เห็นอยู่ดี ก่อนจะใช้น้ำเสียงออดอ้อน “คุณจะกลับมาเมื่อไหร่? ฉันคิดถึงคุณแล้ว”

ใจของถังจิ้นเหยียนอ่อนโยนลง ก่อนจะตอบเสียงนุ่ม “อีกไม่กี่วัน ผมกำลังหาวิธีรักษาคุณพ่ออยู่ อาจจะมีวิธีที่ทำให้เขาฟื้นฟูให้มีสติได้”

“จริงเหรอ?! มีวิธีฟื้นฟูให้มีสติขึ้นมา?!”

เจิ้งซิ่วหยาเลือดพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที จากสัตว์ตัวอ่อนปวกเปียกที่ฟุบอยู่ที่พวงมาลัยเปลี่ยนมาเป็นไก่ชนทันที

“ก้อนเลือดในสมองหายไปแล้ว จุดที่ถูกกดทับก็ฟื้นตัวแล้ว ต่อไปก็ต้องดูการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของสมองเขา ถ้าเป็นไปได้ดีล่ะก็สามารถทำให้เขาตื่นขึ้นมาได้” ถังจิ้นเหยียนอธิบายอย่างวิชาการ

เจิ้งซิ่วหยาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับระบบประสาท แต่เธอเชื่อมั่นในตัวถังจิ้นเหยียน ขอแค่เขาบอกว่ามีความหวัง ก็ต้องมีแน่นอน!

“ฉันจะรอข่าวดีจากคุณ! คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ ดูแลตัวเองดีๆ ดูแลคุณพ่อคุณแม่ดีๆ และก็ต้องทานอาหารให้ครบสามเวลานะ ให้คุณแม่ทานเยอะหน่อย ท่านผอมไปแล้ว”

เจิ้งซิ่วหยาตื่นเต้นขึ้นมา พูดจาออกมาเป็นชุด

ถังจิ้นเหยียนตอบรับพร้อมรอยยิ้ม “ได้เลย จะเชื่อฟังคุณ กินข้าวให้ตรงเวลา พักผ่อนเยอะๆ”

เจิ้งซิ่วหยาจับกุญแจรถก่อนจะเตรียมตัวเคลื่อนตัว “อย่างนั้น……คุณอย่าลืมคิดถึงฉันล่ะ”

ถังจิ้นเหยียนหัวเราะขึ้นมา “อืม ที่สำคัญที่สุดคือคิดถึงคุณ”

ดวงตาของเจิ้งซิ่วหยาปรากฏเป็นรูปหัวใจขึ้น ถือมือไปมา และบิดตุ๊กตาที่แขวนอยู่กับกุญแจรถจนแทบพัง “ถ้าอย่างนั้น……รอคุณพ่อฟื้นมาแล้วพวกเราแต่งงานกันดีไหม?”

นิ้วนางสวมแหวนหมั้นที่เขามอบให้ไว้อยู่ เพชรสิบสี่กะรัตที่ถูกเจียระไนอย่างดี เป็นคำสัญญาว่าชั่วชีวิตนี้จะรักเพียงเธอคนเดียว แต่เกือบจะพังลงที่มุมหนึ่งในร้านอาหาร ยังดีที่พวกเขาให้พนักงานช่วยกันหา ในที่สุดก็ขอแต่งงานได้สำเร็จ

เหอะๆ……ประสบการณ์พิเศษแบบนี้ สามารถโม้ให้ลูกหลานฟังได้อีกนาน

ครั้งนี้ถังจิ้นเหยียนไม่ได้ทำตัวเรียบร้อย “ได้เลย แต่งงาน ให้คุณตำรวจมาแต่งเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ที่ถูกต้องของตระกูลถัง”

ตระกูลถัง……

เจิ้งซิ่วหยารู้สึกถึงความอบอุ่นปลอดภัย ทุกครั้งที่เอ่ยล้วนบอกว่าเธอเป็นสมาชิกของตระกูลถัง

แต่ความรู้สึกแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องดีเลย
ฟตอนที่ 940 หึ พวกคุณล้วนเป็นคนเลวทั้งสิ้น

เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว คลื่นลูกใหญ่ตอนกลางคืนผ่านไป เมืองหลวงก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยแสงอาทิตย์แวววับ

วันนี้ เป็นวันที่สองแล้ว

ลั่วหานตื่นขึ้นมาพร้อมกับนับถอยหลังแผนการที่จะนำผลงานของหยวนชูเฟินกลับมา

“สามี คุณคิดว่าเจิ้งเฉิงหลินจะทำอย่างไร? เมื่อคืนยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ พวกเขาคงจะไม่ได้ตุกติกนะ?”

ตอนเช้าลั่วหานต้องไปผ่าตัด วันนี้เป็นเวรเช้า ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้าก็ต้องตื่นแล้ว แต่งตัวเสร็จเตรียมลงไปทานข้าวข้างล่าง

“ไม่หรอก เจิ้งซินไม่กล้าเล่นตุกติกกับพวกเรา”

หลงเซียวไม่ได้บอกลั่วหานว่าตอนนี้ในมือเขามีหลักฐานที่จะทำให้เจิ้งซินไม่กล้าเล่นตุกติกด้วย

แต่หลงเซียวก็รู้เหมือนกัน เกมใดๆล้วนแล้วแต่มีกฎเกณฑ์ ถ้าหากทำลายกฎ เจิ้งซินก็จะเอาให้ตายไปด้วยกันทุกฝ่าย

“คุณมีความมั่นใจก็ดี! ฉันเชื่อใจคุณ!”

ลั่วหานดึงปกคือเสื้อเขาลงมา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นไปจุ๊บคางเขา

หลงเซียวเอ่ย “ตรวจสอบของของคุณหรือยัง? ไม่ได้ขาดหายไปใช่ไหม?”

ลั่วหานทำตัวไม่ถูก “เอ่อ ตรวจสอบแล้ว ไม่ได้ขาดหายไป จ้าวไห่เซิงไม่กล้าแอบขโมยไปหรอก มีแต่จะแอบยัดของเข้ามาเพิ่ม”

ในเมื่อเอาของกลับมาแล้ว ลั่วหานก็มอบเช็กให้แก่จ้าวไห่เซิง หาประโยชน์จากเขาแล้ว ลั่วหานก็ไม่อยากจะติดค้างอะไรอีก

หลงเซียวมองทะลุความคิดของลั่วหานทันที “ไม่ต้องคืนเช็กกลับไป

“why?”

“จ้าวไห่เซิงอยากจะแย่งตลาดกับบริษัทหลินซื่อ เงินจำนวนนี้เป็นของขวัญที่เขามอบให้ คุณรับไว้ก็พอ” หลงเซียวไม่สนว่าคำพูดของตนจะไม่น่าฟังขนาดไหน

ลั่วหานคิดอยู่ครึ่งวันถึงจะเข้าใจ “บริษัทหลินซื่อเป็นของหลินซีเหวิน เธอเป็นภรรยาของเสี่ยวจื๋อ ในอนาคตบริษัทหลินซื่อมีเสี่ยวจื๋อมาช่วย คุณจะให้จ้าวไห่เซิงโจมตีบริษัทหลินซื่อ คุณ……ไม่ได้ทานยาผิดใช่ไหม?”

ริมฝีปากของหลงเซียวยิ้มขึ้น ก่อนจะตอบอย่างไม่โกรธ “มีหนอนบ่อนไส้ในบริษัทหลินซื่อ ไม่อย่างนั้นบริษัทหลินซื่อไม่มีทางขาดทุนแน่ ถ้าหากคู่สามีภรรยาหลินเหว่ยเย่หาหนอนบ่อนไส้ไม่เจอ บริษัทหลินซื่อก็จะล้มละลายในไม่ช้า ผมให้จ้าวไห่เซิงเข้าไปสอดมือในบริษัทหลินซื่อ เพราะจะให้ช่วยพวกเขาหาหนอนบ่อนไส้ แต่ว่าจะพลิกจากความพ่ายแพ้เป็นชนะก็ต้องดูความสามารถของคุณหลินแล้ว”

“คุณรู้ได้อย่างไร?” ลั่วหานจินตนาการไม่ออก หลงเซียวรู้ข่าวคราวละเอียดอ่อนแบบนี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่จางหย่งไม่ได้อยู่ในประเทศ!

หลงเซียวเลิกคิ้วขึ้น “ผมมีแผนการของข้า คุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก นอกจากนี้ ผมกินยาผิดชนิดจริงๆ ทุกวันนี้กินแต่ยาเสน่ห์ที่คุณให้ผมกินทุกวัน”

ลั่วหาน“……”

ทั้งสองเดินลงมาจากชั้นบน เจมส์กำลังนวดให้ฟู้กุ้ยอยู่ที่ห้องนั่งเล่น คนหนึ่งคนและสิงโตหนึ่งตัว ช่างเป็นภาพที่ประหลาดเหลือเกิน!

เมื่อเห็นลั่วหานเดินลงมาแล้ว เจมส์ก็เม้มปากแน่น ขุดหลุมดักตัวเอง ต่อให้ร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งก็ต้องยิ้มรับมัน!

ลั่วหานเอ่ย “สามี ฉันกลัวว่าเจมส์จะเป็นโรคซึมเศร้า”

“มี ฟู้กุ้ยคอยเล่นกับเขาอยู่ ไม่เป็นไรหรอก ความคิดของคนต่างชาติไม่เหมือนเรา จะปรับตัวเองได้”

หลงเซียวก้าวขายาวๆ เดินลงไป ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความหนักแน่นและมั่นใจ แสดงถึงสไตล์แฟชั่นสมัยใหม่

เจมส์มองไปยังลั่วหานด้วยสายตาไม่พอใจ อารมณ์ทุกอย่างเอ่อล้นขึ้นมา

เหอะ!! คนเลว

พวกคุณล้วนเป็นคนเลวทั้งหมด!!

——

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ลั่วหานเดินตรวจห้องคนไข้ไปตามความเคยชิน

เจิ้งเฉิงหลินไม่เป็นอะไรมากแล้ว ดูประวัติคนไข้ที่หมอประจำเตียงส่งมาแล้ว ลั่วหานรู้สึกว่าเจิ้งเฉิงหลินสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องนอนยึดเตียงโรงพยาบาลอีก

หลินซีเหวินก็บ่นเช่นกัน “คนมีเงินมีอิทธิพล ตอนมีชีวิตอยู่ก็ต้องรักษาชีวิตไว้ดีๆ ถ้าไม่ระวังแล้วเสียชีวิตไปล่ะก็ จิ๊ๆ ๆ! ฉันว่าเจิ้งเฉิงหลินคงจะยึดเตียงโรงพยาบาลเป็นห้องทำงานส่วนตัวระยะยาวแล้วล่ะมั้ง

หวาเทียนหัวเราะขึ้น “เมื่อเช้าไปตรวจดู เจิ้งเฉิงหลินกำลังเปิดประชุมผ่านทางวิดีโออยู่ มือไม้โบกไปมา มีพลังยิ่งกว่าออกกำลังกายที่ห้องออกกำลังเสียอีก”

ลั่วหานก้มหน้าลง “ได้ยินเขาพูดอะไรหรือเปล่า?”

หวาเทียนยักไหล่ “ไม่ได้สนใจมาก เหมือนจะพูดถึงการรื้อเมืองเจียงเฉิง เขาไม่ได้กอบกุมนักลงทุนแนวหน้าของประเทศอยู่เหรอ? สร้างเมืองหรือรื้อเมืองก็ต้องให้เขาทำ”

“อ้อ……อย่างงี้นี่เอง”

ไม่ได้เอ่ยถึงบริษัทหลินซื่อเหรอ? ยังไม่วางแผนลงมือหรือไง?

ลั่วหานมองไปทางหลินซีเหวิน ก่อนจะรู้สึกละอายใจ

หลินซีเหวินคล้องแขนลั่วหานขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะขึ้น “พี่ลั่ว คุณแม่จะจัดงานแต่งของฉันกับหลงจื๋อให้ ฮิๆ ฉันตั้งตารอเลย อยากให้วันนั้นมาถึงไวๆ จัง”

“ใกล้แล้ว ตอนนี้ท่านกำลังเลือกสถานที่อยู่ แล้วยังไปลองชิมเค้กงานแต่งหลายๆ ที่ด้วย ที่บ้านเกือบจะกลายเป็นร้านเค้กไปแล้ว” ลั่วหานไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ของหลินซีเหวิน ตัดสินใจได้ว่าตอนนี้หลินซื่อปลอดภัยอยู่

ลั่วหานไม่ได้จะไปดูเจิ้งเฉิงหลิน แต่กลับได้รับสายจากเจิ้งซิน

“คุณเจิ้ง มีเรื่องอะไรเหรอ?”

ลั่วหานเดินห่างออกไป ปล่อยให้หวาเทียนยุ่งไปก่อน

เจิ้งซินยิ้มแต่ใจไม่ยิ้ม “คุณเดาไม่ออกเหรอ?”

ลั่วหานหัวเราะขึ้น “ขอโทษทีคุณเจิ้ง ฉันเป็นหมอ ไม่ใช่นักทำนาย”

“เธอ……”เจิ้งซินถูกประชดกลับมา แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ “เธอกับหลงเซียวเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะ! เรื่องการหลอกลวงนั้นเป็นเลิศไปใหญ่ เหอะๆ ฉันนับถือ นับถือทั้งกายและใจ!

ลั่วหานไม่ได้สั่นคลอนแม้แต่น้อย “ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ว่าฉันสงสัยมากกว่า คุณเจิ้งกับเควิน มีความสัมพันธ์อะไรกัน? คู่รัก? เหมือนจะไม่ใช่ หรือว่า……คู่ขาเรื่องอย่างว่า?”

“ฉู่ลั่วหาน! อย่าได้ใจให้มันมากไปนะ! ระวังคำพูดจาด้วย!” เจิ้งซิ่วหยาโกรธจนอับอายไปหมด คิดถึงภาพนั้นแล้วเธอก็กัดฟันแน่น!

ลั่วหานไม่ร้อนรน “คุณเจิ้ง เควินไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด ฉันขอเตือนว่าอย่าเล่นกับไฟดีกว่า เดี๋ยวไฟจะเผามอดตัวเองน่ะ”

“ไม่ต้องให้เธอมาเป็นห่วง——ทำไมถึงไม่มาดูพ่อฉัน? ผ่านเวลาตรวจไปตั้งนานแล้ว”

“พ่อของคุณหายแล้ว จะทำเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลเหรอ? ฉันจะได้ไปเซ็นชื่อ”

สายถูกตัดไปทันที

ลั่วหานมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับไป ก่อนจะยักไหล่และยิ้มขึ้นมา

——

“คุณพ่อ บริษัทหลินซื่อ……จะทำอย่างไรดี?”

ถึงแม้ในใจจะเกลียดจนถึงที่สุด แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นถือของกลับมาคืน อยากจะด่าคนยิ่งนัก

“พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง หลินเหว่ยเย่จะติดต่อกลับมา ลูกรอฟังข่าวก็พอ”

เจิ้งเฉิงหลินถอดแว่นออก ก่อนจะนวดขมับ

“ขอบคุณคุณพ่อมาก! คุณพ่อใช้วิธีอะไร? หลินเหว่ยเย่ยอมทำตามเหรอ?” เจิ้งซินรีบวิ่งเข้าไปนวดไหล่ให้พ่อทันที เจิ้งเฉิงหลินถอดแว่นออก“นักธุรกิจมักจะกลัวข้าราชการอยู่แล้ว หลินเหว่ยเย่ก็ไม่เว้น วิธีไหนไม่สำคัญ ขอแค่เขาเชื่อฟังก็พอ”

“ถ้าอย่างนั้น……”เจิ้งซินทำตัวว่านอนสอนง่าย “เรื่องการรื้อเมืองเจียงเฉิง คุณพ่อคิดถึงบริษัทหลันเทียนหน่อย ดีไหม?”

เจิ้งเฉิงหลินยกมือขึ้นมาทับมือลูกสาวบนไหล่ตน “ซินซิน ตู้หลิงเซวียนไม่ใช่คนธรรมดา นอกเหนือจากว่าลูกมีความมั่นใจว่าจะควบคุมเขาได้ ไม่อย่างนั้น อย่าไปยั่วโมโหเขา เชื่อฟังคำพ่อนะ ลูกไม่ใช่คู่แข่งของเขา”

เจิ้งซินโกรธจนดึงมือกลับมา ถ้าเกิดได้ยินพ่อพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกเธออาจจะไม่โกรธ แต่เมื่อเธอได้ยินลั่วหานที่พูดคำพูดแบบเดียวกันแล้ว ในใจก็ไม่ยอมขึ้นมา “พ่อรู้ได้ไงว่าหนูไม่ใช่คู่แข่งเขา! อย่าเอาหลงเซียวมาอ้างแล้วไม่เชื่อใจหนูทุกอย่าง!”

เธอไม่เชื่อว่าเธอจะแพ้ไปตลอด เธอไม่ยอมรับ!

เจิ้งเฉิงหลินหมดวิธี ในใจก็ไม่พอใจหลงเซียวขึ้นมา แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก “ถ้าหากลูกจะร่วมมือกับตู้หลิงเซวียนแล้ว ต้องแน่ใจเรื่องหนึ่งก่อน”

“เรื่องอะไร?”

“ตู้หลิงเซวียนกับหลงถิงเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกัน”

ณ คอนโดของตู้หลิงเซวียน

หลังจากจัดการเอกสาร ส่งมาจากอเมริกาเสร็จแล้ว มือถือของตู้หลิงเซวียนก็ดังขึ้น

“คุณแม่ ยังไม่นอนอีกเหรอ?” ตู้หลิงเซวียนเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน

จางม่านหนิงเอนค้ำอยู่ที่หัวเตียง ขมวดคิ้วขึ้น ไอแพดที่อยู่ในมือถูกเธอดูไปแล้วหลายรอบ ก่อนจะอ่านข่าวลูกชายของตน “เควิน ฟังแม่นะ ไม่ต้องไปตีตลาดประเทศจีนแล้ว ที่ลูกทำอยู่ที่อเมริกาก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

ตู้หลิงเซวียนใช้มือซ้ายถือโทรศัพท์ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวล “ทำไมจู่ๆ คุณแม่ก็เป็นห่วงเรื่องงานของผม?”

จางม่านหนิงตอบเสียงอ่อนโยน “ลูกรัก แม่ไม่อยากให้ลูกเหนื่อยขนาดนั้น ลูกจะไปลงทุนเปิดตลาดที่จีน เหตุผลหลักก็คือแอนน่า ใช่ไหม? แต่ว่าแอนน่าแต่งงานมีลูกไปแล้ว แล้วหมอฉู่ไม่ใช่แอนน่าสักหน่อย ทำไมลูกยังไม่เข้าใจอีก?”

ตู้หลิงเซวียนใช้ปากคีบบุหรี่อยู่ ก่อนจะจุดไฟแช็กขึ้น“คุณแม่ ผมแยกเรื่องงานกับเรื่องความรู้สึกออก”

ตู้เฉิงเย่ที่ฟังอยู่ด้านข้างก็ได้แต่ถอนหายใจ “คุณอย่าไปยุ่งกับลูกเลย รอลูกจนมุมตรอกก็กลับมาเองล่ะ”

จางม่านหนิงไม่ยอม “เควิน แม่รู้จักผู้หญิงที่เก่งๆ ไม่น้อยเลย ลูกกลับมาดูและทำความรู้จักนะ อาจจะมีคนที่เหมาะสมก็ได้ ลูกก็อายุขนาดนี้แล้ว ควรจะคิดเรื่องแต่งงานได้แล้ว”

ตู้หลิงเซวียนอัดบุหรี่เข้าปอดแน่น “คุณแม่ ให้เวลาผมอีกหน่อย”

จางม่านหนิงรีบเอ่ยต่อ “ลูกรัก แม่ไม่ขอคนที่มีฐานะเท่ากัน แต่ลูกต้องดูนิสัยและคุณธรรมของเธอให้ดีๆ เด็กผู้หญิงต้องมีจิตใจดี ผู้หญิงที่มีจิตใจดีจะไม่ทำร้ายคนอื่น”

“คุณแม่ครับ ดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”

ตู้หลิงเซวียนวางสายไป

จางม่านหนิงกุมมือถือด้วยความโศกเศร้า “สามี ใจฉันรู้สึกไม่สงบเลย เควินคงไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังเราหรอกนะ?”

ตู้เฉิงเย่ปิดไฟที่หัวเตียงลง ก่อนจะหยิบไอแพดออกจากมือเธอไป “ลูกโตแล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง ให้เขาได้เรียนรู้บางก็ดีเหมือนกัน รีบเข้านอนเถอะ”

จางม่านหนิงซุกตัวลงในผ้าห่ม แต่ก็ยังไม่วางใจ “ไม่ได้ ฉันต้องไปหาลูกที่ประเทศจีน”
ในใจของเจิ้งซิ่วหยาสั่นคลอนขึ้น ความยุติธรรมของกฎหมายถูกความผูกพันและความรักมาสั่นคลอนมากยิ่งขึ้นในทุกที

“จิ้นเหยียน คุณพ่อคงจะไม่เป็นอะไรหรอก ใช่ไหม?”

“คุณหมอจะพยายามเต็มที่ ผมก็เหมือนกัน” ถังจิ้นเหยียนไม่รู้ว่าคำว่าไม่เป็นไรของเจิ้งซิ่วหยาไม่ได้หมายถึงแบบนี้

“ฉันก็จะ……พยายามเต็มที่เช่นกัน”

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท